อาหารควบคุมน้ำหนักผอมได้ ไม่เสี่ยงผลข้างเคียง
คำทักทายธรรมดาๆ ไม่มีเจตนาแฝงเร้นอย่าง “หมู่นี้ดูอ้วนนะ”
กลายเป็นคำต้องห้ามสำหรับผู้หญิงไทย พ.ศ. นี้ไปเสียแล้ว
ส่วนใหญ่ไม่ใช่เพราะโกรธหรือน้อยใจที่ไปว่าพวกเธอว่า "อ้วน"
หากทว่าเป็นเพราะคำพูดนั้นสอดคล้องกับความเชื่อของพวกเธอเอง ที่มักคิดเองเออเองว่าตัวเองอ้วน
ทั้งๆ ที่ความจริงหลายคนน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานด้วยซ้ำ
ความเชื่อเช่นนี้เองได้ไปสนับสนุนให้ผู้ผลิตจำนวนมาก
หันมาโฆษณาผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก และนวัตกรรมลดความอ้วนกันอย่างครึกโครม
ผนวกกับความหย่อนยานด้านการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหล่านี้
ส่งผลให้หลายครั้งเกิดข่าวครึกโครม เกี่ยวกับผลข้างเคียงหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ เหล่านี้
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเลย
หากรู้จักเลือกรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารควบคุมน้ำหนัก
รศ.พญ.อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ
อย่างไรก็ตาม ความรู้เรื่องอาหารควบคุมน้ำหนักยังกระจุกตัวอยู่ในวงแคบๆ
การประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 1 โดยสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย
ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านอาหารและโภชนาการจึง จัดเสวนาเรื่องอาหารควบคุมน้ำหนักขึ้น
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูก ต้อง โดยรศ.พญ.อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ คณะแพทยศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่าโรคอ้วนไม่เคยตกสมัย
มีความรุนแรงและถือเป็นโรคระบาดแห่งทศวรรษ ดังการประเมินขององค์การอนามัยโลกที่ประเมินว่า
ทั่วโลกมีคนอ้วนมากกว่า 1,000 ล้านคน ความชุกของโรคอ้วนในเด็กและผู้ใหญ่เพิ่มสูงขึ้นมาก
ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา
จากการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการล่าสุดในปี 2546 พบว่าประเทศไทย
มีผู้ที่มีรูปร่างสมส่วนเพียงร้อยละ 40-60 เท่านั้น ขณะที่ผู้ใหญ่จะมีภาวะโภชนาการเกินอยู่ในอัตราสูงมาก
ในกลุ่มอายุ 19-59 ปี และ 60-74 ปีจะมีภาวะน้ำหนักเกินร้อยละ 31.5 และ 23.8 ตามลำดับ
โดยผู้หญิงจะเป็นโรคอ้วนมากกว่าผู้ชาย ส่วนทารกและเด็กจะมีรูปร่างสมส่วนประมาณร้อยละ 80
โดยเด็กอายุ 0-5 ขวบ, 6-14 ปี และ 15-18 ปี จะเป็นโรคอ้วนมากขึ้นถึงร้อยละ 4, 5.4 และ 12.9 ตามลำดับ
อีกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่อาศัยในเขตเมืองจะอ้วนมากกว่าในเขตชนบท
“ภายในเวลา 5 ปี ความชุกของโรคอ้วนใน เด็กไทยที่อายุน้อยกว่า 6 ปี เพิ่มขึ้นประมาณ 0.15 เท่า
หรือจากร้อยละ 5.8 เป็น 6.7 ใกล้เคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกาและญี่ปุ่น
ภาวะโภชนาการเกินจึงมากขึ้นตามอายุ ยิ่งอาศัยในเมืองยิ่งเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ง่าย เนื่องด้วยสิ่งแวดล้อม
สภาพสังคม เศรษฐกิจ ของคนเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภค"
รศ.พญ.อุมาพรอธิบาย พลางเน้นว่าการบริโภคอาหารที่อุดมด้วยไขมัน แป้ง และน้ำตาลมากขึ้น
ขณะที่ไม่ออกกำลังกายหรือไม่ค่อยได้ใช้พลังในการทำกิจกรรมนั้น มักเชื้อเชิญโรคร้ายอย่างเบาหวาน
ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือดผิดปกติ โรคหัวใจและหลอดเลือด กระดูกและข้อผิดปกติ
ทางเดินหายใจอุดกั้นเวลานอนหลับ จนกระทั่งสภาพอ่อนแอทางจิตใจ
“โรคอ้วนเกิด จากพฤติกรรมการกินอาหารง่ายๆ แค่ทานน้ำอัดลม หรือทองหยิบสัก 2 ลูก
