คำพูดพ่อแม่กำหนดทิศชีวิตลูก
ปัญหาหนักอกของพ่อแม่ในปัจจุบัน คือ การเลี้ยงลูกให้เหมาะสมกับสภาพสังคม รพ.บางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล จึงจัดสัมมนา “ทักษะชีวิต วิธีการเป็นพ่อแม่” ณ รพ.บางกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อให้พ่อแม่เรียนรู้และทำความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก โดย พญ.จิตรา วงศ์บุญสิน กุมารแพทย์ประจำโรงพยาบาลบางปะกอก 1 เจ้าของผลงานหนังสือ “ออกแบบลูกรักด้วยวิธีเลี้ยง” และ “เก้าอี้ 4 ขาสู่การเรียนรู้” นำรายได้ทั้งหมดจากการจัดงานมอบให้ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก
พญ.จิตรา พญ.จิตรา กล่าวว่า ชีวิตคนเราเหมือนการขี่จักรยาน ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองจึงจะขี่ได้ แต่จุดมุ่งหมายในชีวิตต่างกัน บางคนเอาใจใส่จักรยานที่ขี่ แต่บางคนไม่สนใจ ท้ายสุดจักรยานก็พัง
เหมือนคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มักอ้างเหตุผลที่ไม่เลี้ยงลูกว่า เวลาไม่พอ ต้องทำงานมาก ๆ เพื่อหาเงินเลี้ยงลูก เลี้ยงลูกไม่เป็น ให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงดีกว่าเพราะมีประสบการณ์ สุดท้ายกว่าจะรู้ตัว ชีวิตลูกก็พังไม่เป็นท่าไม่เหลืออะไร
เช่นเดียวกับการเชียร์กีฬา ที่มีกองเชียร์ คอยวิจารณ์และพูดถึงอดีต, ผู้เล่นมองปัจจุบัน และโค้ชมองถึงอนาคตของผู้เล่น พ่อแม่ส่วนใหญ่ชอบเป็นกองเชียร์ที่วิจารณ์ ไม่ลงมือทำ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมักโทษว่าเป็นความผิดของผู้อื่น ดังนั้น พ่อแม่ต้องสวมบทบาทของการเป็นผู้เล่นและโค้ช เพื่อวางแผนและสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูก
กุมารแพทย์ กล่าวว่า ลูกจะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกสำคัญมาก เพราะพฤติกรรมจะซึมลึก เมื่อใกล้ใครจะเลียนแบบคนนั้นเป็นเหมือนกระจกเงา ฉะนั้นถ้าอยากให้ลูกเติบโตเป็นเช่นไร พ่อแม่ต้องเป็นกระจกที่ดี
โดยสิ่งสำคัญในการเลี้ยงลูกคือ ต้องตั้งจุดหมายที่ต้องการก่อน ในที่นี้คือความสุข ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความสุข ให้ลูกมีความสุขมาจากข้างในมาจากจิตใจไม่ใช่แค่สุขจากภายนอก เพราะนั่นไม่ใช่ ความสุขที่แท้จริง เมื่อลูกมีความสุขแล้ว สิ่งอื่น ๆ จะตามมา ทั้งการเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ เป็นคนเก่ง เป็นต้น
“สิ่งถัดมาคือการมีแบบอย่างแห่งความประทับใจ เพื่อให้ลูกอยากได้เป็นแบบอย่าง ทุกอย่างรวมกันเป็นลูกข่างสู่ความเป็นอัจฉริยะ นั่นคือเริ่มต้นจากความสุข มีพลังสมอง นำไปสู่ความสำเร็จ เมื่อสำเร็จก็มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งทำให้มีความสุข วนเวียนเช่นนี้
การให้ลูกเป็นลูกข่างอัจฉริยะต้องมีปัจจัยอื่นเสริมคือ ร่างกายต้องแข็งแรง มีสติปัญญา และต้องสอนให้ลูกอยู่ในโลกแห่งความจริง อยู่ได้อย่างมีความสุขด้วยตัวเอง เพราะพ่อแม่ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอด”
พญ.จิตรา วงศ์บุญสิน กล่าวถึงสิ่งสำคัญอีกประการคือการสร้างความเชื่อใจไว้วางใจกับลูก พ่อแม่ต้องรักษาคำพูด พูดแล้วทำตามกติกาและเสมอต้นเสมอปลาย เพื่อให้ลูกเกิดความเชื่อถือและไว้ใจ อย่าคาดหวังหรือตั้งความหวังมาก เพราะหากไม่ได้ ตัวเราจะหงุดหงิด อารมณ์เสีย พาลใส่ลูก ทุกครั้งที่เราบ่น สิ่งที่ไม่รู้คือ เราได้สูญเสียความรักจากลูกลงไปทีละน้อย และลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
ดังนั้นการสื่อสารจึงมีความสำคัญ ที่จะเป็นตัวช่วยในการสร้างความเข้าใจ หัวใจสำคัญของการสื่อสารอยู่ที่การฟัง
โดยเฉพาะการพูดกับเด็ก ไม่ต้องพูดยาวมาก เพราะเนื้อหาที่เข้าไปสู่เด็กมีแค่ร้อยละ 6% แต่เด็กซึมซับจากภาษากายมากกว่า
ดังนั้นการคิดอะไรในใจไว้ก่อน และสรุป ถือเป็นการสื่อสารที่ปิดหูกว่าครึ่ง และทำให้เราเสียโอกาส ควรให้เวลาในการฟังเด็ก และแสดงภาษากายกับเขาด้วย เปิดโอกาสให้พูด หากอยากให้ลูกทำอะไร บอกกับเขาตรงๆ อย่าพูดบั่นทอนกำลังใจ ต้องให้กำลังใจ ชมเมื่อลูกทำได้ หากลูกได้รับบทเรียนจากการทำพลาด ต้องไม่ซ้ำเติมหรือพูดซ้ำซากเรื่องเก่า
ที่สำคัญให้เริ่มต้นประโยคด้วยการใช้คำแทนตัวเลยว่า พ่อ, แม่, ปู่ หรือย่า ฯลฯ อยากให้ลูกทำแบบนั้น ทำแบบนี้
“ให้ความสำคัญกับลูกมาก ๆ ในเวลาที่อยู่ด้วยกัน ใช้วิธีโน้มน้าวใจลูกแทนการบังคับ พูดให้ลูกเห็นคล้อยตาม หากลูกยังไม่เห็นด้วยให้พูดทุกวันจนคล้อยตามเรา เมื่อลูกทำตามต้องให้คำชมเชย ให้กำลังใจ เพราะคำพูดพ่อแม่เป็นกำลังใจสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กวัยรุ่น ต้องคิดเสมอว่าเลี้ยงลูกด้วยความรักและให้โอกาส อยากให้ลูกเติบโตมาเป็นเช่นไร ต้องเลี้ยงลูกแบบนั้น” พญ.จิตรากล่าว
ที่มา : //lukkidthai.com ภาพจาก : //www.wallcoo.net
สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 21:30:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 914 Pageviews. |
|
|
|
|
|