|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความพิการทางสติปัญญา
โบราณว่าคนเรา เกิดมามีอวัยวะครบ 32 ถือว่าเป็นบุญ แต่ในความพิการที่อาจเกิดได้ทุกขณะกับร่างกาย เมื่อแรกเกิดนั้นดูจะเน้นหนัก ในเรื่องความพิการของสมองและสติปัญญา เพราะไม่สามารถมีสิ่งใดมาทดแทนได้ และชีวิตทั้งชีวิตก็จะต้องอยู่ในความต่ำต้อย ด้อยศึกษา เบาปัญญาอยู่ตลอดไป ไม่สามารถแข่งขันในการยังชีพ ในการประกอบอาชีพได้ในโลก และในสังคมที่เต็มไปด้วยองค์ความรู้ก้าวหน้า ซึ่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยการแข่งขันในทุกด้านทุกมุม
สาเหตุของความพิการทางสติปัญญามี 3 ประการหลักคือ สาเหตุทางพันธุกรรม สาเหตุทางชีวภาพ และสาเหตุทางด้านสิ่งแวดล้อม
★ 1. สาเหตุทางพันธุกรรม เป็นความผิดปกติที่ได้รับการถ่ายทอดมาแต่กำเนิด ทำให้เกิดความพิการทางสติ ปัญญา ร่วมกับความพิการทางกาย
สาเหตุทางกรรมพันธุ์พบไม่เกินร้อยละ 40 ของสาเหตุความพิการทางสติปัญญาและมีหลายประเภท ความพิการทางสติปัญญา ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ ได้แก่ ดาวน์ซินโดรม(down syndrome) เป็นโรคที่พบบ่อย บุคคลประเภทนี้ มีความพิการทางสติปัญญาหรือปัญญาอ่อนตั้งแต่ระดับปานกลาง ถึงขนาดหนัก ซึ่งพบบ่อยในมารดาที่อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป และพบได้มากกว่ามารดาที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี
★ 2. สาเหตุทางชีวภาพ ได้แก่ สาเหตุที่เกิดจากสิ่งต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อชีวิตคนเรา เป็นผลให้สมองหยุดชะงัก ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการ เจริญเติบโตในระยะใดระยะหนึ่ง เช่น ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ขณะคลอด และขณะหลังคลอด
2.1 ขณะตั้งครรภ์ สาเหตุของความพิการทางสติปัญญาในขณะตั้งครรภ์ ได้แก่
2.1.1 สุขภาพมารดาไม่ดี มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต โรคโลหิตจาง โรคขาดสารอาหาร ฯลฯ สุขภาพของมารดาเป็นสิ่งสำคัญในขณะตั้งครรภ์ โรคแทรกระหว่างตั้งครรภ์มักจะทำให้เด็กคลอดก่อนกำหนด และมีโอกาสพิการทางสติปัญญาได้
2.1.2 มารดาติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ เช่น เชื้อหัดเยอรมัน การติดเชื้อในระยะ 3 เดือนแรก มักจะมีอันตรายต่อเด็กที่อยู่ในครรภ์ เป็นสาเหตุของการเกิดความพิการทางสติปัญญาได้ เชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น เชื้อซิฟิลิส ต้องรีบให้การรักษา เพราะผ่านจากมารดาไปสู่เด็กได้โดยทางกระแสโลหิต ทำให้เด็กเกิดอาการซิฟิลิสแต่กำเนิด และอาจทำให้คลอดก่อนกำหนด โรคนี้ป้องกันได้โดยตรวจเลือดของมารดา ถ้าพบควรรีบรักษาให้ทันท่วงที
2.1.3 มารดาได้รับสารพิษขณะตั้งครรภ์ เช่น ยาบางอย่างอาจทำให้เด็กที่อยู่ในครรภ์เกิดความพิการได้ ฉะนั้นมารดาควรระมัดระวังอย่างยิ่งในเรื่องการรับประทานยาเอง ควรหลีกเลี่ยงให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะยาจำพวกควินินหรือเตอร์ก๊อท ซึ่งมีฤทธิ์บีบมดลูกและขับเลือดซึ่งอาจทำให้แท้งได้ ยารักษาโรคเบาหวานและยาจำพวกคอร์ติโซมในสัตว์ทดลอง พบว่าทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดได้
