สูตร (ไม่) ลับลดอ้วนฉบับชีวจิต
จุดเริ่มต้นของความอ้วน จากกระแสวัฒนธรรมต่างๆ จากโลกตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามา เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของคนไทย รวมถึงพฤติกรรม การกินที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก คนกินผักน้อยลง แต่หันไปกินอาหารขยะ ทั้งแป้งขาว ไขมัน และน้ำตาลมากขึ้น ขณะที่กิจกรรมต่างๆ ก็ไม่เอื้อต่อการดูแลสุขภาพ ขาดการออกกำลังกาย ส่งผลให้ร่างกายสะสมแคลอรีมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับการขับของเสียออกจากร่างกายที่ไม่สมดุลกัน
ความอ้วนก่อโรค ตามธรรมชาติทั่วไปแล้วคนอ้วนมักติดนิสัยการกินอาหารจำพวกของหวาน ของทอด ของมัน ซึ่งอาหารพวกนี้เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วมักจะย่อยไม่หมด อาหารพวกนี้จะกลายเป็นไขมันไปเกาะอยู่ที่ตับ ซึ่งตับมีหน้าที่ช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน เก็บสำรองอาหาร และขจัดสารพิษที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อตับถูกทำลายจะส่งผลให้น้ำหนักผิดปกติ เมื่อน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นถึงขั้นอ้วนยังเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค เช่น โรคหัวใจ,โรคหลอดเลือดสมอง,โรคเบาหวาน, รคเกี่ยวกับข้อ, โรคความดันโลหิตสูง,โรคตับ และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ยังไม่นับรวมเรื่องของโรคเล็กๆ น้อยๆ เช่นไมเกรน, ภูมิแพ้ และไข้หวัด นอกจากนี้ความอ้วนยังส่งผลให้แก่เร็วขึ้น และที่สำคัญคือจะย่นอายุของเราให้สั้นลง ส่งผลให้ความเครียดพอกพูนขึ้นเป็นเงาตามตัวจนยากที่จะหาทางแก้ไข
สุขภาพใจใครว่าไม่สำคัญ
เมื่อน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่ปัญหาทางด้านร่างกายเท่านั้นที่คุกคามศักยภาพของคนอ้วน เพราะส่วนใหญ่คนเหล่านี้ ล้วนมีปมในใจ โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาทางด้านสุขภาพจิตนั้นคนอ้วนมีค่อนข้างสูง ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังต่อไปนี้
* มีความกังวล ขาดความมั่นใจในรูปร่างของตัวเอง
* ซึมเศร้า นานเข้าก็จะกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโห อ่อนเพลีย และซึมเศร้า เกิดความเบื่อหน่าย ปราศจากจุดมุ่งหมายในชีวิต * สะสมเป็นความเครียด เกลียดการเข้าสังคม พอเครียดมากๆ ก็จะกิน ยิ่งกินก็ยิ่งเครียด เพราะยิ่งอ้วน ที่สุดก็พยายามหาทางออกให้ตัวเองในทางที่ผิด และต้องเสียเงินเข้าคอร์สลดความอ้วนตามคลินิกต่างๆ
ลดอ้วนด้วยตัวเอง
การลดน้ำหนักแบบชีวจิตนั้น นอกจากจะเน้นในเรื่องอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการทำสมาธิ หรือรีแล็กเซชั่นก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ
การออกกำลังกายให้ได้ผลต้องให้ถึงพีค กล่าวคือ จนเหงื่อโทรมกาย รู้สึกเหนื่อย หัวใจเต้นแรง ชีพจรเต้น 120 ครั้งต่อนาที เมื่อถึงพีคร่างกายจะได้ยาวิเศษหรือได้รับสารแห่งความสุข นั่นคือโกร๊ธฮอร์โมนจะหลั่งออกมา ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและมีความสุข เพราะฉะนั้นควรจะหาเวลาออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ให้ถึงพีค
เทคนิคการออกกำลังกายสำหรับคนอ้วน
* พยายามออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ได้วันละ 30 นาที * พยายามเดินให้มากขึ้น เพราะการเดินเป็นการเริ่มต้นที่ดี * เพิ่มการเคลื่อนไหวออกแรงในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน * หลังจากเริ่มต้นการออกกำลังกายด้วยการเดินแล้ว ให้ออกกำลังกายที่เป็นแบบแผนมากขึ้น โดยเลือกออกกำลังกายตามที่สนใจ * ควรออกกำลังกายในขณะที่ร่างกายพร้อมเท่านั้น และทำอย่างต่อเนื่องให้เป็นกิจวัตร * รีแล็กเซชั่น (Relaxation) จะเน้นในเรื่องของสมอง ด้วยการฝึกร่างกายให้ผ่อนคลาย เพื่อให้การหมุนเวียนของเลือดในร่างกาย และสมองดีขึ้น นอกจากนั้นจิตใจที่แน่วแน่จะสามารถติดต่อกับสมองส่วนกลางได้ แล้วจะสามารถบังคับส่วนที่เป็นนิสัยเกี่ยวกับเรื่องกินได้
เทคนิคในการกินให้น้อยลง
