happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
27 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙๑





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










‘พระเทพฯ’เสด็จฯ น่านในงานเฉลิมพระเกียรติ



เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๕ รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ที่ประชาชนชาวเมืองน่านร่วมจัดถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวันอังคารที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ ข่วงเมืองน่าน อันเป็นลานวัฒนธรรม อำเภอเมือง จังหวัดน่าน







การแสดงที่ประกอบด้วย ๑๘ ชุด ส่วนใหญ่เป็นศิลปะพื้นเมืองของชาวน่าน ที่สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ชุดบ่าวสาวไทลื้อ เลื่องลือค่ำหูก เป็นภูมิปัญญาทอผ้าชาวไทลื้อ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เช่น ผ้าลายน้ำไหลและลายจก ขณะเดียวกันก็นำศิลปะล้านนามาเทิดพระเกียรติ เช่น การฟ้อนแง้นปูจา สิรินทร, การฟ้อนโบราณเมือง ได้แก่ ฟ้อนซอเทิดพระเกียรติ ที่แต่งคำร้องขึ้นใหม่เพื่อเทิดพระเกียรติขึ้นโดยเฉพาะ






ที่สำคัญมีการนำบทเพลง "รัก" ผลงานร่วมพระราชนิพนธ์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง และสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชนิพนธ์คำร้อง มาขับขานในงานนี้


ช่วงเวลาเปิดงานเมื่อเวลา ๑๘.oo น. สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินมาถึงสถานที่จัดงานท่ามกลางอากาศหนาวเย็น แม้ว่าจะย่างเข้ากลางเดือนกุมภาพันธ์แล้ว แต่เมืองน่านยังเย็นชื้น เหมาะแก่การชมการแสดงกลางแจ้งยิ่งนัก งานแสดงเฉลิมพระเกียรติเริ่มต้นด้วยพิธีกรกล่าวบทอาเศียรวาท จากนั้นมีการตีกลองปูจารัว เป็นสัญญาณของการเปิดงาน






จากนั้นการแสดงจึงเริ่มขึ้น ชุดที่ ๑ รำถวายพระพร เพลงลาวรำพึง-ลาวชมดง ต่อมาผู้ว่าฯ ราชการจังหวัดน่านกล่าวรายงาน ตามด้วยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถวายพระพร


การแสดงชุดที่ ๒ เป็นเพลงเชิญชมดอกไม้ ส่วนชุดที่ ๓ เป็นการแสดง บ่าวสาวไทลื้อ เลื่องลือต่ำหูก ซึ่งจัดโดย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ทุ่งช้าง ชุดที่ ๔ เป็นชุดละอ่อนชะชะช่า และเพลงลาวดวงดอกไม้ ชุดที่ ๕ ฟ้อนแง้นปูจาเจ้าฟ้าสิรินธร จัดถวายโดย อ.สองแคว และ อ.ชียงกลาง ชุดที่ ๖ การขับขานเพลงรัก จากศิลปินรับเชิญ นายสบชัย ไกรยูรเสน และนายเศกพล อุ่นสำราญ






ชุดที่ ๗ เป็นการแสดงไหว้สาเจ้าฟ้า น้อมบูชามิ่งเมืองแก้ว จัดถวายโดยชาว อ.ปัว และ อ.บ่อเกลือ ชุดที่ ๘ เป็นการแสดงชุดน่านฟ้า (ซอล่องน่าน) ขับขานเพลงน่านฟ้า (ฟ้อนบนเรือใหญ่) ขับขานเพลงโดยศิลปินรับเชิญ สุนทรี เวชานนท์ และภานุทัต อภิชนา ในชุดนี้ยังมีการขับขานเพลงน้ำน่านธารรัก โดยศิลปินรับเชิญ ปนัดดา เรืองวุฒิ และอุเทน พรหมมินทร์






ชุดที่ ๙ การแสดงชุดฟ้อนซอเทิดพระเกียรติ จัดถวายโดย อ.ภูเพียง และ อ.บ้านหลวง ตามมาด้วยชุดที่ ๑o การขับขานเพลงชุด "ค่อยคลาดค่อยไคลในนันทบุรี" โดยวิรดา วงศ์เทวัญ, ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และสร่างศัลย์ เรืองศรี


