5 Tips to be Young Creative
เป็นเรื่องจริงที่โลกยุคนี้และยุคหน้าต้องการความคิดสร้างสรรค์ เพื่อรักษาและแปรเปลี่ยนทรัพยากร ที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ให้เปี่ยมคุณค่ามากที่สุด
ดังนั้นความเป็นนักคิดและครีเอทีฟ จะช่วยให้เด็กๆ รับมือกับเรื่องราวต่างๆ ได้ดี ทั้งเป็นฟันเฟืองที่สำคัญของโลกใบนี้ด้วย
และเรื่องจริงอีกอย่างก็คือ ครีเอทีฟซึ่งมีความคิดเจ๋งๆ น่ะ ส่วนใหญ่ได้จากแรงบันดาลจากการเล่นในวัยเยาว์ทั้งนั้น…
โจเซฟ เพีร์ซ นักพัฒนาวิวัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กผู้ที่มีชื่อก้องโลก กล่าวไว้ว่า “เด็กที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่ไม่มีความหวังอะไรอีกด้วย”
พลังแห่งจินตนาการเป็นพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ค่ะ สร้างเด็กให้ เป็นคนมีชีวิตชีวา อยู่บนโลกด้วยความหวัง และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ได้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของมนุษย์โลกอย่างหนึ่ง อย่างเช่น โทมัส อันวา เอดิสัน คิด ค้นหลอดไฟขึ้นมา เพียงเพราะว่าเขามีแรงบันดาลใจ จากการหาหนทางขจัดความกลัวยามค่ำคืนอันมืดมิดนั่นเอง สุดท้ายหลอดไฟก็ส่องสว่างอยู่ทั่วโลก
ดังนั้น เด็กวัยซนอายุ 3-6 ปี ซึ่งเป็นช่วงแสวงหาสิ่งใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เป็นที่สุด ก็มักแสดงความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการออกมาหลายอย่าง ซึ่งบางครั้งคุณแม่อาจ ไม่เข้าใจและส่ายหน้า เพราะคิดว่านั่นคือความซน ความดื้อของลูก
…มาคิดในมุมกลับสักนิดนะคะ ว่าลูกเรากำลังเป็น Young Creative ตัว น้อยอยู่ต่างหากล่ะ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเชื่อมต่อพัฒนาการด้านความคิด เข้ากับไอเดียการเล่นสนุก ของลูกให้ดี เพราะจุดนี้จะกลายเป็นพื้นฐานให้เด็กรู้จักคิดนอกกรอบ มีความคิดสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหาเป็น และตอบสนองความต้องการของสังคมในอนาคตที่เขาต้องเติบโต และใช้ชีวิตอยู่ค่ะ
เอาล่ะ…คราวนี้ก็ลองมาดู 5 วิธี สร้าง Young Creative กัน
★ 1. อิสระเสรี เริ่มง่ายๆ กันก่อนนะคะ ถ้าเป็นกิจกรรมที่ไม่เป็นอันตรายหรือกิจกรรมที่ลูกอยากเลือกทำเอง เราต้องให้อิสระทางความคิดและความรู้สึกของลูก โดยไม่สกัดกั้น ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม เช่น คำพวก “อย่า” “ห้าม” เป็นต้น เพราะจะทำให้ลูกตกใจ และไม่มั่นใจในตนเอง
ส่วนสถานที่หรือกิจกรรมนั้นๆ จะต้องมีความปลอดภัย เช่น หาพื้นที่ให้เป็นมุมของลูกพร้อมอุปกรณ์ประดิษฐ์ต่างๆ เช่น กระดาษสี กล่องกระดาษ และกาวแป้งเปียก (แบบ non-toxic) ให้ลูกได้ฉีก แปะ สร้างผลงานศิลปะ หรือสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมา
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพียงเฝ้าดูห่างๆ ก็พอ จะช่วยให้เด็กๆ แตกยอดความคิดออกมาได้มาก เพราะทุกครั้งที่คุณพ่อคุณแม่บอกว่า ทำอย่างนั้นสิ อย่างนี้สิ จะทำให้ความคิดของลูกสะดุดและขาดช่วงลงไป ผลงานที่สร้างสรรค์มา ก็จะกลายเป็นผลงานของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำผ่านมือลูกเท่านั้นเอง