* จำกัดตัวเองในการออกไปกินเลี้ยงนอกบ้าน * ไม่ซื้ออาหารตุนไว้เต็มตู้ หรือวางของกินล่อตาล่อใจ * ตักอาหารครั้งละน้อยๆ เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องเติมข้าวอีกเพราะกับข้าวเหลือ * ฝึกเคี้ยวอาหารช้าๆ จะช่วยให้อาหารละเอียดและกินได้น้อยลง * กินให้พออิ่ม ไม่ใช่อด และกินให้หลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ
ทฤษฎีแมคโครโบติกส์ ระบุว่า คนที่กินแล้วยังอยากโน่นอยากนี่ แปลว่าอาหารที่กินเข้าไปไม่มีสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นจึงควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ครบคุณค่าทางโภชนาการ ร่างกายจะเกิดความสมดุล อิ่มพอดี ไม่กระวนกระวายหาอะไรกินอีก
การลดน้ำหนักโดยการกินอาหารน้อยๆ จะทำให้เกิดอาการเฉื่อยชา ง่วงงุน ไม่ชอบเดินไปไหน นั่นเป็นเพราะร่างกายจะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง การควบคุมอาหารจะทำให้การเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลง ซึ่งผลก็คือทำให้เป็นการยากที่จะลด น้ำหนักลงได้เร็วขึ้น
สูตร (ไม่) ลับไดเอทฉบับชีวจิต
สืบเนื่องมาจาก ที่อาจารย์สาทิสได้คิดค้นสูตรอาหารลดความอ้วนแบบชีวจิต และได้ทดลองกับเหล่าคนอ้วน ที่เคยไปเข้าคอร์สอุดมสมบูรณ์ที่เชียงใหม่ ปรากฏว่ามีคนอ้วนที่สามารถลดน้ำหนักเพราะสูตรอาหารดังกล่าวกว่า 5 - 6 กิโลกรัม บางคนน้ำหนักลดลงภายในเวลาไม่กี่วันกว่า 10 กิโลกรัม
อาหารลดความอ้วนแบบชีวจิตขนานแท้จะมีอยู่ 2 สูตรให้เลือกกินและเลือกปฏิบัติให้เหมาะกับตนเอง ลองมาดูกันเลยค่ะว่า เป็นอย่างไร
สูตร 1 สำหรับคนที่อยากสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ไม่เน้นเรื่องของความสวยงาม
สัดส่วนของอาหารดังนี้
* อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ * ผักสดหรือผักสุก ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ * โปรตีนจากพืชจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และผลผลิตจากพืช เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ * เบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดพืชกินเล่นจำพวกเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง รวมทั้งผลไม้ต่างๆ ที่มีรสไม่หวาน เช่น มะละกอ สับปะรด ฝรั่ง มะม่วงดิบ ส้มเขียวหวาน ส้มโอ นอกจากนี้ก็ยังมีจำพวกซุปฟักทอง มิโซซุปมื้อละถ้วยเล็กๆ แกงจืดหรือแกงเลียง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
สูตรที่ 2 เหมาะสำหรับคนที่อยากจะมีรูปร่างสวยงามสมส่วน คนที่เป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวานก็สามารถใช้สูตร นี้ได้เช่นกัน
สัดส่วนของอาหารดังนี้
* อาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ * ผักสดหรือผักสุก ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ * โปรตีนจากพืชจำพวกถั่วต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และผลผลิตจากพืช เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตรประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ * เบ็ดเตล็ด (รับประทานเช่นเดียวกับสูตรแรก)
ตัวอย่างเมนูอาหารในแต่ละมื้อ
* มื้อเช้า ได้แก่ จำพวกข้าวต้มอาร์.ซี. หรือข้าวต้มกล้อง ปลาตัวเล็กทอด ต้มจับฉ่าย ยำเห็ดรวมมิตร คะน้าปลาเค็ม * มื้อกลางวัน ได้แก่ ข้าวสวยกล้อง ผัดผัก น้ำพริกหรือลาบปลาทูน่า และผักสดผักต้มสำหรับจิ้มน้ำพริก พยายามหาเมนูที่ทำให้ได้กินผักเยอะๆ เพราะจะทำให้ระบบขับถ่ายคล่อง * มื้อค่ำ ควรเป็นอาหารเบาๆ ย่อยง่าย จำพวกซุปฟักทอง มิโซซุป เป็นต้น เพราะมื้อค่ำไม่ควรกินเมนูหนักเกินไป
หากรู้สึกหิวในช่วงกลางคืนหรือช่วงก่อนเข้านอน ให้กินกล้วยน้ำว้าทดแทนประมาณ 1-2 ลูก เพราะในกล้วยน้ำว้ามีสารไฟเบอร์ ที่สามารถละลายไปเคลือบผิวกระเพาะอาหาร ทำปฏิกิริยากับกรดทำให้เกิดสารเจลาติน ซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน ความอยากอาหารก็จะลดลง
ข้อมูลโดย : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 143 ที่มา : //www.cheewajit.com
สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก
Create Date : 06 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 17:08:05 น. |
|
1 comments
|
Counter : 5504 Pageviews. |
|
|
|