เผย 10 ลักษณะเด็กเสี่ยงติดยา ต้นตอหลักปัญหาครอบครัว
สำนักงานป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดออกมาเปิดเผยผลงานวิจัย 10 ลักษณะของครอบครัวที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เยาวชนเข้าไปใช้ยาเสพติด เพราะเนื่องจากปัจจุบันนี้ ยากที่จะปราบปรามยาเสพติดเหล่านี้ให้หมดไปได้
แม้ว่าปัญหายาเสพติด ที่ภาครัฐดำเนินการปฏิบัติการมาอย่างเข้มข้นอยู่เป็นระยะ ต้องปราบแล้วปราบอีก เพราะยังคงมีผู้ค้า ผู้เสพรายใหม่ตบเท้าเข้ามาเป็นร่วมขบวนการไม่ขาดสาย ปัญหายาเสพติดจึงยังคงไม่หมดไป
"เราเผลอ เราแผ่ว มันโผล่" นี่คือปัญหายาเสพติด จึงเป็นภาระที่ภาครัฐต้องทุ่มกำลังลงไปจัดการปัญหาอย่างต่อเนื่อง กวาดล้างจับกุมยาเสพติดในประเทศ สกัดกั้นการลักลอบนำเข้าจากภายนอกประเทศ แต่ก็ไม่หมดสิ้น
สังคมอาจมองว่าการกวาดล้างปัญหายาเสพติดจะทำให้หมดไป แต่ลืมมองว่าแท้จริงปัญหายาเสพติดเหมือนจุดใต้ตำตอ เพราะปัญหายาเสพติดจุดเริ่มต้นนั้นมาจากพื้นฐานของครอบครัว
ดังนั้นสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดยมี พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้จัดทำผลงานวิจัยของสำนักพัฒนาการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงบประมาณ ความช่วยเหลือด้านการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ดำเนินการระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน 2548
โดยสำรวจงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุ ปัจจัย และการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเป้าหมายเยาวชนไทยที่ทำภายใน ประเทศ 8 ปีย้อนหลังเมื่อปี 2540-2547 จำนวน 141 เล่ม ทำให้ทราบถึงสถานการณ์ของสาเหตุและปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เยาวชนเข้าไปใช้ยาเสพติดในประเทศไทย
งานวิจัยดังกล่าวพบว่า ครอบครัวรวมทั้งการเลี้ยงดู เป็นสาเหตุหนึ่งนำไปสู่พฤติกรรม การเข้าไปเกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดของเยาวชน คือ
1. ครอบครัวที่มีลักษณะความสัมพันธ์แบบขัดแย้ง นั่นคือ สมาชิกในครอบครัวมีปฏิสัมพันธ์หรือความสัมพันธ์เชิงลบต่อกัน เกิดความขัดแย้งทั้งทางความคิดและพฤติกรรม
2. ครอบครัวที่ขาดการมีส่วนร่วมระหว่างสมาชิกในครอบครัว สมาชิกไม่มีโอกาส ไม่มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน
3. ครอบครัวที่ผู้ปกครองคาดหวังต่อสมาชิกในครอบครัวสูงเกินไป รวมทั้งพยายามผลักดันให้สมาชิกเป็นแบบที่ตนเองต้องการ ทำให้สมาชิกขาดความเป็นตัวของตัวเอง นำไปสู่การไม่สามารถพัฒนาบุคลิกภาพที่เหมาะสมเฉพาะของตนเองได้ ขาดความเชื่อมั่น ขาดความเป็นตัวของตนเอง และต้องการการพึ่งพามากขึ้น
4. ครอบครัวที่มีเศรษฐกิจสถานะที่ไม่ดีหรือดีมากเกินไป กรณีสถานะทางเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสร้างอาชีพและการหารายได้ สมาชิกในครอบครัวเติบโตท่ามกลางวัตถุนิยม เช่น โทรทัศน์ การเลี้ยงดูแบบว่าจ้าง ขาดเอกลักษณ์ครอบครัว ส่วนอีกกรณีคือจะอบรมเลี้ยงดูท่ามกลางเงินทอง แต่ขาดการอบรมเลี้ยงดูที่แสดงถึงความสัมพันธ์อย่างแท้จริง รวมทั้งขาดการบริหารจัดการเงินที่ดี ทำให้มีเงินเหลือใช้ที่จะนำไปซื้อยาเสพติด
5. สมาชิกในครอบครัวใช้สารเสพติด จึงเกิดการเลียนแบบพฤติกรรมบางอย่างจากบุคคลที่ใกล้ชิด หรือให้ความเคารพนับถือ โดยเฉพาะพ่อแม่เป็นบุคคลที่เป็นตัวแบบที่มีอิทธิพลมากที่สุด และนำไปสู่การติดยาเสพติดรุนแรงมากขึ้น
6. ครอบครัวที่ไม่มีการสั่งสอนว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่ไม่มีเวลาในการอบรมเลี้ยงดูสมาชิก และเห็นว่าเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องนอกครอบครัว จึงไม่ให้ความสำคัญและระแวดระวังสมาชิกเท่าที่ควร
