Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
13 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

5 เทคนิคสอนลูกเรียนรู้ผ่านเทศกาลตรุษจีน



ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ...ซินนี้ตั่วถั่ง ค่ะ

ดิฉันเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่หน้าตาค่อนไปทางหมวย มีอากงอาม่าข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีน
เพื่อมาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย และมีรสนิยมวิไล มีลูกจำนวนมากในยุคสมัยนั้นเช่นกัน
คุณแม่ดิฉันเป็นลูกสาวคนที่ 4 จากจำนวนพี่น้อง 9 คน และจากพี่น้อง 9 คน ก็แยกไปมีครอบครัวทุกคน
ต่างก็มีลูกมีหลานอีกจำนวนมากมาย ยังไม่นับรวมญาติข้างพ่อที่มีเชื้อสายจีนเหมือนกัน
มีพี่น้องในจำนวนใกล้เคียงกับแม่ และก็แตกหน่อออกลูกหลานไปอีกจำนวนมาก

ดิฉันเลยกลายเป็นคนญาติเยอะไปโดยปริยาย
เวลาจะพบปะวงศาคณาญาติ ก็จะเป็นเทศกาลตรุษจีน ที่ต่างคนต่างก็พาครอบครัวมาร่วมไหว้บรรพบุรุษ
และถือโอกาสรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงประเด็นสำคัญอีกประการ ก็คือ
การอัปเดตชีวิตของพี่น้องแต่ละคนว่ามีลูกเต้ากี่คน หน้าตาเป็นอย่างไร ชื่ออะไร เรียนที่ไหน
ถามกันให้วุ่น โดยมีกิจกรรมสุดท้ายที่ผู้ใหญ่ชอบทำร่วมกัน คือ รำพัด..!!

ในขณะที่กิจกรรมของเด็กๆ จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
ดิฉันจำได้ว่าพอถึงวันตรุษจีนทีไรเป็นต้องมีความสุขทุกที
เพราะนอกจากได้พบเจอญาติผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาพร้อมซองอั่งเปา ก็ยังได้เจอพี่น้องเพื่อนวัยเดียวกัน
ทำให้ได้วิ่งเล่นร่วมกันจนลืมเวลาไปเลย ทั้งยังได้รับประทานอาหารหลากชนิด มื้อพิเศษอีกมากมาย

ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความสนุกอย่างเดียวนะคะ แต่เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมมากมายในพิธีกรรม จำได้ว่า
เด็กๆ ต้องร่วมกันพับกระดาษเงินกระดาษทอง ต้องช่วยผู้ใหญ่ในการจัดเตรียมอาหารและวัสดุอุปกรณ์
ซึ่งเป็นงานที่เด็กทุกคนสนุกที่ได้มีส่วนร่วม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอีกต่างหาก

นั่นคือ ความรู้สึกเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนในยุคสมัย ที่อากงอาม่ายังมีชีวิตอยู่ แต่พออากงอาม่าเสียชีวิตทั้งคู่
เทศกาลตรุษจีนในวัยเด็กก็เปลี่ยนไป เพราะพี่น้องของพ่อแม่ต่างคนต่างก็มีภารกิจของครอบครัว
ต่างก็แยกกันไปไหว้บรรพบุรุษในครอบครัวของตนเอง ไม่ได้มารวมตัวกันเหมือนก่อน
ทำให้สายสัมพันธ์เริ่มห่างเหิน ประมาณว่า ถ้ารุ่นเหลนของอากงอาม่าไปพบเจอกันข้างนอก
อาจจะไม่รู้ตัวว่าคนที่พบกันเบื้องหน้า คือ ญาติร่วมสายโลหิตกันก็มีจำนวนไม่น้อย
เพราะต่างก็แยกย้ายถิ่นฐานกันไปหมด

