Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
30 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
คลอดยาก ทารกอยู่ในท่าขวาง



เคยมีสามีคนไข้รายหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า
" การคลอดโดยวิธีธรรมชาตินั้น มีมานานเป็นแสนๆ ปี
ทำไมคนท้องจำนวนมากมายจึงไม่เลือกคลอดแบบธรรมชาติ ซึ่งน่าจะปลอดภัยและเหมาะสมกับคนมากที่สุด"

ข้าพเจ้าหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วตอบกลับไปว่า " จริงๆ ก็เป็นเช่นที่คุณพูดนั่นแหละ แต่ไม่ใช่ทุกกรณี
การที่คนเราจำเป็นต้องคลอดโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช่วิธีธรรมชาตินั้น
เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องช่วงที่กำลังจะคลอด เช่น ทารกอยู่ในท่าขวาง เป็นต้น"

การคลอดทารกท่าขวางเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ตามวิธีธรรมชาติ
นอกจากทำไม่ได้แล้ว หากชักช้า ทารกในครรภ์อาจตายได้จากการที่สายสะดือถูกกดทับ

เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา มีคนไข้รายหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ทำการผ่าตัดคลอดให้
เรื่องราวของเธอน่าตกใจไม่ใช่น้อย คนไข้สตรีรายนี้ชื่อ คุณสุรินทรา อายุ 25 ปี ตั้งครรภ์แรก เธอเป็นคนภาคใต้
อยู่แถวจังหวัดสุราษฎร์ธานี พี่สาวของคุณสุรินทราเป็นเพื่อนสนิทของข้าพเจ้า จึงต้องให้การเอาใจใส่เป็นพิเศษ

คุณสุรินทรามาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่ออายุครรภ์ค่อนข้างมาก คือ 7 เดือนหรือ 28 สัปดาห์
เดิมเคยฝากครรภ์ที่ต่างจังหวัดระยะหนึ่ง และเพิ่งย้ายตามสามีเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ
ตอนนั้นข้าพเจ้าได้ตรวจร่างกาย และตรวจอัลตราซาวนด์ พบว่า ความสูงของมดลูกเท่ากับ 30 เซนติเมตร
เมื่อวัดจากหัวเหน่า ทารกมีขนาดพอๆ กับอายุครรภ์ จากการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่างใบหูของทารกทั้งสองข้าง
ลูกสุรินทราเป็นเพศชาย แข็งแรงดี ส่วนรกเกาะอยู่ทางด้านบนของมดลูก น้ำคร่ำมีปริมาณและลักษณะทั่วไปปกติดี

จากนั้น ข้าพเจ้าได้นัดคุณสุรินทรามาตรวจครรภ์ทุก 2 สัปดาห์ ซึ่งไม่พบว่า มีปัญหาอะไร
น้ำหนักตัวคุณสุรินทราเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ ตอนอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ เธอมีมดลูกแข็งตัวบ้างเป็นบางครั้ง
หลังจากได้รับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ ปัญหาดังกล่าวก็หมดไป

ขณะที่อายุครรภ์ได้ประมาณ 38 สัปดาห์
วันหนึ่งเวลาตอน 5 ทุ่มเศษ คุณสุรินทรามีน้ำเดินออกมาทางช่องคลอด จึงเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ
และถึงที่นั่นประมาณ 12 นาฬิกา พี่สาวของเธอได้ติดต่อมาหาที่บ้านในระหว่างเดินทาง ข้าพเจ้าจึงตามไป

ระหว่างที่ข้าพเจ้าเดินทางมา ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์เข้าไปสอบถามพยาบาลห้องคลอดว่า
" คุณสุรินทราเป็นอย่างไรบ้าง"
พยาบาลห้องคลอดตอบว่า " หมอ…เด็กไม่ใช่ท่าหัวนะ น้ำคร่ำที่ออกมาก็มีสีเขียวข้นด้วย (Meconium)"
การที่น้ำคร่ำมีสีเขียวปน แสดงว่า เด็กถ่ายขี้เทาออกมา เนื่องจากขาดออกซิเจน อันมีผลให้หูรูดของก้นคลายตัว
อุจจาระเด็กจึงไหลออกมาและปะปะในน้ำคร่ำ
หากน้ำคร่ำมีสีเขียวข้นมาก ย่อมหมายถึงว่า ทารกขาดออกซิเจนมานานและอยู่ภาวะอันตรายอย่างยิ่ง

