คนละฟากฟ้า - บทที่ 36
คืนนั้นผู้ชายสองคนนอนไม่หลับ เขตต์นอนไม่หลับเพราะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องเก็บมาคิด แม้ตอนที่ขับรถไปส่งพราวพรายที่บ้านพักเธอจะพูดคุยกับเขาตามปกติก็จริง แต่เขตต์ก็สัมผัสได้ว่าเธอค่อนข้างใจลอย เมื่อเขาพยายามเลียบๆเคียงๆพูดถึงชายหนุ่มต่างชาติบุคลิกดีคนนั้น เธอก็ตอบเขาแบบถามคำตอบคำแล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน

หลังจากส่งพราวพรายเข้าบ้านแล้ว เขตต์ก็ไปนั่งดื่มเหล้าอยู่เงียบๆคนเดียวที่ร้านอาหารโต้รุ่งแห่งหนึ่ง นึกทบทวนถึงตอนที่เขาขอตัวกับเพื่อนๆที่โต๊ะว่าจะไปห้องน้ำ เขาไปห้องน้ำจริง แต่ที่จริงยิ่งกว่านั้นคือตั้งใจจะไปตามหาพราวพรายที่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนหน้านี้ตามลำพัง แม้เขาเสนอตัวจะไปเป็นเพื่อน แต่เธอก็ปฎิเสธด้วยยิ้มแสนหวานที่เขาชอบมอง ด้วยความเป็นห่วงที่เธอหายไปนานเขาเลยต้องออกไปตามหาเธอ

แล้วเขาก็พบเธอจริงๆ พราวพรายกำลังยืนพูดคุยอยู่กับชายหนุ่มต่างชาติ รูปร่างสูงเพรียว อกผายไหล่ผึ่ง คนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พราวพรายไม่เห็นเขาเพราะเธอยืนหันหลังให้ด้านที่เขากำลังเดินอย ู่ แต่เขาเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัดเจน เพราะหันหน้ามาทางเขา คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม เขตต์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาพราวพราย หยุดยั้งอยู่ใกล้เสาที่ช่วยบังเขาเอาไว้ เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มคนนั้นที่จับจ้องมองผู้หญิงที่คงกำลังพูดอะไรอยู่ เขตต์ก็เข้าใจได้ทันทีด้วยสายตาของผู้ชายด้วยกัน ว่ามีอะไรที่ลึกซึ้งดื่มด่ำอยู่ในดวงตาคู่นั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมา ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตกใจคาดไม่ถึงมากขึ้นไปอีก

หลังจากที่คนทั้งคู่เดินผ่านเขาเข้าไปในบาร์วิมานทองโดยที่ไม่เห็นเขา เขตต์ก็ยืนรีรออยู่ตรงที่เดิมอีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบาร์ และตอนที่เดินผ่านฟลอร์เต้นรำนั่นเองที่เขาได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง แม้ไฟในบริเวณนั้นจะสลัวลาง แต่เมื่อเขตต์มองผ่านๆเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังเต้นรำกันอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นกำลังก้มลงจูบผู้หญิงคนที่เขาหมายปอง เห็นเพียงเท่านั้นสมองที่กำลังสับสนก็สั่งเท้าของเขา ให้ก้าวเดินอย่างรวดเร็วกลับไปที่โต๊ะที่เพื่อนฝูงนั่งกันอยู่ ลงนั่งได้เขตต์ก็คว้าแก้วเหล้าที่วางทิ้งไว้ขึ้นมาดื่มต่อ เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังคุเดือด อีกสองสามนาทีต่อมาพราวพราวก็เดินกลับมาที่โต๊ะ โดยมีหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นตามมาส่ง

ระหว่างที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวที่ร้านอาหารโต้รุ่ง คิดทบทวนกลับไปกลับมาอยู่หลายตระหลบกับสิ่งที่เห็น แล้วเขตต์ก็ทอดถอนใจ เขายอมรับกับตัวเองว่ารักพราวพรายแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน เขาสนใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกันและพยายามพาตัวเข้าไปใกล้ ชิดกับเธอ ในแบบเรียบๆเงียบๆ ตามสไตล์ของผู้ที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาให้กระทำสิ่งต่างๆอย่างมีจังหวะจะโคนมีเหตุมีผล มีกรอบปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่แหกกฏกติกาใดใดของสังคม
เขตต์รู้ว่าพราวพรายชอบเขาพอสมควรแต่ยังไม่ได้รัก ซึ่งเขาก็คิดว่ารอได้เพราะเขายังไม่เห็นว่าเธอมีใครอื่นนอกจากเขา เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีและอย่างเข้มงวดกวดขัน เธอจึงต้องประพฤติตนอยู่ในกรอบของกุลสตรี ไม่เปิดเผยท่าทีหรือให้ความสนิทสนมกับเพื่อนต่างเพศคนใดมากเกินไปจนเป็นที่ติฉินนินทาของคนรอบข้าง เขตต์สบายใจและวางใจมาตลอด ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพราวพรา ยจะค่อยๆรุดหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เธอยอมรับรักเขาและแต่งงานกันไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามประเพณี ด้วยความเห็นชอบของบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย

แต่เหตุการณ์บนฟลอร์เต้นรำคืนนี้ทำให้เขตต์เริ่มหวั่นไหวว่าเขาน่าจะมีคู่แข่งสำคัญ ชายหนุ่มที่กำลังสับสนนึกเสียใจและผิดหวังที่พราวพรายยอมให้หนุ่มต่างชาติคนนั้นจูบ ถ้าเธอไม่ได้มีเยื่อใยอะไรด้วยเธอจะยอมปล่อยตัวแบบนั้นหรือ เขาควรจะทำอย่างไรต่อไป หลีกทางไปเสียหรือลุกขึ้นต่อสู้ช่วงชิงเธอมาเป็นของเขา ใจหนึ่งบอกเขาให้ถอยห่างจากเธอเสีย เพราะเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด แต่อีกใจที่ทรนงในคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของตัวเองสั่งให้เขาเดินหน้าต่อไป มันบอกเขาว่าจะสนใจถือสาไปทำไมกับอีแค่จูบเดียวตรงหน้าผาก ก็เธอทั้งสวยทั้งน่าหลงใหลในสายตาของผู้ชายส่วนใหญ่เสียขนาดนั้น ใครๆก็มีสิทธิลืมตัวเผลอใจด้วยกันได้ทั้งนั้น แม้แต่เขาเองก็เคยนึกอยากจูบเธออยู่บ่อยๆไม่ใช่หรือ เวลาที่เธอทำท่าน่ารักเหมือนเด็กๆใส่เขา

อีกอย่างที่สำคัญในตวามเห็นของเขตต์ที่คิดว่าเป็นแต้มต่อสำหรับเขา ก็คือการที่ชายหนุ่มผู้นั้นไม่ใช่คนไทย ระยะหลังๆนี้เขาสนิทสนมกับมารดาของพราวพรายพอสมควร พอที่จะรู้ว่าเธอแอนตี้เรื่องที่ผู้หญิงไทยคบหาหรือแต่งงานกับคนต่างชาติ หลังจากนั่งจมอยู่กับความคิดและอารมณ์ที่สับสนวุ่นวายอยู่พักให ญ่ ในที่สุดเขตต์ก็ได้ข้อสรุปว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ เมื่อเขารักพราวพรายจริงจังถึงขั้นอยากจะแต่งงานด้วย เขาก็ต้องลุกขึ้นสู้หาทางใกล้ชิดเธอให้มากขึ้น ทำให้เธอรักเขาให้ได้แล้วรีบแต่งงานกับเธอโดยเร็วที่สุด ก่อนจะมีใครมาคว้าเธอไป ส่วนเรื่องเจ้าหนุ่มคนนั้นกับจูบของมันก็ช่างหัวมันเถิด มันก็คงได้ไปแค่นั้นแหละ!!!

นิคเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นอนไม่หลับด้วยสาเหตุจากผู้หญิงคนเดียวกัน เขานั่งเผาบุหรี่หมดไปเกือบซอง ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นสับสนกระวนกระวาย ชายหนุ่มเดินทางกลับฐานที่ตั้งในเวียตนามตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น ตลอดเวลาหลังจากนั้น ยามที่ว่างจากภารกิจเขาจะคิดถึงแต่พราวพราย พราวพรายที่มีหนุ่มหน้าตาดีและคงอนาคตไกลคนนั้นอยู่เคียงข้าง คอยเอาอกเอาใจเหมือนที่เขาเห็นในบาร์วิมานทองคืนนั้น

นิคถามตัวเองว่าทำไมคืนนั้นเขาจึงรู้สึกดีใจที่ได้พบเธอ ทำไมหัวใจของเขาจึงเต็มตื้นขึ้นมาทันทีจากที่เคยรู้สึกว่างเปล่า ทำไมเขาถึงรู้สึกเศร้าและอ้างว้างเมื่อเห็นเธอพูดคุย แสดงความสนิทสนมกับผู้ชายที่ชื่อเขตต์ เขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่เธอได้พบผู้ชายไทยดีๆสักคน เหมือนที่เขาเคยอวยพรให้เธอได้พบ แต่ทำไมเมื่อเธอได้พบเขาคนนั้นเข้าจริงๆ ตัวเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่มีความสุข เขากระสับกระส่ายวุ่นวายใจใช่หรือไม่ ที่สำคัญคือทำไมคนอย่างเขาที่มักจะสงวนท่าที ไม่ทำอะไรหวือหวาเหมือนเด็กหนุ่มๆ ลืมตัวจูบเธอในฟลอร์เต้นรำ แม้จะเป็นแค่จูบแบบผู้ใหญ่จูบเด็กเท่านั้นก็ตาม

หลังจากคิดทบทวนเรื่องต่างๆระหว่างเขากับพราวพรายอยู่อีกหลายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ ที่พยายามกดก็บเอาไว้มานาน ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้คำตอบที่ทำให้เขาตกใจว่าเขารักผู้หญิงไทยคนนั้น ผู้หญิงที่เขาไม่เคยเก็บเอามาฝัน ผู้หญิงที่ไม่ได้อ่อนหวานน่ารักสักนิด นอกจากไม่อ่อนหวานเหมือนผู้หญิงทั่วไปแล้ว ยังแข็งกระด้างดื้อรั้น ปากจัดและอวดดีอีกด้วย แต่เขาก็ยังรักเธอโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างนานับปการระหว่างเข ากับเธอ รักโดยไม่สนใจอุปสรรคใดใดทั้งสิ้น รักทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเธอรักตอบเขาบ้างหรือเปล่า ขอเพียงให้ได้รักเธอได้อยู่ใกล้เธอก็เป็นสุขแล้ว นิคเพิ่งตระหนักว่าความรักไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว เรารักเพราะรัก ไม่ได้รักเพราะคนๆนั้นสวย รวย เก่งหรือดีกว่าคนอื่น เรารักเพราะเขามีอะไรหลายอย่างที่ถูกใจเรา มันน่าจะเป็นความถูกใจที่จะเป็นตัวตัดสิน

