Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
4 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

วิธีทำลายวงจรอ้วน-ผอม



สมัยที่ผู้เขียนยังเป็นเด็ก มองไปทางไหน ก็เจอแต่คนผอม กระทั่งโตขึ้นจนเป็นหนุ่มแล้ว
ไปเรียนโภชนาการ อยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่องแรกที่ต้องเรียนยังเป็นเรื่องการขาดโภชนาการในคนไทยอยู่เลย
วันเวลาผ่านมาไม่ถึงยี่สิบปี กลับกลายเป็นว่าถึงวันนี้ เราต้องมานั่งคุยกันเรื่องโภชนาการกินกันซะแล้ว
เพราะจะหันไปทางไหนก็เจอแต่คนอ้วนทั้งนั้น

สังคมกรุงเทพฯ ทุกวันนี้กิจกรรมลดความอ้วน
ได้กลายเป็นหัวข้อหลักทางด้านโภชนาการ ที่ทำให้ผู้คนใช้พูดใช้คุยกัน
คนรักสุขภาพทั้งหลายพากันสนใจบริการของศูนย์สุขภาพหรือ Fitness Center หรือ Sport Club กันมากขึ้น
ไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์อะไรหรอกครับส่วนใหญ่ก็เพื่อวัตถุประสงค์ ในการลดไขมันหน้าท้องกันทั้งสิ้น

หากมองไปที่บรรดาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือที่เรียกกันติดปากว่าอาหารเสริมสุขภาพด้วยกัน
ผลิตภัณฑ์เพื่อการลดน้ำหนักดูเหมือนจะพากันขายดิบขายดีมากที่สุด มีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารพลังงานต่ำ
ผลิตภัณฑ์ดูดซับไขมัน ผลิตภัณฑ์ลดการดูดซึมไขมัน ผลิตภัณฑ์ทดแทนไขมัน ผลิตภัณฑ์เร่งการเผาผลาญพลังงาน
จาระไนผลิตภัณฑ์กันได้ไม่จบไม่สิ้น

แต่จะใช้ผลิตภัณฑ์อะไร หรือเทคนิคแบบไหน จะรีดไขมัน ลดไขมัน ลดพลังงาน หรือเทคนิคอื่น
เพื่อการลดความอ้วนดูเหมือนจะลดกันได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว ให้ได้หล่อได้สวย
มีรูปร่างสเลนเดอร์กันประเดี๋ยวเดียว เผลอเข้าสักพักความอ้วน ก็จะหวนคืนกลับมาอีกแล้ว

เห็นชัดเจนที่สุดคือผู้คนในแวดวงดารา ซึ่งติดจะรักสวยรักงาม มีโฆษกสาวชื่อดังอยู่คนหนึ่ง รูปร่างเจ้าเนื้อ
เธอหายหน้าไปสักพักโผล่กลับมาที่หน้าจอทีวีอีกครั้งปรากฏว่า รูปทรงกลับกลายเป็นสะโอดสะอง
ไขมันต้นแขนหรือที่ใบหน้าหดหายไปแทบหมด เธอใช้โอกาสจากอ้วนกลายเป็นผอม
โฆษณาศูนย์ลดความอ้วนที่เธอไปใช้บริการ แถมด้วยโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เธอใช้
แต่เธอมีโอกาสชื่นชมความผอมของเธออยู่ได้ไม่กี่เดือนหรอกครับ ไม่นานเธอก็กลับมาอ้วนอีกแล้ว
อ้วนขึ้นกว่าเก่าด้วยซ้ำ ปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร

คนอ้วนพยายามลดความอ้วนจนกลายเป็นผอม แต่ผอมอยู่ได้ไม่นานกลับไปอ้วนอีกครั้ง
ต้องเพียรพยายามลดความอ้วนให้กลับเป็นผอมขึ้นมาใหม่ พยายามครั้งใหม่หนักขึ้นกว่าเก่า
อาการอ้วนคืนกลับมาเร็วขึ้น กลายเป็นวงเวียนอ้วนผอมอย่างนี้
ฝรั่งเขาเรียกว่า " yoyo effect " หรือ " yo-yo effect "