2.1.4 ยาจำพวกสารเสพติด เช่น กัญชา เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแท้งได้ นอกจากนี้มารดา ควรหลีกเลี่ยงสารพิษจำพวกตะกั่ว สารหนู ซึ่งทำให้เกิดโรคสมองจากพิษตะกั่วได้ การป้องกันอีกทางหนึ่งคือ ต้องไม่ให้เด็กเล่นของเล่นที่พ่นสีซึ่งมีตะกั่วผสมอยู่
2.1.5 การสูบบุหรี่มาก ๆ หรือดื่มสุราเป็นประจำขณะตั้งครรภ์ เชื่อกันว่าจะทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดหรือแท้ง หรือมีความพิการแต่กำเนิด
2.1.6 มารดาได้รับความกระทบกระเทือนขณะตั้งครรภ์ เช่น หกล้มก้นกระแทกแรง ๆ อาจแท้งได้ อาจมีรกบางหรือรกมีการลอกตัว ทำให้เส้นโลหิตที่จะนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดความพิการทางสติปัญญาได้
2.1.7 มารดาขาดสารอาหารที่มีคุณค่า โดยปกติในระยะหลังการตั้งครรภ์ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เป็นระยะที่สมองทารกที่อยู่ในครรภ์กำลังเจริญเติบโต จึงต้องการอาหารที่มีคุณค่าไปบำรุงเลี้ยงสมอง โดยเฉพาะอาหารประเภทโปรตีน มารดาที่ตั้งครรภ์ควรจะต้องรับประทานเป็น 2-3 เท่าของคนปกติ ถ้ามารดาสุขภาพไม่ดีและอดอาหารเหล่านี้ จะทำให้เซลล์สมองทารกหยุดการแบ่งตัว เป็นผลให้มีสติปัญญาด้อยกว่าปกติ
2.1.8 การขาดแร่ธาตุ เช่น ธาตุเหล็ก ทำให้เกิดโลหิตจาง ร่างกายและสมองเจริญเติบโตช้า การขาดวิตามิน โดยเฉพาะกรดนิโคตินิค (nicotenic acid) อาจทำให้พิการทางสติปัญญาได้ การขาดวิตามินบี 6 อาจทำให้ทารกเกิดการชักและภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าต่ำมากถึง 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะทำให้เกิดความพิการทางสติปัญญาหรือปัญญาอ่อนได้
2.2 ขณะคลอด ทำให้เกิดความพิการทางสติปัญญาได้โดย
2.2.1 การคลอดที่ผิดปกติ การคลอดก่อนกำหนด ถ้าคลอดก่อนตั้งครรภ์ 37 วัน เด็กแรกเกิดจะมีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 1,500 กรัม ซึ่งเกิดความผิดปกติทั้งทางร่างกาย และสมอง เป็นผลให้มีความพิการทางสติปัญญาหรือโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ ได้ เช่น เด็กที่เป็นอัมพาตเนื่องจากสมองพิการ (cerebral palsy) มีความผิดปกติทางการพูด การได้ยิน และการฟัง ยิ่งน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยยิ่งมีโอกาสที่สมองจะถูกทำลายได้
2.2.2 การคลอดเกินกำหนด จะทำให้คลอดยากและลำบาก อาจทำให้สมองขาดออกซิเจนได้เพราะสมองเด็กถูกกดอยู่นานเกินไป
2.2.3 รกเกาะต่ำและลอกตัวก่อนกำหนด ทำให้มีการเสียเลือดมากและสมองขาดออกซิเจน
2.2.4 มารดาที่ได้รับยากล่อมประสาท หรือยาระงับความเจ็บปวดที่ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ จะทำให้สมองของทารกขาดออกซิเจน หายใจไม่สะดวก ซึ่งเกิดขึ้นขณะคลอด
2.3 ขณะหลังคลอด ทำให้เกิดความพิการทางสติปัญญาได้โดย
2.3.1 เด็กขาดสารอาหารที่มีคุณค่า โดยเฉพาะสารอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเซลล์สมอง ทำให้สมองเหี่ยวและตายไป เกิดความพิการทางสติปัญญาได้ ดังนั้นในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ปี ควรจะได้รับอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