★ 2. ต้นแบบสร้างสรรค์ คุณพ่อคุณแม่คือตัวอย่างที่ลูกสามารถเลียนแบบได้ง่าย และมีน้ำหนักมากที่สุด ทั้งการกระทำ วิธีคิด วิธีแก้ปัญหา ดังนั้นถ้าเปิดโอกาสให้ลูกร่วมทำงาน และออกความคิดเห็นในบางเรื่อง ถือเป็นช่องทางให้ลูกจดจำ และเรียนรู้จากพ่อแม่นำมาพลิกแพลงให้เข้ากับ สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่ลูกต้องเผชิญ
เช่น ก่อนคุณพ่อจะซ่อมบ้าน การพาลูกไปหาข้อมูลด้วยการเดินดูอุปกรณ์ ที่เหมาะสมตามร้านตกแต่งบ้านแบบ ใหม่ๆ อยู่เสมอ ลูกจะได้ความรู้เรื่องคุณสมบัติของอุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆ คุณอาจจะได้ยินหรือได้ไอเดียเก๋ไก๋น่ารักของลูก เช่น “หนูชอบลูกแก้ว เอาลูกแก้วไปฝังในปูนตามทางเดิน ที่คุณพ่อจะเทปูนได้ไหมคะ” เป็นต้น
★ 3. เชื่อมโยงกฎเกณฑ์ เราต้องสอนให้ลูกเข้าใจต้นเหตุของกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าทำตาม กฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แต่ไม่รู้ความหมายเลย บางครั้งทำไปเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ เด็กบางคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องห้าม ส่งผลให้เด็กไม่กล้าคิดและไม่ได้คิดเชื่อมโยงเหตุและผลไปโดยปริยาย
เช่น คุณแม่ห้ามลูกไม่ให้เอาดินน้ำมันไปแปะผนัง ควรอธิบายด้วยว่าเพราะเนื้อดินน้ำมัน เมื่อติดเข้าไปในผนังปูน จะทำความสะอาดออกยาก ก่อให้เกิดความเข้าใจกับลูกมากกว่าคำสั่งห้ามอย่างเดียว จากนั้นค่อยช่วยกัน คิดว่าลูกจะแปะดินน้ำมันที่ไหนได้บ้าง
★ 4. ชวนลูกตั้งคำถาม เราจะรู้ว่าเด็กเก่งหรือไม่ ต้องดูจากคำตอบของเขา แต่หากอยากรู้ว่าเขาฉลาดหลักแหลมหรือไม่ ต้องดูจากคำถามของเขา คราวนี้ก็ถึงตาคุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ ว่าอยากให้ลูกเก่งหรือฉลาด แต่เชื่อว่า 99% คงเลือกให้ลูกเป็นคนฉลาดแน่ๆ
★ 5. เคารพความคิด ดุ ว่า หัวเราะ เยาะเย้ย สิ่งเหล่านี้ควรละเว้นที่สุดค่ะ เพราะเวลาลูกมีไอเดียที่เป็นไปไม่ได้หรือน่าขัน อย่างไรก็ตาม แต่ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกรู้ว่ามีตัวตนในครอบครัว ความคิดของเขามีค่า ซึ่งจะทำให้ลูกกล้าคิดกล้าทำ ประสบการณ์ด้านความคิดของลูกก็จะงดงาม ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้างค่ะ
ทั้งนี้ คนรอบข้างควรมองให้เป็นเรื่องน่าสนใจ แล้วมาชวนคิดชวนคุย จะช่วยให้ลูกคิดสร้างสรรค์และต่อยอดความคิดได้ดี
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่คาดหวัง มักจะเป็นชิ้นงานสุดยอดจากความคิดสร้างสรรค์ของลูก ซึ่งความจริงแล้วการสอนลูกให้เป็น Young Creative นั้น ไม่ใช่เพียงแค่มองเห็นผลงานของลูกที่ปรากฏเท่านั้น แต่การสร้างนักคิดตัวน้อย คือการเปิดโอกาสให้ลูกได้พบประสบการณ์ที่แตกต่าง ได้ทักษะใหม่ๆ รวมทั้งได้บรรทัดฐานความคิดให้กับชีวิตในวันต่อไปด้วยค่ะ ตอนนี้เวลาเห็นลูกเล่นเลอะเทอะแค่ไหนให้ท่องในใจ Young Creative …ค่ะ.
ข้อมูลจาก รักลูก ที่มา : //www.elib-online.com ภาพจาก : //family.go.com
สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2553 21:11:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 618 Pageviews. |
|
|
|
|
|