Yo-yo หรือโยโย่แปลว่า ลูกดิ่ง พวกเราที่เคยเล่นลูกดิ่งคงทราบว่าเมื่อปั่นลูกดิ่งจากมือลงสู่พื้น ทิ้งไว้สักพัก
ลูกดิ่งก็วิ่งกลับขึ้นสู่มืออีก วิ่งจากมือลงพื้นแล้วเด้งขึ้นสู่มือ ลงพื้นเข้ามือวนเวียนอยู่อย่างนี้
เหมือนวงจรอ้วนผอม ที่อ้วนกลับไปผอม ผอมกลับมาอ้วน กลับไปกลับมาไม่รู้จบ เขาจึงเรียกว่าลูกดิ่ง

ไม่นานมานี้มีข่าวออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เด็กไทยอ้วนหรือที่มีน้ำหนักเกินปกติมีมากขึ้น
ในอนาคตเราคงมีโอกาสได้เห็นลูกดิ่งเมืองไทย เด้งขึ้นเด้งลงกันเต็มเมืองไปหมด
เมื่อเป็นอย่างนี้ เห็นทีจะต้องมาดูกันก่อนว่าอะไรที่เป็นสาเหตุ ทำให้คนอ้วนแล้วกลับผอมได้ยากเมื่อรู้เหตุผลแล้ว
ต่อไปการจะลดความอ้วนให้จีรังนั้นจะพบว่ายังมีทางเป็นไปได้อยู่ ไม่ใช่ว่าจะหมดหนทางเสียแล้ว

วิธีการลดน้ำหนักที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่หลายวิธี เป็นต้นว่า การออกกำลังกาย การลดอาหาร
การใช้ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักต่างๆ ในบรรดากิจกรรมเหล่านี้
ดูเหมือนว่าการออกกำลังกาย จะมีปัญหาในการปฏิบัติมากที่สุด
ที่เป็นอย่างนี้ก็เนื่องจากการออกกำลังกายมักใช้เวลานาน ยุ่งยาก ใช้แรงงานมาก เหนื่อยเกินเหตุ

การลดอาหารซึ่งยุ่งยากน้อยกว่าจึงกลายเป็นทางเลือก ที่มีคนจำนวนไม่น้อยพากันมุ่งปฏิบัติ
แต่ลองไปดูเอาเถอะ การอดอาหารเพื่อให้ร่างกายผ่ายผอมลงอาจจะได้ผลแค่เพียงระยะหนึ่ง
จากนั้นไม่นานผู้ปฏิบัติจำนวนมากจะหวนกลับมาอ้วนขึ้นอีกครั้ง
การคงสภาพน้ำหนักที่ลดลงไปได้แล้ว ทำได้ค่อนข้างยาก
ที่เป็นอย่างนี้ก็เนื่องมาจากผู้ปฏิบัติมักจะอดรนทนไม่ได้ กับการต้องปฏิบัติเป็นเวลานานๆ
อดอาหารไปได้สักระยะหนึ่งก็เริ่มจะหันมาตามใจปากกันอีก

ในขณะเดียวกัน ร่างกายที่อดอาหารไปสักพักหนึ่ง เริ่มที่จะปรับตัวชินกับการได้รับพลังงานน้อย
ทำให้เริ่มสะสมพลังงานอีกครั้งหนึ่ง แม้จะรับประทานอาหารให้น้อยลงแต่ดูเหมือนจะไม่ใคร่ได้ผล
เหตุนี้เองทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างว่าสามารถลดน้ำหนักได้
โดยใช้การปฏิบัติเพียงเล็กน้อย ซึ่งเหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้มีปัญหาโรคอ้วน จึงมักจะได้รับความนิยมสูง

แต่ลองไปดูกันเอาเองเถิด ในข้อเท็จจริงแล้วผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนมักจะให้ผลต่อผู้ปฏิบัติ ไม่ต่างจากวิธีอื่นเลย
นั่นคือให้ผลเพียงไม่นานหรือในระยะสั้น หรือที่พบกันบ่อยครั้งคืออาจไม่ให้ผลเลย

ก่อนอื่นคงต้องมาดูกันก่อนว่าคำว่าอ้วนนั้นหมายถึงอะไร
โรคอ้วน (obesity) หมายถึง การที่ร่างกายมีไขมันมากเกินไปกระทั่งส่งผลให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ
ดูด้วยสายตา ก็พอจะรู้ว่าใครอ้วนใครผอม

