Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
17 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ดวงตา กับพัฒนาการของลูกน้อย



ทุกคนคงทราบกันดีอยู่ แล้วว่า “ดวงตา” เป็นอวัยวะเล็กๆ ที่มีความสำคัญมากต่อชีวิตประจำวัน
อีกทั้งยังบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาของลูกน้อยอันจะเป็นหน้าต่างบานสำคัญที่จะเปิดไปสู่โลกกว้าง
และพัฒนาการเรียนรู้ที่รอบด้าน

ซึ่งจากผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า กว่า 90% ของข้อมูลที่เด็กได้รับรู้นั้น
ผ่านทางดวงตาทั้งสิ้น ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อพัฒนาการของเจ้าตัวเล็กนั่นเอง

เพื่อกระตุ้นให้คุณพ่อคุณ แม่หันมาใส่ใจสุขภาพดวงตาของเจ้าตัวเล็ก
ในงานเสวนา “ดวงตากับพัฒนาการเรียนรู้รอบด้านของเจ้าตัวเล็ก”
เมื่อวันก่อน พญ.รัติยา พรชัยสุรีย์ จักษุแพทย์ กล่าวว่า
พ่อแม่ทุกคนควรหันมาใส่ใจให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพดวงตาของเด็ก
เนื่องจากดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของสมอง เพราะในเด็กเล็กนั้น
พัฒนาการและทักษะต่างๆ ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ดังนั้น เด็กจะรับรู้เรื่องราวผ่านการมองเห็นมากที่สุด
โดยเฉพาะในช่วง 4 ปีแรก เด็กจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว
ซึ่งหากเด็กมีปัญหาเรื่องการมองเห็นไม่สมบูรณ์ หรือการรับภาพไม่ชัดเจน
ก็อาจส่งผลต่อการประมวลผลข้อมูลที่ส่งไปยังสมอง และกระทบต่อพัฒนาการด้านการ เรียนรู้ของเด็ก

“บางครั้งก็เป็นการยากต่อพ่อแม่ ที่จะสังเกตได้ว่าลูกน้อยมีพัฒนาการด้านการมองเห็นเป็นปกติหรือไม่
เนื่องจากเด็กตัวเล็ก ยังพูดไม่ได้ หรือยังไม่เข้าใจ กว่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติ ก็อาจจะสายเกินไป
หรือการรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ฉะนั้นการดูแลดวงตาลูกน้อยตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าง การให้เด็กได้รับนมแม่
การดูแลให้รับประทานอาหารครบหมู่อย่างเพียงพอ การปกป้องสายตาลูกจากอันตรายจากแสงสีฟ้า
ที่เชื่อว่าจะเป็นอันตรายต่อจอประสาทตาลูกได้ ซึ่งแสงสีฟ้านั้น สามารถพบได้ในหลายที่ เช่น แสงแดดจ้า
แสงจากคอมพิวเตอร์ หรือ แสงจากหลอดไฟ เป็นต้น

สำคัญที่สุดคุณพ่อ คุณแม่ ควรมีเวลาพาลูกไปตรวจเช็กสุขภาพตาตามวัยอันสมควรจะเป็นการดีที่สุด”
พญ.รัติยา กล่าว

ด้าน พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เผยว่า
พื้นฐานสำคัญการเรียนรู้ของเด็กจะผ่านการมองเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กหรือวัยอนุบาล
และผลจากการศึกษาวิจัย ตรวจวัดระดับสติปัญญาในเด็กที่มีความผิดปกติระหว่าง เด็กตาบอดกับเด็กหูหนวก
โดยควบคุมปัจจัยและเงื่อนไขให้เหมือนกัน พบว่าเด็กตาบอดจะมีพัฒนาการด้านสติปัญญาต่ำกว่าเด็กหูหนวก
ซึ่งเป็นบทสรุปได้ว่า การเรียนรู้ของคนเราส่วนใหญ่มาจากการมองเห็นนั่นเอง

ทั้ง นี้ พญ.อดิศร์สุดา ยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า เรื่องของโภชนาการก็มีส่วนสำคัญ
วงการแพทย์ในปัจจุบันมีการพูดถึงสารอาหาร “ลูทีน” ซึ่งเป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่พบมากในน้ำนมแม่
มีประโยชน์ในการปกป้องจอประสาทตา บริเวณที่เรียกว่า Macula of Lutea
โดย “ลูทีน” เป็นสารอาหารธรรมชาติที่พบอยู่หนาแน่นบริเวณจอประสาทตา
ซึ่งถือเป็นจุดที่สำคัญมากต่อการรับภาพและมองเห็นของคนเรา
ลูทีนจะทำหน้าที่กรองแสงสีฟ้าที่เข้ามาทำลายจอประสาทตา
ทั้งยังทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันไม่ให้เซลล์ในจอประสาทตาเสื่อม

อย่างไรก็ตาม สารลูทีนนั้น ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จะได้รับจากการรับประทานเท่านั้น
สารลูทีนพบมากในน้ำนมแม่ และผักใบเขียวเข้ม

ดังนั้น การให้ลูกดื่มนมแม่ และส่งเสริมให้ลูกรับประทานผักใบเขียว
ก็จะช่วยให้เจ้าตัวเล็กได้รับสารอาหาร ที่ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าที่เป็น อันตรายได้
คุณแม่ควรให้ลูกดื่มนมแม่ให้นานที่สุด แต่ถ้าหากมีเหตุจำเป็นที่ไม่สามารถให้นมลูกได้
คุณแม่ก็สามารถพิจารณาอาหารอื่น ที่มีสารอาหารลูทีนให้ลูกรับประทาน เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน


ที่มา : //www.komchadluek.net


สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก
คลิกดู ที่นี่ค่ะ



Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 14:06:30 น. 0 comments
Counter : 802 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.