ความรักอาจจะเหมือนปฎิกิริยาทางเคมี ที่สมมติว่า เราพยายามที่จะผสมสารเคมีตัวที่มีอยู่ เข้ากับสารเคมีอีกตัวหนึ่ง เพื่อให้เกิดสารประกอบที่รวมตัวกันเข้าเป็นสารเคมีตัวที่สาม แม้จะเพียรพยายามหาสารเคมีหลากหลายมาผสมกับตัวที่มีอยู่ มันก็ไม่เกิดปฎิกิริยาทางเคมีขึ้นมาได้ แล้วจู่ๆโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่โยนสารเคมีอีกตัวหนึ่งซึ่งอยู่นอกสายตาและดูไม่น่าจะมีคุณสมบัติอะไร เข้าไปลองผสมกับเจ้าสารเคมีตัวดั้งเดิม แล้วทันทีนั้นมันก็เกิดปฏิกิริยาทางเคมี กลายเป็นสารเคมีตัวใหม่ที่เกิดจากการรวมตัวกันได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะสมบูรณ์ของสารเคมีสองตัว

มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่นิคไม่เคยมีมาก่อน เริ่มต้นจากจุดเล็กๆที่เขานึกไม่ถึงที่ค่อยๆขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเขาจึงพยายามพาตัวเข้าไปใกล้ชิดพราวพราย หาข้ออ้างต่างๆนานามาปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ แม้แต่การชวนเธอลองคบกับเขาเพื่อดูว่าจะไปกันได้หรือไม่ โดยหลอกตัวเองว่าเพื่อชดเชยที่ทำให้เธอเสียหาย แต่ความจริงมันไม่ใช่ มันเป็นอะไรที่อ่อนหวานลึกซึ้งกว่านั้น เป็นอะไรที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมารองรับ และเพราะความรู้สึกนั้นไม่ใช่หรือที่ทำให้เขาเสียใจที่เธอปฏิเสธไม่ยอมทดลองคบกับเขา ตอนนี้นิครู้ชัดเจนแล้วว่าเขาอยากอยู่ใกล้ชิดพราวพราย อยากดูแลทุกข์สุขของเธอ อยากเห็นหน้าเธอทุกวัน ไม่ว่าหน้านั้นจะยิ้มแย้มอ่อนหวานน่ารัก หรือบึ้งตึงจนน่าเกลียดใส่เขา

ในที่สุดนิคก็ได้ข้อสรุปว่าเขาต้องการพรายพราย และเมื่อวิธีอื่นไม่ได้ผล ก็เหลืออีกวิธีเดียวเท่านั้น เป็นวิธีที่สำหรับเขาแล้วคือการทุ่มหมดตัว เป็นการเกจนหมดหน้าตัก ไม่ได้มาทั้งหมดก็ต้องยอมเสียไปทั้งหมด เขาจำเป็นต้องยอมทำสิ่งที่ยังไม่คิดว่าจะทำเพื่อผู้หญิงคนใด สิ่งที่คิดว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขา หรือถ้าจะเกิดก็ต้องอย่างน้อยอีกสองสามปีข้างหน้า ไม่ใช่ตอนนี้ แต่เขาจำเป็นต้องยอมเพราะเขา..แพ้ใจตัวเอง!!!

อีกหนึ่งเดือนถัดมา นิคเดินทางมาร่วมประชุมประจำเดือนกับฝ่ายเสนาธิการฯตามปกติ แต่คราวนี้แทนที่จะเดินทางมาจากเวียตามเหมือนทุกครั้ง เขากลับเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ที่เขาไปติดต่อเรื่องส่วนตัวในสถานทูตอเมริกันและสถานที่แห่งหนึ่ง วันที่สองที่อยู่ในอุบลฯชายหนุ่มโทรศัพท์ไปหาพราวพรายที่ออฟฟิศของจอห์น ขอนัดพบเธอที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นดีแห่งหนึ่งในตอนเย็นวันรุ่งขื้น หญิงสาวที่รู้สึกแปลกใจกับคำขอนัดพบของเขา อึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตกปากรับคำที่จะไปพบเขาตามนัด

นิคมองพราวพรายที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาที่โต๊ะอาหารมุมห้อง ที่มีผู้มารับประทานอาหารไม่กี่โต๊ะ วันนี้เธอดูแปลกตาไปกว่าทุกครั้งในชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำตาลเหลือบทอง เข้าชุดกับเสื้อกึ่งสูทสีเดียวกันแขนยาวถึงศอก เสื้อตัวในสีเหลืองจุดน้ำตาล ผมที่ตอนนี้ยาวเลยบ่าของเธอรวบเปิดหน้าผากไปห้อยอยู่ข้างหลังในลักษณะทรงหางม้าง่ายๆ ใบหน้าคมเข้มมีเพียงรอยแป้งบางๆและสิปติกสีอ่อน

