Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
24 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

สร้างศักยภาพสมองลูก



รู้หรือไม่...! ว่าสมองของคนเรานั้นเมื่อวัดคลื่นสมอง เพื่อหาค่าการทำงานที่ปกตินั้น จะได้ค่าดังนี้
* คลื่นแอลฟา 8-12 Hz
* คลื่นเตตา 3-7 Hz
* คลื่นเดลตา 0.5-2 Hz

และมีข้อมูลบอกไว้ด้วยว่าหากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงนานเพียง 8-10 วินาที คนเราก็จะหมดสติ
และถ้าสมองขาดเลือดไปเลี้ยงนานถึง 40-110 วินาที ร่างกายของเราจะไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น

(Hertz หรือ Hz เป็นหน่วยความถี่เท่ากับหนึ่งรอบต่อวินาที)

ข้อมูลจาก... ศูนย์ระบบประสาทบอสตัน สหรัฐอเมริกา


ทารกรับรู้กลิ่นและรสได้อย่างไรนะ
เป็นข้อสงสัยที่นำไปสู่การศึกษาวิจัย เพื่อหาคำตอบชองบรรดานักวิทยาศาสตร์ค่ะ
โดยเขาเห็นว่าการรับรู้เรื่องกลิ่นและรสของทารกนั้น เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ ชิด

นักวิทยาศาสตร์เห็นว่าประสาทสัมผัสด้านรับรู้กลิ่นของทารกนั้นจะ พัฒนาอย่างรวดเร็วหลังคลอดค่ะ
โดยเฉพาะในสัปดาห์แรกของชีวิต ทารกสามารถจดจำกลิ่นของแม่ตนเองได้อย่างแม่นยำทีเดียว
ซึ่งการศึกษาชิ้นหนึ่งบอกว่าทารกอายุ 5 วัน สามารถแยกแยะที่ซับน้ำนมแม่กับนมชนิดอื่นได้ด้วย

ผลดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์สรุปกันว่า สำหรับทารกน้อยนั้น
ประสาทสัมผัสด้านการรับรู้เรื่องกลิ่น เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างความ สัมพันธ์ของทารกค่ะ

ส่วนการศึกษาด้านการรับรู้รสชาติของทารกน้อยนั้นเขาไปสังเกต ปฏิกิริยาของทารกหลายคนๆ
โดยการให้ดมกลิ่นที่แตกต่างกัน พบว่าทารกจำนวนมากเลยที่แสดงอาการชอบกลิ่นมะนาว
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าตั้งแต่เกิดทารกก็สามารถรับรู้รสชาติ 3 ใน 4 รสหลักแล้วนั่นคือ
รสหวาน รสเปรี้ยว และรสขม แต่ดูเหมือนทารกจะชอบรสหวานมากที่สุด

ส่วนรสเค็มนั้น ทารกยังแยกไม่ออกหรอกค่ะ เพราะเขาลองให้ทารกดูดน้ำเกลือ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทารกกินน้ำเกลือเหมือนกับกินน้ำเปล่าเลยล่ะ
นักวิทยาศาสตร์บอกว่าราวอายุ 4 เดือนค่ะ ประสาทสัมผัสการรับรู้รสเค็มที่ลิ้นของทารกถึงจะทำงาน
ตอนนั้นทารกจึงจะสามารถแยกแยะรสเค็มได้

สำหรับพัฒนาการด้านประสาทสัมผัสรับรู้เรื่องกลิ่นและรสชาติของทารก นั้น
จะพัฒนาไปตามการเลี้ยงดูและประสบการณ์ทารกได้รับค่ะ
ถ้าเขามีโอกาสได้กิน อาหารที่รสชาติหลากหลาย ลูกน้อยก็จะเติบโตเป็นคนที่ไม่ติดในรสชาติหลากหลาย
ลูกน้อยก็จะเติบโต เป็นคนที่ไม่ติดในรสชาติใดรสชาติหนึ่งเพียงรสเดียว และจะทำให้เป็นคนกินง่าย

อย่างไรก็ตาม อาหารที่คุณแม่กินเข้าไปนั้น สามารถทำให้รสชาติน้ำนมแม่เปลี่ยนไปได้
ดังนั้นจงควรสังเกตปฏิกิริยาการดูดของลูกน้อยด้วยค่ะ
หากลูกไม่อยากดูดนมแม่ สาเหตุหนึ่งอาจอยู่ที่อาหารที่คุณแม่กินในช่วงนั้นก็เป็นได้