โรคอ้วนเป็นผลมาจากขนาดและจำนวนเซลล์ไขมันในร่างกายมีสูงขึ้น
คนปกติทั่วไปควรมีเซลล์ไขมัน จำนวน 30-35 พันล้านเซลล์
โดยเซลล์แต่ละเซลล์แม้มีน้ำหนักน้อยเพียง 0.4-0.6 ไมโครกรัมเท่านั้น
แต่หากมีปริมาณรวมกันมากขึ้น ย่อมทำให้ไขมันมีน้ำหนักมากขึ้นในร่างกาย

เซลล์ไขมันเหล่านี้บรรจุไขมันในรูปของไตรกลีเซอไรด์ไว้เต็มเซลล์ เมื่อน้ำหนักไขมันในเซลล์มีมากขึ้น
ขนาดของเซลล์ไขมันเหล่านี้จะพยายามขยายขนาดขึ้น เพื่อรองรับปริมาณไขมันจนเมื่อขยายเต็มที่
แล้ว มันจะเริ่มทำการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มปริมาณของเซลล์ คนที่อ้วนอยู่แต่เดิมเมื่อลดความอ้วนขนาดของเซลล์
แม้จะลดลงแต่ปริมาณเซลล์กลับไม่ลด คนที่อ้วนอยู่ก่อนจึงหาทางลดความอ้วนได้ค่อนข้างยาก
เนื่องจากปริมาณเซลล์ไขมันไม่ยอมลดจำนวนลงอย่างนี้นี่เอง

ใครที่อ้วนแล้วสามารถลดความอ้วนลงได้ หากเผอเรอหันกลับไปรับประทานอาหารมากอีกครั้งหนึ่ง
เซลล์จะขยายกลับไปมีขนาดเท่าเดิม นอกจากนี้ยังอาจเร่งให้มีการเพิ่มจำนวนเซลล์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ทำให้คนเหล่านี้อ้วนมากขึ้น แต่อย่าเพิ่งท้อครับ

มีข้อมูลทางการแพทย์เมื่อปี ค.ศ.1998 ยืนยันว่าเซลล์ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นนี้ สามารถทำให้มีปริมาณที่ลดลงได้
ด้วยการรักษาทางการแพทย์หรืออาจทำได้โดยให้คนผู้นั้นลดน้ำหนัก
โดยให้น้ำหนักตัวที่ลดแล้วนั้นมีค่าอยู่คงที่เป็นเวลานาน เซลล์ที่ฝ่อลีบลงจะค่อยๆ สลายตัวลงในที่สุด
หัวใจสำคัญของการลดความอ้วนจึงอยู่ที่การอดรนทนให้ได้ อย่าหลงชื่นชมความผอมจนลืมการปฏิบัติ
ความอดทนเท่านั้นแหละครับที่จะทำให้การลดความอ้วนเกิดผลสำเร็จ

ในบรรดาคำถามทั้งหลาย ที่ผู้เขียนเจอะเจอในแต่ละวัน หนึ่งในคำถาม ที่เจอบ่อยที่สุดคือ
คนอ้วนเหตุใด จึงลดความอ้วนได้ยากเย็น เสียเหลือเกิน และเมื่อพยายาม ลดความอ้วนจนสำเร็จแล้ว
เลิกไปสักพักก็กลับอ้วนขึ้นมาอีก เป็นคำถามที่บรรดา คนอ้วนทั้งหลาย ค้างคาใจกันมาก
และไม่ใช่เฉพาะในสังคมของเราเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกันทั่วทั้งโลก

คำตอบที่ผู้เขียนให้ก็คือ ร่างกายของคนอ้วนมีเซลล์ไขมันมากเกินไป พิจารณาเปรียบเทียบกับคนปกติดูก็น่าจะได้
คนปกติมีไขมันในร่างกายคิดเป็นน้ำหนัก ประมาณร้อยละ 18 ของน้ำหนักตัว
หากน้ำหนักตัวอยู่ที่ 60 กิโลกรัมไขมันควรจะอยู่ที่ระดับ 11 กิโลกรัม

ส่วนคนอ้วนมีไขมันอยู่สูงกว่าร้อยละ 18 มาก โดยเฉลี่ยจะมีไขมันอยู่สูงถึงร้อยละ 35 ของน้ำหนักร่างกาย
ยกตัวอย่างเช่น คนอ้วนที่มีโครงร่างของร่างกายเล็ก และมีน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม จะมีไขมันอยู่ถึง 21 กิโลกรัม