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนต้อนรับ ทักทายเธอด้วยคำว่า "ไฮ!" เลื่อนเก้าอี้ให้ รอจนเธอนั่งลงเรียบร้อยแล้วจึงกลับไปนั่งที่เดิม
“ไฮ!” พราวพรายทำหน้ายิ้มๆทักตอบเขา “รอนานไหมคะ?”
“แค่ห้านาที คุณจะดื่มอะไรก่อนไหม? หรือจะเอาเบียร์เหมือนผม”

นิคมาถึงก่อนพราวพรายยี่สิบนาทีแล้ว ความจริงเขาเสนอจะไปรับเธอที่ออฟฟิศ แต่หญิงสาวปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้จอห์นหรือเพื่อนร่วมงานเห็น

พราวพรายเหลือบมองแก้วและขวดเบียร์ตรงหน้าเขา “ไม่ละ ฉันเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าเลิกดื่มแล้ว ไม่ว่าเหล้าหรือเบียร์ หรือแกล้งถามเพื่อจะซ้อมค้างว่าเลิกจริงหรือเปล่า”
เขาเลิกคิ้ว มองเธออย่างขันๆ “มีส่วนอยู่เหมือนกัน ตกลงคุณจะเอาอะไร น้ำส้มคั้นไหม?”
หญิงสาวทำหน้าเบ้ หยิบเมนูมาเปิด “ไม่เอาหรอก ยังไม่อยากเป็นนางเอก เอาน้ำแคนตาลูปปั่นดีกว่า”
“ถ้าเราจะทานอาหารเย็นอีกสักครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ คุณจะหิวเกินไปหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก ปกติฉันกินประมาณทุ่มนึงด้วยซ้ำ” พราวพรายเหลือบดูนาฬิกาบนข้อมือ “เพิ่งหกโมงเย็นเอง”
“ถ้างั้นเดี๋ยวคุณช่วยสั่งอาหารเลยได้ไหม” สายตาเหมือนฉงนของอีกฝ่ายทำให้นิครีบอธิบายว่า ” ผมหมายถึงว่าสั่งเอาไว้ล่วงหน้า”
“คุณจะทานอะไรล่ะคะ อาหารฝรั่ง ไทยหรือจีน” หญิงสาวหยิบเมนูเมาเปิดดูรายการอาหาร
“อะไรก็ได้ อาหารไทยก็ได้ แล้วแต่คุณ”

หลังจากพนักงานห้องอาหารนำน้ำแคนตาลูปปั่นมาเสิร์ฟ และพราวพรายสั่งอาหารแล้ว นิคก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มต่อ ตาก็คอยสำรวจสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย จนหญิงสาวเริ่มกระดาก เธอรู้สึกว่าเขามีท่าทางแปลกๆ เหมือนไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของเขาที่เธอรู้จัก

พราวพรายแก้ขวยตามแบบของเธอด้วยการถามว่า “ทำไมมองฉันแบบนั้น หรือว่าวันนี้ฉันแต่งตัวสวย?”
นิคยิ้ม “เพิ่งเคยเห็นคุณนุ่งกระโปรงก็วันนี้แหละ แปลกตาดี”
อีกฝ่ายยักไหล่ “นานๆฉันก็ใส่ซะที แต่ไม่ค่อยชอบหรอก ชอบกางเกงมากกว่า”
“แต่ผมว่าสวยดีนะ ดูเป็นเลดี้ดี”
“เหรอ? เออ..ไหนคุณว่ามีอะไรจะคุยกับฉันไม่ใช่หรือ? จะคุยได้หรือยังล่ะ”

ท่าทางอึกอักนิดๆของเขาทำให้พราวพรายแปลกใจ เธอไม่รู้หรอกว่าชาย
หนุ่มผู้นั้นกำลังคิดว่าจะเริ่มพูดกับเธออย่างไร ที่จะไม่ทำให้เธอตกใจหรือรีบปฏิเสธเขาเร็วเกินไป กว่าเขาจะรวบรวมกำลังใจมาขอพบเพื่อพูดเรื่องสำคัญกับเธอในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ชายแบบเขา

“ทานอาหารกันก่อนแล้วกัน” ในที่สุดนิคก็ตัดบทเพื่อยืดเวลาออกไป

คุยกันเรื่องทั่วๆไปอีกพักหนึ่ง นิคก็ถามขึ้นมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “เพื่อนคนนั้นของคุณเป็นยังไงมั่งล่ะ?”
“เพื่อนคนไหน แพตตี้หรือแอ๋ว?”
“เพื่อนที่เป็นปลัดอำเภอน่ะ”
“อ๋อ..หมายถึงคุณเขตต์หรือเปล่า?” เมื่อเขาพยักหน้ารับ เธอก็พูดต่อว่า “ก็ไม่เห็นเป็นไงนี่ ถามถึงเขาทำไม หรือคุณมีธุระอะไรกับเขา”
“ไม่มี มีแต่เรื่องที่อยากจะถามคุณ”
“ถามว่าไง?”