นั่นคือ ยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน เป็นธรรมดาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิถีให้เหมาะกับสภาพครอบครัว
และสภาพสังคมปัจจุบัน เพียงแต่ทุกครอบครัวยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมปฏิบัติกันอยู่
และต่างคนต่างปฏิบัติกันภายในครอบครัว
ดิฉันเองเมื่อมีครอบครัวเป็นของตัวเอง ก็ยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีในเทศกาลนี้เหมือนเดิม
เพียงแต่พยายามรื้อฟื้นความสัมพันธ์ในรูปแบบครอบครัวขยาย
โดยพยายามรวมตัวพี่น้องที่แยกกันไปมีครอบครัวของตัวเองก็จริง
แต่ก็ถือว่าเทศกาลนี้ควรจะเชื่อมสัมพันธภาพระหว่างกัน ให้แน่นแฟ้นเพิ่มยิ่งขึ้น

ในสังคมปัจจุบันที่นับวันจะกลายสภาพเป็นสังคมตัวใครตัวมัน แท้จริงแล้วจุดเริ่มต้นน่าจะเกิดจาก
ความพยายามทำให้สถาบันครอบครัวเล็กลงเรื่อยๆ หรือไม่ เป็นคำถามที่ยังคาใจต่อไป

รู้แต่ว่าสิ่งดีๆ หลายๆ อย่างในวัยเด็กได้หล่นหายไประหว่างทางมากมายเหลือเกิน
เทศกาลตรุษจีนในวัยเด็กก็เป็นหนึ่งในความรู้สึกดีๆ นั้นด้วย เมื่อถึงวันที่ต้องเป็นแม่
ก็น่าจะลองนึกถึงสิ่งดีๆ ที่เคยได้ลิ้มรสแห่งความสุข ให้นำกลับมาให้รุ่นลูกได้สัมผัสด้วยก็น่าจะดีไม่น้อย
มิใช่หรือ ..!!

เพราะจะว่าไปแล้วข้อดีมากมายในเทศกาลตรุษจีน
ที่สามารถนำมาสอดแทรกเรื่องการเรียนรู้ ให้แก่ลูกหลานของเราได้มากมาย
วันตรุษจีนไม่ใช่วันของเด็กที่ทำให้คิดถึงเรื่องอั่งเปาอย่างเดียว
ความจริงขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวจีนมีความเชื่อ และสอดแทรกเรื่องการเรียนรู้ไว้มากมายเหลือเกิน
เพียงแต่ถ้าเราเข้าใจและหยิบยกมาเป็นเรื่องการเรียนรู้ ให้แก่ลูกหลานของเรา
ก็จะทำให้วันตรุษจีนเป็นวันที่ส่งทอดต่อความรู้สึกดีๆ ให้อยู่ในความทรงจำของเด็กๆ ได้อีกด้วย


สอดแทรกเรื่องการเรียนรู้ให้ลูกได้อย่างไร

★เรื่องแรก
ในขณะที่คุณแม่ต้องเตรียมทำอาหารสำหรับไหว้เจ้า ก็ให้เด็กๆ ได้มีส่วนช่วยในเรื่องการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ
โดยที่คุณแม่ต้องดูให้เหมาะกับวัยของลูกด้วย ถ้าเด็กเล็ก ก็ให้จัดเตรียมอุปกรณ์ง่ายๆ เบาๆ ไม่เป็นอันตราย
เช่น ตะเกียบ ช้อน หรือผลไม้ ซึ่งระหว่างหยิบจับสิ่งของเหล่านี้ ก็จะได้อธิบายให้ลูกรู้จักสิ่งของมากขึ้น
ถ้าเด็กโตก็ให้เตรียมอุปกรณ์ได้มากขึ้น ใส่เรื่องจำนวน และการจัดวางบนโต๊ะ
เท่ากับเป็นการฝึกเรื่องมิติสัมพันธ์และทักษะต่างๆ ไปในตัวด้วย ทั้งยังได้ในเรื่องการช่วยเหลืองานผู้ใหญ่
ที่สำคัญเขายังเกิดความภาคภูมิใจอย่างแน่นอน ถ้าได้รับคำชมจากคุณพ่อคุณแม่


