5 เทคนิคสอนลูกเรียนรู้ผ่านเทศกาลตรุษจีน
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ...ซินนี้ตั่วถั่ง ค่ะ
ดิฉันเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่หน้าตาค่อนไปทางหมวย มีอากงอาม่าข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีน เพื่อมาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย และมีรสนิยมวิไล มีลูกจำนวนมากในยุคสมัยนั้นเช่นกัน คุณแม่ดิฉันเป็นลูกสาวคนที่ 4 จากจำนวนพี่น้อง 9 คน และจากพี่น้อง 9 คน ก็แยกไปมีครอบครัวทุกคน ต่างก็มีลูกมีหลานอีกจำนวนมากมาย ยังไม่นับรวมญาติข้างพ่อที่มีเชื้อสายจีนเหมือนกัน มีพี่น้องในจำนวนใกล้เคียงกับแม่ และก็แตกหน่อออกลูกหลานไปอีกจำนวนมาก
ดิฉันเลยกลายเป็นคนญาติเยอะไปโดยปริยาย เวลาจะพบปะวงศาคณาญาติ ก็จะเป็นเทศกาลตรุษจีน ที่ต่างคนต่างก็พาครอบครัวมาร่วมไหว้บรรพบุรุษ และถือโอกาสรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงประเด็นสำคัญอีกประการ ก็คือ การอัปเดตชีวิตของพี่น้องแต่ละคนว่ามีลูกเต้ากี่คน หน้าตาเป็นอย่างไร ชื่ออะไร เรียนที่ไหน ถามกันให้วุ่น โดยมีกิจกรรมสุดท้ายที่ผู้ใหญ่ชอบทำร่วมกัน คือ รำพัด..!!
ในขณะที่กิจกรรมของเด็กๆ จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ดิฉันจำได้ว่าพอถึงวันตรุษจีนทีไรเป็นต้องมีความสุขทุกที เพราะนอกจากได้พบเจอญาติผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาพร้อมซองอั่งเปา ก็ยังได้เจอพี่น้องเพื่อนวัยเดียวกัน ทำให้ได้วิ่งเล่นร่วมกันจนลืมเวลาไปเลย ทั้งยังได้รับประทานอาหารหลากชนิด มื้อพิเศษอีกมากมาย
ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความสนุกอย่างเดียวนะคะ แต่เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมมากมายในพิธีกรรม จำได้ว่า เด็กๆ ต้องร่วมกันพับกระดาษเงินกระดาษทอง ต้องช่วยผู้ใหญ่ในการจัดเตรียมอาหารและวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งเป็นงานที่เด็กทุกคนสนุกที่ได้มีส่วนร่วม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอีกต่างหาก
นั่นคือ ความรู้สึกเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนในยุคสมัย ที่อากงอาม่ายังมีชีวิตอยู่ แต่พออากงอาม่าเสียชีวิตทั้งคู่ เทศกาลตรุษจีนในวัยเด็กก็เปลี่ยนไป เพราะพี่น้องของพ่อแม่ต่างคนต่างก็มีภารกิจของครอบครัว ต่างก็แยกกันไปไหว้บรรพบุรุษในครอบครัวของตนเอง ไม่ได้มารวมตัวกันเหมือนก่อน ทำให้สายสัมพันธ์เริ่มห่างเหิน ประมาณว่า ถ้ารุ่นเหลนของอากงอาม่าไปพบเจอกันข้างนอก อาจจะไม่รู้ตัวว่าคนที่พบกันเบื้องหน้า คือ ญาติร่วมสายโลหิตกันก็มีจำนวนไม่น้อย เพราะต่างก็แยกย้ายถิ่นฐานกันไปหมด
นั่นคือ ยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน เป็นธรรมดาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิถีให้เหมาะกับสภาพครอบครัว และสภาพสังคมปัจจุบัน เพียงแต่ทุกครอบครัวยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันอยู่ และต่างคนต่างปฏิบัติกันภายในครอบครัว ดิฉันเองเมื่อมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ก็ยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีในเทศกาลนี้เหมือนเดิม เพียงแต่พยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในรูปแบบครอบครัวขยาย โดยพยายามรวมตัวพี่น้องที่แยกกันไปมีครอบครัวของตัวเองก็จริง แต่ก็ถือว่าเทศกาลนี้ควรจะเชื่อมสัมพันธภาพระหว่างกัน ให้แน่นแฟ้นเพิ่มยิ่งขึ้น
ในสังคมปัจจุบันที่นับวันจะกลายสภาพเป็นสังคมตัวใครตัวมัน แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นน่าจะเกิดจาก ความพยายามทำให้สถาบันครอบครัวเล็กลงเรื่อยๆ หรือไม่ เป็นคำถามที่ยังคาใจต่อไป
รู้แต่ว่าสิ่งดีๆ หลายๆ อย่างในวัยเด็กได้หล่นหายไประหว่างทางมากมายเหลือเกิน เทศกาลตรุษจีนในวัยเด็กก็เป็นหนึ่งในความรู้สึกดีๆ นั้นด้วย เมื่อถึงวันที่ต้องเป็นแม่ ก็น่าจะลองนึกถึงสิ่งดีๆ ที่เคยได้ลิ้มรสแห่งความสุข ให้นำกลับมาให้รุ่นลูกได้สัมผัสด้วยก็น่าจะดีไม่น้อย มิใช่หรือ ..!!
