Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
31 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

กายฟิต-ใจเฟิร์ม สูตรเด็ด"ลดอ้วน"



จากกรณีที่มีหญิงฆ่าตัวตายโดยกระโดดจากขอบทางด่วน คาดว่าอาจเกิดจากการกินยาลดความอ้วน
ทำให้เกิดอาการหลอนนั้น แม้จะใช้เวลาพิสูจน์สาเหตุแท้จริงอีก 2 เดือน
แต่เบื้องต้นนี้ถือเป็นคำเตือนสำหรับสาวๆ ที่คิดกินยาลดความอ้วน

ผศ.ดร. พัชณิตา วาทะกุล อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
ยาลูกกลอนเป็นความเชื่อของคนสมัยก่อนว่า จะช่วยในการขับถ่าย ลดความอ้วน กินเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เป็นไร
ทั้งนี้ไม่ได้มีการควบคุมดูแลทั้งวัตถุดิบและปริมาณที่กิน บางคนอาจจะกินมากเกินไปทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน

"ยาลูกกลอนเป็นยาที่ไม่มีใครรับรอง เกิดจากการบอกเล่ากันมา ส่วนผสมมาจากการนำใบไม้ต่างๆ ที่เป็นสมุนไพร
มาตำแล้วใช้แป้งปั้นเป็นก้อนๆ โดยไม่ได้กำหนดปริมาณที่ถูกต้อง แล้วนำมาตากแห้งจึงสำเร็จเป็นยาขึ้นมา
หากกินมากๆ เป็นระยะเวลาติดต่อกันจะทำให้มีอาการพูดลิ้นจุกปาก อาการคล้ายคนเมา ควบคุมตัวเองไม่ได้
เนื้อยาจะไปสะสมในร่างกายทำให้ร่างกายไม่ดูดซึมยาอื่น ผลที่น่ากลัวที่สุดคือมีอาการหลอนและช็อก"

ผศ.ดร.พัชณิตา กล่าวว่า หลักการของยาลดความอ้วนโดยทั่วไปจะมีลักษณะกดประสาท ทำให้ไม่รู้สึกหิว
ทั้งที่ความเป็นจริงเมื่อกินยาลดความอ้วน ควรกินอาหารด้วย แต่คนส่วนใหญ่มักปฏิเสธอาหาร เพราะเห็นว่า
กำลังลดความอ้วน ส่งผลให้ร่างกายที่ต้องเผาผลาญพลังงานอยู่ตลอดเวลา เกิดอาการอ่อนเพลียและ โทรมได้

ด้านน.พ.ดร.อมรพันธุ์ เสรีมาศพันธุ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
ในยุคที่คนให้ความสำคัญกับรูปร่าง ผู้คนหันมาใส่ใจกับร่างกายมากขึ้น เพราะอยากดูดีในสายตาคนอื่น
โดยจะทำอย่างไรก็ได้ ส่วนหนึ่งหันมาลดความอ้วน ซึ่งมีวิธีการทำได้หลายช่องทาง
หลายคนกลายเป็นโรคคลั่งความผอม หรือ Anorexia โดยพบมากในวัยรุ่น
ซึ่งเป็นวัยที่ต้องการเป็นที่สนใจของผู้พบเห็น การมีรูปร่างดีเป็นสิ่งดึงดูดใจ ทำให้เป็นที่ยอมรับ

"จริงๆ ต้องรู้รายละเอียดว่าอ้วนมาจากอะไร เช่น รับประทานอาหารไขมันเข้าไปมาก หรือขาดการใช้พลังงาน
นอกจากนี้อาจเกิดจากปัจจัยภายใน อย่างโรคอ้วนจากพันธุกรรม ซึ่งเราต้องแก้ปัญหาให้ตรงกับสาเหตุ
และแก้ปัญหาแบบมีสติ การกินยาลดความอ้วนอาจจะไม่ใช่คำตอบ เพราะจริงๆ แล้วทางเลือกมีมากกว่านั้น
เช่น ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันหรือฟิตเนสมากมาย ต้องเลือกให้เหมาะกับบุคคลนั้นๆ

การที่จะมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีต้องเดินคู่กันไปทั้ง 2 ส่วน
สุขภาพกายดีนั้นต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
พักผ่อนอย่างเพียงพอ ขับถ่ายเป็นปกติ ส่วนเรื่องของจิตใจนั้นต้องไม่เครียด ไม่หมกมุ่น
ถ้าเราดูแลทั้งสุขภาพกายและใจให้ดี ซึ่งส่งผลเกื้อหนุนกัน สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองมากกว่า"
อาจารย์อมรพันธุ์กล่าว

สำหรับ อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการระดับ 9 กรมอนามัย และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
ความอ้วนมีสาเหตุหลากหลาย หลักๆ คือ
1.กรรมพันธุ์
2.ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อบางส่วนที่หลั่งฮอร์โมนออกมามากเกินไป ซึ่งจัดเป็นอาการป่วย
แต่ทั้ง 2 สาเหตุนี้เมื่อนำมารวมกันมีไม่ถึง ร้อยละ 10 ขณะที่ร้อยละ 90 เกิดจากการกินและขาดการออกกำลังกาย
เด็กที่เป็นโรคอ้วน เกิดจากผู้ใหญ่ไม่ได้ดูแลเด็กในเรื่องของการบริโภคอาหาร และขาดการออกกำลัง