ก็ยากจะเผาผลาญแคลอรีแล้ว จำต้องเดินเร็วๆ อย่างน้อย 40 นาทีจึงจะเผาผลาญหมด” รศ.พญ.อุมาพรย้ำ
พลางกำชับว่าการรับประทานอาหารควบคุมน้ำหนัก นอกจากจะต้องสะดวก ปลอดภัย และได้ผลแล้ว
ยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละช่วงอายุด้วย
“ปัจจุบันมี 3 วิธีรักษาโรคอ้วนที่ควรนำมาใช้ร่วมกัน
คือการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ส่วนวิธีการใช้ยาและผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน เสี่ยงต่อผลแทรกซ้อนและค่าใช้จ่ายแพง
นอกจากนั้นถ้าระหว่างได้ยาหรือหยุดยาแล้ว คนไข้มีพฤติกรรมเหมือนเดิมก็จะกลับมาอ้วนอีก
จึงไม่เหมาะใช้ในเด็ก ยกเว้นกรณีจำเป็นจริงๆ เท่านั้น” รศ.พญ.อุมาพรแนะ
พลางเน้นว่าถ้าคนไข้มีโรค ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วนหรือมีโรคแทรกซ้อนจากโรคอ้วน
ให้รักษาไปพร้อมๆ กับการควบคุมน้ำหนัก
รวมทั้งไม่ควรทดลองรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลากหลายชนิด ที่โฆษณาชวนเชื่อว่า
ลดน้ำหนักได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ยังขาดหลักฐานการวิจัยว่าได้ผลจริงหรือไม่ในระยะยาว
สอดคล้องกับ ศ.นพ.สุรัตน์ โคมินทร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
ที่มองว่าการรับประทานอาหารควบคุมน้ำหนักควบคู่กับการออกกำลังกาย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
สำคัญสุดในการหลีกหนีจากโรคอ้วน ที่กลายมาเป็นปัญหาของคนไทยยาวนานกว่า 15 ปี
ไม่เลือกว่าจะรวยหรือจน ผู้หญิงไทยที่อ้วนจะเป็นเบาหวานมากกว่าคนปกติเกือบ 4 เท่า
เช่นเดียวกับผู้ชายไทยที่อ้วน จะเสี่ยงเป็นโรคร้ายนี้มากกว่าผู้ชายไม่อ้วน 2.5 เท่า
ศ.นพ.สุรัตน์ โคมินทร์
กระนั้น แพทย์ต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจร่วมกันว่า
การลดน้ำหนักที่ดีไม่จำเป็นต้องลดลงให้ถึงขนาดน้ำหนักมาตรฐานทุกคน เพราะจากการศึกษาพบว่า
หากคนไข้ลดน้ำหนักได้เพียงร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักที่เคยเป็น จะช่วยให้ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ดีขึ้นได้
“การรับประทานอาหารควบคุมน้ำหนักยังเป็นวิธีหลักในการรักษาคนอ้วน แม้อาหารที่ใช้จะมีหลายชนิด
แต่ทั้งหมดมีหลักเกณฑ์เหมือนกันคือ ปริมาณพลังงานที่รับเข้าต้องน้อยกว่าพลังงานที่ต้องใช้ในแต่ละวัน
ส่วนความต่าง จะอยู่ที่ปริมาณส่วนประกอบของสารอาหารหลักในอาหารมื้อนั้นๆ” ศ.นพ.สุรัตน์เผย
พลางอธิบายว่าอาหารควบคุมน้ำหนักแบบ Atkin’s diet จะเป็นอาหารที่ลดคาร์โบไฮเดรตลงอย่างมาก
ผลของการลดคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ระดับอินซูลินในเลือดลดลง
มีผลทำให้โซเดียมในร่างกายถูกขับออกทางไต พร้อมกับขับน้ำออกจากร่างกายได้มากขึ้น
น้ำหนักจึงลดลงอย่างรวดเร็ว
“หลักการของอาหารแบบ Atkin’s diet จะให้คนไข้กินคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 20 กรัม/วันในช่วงแรก
แล้วค่อยๆ เพิ่มคาร์โบไฮเดรตขึ้น แต่ไม่เกินวันละ 40-90 กรัม ส่วนโปรตีนและไขมันไม่บังคับ
ร่างกายจึงเปลี่ยนมาใช้กรดไขมันเป็นพลังงานแทนน้ำตาล แม้วิธีนี้น้ำหนักตัวจะลดลงเร็ว
แต่การจำกัดชนิดอาหารอย่างมาก ทำให้คนไข้เพลียและเบื่อเร็ว จึงไม่ปฏิบัติตามในระยะยาว”
ส่วนอาหารควบคุมน้ำหนักอย่าง South Beach Diet จะแตกต่างจาก Atkin
ที่การเลือกชนิดของไขมันจากน้ำมันมะกอก ที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวแทนไขมันเหลวจากสัตว์
รวมถึงใช้คาร์โบไฮเดรตที่ดีกว่า เช่น ถั่วเปลือกแข็ง และเลือกพืชผักชนิดที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
ขณะที่หลักการของ The Zone diet
จะเป็นอาหารพลังงานต่ำ ผสมผสานกับคาร์โบไฮเดรตที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำในปริมาณพอเหมาะ
เพื่อควบคุมความสมดุลของอินซูลิน พร้อมลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือร้อยละ 40 ของพลังงาน
ส่วนไขมันและโปรตีนร้อยละ 30 ทั้งคู่
ที่สำคัญให้เลือกรับประทานแครอทหรือกล้วย แทนคาร์โบไฮเดรตขัดสีอย่างข้าวและน้ำตาล
รวมถึงเลือกรับประทานไข่ขาว ถั่วเปลือกแข็ง และน้ำมันมะกอกกับน้ำมันปลาแทนไขมันสัตว์
และไขมันอิ่มตัว
อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.สุรัตน์ย้ำว่าอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำทำให้น้ำหนักลดได้เร็วในเดือนแรก
แต่หลังจากนั้นจะลดช้าลง จนได้ผลไม่แตกต่างจากอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
อีกทั้งการจำกัดอาหารอย่างมาก ยังทำให้มีคนไข้เลิกปฏิบัติตามสูงถึงร้อยละ 40
ส่วนข้อพึงระวังในการรับประทานอาหารแคลอรีต่ำมากๆ คือการเสียโปรตีนออกจากกล้ามเนื้อได้ง่าย
เพราะหากเป็นต่อเนื่อง จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อลีบลง และร่างกายอาจเก็บโปรตีนได้ไม่ดี
เวลาเจ็บป่วยก็จะหายช้า
ดังนั้นจึงหันมาใช้อาหารที่มีกากใยมาก หรือเสริมใยอาหารช่วยในการลดน้ำหนักแทน
ดังปัจจุบันที่ควบคุมอาหารแบบใช้อาหารทดแทน
โดยผู้ป่วยจะดื่มสูตรอาหารที่คล้ายนมแทนมื้ออาหาร 1-2 มื้อ เช่น Slimfast ที่ให้พลังงาน 800-1,000 kcl/d
และโปรตีน 50-70 g/d ทว่าท้ายสุดก็คล้ายการลดคาร์โบไฮเดรต เพราะคนไข้เบื่อหน่าย ไม่ปฏิบัติตาม
การเลิกกลางคันเพราะความเบื่อหน่ายไม่ได้เกิดเฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น ในเด็กก็เช่นเดียวกัน
ดังที่รศ.นพ.สังคม จงพิพัฒน์วณิชย์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อธิบายว่าเด็กที่ดูทีวีและเล่นคอมพิวเตอร์นานกว่า 5 ชั่วโมง/วัน
จะอ้วนกว่าเด็กที่ใช้เวลาทำกิจกรรมเหล่านี้แค่ 2 ชั่วโมง/วัน
เพราะจะมีพฤติกรรมการบริโภคเหมือนอาหารที่โฆษณาในทีวีทั้งฟาสต์ฟูด บิ๊กไซส์
และขนมหวานที่มีน้ำตาลมากๆ
หลักการสำคัญสุดของการควบคุมน้ำหนักในเด็ก
คือ ความปลอดภัย ไม่ขาดสารอาหาร และไม่กระทบการเจริญเติบโต
การใช้อาหารควบคุมน้ำหนักในเด็ก จึงต้องระมัดระวังเรื่องความสอดคล้องกับช่วงอายุของเขาอย่างยิ่ง
เช่น เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ แพทย์จะไม่ทำอะไรเลย ถ้าภาวะความอ้วนไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา
“นอกจากปรับเปลี่ยนพฤติกรมการดูทีวีและเล่นคอมพิวเตอร์ของเด็ก ที่ต้องน้อยกว่า 2 ชั่วโมง/วัน
และไม่มีคอมพิวเตอร์ในห้องนอนแล้ว
การใช้อาหารควบคุมน้ำหนักในเด็ก จะต้องได้รับความร่วมมือจากพ่อแม่และโรงเรียนอย่างมาก
ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีและไม่ให้ขายขนมหวานจัดในโรงเรียน ” รศ.นพ.สังคมเผย
พลางเน้นตัวเลขที่น่าตระหนกว่าถ้าพ่อหรือแม่อ้วน โอกาสที่ลูกจะอ้วนตามมากถึงร้อยละ 40
และหากทั้งพ่อและแม่อ้วน ลูกจะอ้วนตามสูงมากถึงร้อยละ 80
ที่มา : //www.manager.co.th
 สารบัญ ลดอ้วน ลดน้ำหนัก
| Create Date : 28 พฤษภาคม 2554 |
| Last Update : 28 พฤษภาคม 2554 12:57:49 น. |
|
2 comments
|
| Counter : 1687 Pageviews. |
 |
|
|
สารบัญ 
แต่สำหรับข้อมูลที่ให้มาต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะ 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [
>> คลิ๊ก>> //alturl.com/jur7x
คุณสมบัติผู้ สมัคร :
1.อายุ 18 ปี ขึ้นไป
2.พร้อมที่จะเรียนรู้และยอมรับสิ่ง ใหม่ๆ และสามารถพัฒนาตนเองได้
3.ขยัน มุ่งมั่น และตั้งใจจริง
4.มี ทัศนคติที่ดีในการทำงาน
5.ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตพื้นฐาน ได้
วุฒิการศึกษา : ไม่จำกัดวุฒิ
เงินเดือน : ตามความสามารถ
>> คลิ๊ก>> //alturl.com/jur7x