ชายหนุ่มรีรอก่อนจะกล่าวว่า “ขอโทษที่อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมไม่ควรถาม แต่ที่ต้องถามเพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผมอยากจะคุยกับคุณ จะอนุญาตให้ผมถามได้ไหม?”

พราวพรายยังไม่รู้ว่าเขาจะถามอะไรเแต่ก็ตอบว่า “ถามก็ได้ ถ้าตอบได้ก็จะตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้นะ”
นิคยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบย้อมใจ ก่อนจะถามตรงๆว่า “คุณเขตต์คนนั้นเขามาชอบคุณหรือเปล่า?”

หญิงสาวทั้งตกใจและอาย แก้มของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ไม่นึกว่าเขาจะถามแบบนั้น ในที่สุดเธอก็ทำเป็นหัวเราะเล่นเป็นเรื่องสนุก

“ใครจะไปรู้ เขาไม่เคยบอกนี่ว่าชอบหรือไม่ชอบฉัน คุณคิดว่าฉันควรจะจับตัวเขามาถามดีไหม?”

อีกฝ่ายยิ้มน้อยๆ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย คำตอบของเธอทำให้เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองยังไม่ก้าวหน้าไปถึงไหน แต่เขาก็ยังมีคำถามที่สำคัญกว่านั้น

“ผมมีคำถามอีกข้อ ถ้าละลาบละล้วงเกินไปก็ต้องขอโทษด้วย ผมจำเป็นต้องถาม เพราะ..” นิคมองหน้าผู้หญิงที่กำลังเบิกตากว้างมองเขาอยู่ “เพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม”

“สำคัญสำหรับคุณ ฟังแล้วชักตกใจ” เธอรู้สึกตกใจจริงๆ แต่ก็ยังไม่เฉลียวใจ “ก็เหมือนคำถามเมื่อกี้แหละ ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้”
“ไม่ต้องตกใจหรอก คุณตอบได้แน่ ยกเว้นคุณจะไม่ยอมตอบเท่านั้น” แล้วนิคก็รีบถามต่อทันที ไม่รอให้เธอมีเวลาสงสัย “คุณชอบผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า?”

คำถามแบบจู่โจมของเขาทำให้หน้าของพราวพรายแดงก่ำจนเห็นได้ชัด
เห็นแล้วนิคก็เริ่มใจเสีย สงสัยว่าเธอจะชอบปลัดอำเภอรูปหล่อคนนั้นเสียแล้ว

เมื่อตั้งตัวได้พราวพรายก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ถามเขาว่า “นึกยังไงถึงได้ถามฉันแบบนั้น?”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ คุณเคยบอกผมที่เวียงจันทน์ไม่ใช่หรือว่าคุณจะมองหาผู้ชายที่เหมาะสมกับคุณ เป็นคนไทยเหมือนคุณ ที่ถามก็เพราะคิดว่าคุณคงเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว”
“แล้วทำไมถึงคิดว่าต้องเป็นคุณเขตต์?”
“ผมเห็นว่าท่าทางเขาเป็นคนดีมีอนาคตไกล ที่สำคัญเป็นคนไทยเหมือนคุณ ถ้าคุณชอบเขาผมจะได้แสดงความยินดีด้วย ก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณไม่พอใจหรือไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ”

พราวพรายยกแก้วน้ำเย็นตรงหน้าขึ้นดื่มถ่วงเวลา ก่อนจะตอบว่า “ไม่เป็นไร
ตอบได้ ไม่เห็นมีอะไรต้องปิดบัง ถ้าถามว่าสนใจเขาบ้างไหม ฉันตอบได้เลยว่าสนใจเหมือนกัน เพราะเขาเป็นคนดีมีอนาคตไกลอย่างที่คุณว่า ที่สำคัญปรากฏว่าครอบครัวเรารู้จักกัน เขาเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อฉัน แต่ถ้าถามว่าชอบเขาแบบแฟนหรือยังก็ตอบได้เลยว่ายัง คุณก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฉันเป็นคนเรื่องมาก มีข้อแม้บ้าๆบอๆเยอะแยะไปหมด บอกตรงๆว่าฉันกำลังศึกษาเขาอยู่ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกนาน สรุปก็คือตอนนี้ฉันยังเหมือนเดิม ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับใคร”

นิคลอบถอนใจยาวอย่างโล่งอก รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเป็นกอง สีหน้าของเขาดีขึ้นทันที แต่พราวพรายไม่ได้สังเกต แล้วการพูดคุยก็จบลงแค่นั้นเมื่อพนักงานห้องอาหารนำอาหารที่สั่งไว้ล่วงหน้ามาเสิร์ฟ หลังรับประทานอาหารเสร็จและพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง นิคก็ชวนพราวพรายกลับ ระหว่างเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงลานหน้าโรงแรม หญิงสาวก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

“เห็นคุณว่ามีอะไรจะพูดกับฉันไม่ใช่หรือ? หรือว่าเปลี่ยนใจแล้ว?”
“ไม่เปลี่ยนใจหรอก แต่จะพาคุณไปแถวริมแม่น้ำ ไปคุยกันที่นั่นดีกว่า บรรยากาศดีกว่าในห้องอาหารนั่นแยะ”

พราวพรายทำหน้ายิ้มๆล้อเขา หลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้วและนิคพารถออกจากที่จอดแล่นไปเรื่อยๆ ด้วยการเปรยว่า “สงสัยจะคุยเรื่องสำคัญ เลยต้องการบรรยากาศ”