" อย่างนั้นก็ช่วยติดต่อทางห้องผ่าตัดว่า ผมจะเข้าไปทำผ่าตัดคลอดเดี๋ยวนี้เลยนะ
อีกประมาณ 10-15 นาที ผมคงเดินทางไปถึง"
ข้าพเจ้าสั่งการพร้อมกับขอให้ทางฝ่ายพยาบาลห้องคลอด ส่งคนไข้ที่ห้องผ่าตัดทันที

ที่ห้องผ่าตัด ข้าพเจ้าลงมีดและผ่าตัดชั้นต่างๆ ของผนังหน้าท้องคุณสุรินทราอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากว่าเป็นกรณีที่ทารกอยู่ในภาวะอันตราย การที่เด็กไม่อยู่ในท่าหัว ย่อมทำให้หัวเด็กไม่ลงมาสู่อุ้งเชิงกราน
และส่วนนำไม่ปิดทางออกของน้ำคร่ำ ซึ่งจะทำให้น้ำคร่ำไหลออกจากโพรงมดลูกตลอดเวลา
ไม่นานนักน้ำคร่ำก็จะหมด อันมีผลให้สายสะดือถูกกดทับและเด็กเสียชีวิตทันที

เมื่อผ่าตัดเปิดมดลูกส่วนล่างเข้าไป ปรากฏว่า ลูกคุณสุรินทรานอนขดตัวอยู่ในท่าขวาง โดยมีส่วนนำเป็นแผ่นหลัง
หรือกล่าวง่ายๆ คือ ส่วนหลังของเด็กอยู่ใกล้บริเวณปากมดลูกและช่องคลอดมากที่สุด (Dorso-Inferior) นั่นเอง
กรณีเช่นนี้ ย่อมเป็นการยากในการใช้มือล้วงเข้าไปจับขาเด็ก ซึ่งเป็นเทคนิคในการทำคลอดทารก
เนื่องจากเด็กจะขวางมือของสูติแพทย์

ยามผ่าตัดทำคลอดปกติ เวลาลงมีดบนตัวมดลูกนั้น
สูติแพทย์ทุกคนจะลงมีดบริเวณมดลูกส่วนล่างในลักษณะเป็นแนวขวาง (Horizontal)
ส่วนกรณีที่ตรวจพบทารกอยู่ในท่าขวางและทราบล่วงหน้าว่า ทารกเอาแผ่นหลังเป็นส่วนนำ (Dorso-Inferior)
การลงมีดบนตัวมดลูกอาจเปลี่ยนเป็นแนวตรง (Low vertical)
เพื่อสะดวกในการล้วงมือเข้าไปจับขาเด็กและทำคลอดแบบท่าก้น

" แย่แล้ว…ผมจับขาเด็กไม่ได้" ข้าพเจ้าอุทานอย่างไม่รู้ตัว จึงพยายามล้วงมือเข้าไปในโพรงมดลูก
และควานหาขาลูกคุณสุรินทรา 2 ครั้ง 2 ครา เมื่อทำไม่สำเร็จ ก็ต้องเปลี่ยนวิธี
" ส่งกรรไกรให้หน่อย ผมจะเปิดแผลตรงกลางเป็นรูป inverted T"

ข้าพเจ้าพูดสั่งการให้กับพยาบาลผู้ช่วย หลังจากนั้นจึงผ่าตัดเปิดแผลในลักษณะตัว T หัวกลับ
คือใช้กรรไกรตัดบริเวณกลางรอยแผลผ่าตัดด้านบนของมดลูก
เมื่อลงมีดตอนแรก พอเปิดขยายแผลเป็นแนวยาวตรง เป็นมุมฉากขึ้นไปได้ระดับหนึ่ง
ข้าพเจ้าก็ใช้มือขวาล้วงเข้าไปในโพรงมดลูกจับขาลูกคุณสุรินทรา พอจับขาได้ข้างหนึ่ง
ข้าพเจ้าค่อยๆ ดึงออกมาอย่างช้าๆ จนเห็นสะโพกและต้นขาอีกข้างหนึ่ง จึงทำคลอดขาข้างที่สอง
หลังจากนั้น การทำคลอดลำตัวและส่วนหัวของเด็กก็เป็นไปอย่างง่ายดาย

