Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
22 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
โรคอ้วนกับวิธีการลดน้ำหนัก



โรคอ้วนเป็นความผิดปกติของร่างกายอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก
ทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด
โรคโคเลสเตอรอลสูงในเลือด โรคไตรกลีเซอไรด์สูงในเลือด โรคเบาหวาน โรคนิ่วในถุงน้ำดี
กระดูกและข้อเสื่อมเร็วกว่าคนปกติ ระบบทางเดินหายใจทำงานไม่สะดวก
โรคที่เกี่ยวกับปัญหาด้านจิตใจ แต่ละโรคที่กล่าวมา ล้วนแต่มีความร้ายแรงและยากต่อการรักษาเป็นอย่างยิ่ง

ความหมายของโรคอ้วน
ได้แก่ผู้ที่มีน้ำหนักมากขึ้น จากการที่ร่างกายมีการสะสมไขมันไว้ในร่างกายเกินควรจะเป็น
การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักของส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
เช่น กล้ามเนื้อ กระดูกและอวัยวะภายในของคนอ้วนมีน้อยมาก

ผู้ใดที่มีน้ำหนักมากกว่าที่ควรจะเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นโรคอ้วน

ในปัจจุบันมีวิธีการตรวจสอบอยู่หลายวิธี ตั้งแต่วิธีง่ายที่สุดคือการดูจากสายตา
วิธีนี้ถ้าใครอ้วนมาก ๆ ก็ง่าย แต่ถ้าบางคนอ้วนไม่มากอาจบอกได้ไม่ชัดเจน

วิธีที่นิยมในปัจจุบันเพื่อบอกให้ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นโรคอ้วน
คือเราใช้วิธีคำนวณหาดัชนีความหนาของร่างกาย
ค่าที่ได้ต้องมากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป จึงจะบอกว่าเริ่มเป็นโรคอ้วน
วิธีคำนวณหาดัชนีความหนาของร่างกายให้ท่านชั่งน้ำหนัก สมมุติว่าได้ 60 กิโลกรัม
และวัดส่วนสูงได้ 1 เมตร 50 เซนติเมตร ให้เอา 60 หารด้วย 1.5 ยกกำลังสอง
คำนวณออกมาได้เท่ากับ 26.66 กิโลกรัมต่อตารางเมตร แสดงว่าท่านเริ่มอ้วนแล้ว
เพราะค่าปกติดัชนีความหนาของร่างกายอยู่ระหว่าง 20-24.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
นอกจากนี้อาจใช้อุปกรณ์วัดไขมันใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านหลัง ซึ่งต้องให้คนอื่นมาช่วยวัดให้

ถ้าท่านพบว่าตัวเองอ้วนก็ต้องพยายามลดความอ้วน เพื่อที่จะได้ไม่เสี่ยงต่อโรคข้างเคียงดังที่กล่าวมาแล้ว
สำหรับวิธีการลดน้ำหนักมีหลายวิธี วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมีอยู่ประมาณ 4 วิธี
ส่วนใหญ่ไม่นิยมทำกัน แต่ในต่างประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา มีทำกันบ้างแต่ไม่มากนัก
สาเหตุที่ไม่ค่อยนิยมทำกัน เพราะวิธีการบางอย่างอาจจะต้องมีการทำการผ่าตัดร่วมด้วย
ผู้มารับการรักษาอาจต้องเจ็บตัวนอกจากเสียเงินแล้ว วิธีการเหล่านี้คือ

การฉีดฮอร์โมนเข้าไปในร่างกาย เพื่อให้มีผลต่อการเผาผลาญพลังงานจากไขมัน
นอกจากจะมีราคาแพงแล้วยังมีผลข้างเคียงรุนแรงค่อนข้างมาก

วิธีการผ่าตัดมัดกระดูกขากรรไกรให้เข้าหากัน
ปากของคนนั้น ๆ ก็จะไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ กลืนอาหารเหลวได้เท่านั้น

วิธีการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกระเพาะอาหาร หรือการตัดต่อลำไส้เล็กใหม่ให้สั้นลง
เพื่อลดเวลาในการดูดซึมสารอาหาร ในระหว่างผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
นอกจากนี้มีการทดลองใส่ลูกโป่งเข้าไปในกระเพาะ เพื่อให้มีที่ว่างน้อยลง

วิธีการผ่าตัดหรือการดูดไขมันหน้าท้องออก วิธีนี้มีการทำในเมืองไทย
โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่มีไขมันหน้าท้อง ซึ่งทำให้หน้าท้องหย่อนไม่สวยงาม
จึงไปพบแพทย์เพื่อผ่าตัดเอาไขมันและทำให้หน้าท้องตึงขึ้น
ส่วนการดูดไขมันออกทางหน้าท้อง
ใช้วิธีเจาะช่องหน้าท้อง แล้วเอาเครื่องมือสอดเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อดูดเอาไขมันออก

นอกจากวิธีการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วแล้ว การกินยาลดน้ำหนักก็มีการใช้กันอย่างมาก
ปัจจุบันมียาลดน้ำหนักหลากชนิดแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก ได้แก่ ยาลดการย่อยไขมันและดูดซึมไขมันจากอาหารที่กินเข้าไป
โดยสามารถลดการย่อยไขมันได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
แต่ยากลุ่มนี้มีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น แน่นท้อง มีลมในท้อง ถ่ายบ่อยและถ่ายเป็นน้ำมัน
ซึ่งมักจะเป็นในสัปดาห์แรก ๆ ของการกินยา และจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อใช้ยาต่อเนื่อง
ส่วนพวกกากใยอาหารทั้งที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
รวมทั้งสารไคติน-ไคโตซานที่มีอยู่มากมายในท้องตลาด
มีผลดีในการปรับระบบการขับถ่ายอุจจาระมากกว่าจะมีผลในการลดความอ้วน

ยากลุ่มที่สอง เป็นยาลดความอยากอาหารให้น้อยลง
เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อระบบประสาทส่วนกลาง
คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่พยายามลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล
โดยยามีฤทธิ์ในการลดความอยากอาหารลงและทำให้รู้สึกเบื่ออาหารขึ้น จึงเป็นยาที่ถูกจัดเป็นยาควบคุม
เพราะเป็นยาที่ดัดแปลงสูตรมาจากยาบ้า ดังนั้นจึงมีฤทธิ์ข้างเคียงคล้ายกัน
ยาในกลุ่มนี้ จึงเป็นยาที่ต้องใช้โดยการควบคุมของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ยากลุ่มที่สาม เป็นยาทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มง่ายและเร็วขึ้น
นับเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้ดี
ประสิทธิผลของยายังคงมีต่อเนื่อง แม้จะใช้นานกว่า 6 เดือน และยังมีผลในการควบคุมความเครียด
และลดระดับน้ำตาลในเลือดลงด้วย
แต่อย่างไรก็ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์อย่างเคร่งครัด ตลอดการรักษา

ยากลุ่มสุดท้าย เป็นยาเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย
ยากลุ่มนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและวิจัย โรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังและยากแก่การรักษา

ยังไม่มียาวิเศษใดที่มีคุณสมบัติลดน้ำหนักได้เพียงลำพัง โดยไม่ต้องควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
นอกจากนี้อาจเสี่ยงต่อยาปลอมอีกด้วย


วิธีที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการลดอย่างรวดเร็วหรือการกินยา
คงไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าวิธีที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ ซึ่งจะไม่มีผลข้างเคียงด้วย

และไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะอาจทำให้รับประทานมื้อถัดไปมากขึ้น
ที่สำคัญควรรับประทานประเภทผักใบเขียว เพราะจะมีใยอาหารอยู่มาก

พยายามดื่มน้ำก่อนอาหาร เพื่อถ่วงกระเพาะอาหารซึ่งจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง
หรือเลือกรับประทานใยอาหารก่อนอาหารประมาณครึ่งชั่วโมงแทน เพื่อผลทางจิตวิทยา

ควรใช้ภาชนะเล็กลงโดยมีปริมาณอาหารเท่าเดิม เพื่อให้ดูว่ามีอาหารมากขึ้น
และควรใช้ช้อนขนาดเล็กเพื่อจะได้รับประทานช้าลง

ควรฝึกเคี้ยวซ้ำ ๆ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

หาเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมมากขึ้น
มักมีความเชื่อผิด ๆ กันว่า การออกกำลังกายมากขึ้นจะทำให้หิวเร็วและรับประทานอาหารมากขึ้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
การที่ไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงมักขจัดความเบื่อนี้ด้วยการรับประทาน
การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีช่วยลดความเบื่อหน่าย
และเพิ่มการใช้พลังงานเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมให้ลดน้อยลง

การสร้างสิ่งจูงใจ หรือทัศนคติดี ๆ ต่อพฤติกรรมใหม่ ๆ
เช่น การเขียนข้อความเกี่ยวกับการลดความอ้วนหรือดูชุดสวย ๆ ในสมัยก่อนที่เคยใส่ได้
เพื่อให้เห็นถึงเป้าหมายและสามารถกระตุ้น หรือจูงใจให้มีความพยายามมากขึ้น

และที่สำคัญที่สุดพยายามพักผ่อนให้มาก ๆ ไม่มีประโยชน์เลยถ้ามีรูปร่างที่สวยงามอย่างที่ต้องการ
แต่ต้องอาศัยอยู่ในโรงพยาบาล อันเนื่องมาจากการลดน้ำหนักผิดวิธี


ข้อมูลโดย สุดสายชล หอมทอง
ภาพจาก://www.fotosearch.com.au


*** สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก



Create Date : 22 มีนาคม 2552
Last Update : 18 มีนาคม 2555 16:35:24 น. 0 comments
Counter : 1075 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.