นิคเหลือบมามองเธอ “สำคัญสำหรับผม แต่อาจจะไม่สำคัญสำหรับคุณก็ได้"

มาถึงทางแยกที่จะนำไปสู่ถนนสายรองเล็กๆ ที่คดเคี้ยวทอดยาวเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำมูล ชายหนุ่มก็พารถเลี้ยวเข้าไป แล่นลึกไปเรื่อยๆจนถึงลาน กว้างซ้ายมือที่มีรถจอดอยู่แล้วสี่ห้าคัน เขาเลี้ยวขึ้นไปบนลานแล้วนำรถไปจอดที่มุมหนึ่ง โดยหันหน้ารถให้หันออกไปทางแม่น้ำ ถนนสายนั้นไม่สว่างมากนัก มีไฟที่หัวเสาเตี้ยๆที่อยู่ใกล้สลัวลางพอมองหน้ากันเห็น ขณะนั้นประมาณสามทุ่ม แต่ก็ยังมีผู้คนสัญจรไปมาพอประมาณ มีแสงไฟตะเกียงวับๆแวมๆมาจากเรือหาปลาลำเล็กๆสองสามลำกลางแม่น้ำ ลมเย็นๆพัดโกรกมาตลอดเวลา

พราวพรายหันมองไปรอบตัวพร้อมกับนึกขันนิค ที่อุตส่าห์พาเธอออกนอกเส้นทางกลับบ้านมาถึงริมแม่น้ำแห่งนี้ ไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาบอกว่าจะคุยกับเธอมีอะไรเกี่ยวข้องกับแม่น้ำสายนี้หรือเปล่า

“ไม่ยักรู้ว่าคนซีเรียสอย่างคุณก็โรแมนติกเป็นเหมือนกัน” เธอค่อนยิ้มๆ นึกเอ็นดูเขาขึ้นมาหน่อย “อุตส่าห์พาฉันมาชมแม่น้ำยามราตรี”

นิคเลิกคิ้วกับคำพูดของเธอ “คุณพูดยังกับว่าผมซีเรียสอยู่ตลอดเวลางั้นแหละ”

ระหว่างนั้นชายหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อเชิร์ตที่สวมอยู่ หยิบของอย่างหนึ่งออกมา ตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องโดยเร็ว ก่อนที่คำล้อเลียนของเธอจะทำให้เขาเปลี่ยนใจ

“ก็ตรงริมแม่น้ำเนี่ยโรแมนติกจะแย่ ว่าแต่ตอนนี้จะคุยเรื่องที่ว่าได้หรือยังคะ นิค? ฉันอยากฟังเต็มทีแล้ว คุณทำท่าแปลกๆตั้งแต่ตอนอยู่ที่ร้านอาหารโน่นแล้ว”
“แปลกงั้นหรือ?” แล้วนิคก็ถามทันทีโดยไม่มีอะไรต่อเนื่องกัน “ในสายตาของคุณ คุณคิดว่าผู้ชายอย่างผมเป็นยังไง?”
หญิงสาวมองเขาอย่างแปลกใจกับคำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น
“ถามทำไม? ดูเหมือนฉันจะเคยบอกคุณแล้วนี่ ตอนอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้สนามบินเวียงจันทน์ไง?”
“บอกผมอีกครั้งได้ไหม?”
ท่าทางจริงจังของนิคทำให้พราวพรายเริ่มฉงน แต่ก็ยังไม่นึกว่าคำถามนั้นจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ

“อ๋อ..ที่พาฉันมาไกลถึงนี่เพื่อจะถามแค่นี้เองน่ะหรือ” แล้วเธอก็หัวเราะขันๆ “บอกอีกครั้งก็ได้ ไหนๆก็อุตส่าห์พามาดินเนอร์ทั้งที ฉันคิดว่าคุณเป็นคนสุภาพน่ารัก มีน้ำใจและอบอุ่น แต่ต้องรู้จักกันไปสักพักก่อนนะถึงจะรู้สึกยังงั้น ถ้ารู้จักใหม่ๆน่ะ ไม่น่าคบหรอก”

พราวพรายเห็นความแวววับในดวงตาคมกล้าที่กำลังจ้องมองเธอในระยะใกล้ แล้วเธอก็ทำหน้ายิ้มๆถามเขา เมื่อเดาเอาเองตามความเข้าใจ

“ที่ถามเนี่ยเพราะตอนนี้เจอใครที่น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ แต่คงยังไม่แน่ใจว่าเขาเห็นคุณเป็นยังไง ก็เลยอยากหาคนช่วยคอนเฟิร์ม ผู้หญิงที่ไหนล่ะ? ฉันรู้จักไหม? ถ้าไงให้ฉันไปยืนยันกับเขาก็ได้นะว่าคุณเป็นคนดี”

เมื่อโอกาสมาถึงชายหนุ่มก็รุกทันที “ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่ผมอยากให้คอนเฟิร์มยังงั้นน่ะ มีแต่คุณคนเดียวแหละที่ผมอยากถามว่าจะแต่งงานกับผมได้ไหม? ผมรักคุณ อยากแต่งงานกับคุณ”

