ออกกำลังกายแบบไหนจึงลดความอ้วนได้เร็ว
การออกกำลังกายมีหลายแบบ แต่ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อการเผาผลาญพลังงานได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบคือ 1.ความถี่ของการออกกำลังกายต้องไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
์2.การออกกำลังกายแต่ละครั้งให้วัดระดับการเต้นของหัวใจต้องไม่น้อยกว่า 60% ของอัตราเต้นของหัวใจสูงสุด โดยคำนวณร่วมกับอายุคือ 220 – อายุ = อัตราเต้นของหัวใจสูงสุด Aerobic stage > 60% ของอัตราเต้นสูงสุดของหัวใจ เช่น อายุ 40 = ((220-40) x 60)/100 = 180 ครั้ง/นาที
3. ระยะเวลาของการออกกำลังกายแต่ละครั้ง ไม่ควรจะน้อยกว่า 20-30 นาที ตัวอย่างของการออกกำลังกายแบบแอโรบิกได้แก่ การวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ หรือการเคลื่อนไหวต่อเนื่องกันนานๆ เช่น การเต้นรำ การเต้นแอโรบิก เป็นต้น
เพียงแค่นี้บรรดาว่าที่เจ้าสาวก็สามารถดูแลหุ่นและสุขภาพตัวเองได้ไม่ยากเลย เพียงแต่ใส่ใจและพยายามหาเวลาว่าง ถ้าจะให้ดีรวมกลุ่มเพื่อนๆ ไปจะดีกว่าการออกกำลังกายอย่างเดียว และสนุกกับการควบคุมอาหารไปด้วย วิธีนี้ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอและจริงจัง จะได้ผลอย่างแน่นอน ผลพลอยได้คือ สุขภาพดี ผิวพรรณสดใสด้วย
อยากหุ่นดีทำไมต้องออกกำลังกายแบบแอโรบิก ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนครับว่า ถ้าเราแบ่งชนิดของการออกกำลังกายออกเป็นแบบต่างๆ โดยใช้แหล่งพลังงานที่ร่างกายใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่ง เราสามารถแบ่งการออกกำลังกายได้เป็น 3 ประเภท คือ แอโรบิก (Aerobic exercise) แอนแอโรบิก (Anaerobic exercise) แบบผสม (Mix type)
การออกกำลังกายแบบแอโรบิก จะใช้กระบวนการ Oxidation หรือการเผาผลาญพลังงานที่ใช้ออกซิเจนมาร่วมด้วยในกระบวนการ แหล่งพลังงานที่ใช้ จะใช้ทั้งไขมันและ Glycogen แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิก จะยังไม่มีการใช้ออกซิเจนในขณะนั้น (เกิดภาวะไม่ใช้ออกซิเจน หรือ Oxygen dept ขึ้น) ผลที่ได้ออกมาก็คือกรดเล็กติด แหล่งพลังงานหลักในระหว่างที่เกิด Oxygen dept นั้นได้มาจาก Glycogen และ Phosphocreatine เท่านั้น ในคนอ้วนที่อยากหุ่นดีขึ้น ส่วนใหญ่แล้วต้องการลดปริมาณไขมันหรือ % Body fat ในร่างกายลง ถ้ามัวแต่ออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิกที่ใช้แต่ Glycogen เป็นหลัก ความหวังที่จะหุ่นดีขึ้นก็ยังคงอยู่อีกไกลสมชื่อ เพื่อให้การเผาผลาญไขมันทำได้เร็วขึ้น เทรนเนอร์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ออกกำลังแบบแอโรบิกซึ่งใช้ทั้งไขมัน และ Glycogen เป็นแหล่งพลังงาน (ที่พนักงาน Fitness บอกว่าให้ไป Burn กัน 30 นาที ก็คือการ Burn fat น่ะเอง)
นอกจากนี้โปรแกรมการออกกำลังกายบางอย่างก็เป็นแบบ Aerobic และ Anaerobic exerciseในตัว หรือที่เรียกว่า Mix type เช่น การปั่นจักรยาน หรือ การวิ่งที่มีการสลับช่วงช้าเร็ว ในช่วงที่ปั่นหรือวิ่งช้า หัวใจสามารถปั๊มส่ง Oxygenไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ทันที ก็ไม่เกิด Oxygen deptในช่วงนั้นก็เป็นการออกกำลังกายแบบ Aerobic exercise
แต่ถ้าช่วงไหนที่ปั่นเร็วๆ หรือวิ่งเร็วๆ จนหัวใจไม่สามารถปั๊มเลือดส่ง Oxygenไปเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ทัน ในช่วงนั้นจะเกิด Oxygen dept ขึ้น ช่วงนั้นร่างกายก็จะใช้พลังงานแบบ Anaerobic exercise แทน และเมื่อออกกำลังกายช้าลง ร่างกายก็จะค่อยๆ นำเอา Oxygenมาใช้คืนให้ทีหลัง การทำสลับช่วงช้าและเร็ว จะช่วยให้ออกกำลังกายได้ต่อเนื่องยาวนานทั้งแบบ Aerobic และ Anaerobic exercise ในโปรแกรมเดียว
Create Date : 05 มีนาคม 2552 |
Last Update : 5 มีนาคม 2552 19:43:34 น. |
|
3 comments
|
Counter : 3381 Pageviews. |
|
|
|
โดย: จ๊ะเอ๋ IP: 125.25.147.101 วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:1:08:01 น. |
|
|
|
โดย: เจย์ IP: 118.172.113.228 วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:21:12:06 น. |
|
|
|
โดย: punlovewooyoung IP: 223.204.193.73 วันที่: 22 มีนาคม 2556 เวลา:8:28:02 น. |
|
|
|
|
|
[(220-40) x 60]/100 = 108 ครั้ง/นาที น๊า
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปันจ้ะ