สอนลูกด้วยบัตรภาพ…บัตรคำ
รู้จักและเคยเห็นกันใช่ไหมคะ เจ้าบัตรคำบัตรภาพ ที่ว่านี่
เขาว่ากำลังเป็นเรื่องฮิตในหมู่คุณแม่ลูกเล็กชาวอเมริกันเลย โดยเขานำมาสอนลูกตั้งแต่ก่อนที่ลูกจะพูดได้เสียอีก

ผลที่ได้น่ะหรือคะ ความสามารถในด้านการจำภาพของทารกจะพัฒนามาก พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อจะดี
เพราะทารกใช้นิ้วและมือน้อยๆ นั้นพยายามหยิบบัตรคำ บัตรภาพขึ้นมาเพื่อสื่อสาร
แต่พัฒนาการด้านการพูดกลับน้อย แล้วก็ดูเหมือนว่าคุณแม่เหล่านี้จะไม่ค่อยสนใจค่ะ
ด้วยเห็นว่าการชวนลูกดูบัตรคำ บัตรภาพจะช่วยให้ลูกหลานหยุดงอแง

คุณแม่ท่านหนึ่งซึ่งเริ่มสอนลูกบัตรคำบัตรภาพตั้งแต่ลูกแฝดอายุแค่ 2-3 เดือน บอกว่า
ลูกชายของเธอสนใจและสามารถเลือกสื่อสาร โดยการหยิบบัตรคำบัตรภาพเหล่า นั้น
ที่สำคัญคือตัวพ่อแม่ต้องสามารถตอบสนอง กับสิ่งที่ลูกสื่อสารผ่านบัตรเหล่า นั้นให้ได้
ตอนนี้ลูกของเธออายุ 2 ขวบครึ่งแล้ว และใช้ทั้งบัตรคำบัตรภาพและการพูดเพื่อสื่อสารกับคนรอบตัว

นักวิชาการที่สนใจเรื่องการสื่อสารผ่านบัตรคำบัตรภาพบอกว่า
“พ่อแม่ส่วนใหญ่จะเล่นตั้งคำถามกับลูกตั้งแต่วัยขวบสองขวบอยู่แล้ว ดังนั้นการใช้บัตรคำภาพนี้
จึงเป็นเรื่องเสริมที่ช่วยให้พ่อแม่รู้ว่าลูกน้อย ต้องการกล้วยไม่ใช่ขนมปังขณะที่ยังพูดได้แค่อูอาอา”

อย่างไรก็ตามมีการวัด IQ เด็กที่เรียนรู้เรื่องบัตรคำบัตรภาพไปพร้อมกับการพูด พบว่า
มีคะแนน IQ สูงกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน แต่กระนั้นนักภาษาศาสตร์ต่างก็เป็นห่วงค่ะ
เพราะการเน้นไปที่การสอนเรื่องบัตรคำบัตรภาพของพ่อแม่นั้น
อาจทำให้พ่อแม่ไม่ทันสังเกตพัฒนาการด้านการพูดของลูกน้อยว่าดี เหมาะสมกับวัยหรือไม่
และอาจส่งผลให้เด็กมีปัญหาในการพูดตามมาในภายหลังได้

หยิบยกเรื่องนี้มาเล่าต่อ เพราะเป็นห่วงเหมือนกันค่ะ เนื่องจากเจ้าบัตรคำภาพนี้ ก็ฮิตฮอตในบ้านเราก็ไม่ใช่เล่น
เอาเป็นว่าถ้าบ้านไหนจะใช้ก็ให้ใช้อย่างเหมาะสมนะคะ และสอดคล้องกับพัฒนาการในทุกด้านของลูกด้วยค่ะ


จริงหรือ…ที่ทารกเกิดมา
พร้อมกับความสามารถในการเรียนรู้ทุกๆ ภาษาในโลก ?