คงเห็นนะครับว่าคนที่มีน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัมเท่ากัน
หากเป็นคนปกติจะมีไขมันสะสมในร่างกาย อยู่แค่ 11 กิโลกรัม ยิ่งเป็นนักกีฬาประเภทนักวิ่งมาราธอนด้วยแล้ว
ไขมันในร่างกายจะยิ่งมีน้อยลงไปใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นกล้ามเนื้อทั้งนั้น
แต่หากเป็นคนอ้วนแล้วล่ะก็ ร่างกายกลับสะสมไขมันอยู่สูงถึง 21 กิโลกรัม
จะเรียกว่าทั้งร่างกายพอกพูนไปด้วยไขมันก็น่าจะได้

ลองนึกเอาก็ได้ว่า คนอ้วนนั้น เซลล์ไขมันในร่างกายมีมากมายมหาศาลสักแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกับคนปกติ
และในข้อเท็จจริงก็คือ
ยิ่งเซลล์ไขมันในร่างกายมีสัดส่วนมากขึ้นเท่าไหร่ เซลล์กล้ามเนื้อก็ย่อมมีสัดส่วนน้อยลงเท่านั้น

เซลล์ไขมันทั้งหมดเฉื่อยใช้พลังงานต่ำมาก โดยใช้พลังงานน้อยกว่าเซลล์กล้ามเนื้อถึง 20-30 เท่า
ร่างกายของคนอ้วนจึงต้องการพลังงานค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับคนปกติที่มีน้ำหนักเท่ากัน
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในร่างกายคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก

เหตุนี้เองที่ทำให้คนอ้วนแม้จะกินอาหารเข้าไปไม่มาก ร่างกายใช้พลังงานไปแค่บางส่วนเท่านั้น
พลังงานยังมีเหลือเก็บอีกมาก ไม่เหมือนกับคนปกติที่มีเซลล์กล้ามเนื้อแยะ ร่างกายใช้พลังงานมาก
ถึงกินเข้าไปไม่น้อย ร่างกายก็มักใช้พลังงานจนหมด

คนอ้วนกินแต่น้อยจึงมักหนีความอ้วนไม่ค่อยพ้น ขณะที่คนไม่อ้วนถึงกินมาก ก็ยังรักษาหุ่นให้ดีอยู่ได้
ดูไม่ค่อยเป็นธรรมเลย แม้ข้อเท็จจริงมันจะเป็นอย่างนี้ คนอ้วนก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจเลยครับ
อย่าเพิ่งตกอกตกใจว่าตนเองเมื่ออ้วนแล้วคงจะลดความอ้วนไม่ได้
เพราะหนทางในการลดความอ้วน ของคนอ้วนใช่ว่าจะไม่มี ชีวิตมันต้องอยู่ให้ได้ด้วยความหวังครับ

คนอ้วนหากอยากจะผอม การที่จะลดความอ้วนให้ได้เป็นผลสำเร็จ ควรจะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ครับ

1. ลดปริมาณเซลล์ไขมันในร่างกายลงให้ได้
โดยลดทั้งขนาดของเซลล์ไขมันและปริมาณ หรือจำนวนเซลล์ไขมัน
ซึ่งสามารถทำได้โดยวิธีการอดอาหารเพื่อลดพลังงานที่ให้แก่ร่างกายลง และออกกำลังกายแบบแอโรบิก
เพื่อให้ร่างกายได้ใช้ไขมันที่สะสมไว้

2. สร้างเซลล์กล้ามเนื้อในร่างกายให้เกิดมากขึ้น
การลดเซลล์ไขมันโดยอดอาหาร และออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว
น้ำหนักอาจจะลดลงไปสักระยะหนึ่ง เมื่อน้ำหนักลดแล้วก็มักจะอดใจไม่อยู่ เลิกอดอาหารหรือเลิกออกกำลังกาย
เซลล์ไขมันที่ลดขนาดลง อยู่สักระยะหนึ่งจะเริ่มกลับมาสะสมไขมันอีกครั้งหนึ่ง
และคราวนี้แหละครับที่มันจะกระตุ้นให้เซลล์ อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว

เซลล์ที่อ้วนขึ้นอาจจะไปเหนี่ยวนำกลไกการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้เซลล์แบ่งตัว เพิ่มจำนวนเซลล์ขึ้นอีก
คนอ้วนที่ลดความอ้วน หากกลับอ้วนขึ้นมาใหม่จึงมักจะอ้วนมากกว่าเดิม มันน่าเจ็บใจไหมล่ะครับ