2.3.2 เด็กขาดภูมิคุ้มกันโรค ถ้าสุขภาพไม่ดี อาจติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่ายหลังคลอด เช่น เชื้อวัณโรค นิวมอเนีย เชื้อไวรัส อาจลุกลามขึ้นสมอง ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเนื้อสมองอักเสบหรือเป็นฝีในสมอง การให้ภูมิคุ้มกันโรค เช่น วัคซีนป้องกันไอกรน คอตีบ บาดทะยัก โปลิโอ และฝีดาษ ควรให้ในระยะที่เหมาะสม เช่น ไม่ควรให้ในขณะที่เด็กกำลังเป็นไข้ หรือมีแผลพุพองตามตัว จะทำให้ลุกลามขึ้นสมอง เป็นผลให้สมองอักเสบได้
2.3.3 สมองเด็กได้รับความกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ เช่น ตกจากที่สูง ๆ หรือถูกรถชน อาจทำให้กะโหลกศีรษะแตกร้าว มีเลือดออกในสมอง และมีก้อนเลือดกดเนื้อสมอง ทำให้เนื้อสมองถูกทำลายกลายเป็นปัญญาอ่อนได้
2.3.4 อาการตัวเหลืองในทารกแรกคลอด อาจเกิดขึ้นได้ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด จากภาวะนี้ทำให้มีระดับนิสิรูบินในเลือดสูง เนื่องจากมีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง พบได้บ่อยในพวกที่กลุ่มเลือด แม่กับลูกไม่พึงผสมผสานกัน ถ้าทารกมีตัวเหลืองในระยะ 3 วันหลังคลอด มักเกิดจากการติดเชื้อ เช่น สายสะดือเน่า จะทำให้มีระดับนิสิรูบินในเลือดสูง การวินิจฉัยได้เร็ว และทำการถ่ายเลือดได้ทันท่วงทีจะช่วยลดอัตราการทำลายของสมองได้
2.3.5 เนื้องอกของสมองและเส้นโลหิต ทำให้มีการกดเนื้อสมองและมีการทำลายสมองเกิดขึ้น เด็กอาจมีอาการชัก ทำให้เกิดความพิการทางสติปัญญาได้
★ 3. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม ในที่นี้หมายถึงสิ่งแวดล้อมมีส่วนช่วยให้เกิดการเรียนรู้ ในครอบครัวที่พ่อแม่มีฐานะยากจน ขาดการศึกษาไม่มีความรู้จะสอนลูกและกระตุ้นลูก ทำให้เด็กขาดการเรียนรู้ จึงเป็นเด็กด้อยโอกาสเพราะขาดประสบการณ์
3.1 พิการทางสติปัญญาเนื่องจากขาดการกระตุ้นทางจิตใจและสังคม (psychosocial disadvantage) เช่น ครอบครัวอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ห่างไกลวัฒนธรรมและสังคม พบมากในผู้พิการทางสติปัญญาที่เป็นระดับเล็กน้อย มีเชาวน์ปัญญาต่ำไม่มากนัก มักจะพบในพ่อแม่ที่ข้างใดข้างหนึ่ง มีเชาวน์ปัญญาต่ำ และพี่น้องในครอบครัวเดียวกันหนึ่งคน หรือมากกว่าหนึ่งคนก็มีเชาวน์ปัญญาต่ำด้วย พบว่า มีสาเหตุมาจากหลาย ๆ อย่างด้วยกัน อาจเป็นกรรมพันธุ์ ขาดอาหารขณะตั้งครรภ์หรือหลังคลอด พ่อแม่มีฐานะยากจน ขาดการศึกษา ไม่มีความรู้ที่จะฝึกสอนลูกให้เกิดการเรียนรู้ได้ ทำให้เด็กกลายเป็นปัญญาอ่อนได้ในที่สุด
3.2 พิการทางสติปัญญา เนื่องจากขาดการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม (sensory deprivation) ในวัยทารกและวัยเด็กมักถูกทอดทิ้ง เช่น ถูกขังอยู่ในเปลขณะพ่อแม่ไปทำงาน หรือเกิดจากมีความบกพร่องในการกระตุ้นประสาทสัมผัสเช่น ตาบอด หูหนวก พวกนี้จะมีความพิการทางสติปัญญามากกว่าครอบครัว ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ.
โดย. นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ข้อมูลจาก //www.dailynews.co.th ที่มา : //www.dmh.go.th ภาพจาก : //neuronarrative.files.wordpress.com
สารบัญ บทความ สุขภาพ คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 06 เมษายน 2553 |
Last Update : 6 เมษายน 2553 11:36:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 677 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|