สิ่งสำคัญที่ข้าพเจ้าต้องเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ
คือใจเย็นๆ ค่อยๆ ดึงขาข้างที่จับได้ก่อนและทำคลอดส่วนขาข้างนั้นอย่างช้าๆ มิฉะนั้น ขาเด็กจะหัก
ถ้าเป็นไปได้ ข้าพเจ้าจะล้วงมือเข้าไปควานหาจับขาเด็กไว้ทั้งสองข้าง ตั้งแต่อยู่ในโพรงมดลูกแล้วค่อยๆ ดึงออกมา
การทำคลอดส่วนที่เหลือจะง่ายกว่าวิธีจับขาข้างเดียวเสียอีก

ลูกคุณสุรินทราคลอดออกมาเมื่อเวลา 00.39 นาฬิกา เป็นทารกเพศชาย แข็งแรงดี น้ำหนัก 2,800 กรัม
และคะแนนความสามารถแรกคลอด 7, 8, 10
คุณสุรินทรานอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 วันก็กลับบ้านพร้อมบุตร โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ

ข้าพเจ้ามีโอกาสทำคลอดทารกท่าขวางหลายครั้ง ทำให้มีประสบการณ์มาก
แต่แม้มีประสบการณ์ ข้าพเจ้าก็หวั่นใจทุกครั้งที่ผ่าตัดทำคลอดทารกท่าขวาง เพราะเด็กแรกคลอดตัวบอบบาง
การจับการดึงส่วนแขนขาต้องกระทำด้วยความระมัดระวังอย่างมาก
ดังที่เคยมีข่าว ปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า "ต้นขา (Femur) ของทารกหัก จากการทำคลอดท่าก้น"
ซึ่งการรักษาต้องใช้เวลานานพอสมควร

สำหรับกรณีของลูกคุณสุรินทรา พอผ่าตัดเปิดมดลูกส่วนล่าง แขนลูกคุณสุรินทราก็โผล่ออกมาก่อน
ข้าพเจ้าค่อยๆ จับแขนเด็กงอตามแบบธรรมชาติ ยัดใส่กลับเข้าไป พอล้วงมือเข้าไปในโพรงมดลูก
และควานหาขาเด็ก ก็ไปจับเอาแขนเด็กอีกข้างหนึ่งออกมา ข้าพเจ้าค่อยๆ จับยัดเข้าไปใหม่
จากนั้นจึงตัดสินใจเปิดขยายแผลผ่าตัดรูปตัว T หัวกลับ ซึ่งจำเป็นต้องเปิดแผลให้กว้างพอสมควร
ข้าพเจ้าถึงล้วงมือเข้าไปจับขาของลูกคุณสุรินทรา และทำคลอดได้ในที่สุด
นั่นคือความยากลำบากของการทำคลอดทารกท่าขวาง

หลังคลอด ข้าพเจ้าได้เข้าไปอธิบายถึงการคลอดให้คุณสุรินทราและสามี รวมทั้งพี่สาวของเธอด้วย
โดยพูดถึงความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนั้น สำหรับแผลผ่าตัดรูปตัว "T กลับหัว" บนตัวมดลูก
ข้าพเจ้าได้ตรวจดูภายหลังทำคลอดรกและมดลูกหดตัวแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาหากตั้งครรภ์ที่สอง
อย่างไรก็ตาม คุณสุรินทราเว้นระยะการมีลูกออกไปอย่างน้อย 1 ปี
เพื่อให้มดลูกกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง

อนึ่ง เรื่องร้ายๆ มักจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว กรณีทารกท่าขวางที่เกิดกับคุณสุรินทราซึ่งเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท
นับเป็นตัวอย่างที่ดี หากข้าพเจ้าเดินทางไปถึงโรงพยาบาลช้ากว่านี้สักชั่วโมง
ลูกคุณสุรินทราอาจอยู่ในสภาพที่แย่มากหรือเสียชีวิต เพราะน้ำคร่ำไหลออกจากโพรงมดลูกเกือบหมดแล้ว
ข้าพเจ้าจึงเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่ง ประกอบกับได้สั่งสมประสบการณ์มานานหลายปี
จึงทำให้สามารถแก้ปัญหานี้ได้ แม้จะตื่นเต้นระทึกใจอย่างมากก็ตาม ใครที่มีจินตนาการดี คงนึกวาดภาพได้ว่า
การจับ การดึงรั้ง การล้วงมือเข้าไปคลำหาขาของทารกน้อยที่ลำตัวพับซ่อนอยู่ในที่แคบๆ
ย่อมเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างมากมาย
ตอนนั้นลูกคุณสุรินทราแสดงอาการขาดออกซิเจน ด้วยการถ่ายขี้เทาออกมาจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม คงเป็นด้วยข้าพเจ้าทำบุญมามาก ทุกสิ่งทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี
ถึงบัดนี้ข้าพเจ้ายังขนลุกซู่อยู่เลยเมื่อนึกถึงการทำคลอดครั้งนี้

การเผชิญหน้ากับทารกท่าขวางในครรภ์ ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือพบโดยบังเอิญ
สูติแพทย์มีโอกาสพบทารกท่าขวางได้บ่อยๆ เวลาทำคลอดทารกคนที่ 2 ของครรภ์แฝด
ไม่ว่าการคลอดนั้นจะเป็นการคลอดโดยวิธีธรรมชาติ หรือผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้อง
ดังนั้น จึงต้องเตรียมพร้อมเสมอเมื่อเจอครรภ์แฝด สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ทันทีที่คลอดทารกคนแรกออกไป
ข้าพเจ้าจะคลำหา และจับขาข้างใดข้างหนึ่งของทารกคนที่ 2 บนถุงน้ำคร่ำในขณะที่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
จากนั้น ถึงจะเจาะถุงน้ำคร่ำ และทำคลอดทารกคนที่ 2 ออกมาอย่างไม่ยากเย็นนัก

เรื่องราวของทารกท่าขวาง เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจและไม่ประมาท
สูติแพทย์อาจพลาดในการวินิจฉัยเบื้องต้น แต่นั่น…ยังไม่สำคัญเท่ากระบวนการผ่าตัดและทำคลอด
ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความนุ่มนวลในการจับดึงขาทารกน้อย

ความจำเป็นในการช่วยเหลือดูแลผู้คน เช่น หมอ นักผจญเพลิง/อุทกภัย
ล้วนแล้วแต่จะต้องอาศัยเมตตาจิต มิตรไมตรี โชคและประสบการณ์ด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าโชคดี ผลลัพธ์ก็เป็นที่ชื่นชม แต่ถ้าโชคร้าย ผู้ที่เราช่วยเหลือ เกิดทุพลภาพปางตายหรือเสียชีวิต
นั่นก็อาจเปลี่ยนผู้ใจบุญเป็นปีศาจร้าย ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว… ไม่มีใครอยากให้เป็นไปในทางที่ไม่ดี

บางทีเราน่าจะขอบคุณท้องฟ้าหรือพระเจ้า ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้
การกระทำความดีต่อเพื่อนมนุษย์บ้างก็น่าจะดี และไม่ควรถือเป็นบุญคุณด้วย
เพราะบ่อยครั้งที่มีคนช่วยเหลือเรา พอเราหันกลับไปเพื่อจะขอบคุณ เขาก็ไม่อยู่…เสียแล้ว


ข้อมูลโดย : หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 26 ฉบับที่ 8
ที่มา : //www.elib-online.com
ภาพจาก : //www.lilsugar.com


สารบัญแม่และเด็ก




Create Date : 30 มิถุนายน 2553
Last Update : 30 มิถุนายน 2553 11:58:32 น. 0 comments
Counter : 9431 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.