การลดความอ้วนให้ได้ผล จึงต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้อง
การลดปริมาณเซลล์ไขมันในร่างกาย จึงต้องใช้วิธีอดอาหารร่วมกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิก
จนกระทั่งน้ำหนักลดลง น้ำหนักที่ลดลงนี้ จะลดลงอย่างรวดเร็วสักช่วงหนึ่ง จากนั้นน้ำหนักจะลดช้าลง
แต่อย่าเพิ่งท้อ ขอให้อดทนจำกัดอาหาร และออกกำลังกายไปอย่างนั้นให้นานพอควร

เซลล์ไขมันเมื่อฝ่อลงในระยะเวลาค่อนข้างนาน ในที่สุด มันก็จะค่อยๆ เสื่อมสลายไปได้
ใครที่เคยบอกว่าเซลล์ไขมันเกิดขึ้นมาแล้วไม่มีวันตาย จึงเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ
ลองปล่อยเซลล์ไขมันให้ฝ่อนานๆ เป็นเวลาหลายๆ เดือนเซลล์จะอยู่ไม่ได้ และจะตายลง
ในช่วงนี้ผู้ลดความอ้วนจะมีน้ำหนักตัวค่อนข้างคงที่

แม้น้ำหนักจะลดลง ก็ขออย่าเพิ่งชะล่าใจนะครับ น้ำหนักแม้ลดลงมาก
แต่หากเริ่มกลับมากินอาหาร โดยไม่มีการควบคุมอีกครั้งหนึ่ง เซลล์ไขมันที่ยังไม่ตายซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก
จะเริ่มสะสมไขมันอย่างรวดเร็ว คนๆ นั้นจะค่อยๆ อ้วนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แม้จะไม่อ้วนเท่าเดิม แต่ก็แทบจะทำเอาจิตใจห่อเหี่ยวลงได้

การลดความอ้วนให้จริง โดยให้ร่างกายลดจำนวนเซลล์ไขมันลงอย่างเดียว จึงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องนัก
เห็นควรต้องเร่งสร้างเซลล์กล้ามเนื้อ เพื่อช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานให้รวดเร็วขึ้น
ด้วย การออกกำลังกาย แบบแอโรบิก แม้จะช่วยให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อได้ แต่ไม่ได้ช่วยมากมายสักเท่าไหร่
ต้องหาหนทางอื่น เพื่อช่วยให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อด้วยครับ

วิธีการยกน้ำหนักหรือการเพาะกาย เป็นการสร้างกล้ามเนื้อที่ค่อนข้างดี
แต่อย่าถึงขนาดเพาะกาย อย่างนักเพาะกาย ทำอย่างนั้นมันหักโหมจนเกินไป
การสร้างกล้ามเนื้ออาจจะใช้วิธีการอย่างอื่นด้วยก็ได้ เช่น
การกรรเชียงเรือ หรือการออกกำลังกายแบบอื่น ที่ให้กล้ามเนื้อแต่ละมัดได้ออกกำลังกายบ้าง

การให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายได้ออกกำลังสม่ำเสมออย่างนี้ จะทำให้กล้ามเนื้อของคนอ้วนที่ฝ่อลงไปมาก
แล้ว กลับมามีชีวิตชีวา สร้างตนเองขึ้นมาใหม่ กล้ามเนื้อจะมีมากขึ้น เบียดเซลล์ไขมันให้ยิ่งลดน้อยลง
การที่กล้ามเนื้อมีเพิ่มขึ้นในร่างกาย ลดสัดส่วนของเซลล์ไขมันลงไป
เช่นนี้แหละครับที่ทำให้คนที่เคยอ้วน และลดความอ้วนลงมาได้แล้ว จะอ้วนกลับขึ้นไปใหม่ได้ยากยิ่งขึ้น
ชีวิตกลับกลายเป็นคนปกติกับเขาได้เสียที ใครที่อ้วนหากอยากจะผอม ก็ลองทำดูได้ครับ


โดย ดร.วินัย ดะห์ลัน
ที่มา : //www.elib-online.com


สารบัญ ไดเอท ลดน้ำหนัก
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2553
0 comments
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2553 14:40:25 น.
Counter : 1034 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.