เพราะจะว่าไปแล้วข้อดีมากมายในเทศกาลตรุษจีน ที่สามารถนำมาสอดแทรกเรื่องการเรียนรู้ ให้แก่ลูกหลานของเราได้มากมาย วันตรุษจีนไม่ใช่วันของเด็กที่ทำให้คิดถึงเรื่องอั่งเปาอย่างเดียว ความจริงขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวจีนมีความเชื่อ และสอดแทรกเรื่องการเรียนรู้ไว้มากมายเหลือเกิน เพียงแต่ถ้าเราเข้าใจและหยิบยกมาเป็นเรื่องการเรียนรู้ ให้แก่ลูกหลานของเรา ก็จะทำให้วันตรุษจีนเป็นวันที่ส่งทอดต่อความรู้สึกดีๆ ให้อยู่ในความทรงจำของเด็กๆ ได้อีกด้วย
สอดแทรกเรื่องการเรียนรู้ให้ลูกได้อย่างไร
★เรื่องแรก ในขณะที่คุณแม่ต้องเตรียมทำอาหารสำหรับไหว้เจ้า ก็ให้เด็กๆ ได้มีส่วนช่วยในเรื่องการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ โดยที่คุณแม่ต้องดูให้เหมาะกับวัยของลูกด้วย ถ้าเด็กเล็ก ก็ให้จัดเตรียมอุปกรณ์ง่ายๆ เบาๆ ไม่เป็นอันตราย เช่น ตะเกียบ ช้อน หรือผลไม้ ซึ่งระหว่างหยิบจับสิ่งของเหล่านี้ ก็จะได้อธิบายให้ลูกรู้จักสิ่งของมากขึ้น ถ้าเด็กโตก็ให้เตรียมอุปกรณ์ได้มากขึ้น ใส่เรื่องจำนวน และการจัดวางบนโต๊ะ เท่ากับเป็นการฝึกเรื่องมิติสัมพันธ์และทักษะต่างๆ ไปในตัวด้วย ทั้งยังได้ในเรื่องการช่วยเหลืองานผู้ใหญ่ ที่สำคัญเขายังเกิดความภาคภูมิใจอย่างแน่นอน ถ้าได้รับคำชมจากคุณพ่อคุณแม่
★เรื่องที่สอง อธิบายถึงความสำคัญของเทศกาลตรุษจีน ให้เด็กๆ ได้เข้าใจว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร รวมถึงการได้มาพบปะพร้อมหน้าพร้อมตากัน อ้อ..คุณพ่อคุณแม่ต้องทำการบ้านก่อนด้วยนะคะ ไม่ใช่ลูกถามอะไร แล้วตอบว่าไม่รู้อย่างเดียว นอกจากเสียฟอร์มแล้ว ยังเท่ากับไปหยุดการใฝ่เรียนรู้ของลูกอีกต่างหาก
ยกตัวอย่างเรื่องสิ่งของที่นำมาไหว้เจ้าก็ได้ เช่น ขนมเข่ง คนจีนเรียกว่าเหนียนกาว คำว่ากาวแปลว่าขนม เหนียนกาวจึงแปลว่าขนมประจำปี ซึ่งทำมาจากข้าวเหนียว เพื่อความแน่นเหนียว ด้วยความเชื่อที่ว่านำขนมมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ก็เพื่อความกลมเกลียว และทำให้หวานเป็นพิเศษ ใส่กันมาเป็นเข่งเพื่อแบ่งให้แก่เพื่อนบ้าน หรือบ้านที่ไม่มีกินด้วย
★เรื่องที่สาม หลังจากไหว้เจ้าเสร็จแล้ว ต้องรับประทานอาหารร่วมกัน ก็ถือโอกาสสอนเรื่องมารยาทการรับประทานอาหาร ในกรณีที่มีผู้คนร่วมรับประทานอาหารจำนวนมาก สอนเรื่องการตักอาหารให้นึกถึงคนอื่นด้วย หรือไม่ควรพูดคุยในขณะรับประทานอาหาร ยิ่งถ้าเด็กๆ ได้มีส่วนในการจัดเตรียมอุปกรณ์หรือ ยกสำรับอาหารด้วยแล้วล่ะก็ มื้อนั้นจะเป็นมื้อพิเศษของเขาด้วยค่ะ อ้อ...แล้วเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว อย่าลืมให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยด้วยนะคะ
★ เรื่องที่สี่ แน่นอนว่าเจ้าตัวเล็กของเราต้องอยากได้อั่งเปาเป็นแน่แท้ ก็แหมเคยได้ทุกปี ก็ถือโอกาสสอดแทรกว่าเราเป็นเด็กมารยาทดีไม่ควรไปขออั่งเปาผู้ใหญ่ ให้ผู้ใหญ่เป็นผู้ให้เอง และถ้าผู้ใหญ่ให้อั่งเปาเมื่อไร ก็ต้องยกมือไหว้และกล่าวคำว่าขอบคุณด้วยทุกครั้ง ที่สำคัญอย่าลืมจูงมือลูกนำเงินอั่งเปาที่ได้ไปเก็บในกระปุกออมสิน หรือไปฝากไว้ที่ธนาคาร ก็เป็นการฝึกนิสัยรักการออมไปด้วย
★เรื่องสุดท้าย สอนให้ลูกรู้จักเผื่อแผ่ผู้อื่น ด้วยการนำสิ่งของไปฝากเพื่อนๆ หรือเพื่อนข้างบ้านที่อาจจะไม่ได้ไหว้เจ้าเหมือนเรา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และปลูกฝังเรื่องการแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นด้วย
เห็นไหมคะ เรื่องการเรียนรู้มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ที่จะหยิบมุมไหน และไหนๆ พรุ่งนี้วันตรุษจีนแล้ว ก็ถือโอกาสสอดแทรกการเรียนรู้ ให้ลูกมีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนที่หลากหลาย นอกเหนือจากเรื่องอั่งเปา ก็จะดีทีเดียวค่ะ
โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ที่มา : //board.palungjit.com
สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 17:21:31 น. |
Counter : 962 Pageviews. |
|
|
|