จริง… เพราะสมองของทารกนั้นมีเซลล์ประสาทที่พร้อมเรียนรู้ภาษา
เพราะเป็นความมหัศจรรย์ที่ทารก เกิดมาพร้อมความสามารถ ที่ไม่ใช่แค่เรียนรู้เพียงภาษาใดภาษาหนึ่งเท่านั้น
แต่สามารถเรียนรู้ทุกภาษาในโลก ในงานศึกษาวิจัยของแพทริเซีย คูฮ์ล แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้ระบุไว้ว่า
“ทารกนั้นเป็นประชากรของโลก เพราะสามารถเข้าใจเสียงและรูปแบบประโยค ของภาษาที่แตกต่างกันทั่วโลก”

โดยเธอยกตัวอย่างว่า ตั้งแต่เกิดทารกญี่ปุ่นก็สามารถแยกแยะเสียงระหว่าง R และ L ได้
แม้จะมีแต่เสียง R ที่ใช้กันอยู่ในญี่ปุ่นก็ตาม ซึ่งทารกจะสามารถแยกแยะเสียงดังกล่าวได้ไปจนถึงอายุ 6 เดือนค่ะ
พออายุ 12 เดือน ก็จะไม่พบความสามารถดังกล่าวแล้ว

เพราะแม้ตอนที่ทารกอายุยัง อยู่ในครรภ์แม่นั้น ทารกก็พยายามหันหาเสียงแม่ยามแม่ร้องเพลงกล่อม
นั่นแสดงว่าเซลล์สมองของทารกและลอกเลียนภาษาแล้ว

เพราะทารกเรียนรู้ที่จะพูดด้วยการฟังภาษา และสื่อภาษาตรงจากการพูดคุย
เพราะระหว่างอายุ 6-12 เดือน ทารกเริ่มค้นพบ ความสามารถในการเข้าใจเสียงพูดของภาษาพ่อแม่แล้วล่ะค่ะ


ยิ่งเรียนสูง สมองยิ่งกระฉับกระเฉง
ไม่ได้พูดเล่นๆ นะคะ มีงานวิจัยมายืนยันนั่งยันด้วย เรื่องนี้ดร. เชอริล แอลเกรดี
จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ออนทาริโอ บอกว่าถ้าเราสังเกตคนที่มีการศึกษาสูงๆ
เราจะเห็นลักษณะบางอย่างควบคู่ด้วยเสมอ
เช่น การมีสุขภาพที่ดี มีงานอดิเรกทำ มีเวลาว่างสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ
ซึ่งสภาพดังกล่าวนี่ล่ะที่มีผลต่อการเรียนรู้ และการทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ของสมอง

ดร. เกรดีและทีมงานได้ใช้เครื่อง MRI เพื่อสแกนดูการทำงานของสมองของกลุ่มหนุ่มสาว 14 คน
อายุระหว่าง 18-30 ปี และกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไปจำนวน 19 คน
เพื่อดูว่าอายุมีความสมพันธ์อย่างไรกับการศึกษาและการทำงานของสมอง

ในกลุ่มคนสูงอายุ ซึ่งมีการศึกษาสูงนั้น จะพบการทำงานที่กระฉับกระเฉงของสมองส่วนฟรอนทัลโลบ
ขณะที่กลุ่มคนสูงอายุแต่มีการศึกษาน้อย จะพบการทำงานของสมองส่วนอื่น
ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวจะให้ผลตรงกันข้ามในกลุ่มคนหนุ่มสาว

ดร.เกรดีสรุปถึงผลการศึกษาที่ค้นพบนี้ว่า การทำงานของสมองส่วนต่างๆ ของคนเรานั้น
สัมพันธ์กันระดับของการศึกษาและความสามารถในการจำตามระดับของ อายุด้วย

ทั้งยังเห็นว่าการทำงานของสมองของคนเราอย่างกระฉับกระเฉงนั้น
สะท้อนในกลุ่มคนสูงอายุที่มีระดับการศึกษาสูงค่ะ

เอ้า… เพื่อให้สมองของเราดี ต้องขยันเรียนเข้าไว้ค่ะ
ที่สำคัญอย่างที่เขาพูดกัน… ไม่มีใครแก่เกินเรียนหรอก… นะคะ


ข้อมูลจาก รักลูก
ที่มา : //www.elib-online.com
ภาพจาก : //www.lakefrontwellness.com


สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
0 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 21:00:09 น.
Counter : 762 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.