★เรื่องที่สอง
อธิบายถึงความสำคัญของเทศกาลตรุษจีน ให้เด็กๆ ได้เข้าใจว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร
รวมถึงการได้มาพบปะพร้อมหน้าพร้อมตากัน อ้อ..คุณพ่อคุณแม่ต้องทำการบ้านก่อนด้วยนะคะ
ไม่ใช่ลูกถามอะไร แล้วตอบว่าไม่รู้อย่างเดียว
นอกจากเสียฟอร์มแล้ว ยังเท่ากับไปหยุดการใฝ่เรียนรู้ของลูกอีกต่างหาก

ยกตัวอย่างเรื่องสิ่งของที่นำมาไหว้เจ้าก็ได้ เช่น ขนมเข่ง คนจีนเรียกว่าเหนียนกาว คำว่ากาวแปลว่าขนม
เหนียนกาวจึงแปลว่าขนมประจำปี ซึ่งทำมาจากข้าวเหนียว เพื่อความแน่นเหนียว
ด้วยความเชื่อที่ว่านำขนมมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ก็เพื่อความกลมเกลียว
และทำให้หวานเป็นพิเศษ ใส่กันมาเป็นเข่งเพื่อแบ่งให้แก่เพื่อนบ้าน หรือบ้านที่ไม่มีกินด้วย


★เรื่องที่สาม
หลังจากไหว้เจ้าเสร็จแล้ว ต้องรับประทานอาหารร่วมกัน ก็ถือโอกาสสอนเรื่องมารยาทการรับประทานอาหาร
ในกรณีที่มีผู้คนร่วมรับประทานอาหารจำนวนมาก สอนเรื่องการตักอาหารให้นึกถึงคนอื่นด้วย
หรือไม่ควรพูดคุยในขณะรับประทานอาหาร ยิ่งถ้าเด็กๆ ได้มีส่วนในการจัดเตรียมอุปกรณ์หรือ
ยกสำรับอาหารด้วยแล้วล่ะก็ มื้อนั้นจะเป็นมื้อพิเศษของเขาด้วยค่ะ
อ้อ...แล้วเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว อย่าลืมให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บถ้วยชามให้เรียบร้อยด้วยนะคะ


★ เรื่องที่สี่
แน่นอนว่าเจ้าตัวเล็กของเราต้องอยากได้อั่งเปาเป็นแน่แท้ ก็แหมเคยได้ทุกปี
ก็ถือโอกาสสอดแทรกว่าเราเป็นเด็กมารยาทดีไม่ควรไปขออั่งเปาผู้ใหญ่ ให้ผู้ใหญ่เป็นผู้ให้เอง
และถ้าผู้ใหญ่ให้อั่งเปาเมื่อไร ก็ต้องยกมือไหว้และกล่าวคำว่าขอบคุณด้วยทุกครั้ง
ที่สำคัญอย่าลืมจูงมือลูกนำเงินอั่งเปาที่ได้ไปเก็บในกระปุกออมสิน
หรือไปฝากไว้ที่ธนาคาร ก็เป็นการฝึกนิสัยรักการออมไปด้วย


★เรื่องสุดท้าย
สอนให้ลูกรู้จักเผื่อแผ่ผู้อื่น ด้วยการนำสิ่งของไปฝากเพื่อนๆ หรือเพื่อนข้างบ้านที่อาจจะไม่ได้ไหว้เจ้าเหมือนเรา
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และปลูกฝังเรื่องการแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นด้วย

เห็นไหมคะ เรื่องการเรียนรู้มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ที่จะหยิบมุมไหน และไหนๆ พรุ่งนี้วันตรุษจีนแล้ว
ก็ถือโอกาสสอดแทรกการเรียนรู้ ให้ลูกมีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนที่หลากหลาย
นอกเหนือจากเรื่องอั่งเปา ก็จะดีทีเดียวค่ะ


โดย สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
ที่มา : //board.palungjit.com


สารบัญ เรื่อง แม่และเด็ก
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553
1 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 17:21:31 น.
Counter : 962 Pageviews.

 

 

โดย: i_nookae 13 กุมภาพันธ์ 2553 21:19:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.