การฝากครรภ์ ควรจะไปฝากครรภ์เมื่อใด ?
ควรจะไปฝากครรภ์เมื่อใด?
ควรไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด เมื่อแน่ใจว่าตั้งครรภ์ หรือเมื่อแพทย์ตรวจพบว่าตั้งครรภ์ เพราะการไปฝากครรภ์ตั้งแต่แรกนั้นจะมีประโยชน์ทั้งต่อตัวแม่เองและทารกในครรภ์ แพทย์จะได้ตรวจสุขภาพของแม่ว่าจะมีโรคแทรกซ้อนใดๆ ที่มีอันตรายจากการตั้งครรภ์ หรือเป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ รวมทั้งโรคติดเชื้อต่างๆ อีกด้วย
ระยะเวลาที่ควรไปรับการตรวจครรภ์ 1. ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์จนถึงครบ 7 เดือน (28 สัปดาห์) ควรพบแพทย์ทุก 4 สัปดาห์ (เดือนละครั้ง)
2. ตั้งแต่ครรภ์ครบ 7 เดือน (28 สัปดาห์) หรือบางแห่งนัดเมื่อครบ 8 เดือน (32 สัปดาห์) ควรพบแพทย์ทุก 2 สัปดาห์ (เดือนละ 2 ครั้ง)
3. ตั้งแต่ครรภ์ครบ 9 เดือน (36 สัปดาห์) ให้พบแพทย์ทุกสัปดาห์
สถานที่ควรไปฝากครรภ์ ควรเป็นสถานีอนามัย โรงพยาบาลประจำอำเภอ (รพช.) โรงพยาบาลประจำจังหวัด และคลีนิคที่สะดวกต่อการเดินทางไปมา เพื่อในกรณีเจ็บครรภ์ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินในระหว่างตั้งครรภ์ จะได้ไปรับบริการได้โดยสะดวก
ภาวะเสี่ยงของหญฺงตั้งครรภ์ที่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 1. ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 17 ปี หรือมากกว่า 35 ปี 2. เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนด (คลอดก่อน 37 สัปดาห์) 3. เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก หรือครั้งที่ 4 ขึ้นไป 4. เคยคลอดลูกน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัมขึ้นไป 5. เครยได้รับการผ่าตัดที่มดลูก 6. เป็นโรคหัวใจ 7. ตรวจพบว่าเป็นโรคโลหิตจาง (ฮีโมโกลบิน ต่ำกว่า 11 กรัม หรือฮีมาโตคริท ต่ำกว่า 33 เปอร์เซนต์) 8. พบไข่ขาวในปัสสาวะ 9. พบน้ำตาลในปัสสาวะ 10. พบเชื้อกามโรค และ/หรือเชื้อเอดส์ 11. ควมดันโลหิต 140/90 มิลลิเมตรปรอทหรือมากกว่า 12. ต่อมไทรอยด์โต 13. ขนาดมดลูกไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์ 14. ครรภ์แฝด 15. ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ (ไม่ใช่ท่าศีรษะ) ตั้งแต่อายุครรภ์ 39 สัปดาห์ขึ้นไป 16. เลือดออกขณะตั้งครรภ์ 17. ตั้งครรภ์เกิน 40 สัปดาห์ 18. น้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1 กิโลกรัมต่อเดือน 19. เด็กดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน ตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ขึ้นไป
อาการผิดปกติที่ต้องรีบมาพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยเร็ว 1. แพ้ท้องมากกว่าปกติ 2. ไข้สูง 3. หลังเท้าบวม 4. ซีด 5. ปวดท้องหรือแน่นท้องมาก 6. ชัก ,หรือปวดศีรษะรุนแรง, ตาพร่า 7. เลือดออกทางช่องคลอด 8. ขัดเบา 9. มีน้ำออกทางช่องคลอด 10. ลูกในท้องดิ้นน้อยลง
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักในหญิงตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการป้องกันโรคบาดทะยักในทารกแรกเกิด ควรปฏิบัติดังนี้ี้
กรณีที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน ควรฉีด 2 ครั้งในระหว่างตั้งครรภ์ และฉีด 1 ครั้ง ภายหลังคลอดโดยเริ่มฉีดดังนี้ ฉีดครั้งที่ 1 ระยะแรกของการตั้งครรภ์ ฉีดครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 1 อย่างน้อย 1 เดือน ฉีดครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งที่ 2 อย่างน้อย 6 เดือน
กรณีที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาแล้ว 1. เคยได้รับการฉีดมาแล้ว 1 ครั้ง ควรจะฉีดเพิ่มอีก 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน ในระหว่างตั้งครรภ์ 2. เคยได้รับการฉีดมาแล้ว 2 ครั้ง ควรจะฉีดเพิ่มอีก 1 ครั้ง ในระหว่างตั้งครรภ์ 3. เคยได้รับการฉีดมาแล้ว 3 ครั้ง (ครบชุด) เกิน 5 ปี ให้ฉีดกระตุ้นอีกเพียง 1 ครั้ง 4. เคยได้รับการฉีดมาแล้ว 3 ครั้ง (ครบชุด) แต่ไม่เกิน 5 ปี ไม่ต้องฉีดกระตุ้น ทั้งนี้ทุกกรณีนับรวมทั้งที่เคยตั้งครรภ์คลอดมาก่อนหรือไม่ก็ตาม
ที่มา กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หนังสืออาหารหญิงตั้งครรภ์ 4 ภาค หน้า 74-75 ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2552 19:28:45 น. |
|
9 comments
|
Counter : 15014 Pageviews. |
|
|
|