ขาดคำของเขาพราวพรายก็สะดุ้งเฮือก หน้าของเธอเผือดขาวไปทันที ตาก็เบิกกว้างอย่างตื่นเต้นตกใจ เงียบไปนานกว่าจะละล่ำละลักออกมาได้

“รักฉัน? อยากแต่งงานกับฉัน?”
“ใช่ ผมกำลังขอคุณแต่งงาน”

ตอนนี้เมื่อได้พูดความในใจที่เก็บอัดไว้นานออกไปแล้ว ชายหนุ่มก็กลับมาเป็นผู้ชายคนเดิมที่หายประหม่า เขาส่งกล่องในมือให้พราวพรายซึ่งรับมาอย่างงงๆ ยังมองหน้าเขาเฉยอยู่จนนิคต้องเตือนว่า “เปิดออกดูสิ แล้วบอกผมว่าชอบไหม”

หญิงสาวซึ่งยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาเท่าไหร่นัก มองหน้านิคสลับกับกล่องในมือ เมื่อเขาขอให้เปิดดูของในกล่องอีกครั้งหนึ่งเธอก็เปิดมันออก ดวงตาของเธอมีแววตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นแหวนเพชรเม็ดงามที่ส่องประกายวูบวาบออกมา

“แหวน!!”
“ชอบไหม?”
เธออึกอักอีก “เอ้อ..คุณหมายความว่าไง ฉัน..ฉัน คุณกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม?”
“ไม่ได้ล้อ เรื่องแบบนี้จะพูดเล่นได้หรือ? ผมกำลังขอคุณแต่งงาน”
“ขอแต่งงาน?” พราวพรายทำท่าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“ตกใจมากนักหรือ?”
“ ตกใจสิ ใครจะไปคิดว่าคนอย่างคุณจะมาขอผู้หญิงแบบฉันแต่งงาน” แล้วพราวพรายก็เริ่มตะกุกตะกัก “ทำไม..เอ้อ..คุณชอบฉันเหรอ?”
นิคเอื้อมมือมาจับมือพราวพรายข้างที่ถือกล่องแหวนอยู่ “ไม่ใช่แค่ชอบ ผมรักคุณ ตกลงคุณจะว่ายังไง?”

หญิงสาวนิ่งไปอีก ปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องมองด้วยแววตาที่ร้อนรนกับอาการของเธอ ชักไม่ค่อยแน่ใจขึ้นมาอีกแล้ว เธอไม่เคยสงสัยบ้างเลยหรือว่าทำไมช่วงที่ผ่านมา เขาจึงพยายามหาทางเข้ามาใกล้ชิดเธอ หลังจากหายตกใจแล้วพราวพรายก็ยังไม่กล้ามองหน้านิค

ชายหนุ่มที่กำลังเริ่มร้อนใจตัดสินใจถามว่า “ ทำไมไม่พูดอะไรบ้างล่ะ? หรือว่าคุณรังเกียจผม?”
พราวพรายส่ายหน้า “เปล่า ฉันไม่ได้รังเกียจคุณ เพียงแต่ตกใจคาดไม่ถึง คุณนึกยังไงถึงมาขอฉันแต่งงาน ถ้าเป็นเพราะเรื่องนั้นก็ไม่จำเป็นหรอกนะ ฉันไม่สนใจหรอก”
อีกฝ่ายเข้าใจความหมายของคำว่า ‘เรื่องนั้น’ “ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น บอกแล้วไงว่าผมขอแต่งงานเพราะผมรักคุณ ตอนนี้คุณจะตอบผมได้หรือยังว่าเยสหรือโน”
“นิค บอกตรงๆนะว่าฉันยังตอบคุณตอนนี้ไม่ได้หรอก ฉันยังคิดอะไรไม่ออกเลย”
“หมายความว่าคุณจะเอาไปคิดก่อนหรือไง? ทำไมต้องคิด คุณไม่รู้หรอกหรือ ว่าชอบผม อยากแต่งงานกับผมหรือเปล่า” คิ้วดกๆของนิคเริ่มขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงตอบทันทีไม่ได้

“นิคคะ ขอเวลาฉันหน่อย บอกแล้วว่าตอนนี้ฉันงงมาก” เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนไม่ได้ดังใจของเขา เธอก็ตัดสินใจบอกเขาว่า "แต่ถ้าคุณคาดคั้นต้องการคำตอบตอนนี้โดยไม่ให้เวลาฉันคิด ฉันก็คงตอบได้แต่เพียงว่าขอบคุณที่คุณชอบฉัน แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับใคร"

อีกฝ่ายหน้าเสียไปทันที ต่อมาก็ถอนใจยาวยืด ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป แต่เมื่อเธอส่งกล่องแหวนคืนให้เขาก็รีบบอกว่า “โอเค คุณจะเอาคำขอแต่งงานของผมไปคิดดูก่อนก็ได้ แต่รับแหวนไว้ก่อน”

พราวพรายส่ายหน้าปฏิเสธ นึกแว่บไปถึงวิชชากับแหวนเพชรของเขาทันที สถานการณ์ดูเหมือนจะคล้ายๆขณะนี้

“คุณเก็บไว้เองดีกว่า เกิดหายไปจะแย่ ฉันยิ่งเป็นคนสับเพร่าอยู่ด้วย”