ความอ้วนในวัยรุ่นมีผลทางด้านจิตใจมาก
วัยรุ่นหลายคนชอบทางลัด ลดความอ้วนแบบรุนแรง ใจร้อนอยากเห็นผลทันทีทันใด ไม่ใช่วิถีธรรมชาติ
แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่ใช้คือ ยาในการลดน้ำหนัก ซึ่งแพงมากและลดได้ชั่วคราว
ยามีผลต่อจิตประสาท การควบคุมอารมณ์ ทำให้มือไม้สั่น หัวใจเต้นเร็ว

"ไม่แนะนำให้ใช้ยาลดน้ำหนัก พฤติกรรมการกินยานั้นทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟ็กต์ ทำให้อ้วนฉุ ตัวบวมยิ่งกว่าเดิม
แถมยังลดยากยิ่งขึ้น วัยรุ่นไทยเกือบทุกรายที่เดินทางลัดนี้มักประสบปัญหานี้
การลดน้ำหนักที่ได้ผลควรยึดหลักธรรมชาติ หลักวิถีชีวิต และต้องไม่ทรมานตัวเองมาก
แต่ต้องให้เวลากับตัวเองและใจเย็น แม้เห็นผลช้าแต่ยั่งยืนและเป็นผลดีกับสุขภาพมากกว่า"

อาจารย์ สง่าแนะว่า ดับอ้วนต้องดับที่สาเหตุ "กินเกิน เพลินไม่ขยับ กำกับสติตัวเองไม่ได้"
ตามทฤษฎีลดอ้วนของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับเครื่อข่ายคนไทยไร้พุง
ใช้หลัก "3 อ. ลดอ้วนคนไทย"

เริ่มจาก อ. อาหาร
1.ควรกินครบ 3 มื้อ ห้ามอดและให้รับประทานครบทั้ง 5 หมู่
2.กินผักผลไม้ให้มาก ยกเว้นผลไม้ที่มีรสหวาน
3.ไม่กินจุบกินจิบ
4.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน มันและเค็มจัด
5.ไม่กินข้าวกับแป้งให้มากนักเพราะทำให้อ้วน
คนที่กำลังลดน้ำหนัก ควรรับประทานข้าวให้น้อยลงจาก 3 ทัพพีเหลือหนึ่งทัพพี

ต่อมาคือ อ. ออกกำลังกาย เพื่อเอาไขมันออกจากร่างกาย หลังจากเราควบคุมอาหารทั้ง 5 ข้างต้น
ซึ่งเป็นการไม่เอาไขมันเข้าสู่ร่างกายให้มาก แต่ไม่ควรออกกำลังกายรุนแรงมากเกินไป
การเดิน ว่ายน้ำ จ๊อกกิ่ง ขี่จักรยานเป็นสิ่งที่ดี ควรทำวันละ 45 นาที สัปดาห์ละ 4-5 วัน

สุดท้ายคือ อ. อารมณ์ เป็นตัวที่ชี้ว่าคนๆ นั้นจะลดความอ้วนได้หรือไม่
ต้องสกัดใจไม่กิน เพราะความเครียด สะกดใจให้มีสติ และสะกิดให้คนรอบข้างช่วยเหลือ
เพราะการลดน้ำหนักคนเดียวอาจเป็นเรื่องยาก ที่สำคัญต้องถามตัวเองว่าลดน้ำหนักเพื่ออะไร

ด้านพ.ญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 13 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
การที่เรามีรูปร่างหรือรูปลักษณ์ที่ดี เป็นการเพิ่มโอกาสในชีวิตประจำวัน และทำให้เราภูมิใจด้วย
การดูแลตัวเองในแบบที่ถูกต้อง ถูกวิธี เพื่อพัฒนากายใจเป็นสิ่งที่สนับสนุน

แต่ขณะเดียวกันบางรายขอให้ผอมอย่างเดียว
และใช้วิธีการกินยาหรือล้วงคออาเจียนเอาอาหารออกมา เป็นการทำร้ายร่างกายและ จิตใจ
ผลคือสิ่งที่ได้มากับสิ่งที่เสียไปนั้นไม่คุ้มค่ากันเลย
เพราะเราคำนึงถึงรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียวจนละเลยคุณค่าทางจิตใจ จนมีปัญหาตามมา

พ.ญ.อัมพรกล่าวว่า กระแสสังคม "ยิ่งผอมยิ่งสวย" บางคนลดความอ้วนแบบสุดโต่ง กลายเป็น "โรคคลั่งผอม"
ซึ่งโรคนี้เกิดขึ้นมาพร้อมกับความเจริญทางวัตถุ เป็นมากในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ตอนต้น และกลุ่มดารา
เมื่อ 10 ปีที่แล้วพบผู้ป่วยวัย 17 ปี แต่ระยะหลังผู้ป่วยมีอายุน้อยลง ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นก็คลั่งแล้ว
แต่ถ้ารู้จักตัวเอง มองเห็นคุณค่าและแก่นแท้ของตัวเอง ตั้งอยู่บนความคิดดี ทำดี รู้จักใส่ใจตนเอง
และใช้ความรู้ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคนสวยหรือคนหล่อ
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของกายหยาบที่สุดแล้วสิ่งสำคัญคือ "จิตใจ"


ข้อมูลจาก : //www.matichon.co.th
ที่มา : //women.thaiza.com


สารบัญ ไดเอท ลดน้ำหนัก
คลิกดู ที่นี่ค่ะ




 

Create Date : 31 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 31 มกราคม 2553 13:57:00 น.
Counter : 1381 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.