7. แบบแผนการเลี้ยงดูของครอบครัว ควรให้เด็กได้พยายามพึ่งพาตนเองและช่วยเหลือตนเองแบบค่อยเป็นค่อยไป และสนับสนุนการแสดงความรักต่อสมาชิกทั้งภาษาพูดและภาษากาย รวมทั้งสนับสนุนให้เด็กได้พัฒนาทักษะอย่างเหมาะสม ผ่านการเรียนรู้ต่างๆ ขณะที่แบบแผนการเลี้ยงดูที่ครอบครัวโอบอุ้มปกป้องเด็กมากเกินไป ส่งผลให้เด็กไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ รวมทั้งไม่พัฒนาวุฒิภาวะที่เหมาะสมกับวัย
8. ครอบครัวที่ใช้อำนาจนิยมและใช้ความรุนแรง สมาชิกในครอบครัวมักถูกกำหนดให้ต้องดำเนินชีวิตเป็นไปตามต้องการ และมักมีการใช้อำนาจควบคู่กันไป
9. ครอบครัวแตกแยก เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ครอบครัวไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเมื่อคนใดคนหนึ่งไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
10. ครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แบบห่างเหิน บุตรหลานขาดที่ปรึกษาและไม่กล้าปรึกษาเนื่องจากขาดความผูกพัน เมื่อมีปัญหาส่วนตัว เช่น การเรียน การงาน ความรัก ทำให้เกิดปัญหาภาวะอารมณ์ตามมา เป็นตัวผลักดันให้หลีกหนีจากครอบครัว และหันไปผูกพันกับคนภายนอกครอบครัว
อย่างไรก็ตามทั้ง 10 ลักษณะครอบครัวเป็นปัจจัยเสี่ยงที่บุตรหลานจะเสพหรือติดยาเสพติด แม้จะมีปัจจัยอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ เช่น ลักษณะบุคลิกเฉพาะตัว ลักษณะทางสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม แต่ปัญหาครอบครัวที่ขาดประสิทธิภาพในการอบรมเลี้ยงดู ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด เพราะเป็นสถาบันที่หล่อหลอมและเป็นหน่วยย่อยที่สุดในสังคม
ส่วนปัญหาการติดยาเสพติดของวัยรุ่นนั้น น.พ.อภิชัย มงคล รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้ความคิดเห็นว่า เด็กบางคนมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตตั้งแต่ยังเล็ก เพราะอาจจะมีปัญหาด้านการเรียนหนังสือไม่เก่ง ประพฤติตัวไม่ดี ทำให้โดนพ่อแม่ครูอาจารย์ต่อว่า จึงทำให้เด็กไม่อยากไปเรียนหนังสือ รวมทั้งเพื่อนฝูงไม่ให้ความนับถือ
น.พ.อภิชัย บอกว่าปัญหาดังกล่าวอาจทำให้เด็กเข้าไปมั่วสุมรวมกลุ่มกันมากขึ้น เมื่อพอโตเป็นวัยรุ่น ต้องการความเคารพนับถือการยอมรับเพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่เมื่อเขาขาดทักษะไม่สามารถอยู่ในกลุ่มที่ดีได้ ก็จะเลือกไปอยู่ในกลุ่มหนึ่งที่ยอมรับเขา เช่น "ดีไม่ได้เป็นโจรก็เท่" เหมือนเป็นการยอมรับสิ่งที่เขาทำ แม้เป็นกลุ่มแคบทำให้เขาเด่นเรื่องไม่ดี จนกลายเป็น "มั่วสุมยาเสพติด ต่อต้านสังคมเพิ่มมากขึ้น"
ส่วนการดูแลของพ่อแม่นั้น น.พ.อภิชัย แนะนำว่าต้องเข้าใจว่า เด็กวัยรุ่นต้องการความสนุกสนานตื่นเต้น ความเร้าใจ ท้าทาย พ่อแม่ต้องให้การสนับสนุนในส่วนที่เขาชอบ ถ้าไปขัดขวางก็ทำให้เขาเบื่อเป็นโรคซึมเศร้าก็จะมีสภาพจิตอ่อนๆ
"ถ้าจังหวะนั้นมีคนมาเสนอให้ลองเสพยาก็จะรับเข้าได้ง่าย พ่อแม่ควรสนับสนุนให้เขาทำในสิ่งที่เขาชอบ อีกอย่างอย่าบังคับให้เรียนอย่างเดียวอาจทำให้เด็กหนีเรียน หนีออกจากบ้าน เพราะเขารู้สึกเป็นเรื่องตื่นเต้นที่ผิดๆ นำไปสู่การติดยา ภูมิใจในสิ่งที่ผิด"
ดังนั้น การดูแลบุตรหลานจึงเป็นการสร้าง เกราะป้องกันในครอบครัวและเป็นเรื่องสำคัญที่มักถูกมองข้ามไป มุ่งแต่จะแก้ปัญหาระดับมหภาคจนลืมมองส่วนสำคัญที่สุด คือ "ครอบครัว" หากเพียงครอบครัวปลูกฝังให้รู้จักการทำ “ความดี" ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก เช่น ต้องขยันหรือเรียนเก่งตามแบบอย่างที่หลายครอบครัวมักปลูกฝังกัน
หากมองว่าแค่เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก็ถือเป็นการทำความดีที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ตนเอง ให้แก่ครอบครัว ให้แก่ประเทศชาติได้ ไม่ยากอย่างที่คิด
ข็อมูลโดย : //www.komchadluek.net ที่มา : //www.dmh.go.th
สารบัญแม่และเด็ก
Create Date : 01 มิถุนายน 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 21:23:15 น. |
Counter : 1131 Pageviews. |
|
|
|