หญิงสาวเห็นแววตาที่ผิดหวังของเขา แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาอยากทำให้เธอตกใจทำไมล่ะ อยู่ๆก็มาขอแต่งงานหน้าตาเฉย ไม่เคยเห็นว่าจะสนใจเธอถึงขนาดอยากจะแต่งงานด้วย ยิ่งเรื่องรักยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาคงพูดพล่อยๆออกมาตามประสาผู้ชายเท่านั้น แล้วเธอก็ยัดเยียดกล่องแหวนใส่มือเขาจนได้

“กลับเถอะ เกือบสามทุ่มครึ่งแล้ว ป่านนี้แอ๋วถึงบ้านนานแล้ว คงสงสัยว่าฉันหายไปไหน” พราวพรายพยายามทำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งๆที่ยังรู้สึกตกใจคาดไม่ถึงอยู่เหมือนเดิม

นิคสตาร์ทเครื่องยนต์ พารถเคลื่อนออกจากตรงนั้น มุ่งหน้าไปทิศทางที่จะไปบ้านเช่าของเธอ

เหลือบเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของนิค หญิงสาวก็เลยอ้อมแอ้มบอกเขาว่า “ฉันขอเวลาคิดหน่อยนะคะ นิค คุณน่าจะรอได้ไม่ใช่หรือ? ไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงเอเซียส่วนใหญ่คิดมากเรื่องแต่งงาน”

“คุณจะให้คำตอบผมได้เมื่อไหร่?”
“ก็..ไม่รู้สิ” เห็นแววตาเตัดพ้อของเขา หญิงสาวก็รีบกล่าวต่อว่า “ก็คงอีกไม่กี่วัน”
“ก่อนผมกลับไปโน่นได้ไหม?” นิคต่อรองอย่างใจร้อน
“คุณจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ?”
“วันมะรืน” เขาตอบแล้วมองเธอเหมือนขอร้อง
“โอ๊ย! ไม่ได้หรอก เร็วเกินไป เอาไว้คราวหน้าที่คุณมาอุบลฯดีไหม?” เธอต่อรองบ้าง
“ไม่ไหวหรอก นานเกินไป”
“ทำไมใจร้อนนักล่ะ?” พราวพรายนิ่งคิดแล้วถามเขาว่า “ปกติถ้าไม่ได้มาประชุม คุณมาอุบลฯได้หรือเปล่า?”
“ถ้ามีงานก็มาได้ หรือจะลามาเป็นพิเศษก็ได้ ถ้ามีเรื่องสำคัญ”
“ถ้างั้นฉันขอเวลาคิดหน่อย ตัดสินใจว่าอย่างไรฉันจะโทร.ไปบอกคุณที่โน่น”
“อย่าเลย พูดกันต่อหน้าดีกว่า ถ้าคุณพร้อมจะพูดกับผมเมื่อไหร่ก็โทร.ไปนัดแล้วกัน ผมจะมาหาคุณ”
“เอางั้นก็ได้”
ทันทีที่รถมาถึงหน้าบ้านและพราวพรายขยับตัวจะลง นิคก็จับมือเธอไว้
“ผมจะรอคำตอบจากคุณ หวังว่าคงจะไม่นานเกินไป”

หญิงสาวยิ้มแห้งๆ ไม่ค่อยกล้าสบตาคมปลาบมีแววลึกซึ้งที่กำลังมองเธออยู่ อ้อมแอ้มรับคำว่า “ฉันจะพยายามไม่ให้นานเกินไป สวัสดีนะนิค”
พูดจบพราวพรายก็เดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ชายหนุ่มที่เริ่มไม่สบายใจมองตามหลังเธอไปอย่างกระวนกระวาย



Create Date : 31 มีนาคม 2564
Last Update : 31 มีนาคม 2564 13:27:28 น.
Counter : 1028 Pageviews.

7 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณhaiku

  
กำลังสนุกเลยค่ะ
รออ่านตอนต่อไปนะคะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 31 มีนาคม 2564 เวลา:14:29:00 น.
  
แหมกำลังสนุกเชียวค่ะ
นางเอกของเราจะมั่นใจในความรู้สึกของ
พระเอกได้อย่างไร ต้องคิดทบทวนดูก่อนนะคะ

โดย: หอมกร วันที่: 31 มีนาคม 2564 เวลา:15:36:01 น.
  
นิคขอแต่งงานแล้ว เรื่องใกล้จบแล้ว
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 มีนาคม 2564 เวลา:23:10:10 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 1 เมษายน 2564 เวลา:17:27:32 น.
  
เหมือนใกล้จะจบหรือเปล่าคะ
กำลังสนุกเลย

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 2 เมษายน 2564 เวลา:10:48:55 น.
  
สวัสดียามบ่ายครับ
โดย: **mp5** วันที่: 30 เมษายน 2564 เวลา:15:06:20 น.
  
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
วันวิสาขบูชา (วันพระใหญ่) ใกล้มาถึงแล้ว

ขอเชิญทุกท่าน ทำบุญ รักษาศีล กันนะคะ

*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*




💚💜💛💚💜💛💖💜💛💖💚💜💛💚💜

*~*~* แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอหัวใจเบิกบาน *~*~*

💚💜💛💚💜💛💖💜💛💖💚💜💛💚💜


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 25 พฤษภาคม 2564 เวลา:15:10:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2564

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com