ชุดที่ ๑๑ เป็นการแสดงชุดฟ้อนต้นดอก จัดถวายโดย อ.นาน้อย และ อ.นาหมื่น ชุดที่ ๑๒ ขับขานเพลงเดือนเพ็ญ โดยศิลปินสบชัย ไกรยูรเสน, ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และบัณฑิตา ฐานวิเศษ






ตามมาด้วยชุดที่ ๑๓ ฟ้อนเจิงตบมะผาบ จัดถวายโดยอ.ท่าวังผา และ อ.เวียงสา ชุดที่ ๑๔ เพลงคนรักหาย โดยมีศิลปินรับเชิญ นางสาวหลี่ หยาง ชุดที่ ๑๕ ฟ้อนล่องน่าน จาก อ.แม่จริม และ อ.สันติสุข


ชุดที่ ๑๖ เพลงรักษ์ป่าน่าน โดยแอ๊ด คาราบาว ซึ่งแอ๊ดได้ทูลเกล้าฯ ถวาย CD เพลงรักษ์ป่าน่าน การขับร้องเพลงป่าลั่น โดยศิลปินหัสวินทร์ ประยูรพิทักษ์ และเศกพล อุ่นสำราญ และยังมีการแสดงจากวงล้านนาออร์เคสตร้าบรรเลง


ชุดที่ ๑๗ ขบวนอัญเชิญของเฉลิมพระขวัญ ศิลปินรับเชิญ ตรีรัก รักการดี และชุดที่ ๑๘ การแสดงฟ้อนเงี้ยว เจ้าย่านางแก้วกุมารีศรีลานนา






ช่วงท้าย สมเด็จพระเทพฯ ทรงเดี่ยวระนาด มีการจุดพลุ และมีการแสดงรำทวนโดย บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ที่เป็นพลเมืองน่านคนหนึ่ง ร่วมแสดงถวายในครั้งนี้ด้วย






ระหว่างการแสดงได้เสวยพระกระยาหาร ซึ่งเมนูประกอบด้วย ๑. ซิ่วท้อ (ไส้ข้าวเหนียวและเห็ดหอม) ๒. ออเดิร์ฟ ๕ อย่าง (ไส้กรอกอินทรีย์เหมยโจวตงโพ เนื้อไก่ทุบราดซอสพริก รากบัวยัดไส้ข้าวเหนียว ยำแตงกวา ผักดองเสฉวน) ๓. เต้าหู้ไก่ตงโพ ๔. ไก่คั่วพริกแห้ง ๕. เนื้อ เป็ดบน วอลนัต ๖. ผัดเผ็ดเต้าหู้ (หม่าโผโต้วฝู่) ๗. ผัดหน่อไม้ ภูเขาตงโพ 8. ขนมเปี๊ยะโรยงารับประทานคู่กับหม้อ ไฟเสฉวน ส่วนของหวานคือส้มน่านลอยแก้ว






นอกจากนี้ สุราอู่เหลียงเย่ ซึ่งเป็นสุราขาวชั้นเลิศที่กลั่นจากธัญพืช ๕ ชนิด มีกลิ่นหอมกำจายแตะปลายนาสิก ผลิตโดยโรงสุราอู่เหลียงเย่ เมือง อี๋ปิน ในมณฑลเสฉวน แหล่งผลิตสุราชั้นเลิศของจีน สั่งผลิตเฉพาะสำหรับงานเฉลิมพระเกียรติงานนี้เท่านั้น ในขวดพิเศษที่มีภาพแพะฝีพระหัตถ์ จำนวน ๖o ขวด เท่านั้น


หลังการแสดงจบ พอถึงเวลา ๒๑.๑๕ น. เสด็จฯ กลับ.











ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
komchadluek.net
welovethaiking.com
bangkokbiznews.com














โครงการภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพฯ



ร้านภูฟ้า ในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร เพื่อการส่งเสริมอาชีพตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดทำโครงการข้อมูลสารสนเทศภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อค้นคว้ารวบรวมภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ พร้อมข้อมูลประกอบจากบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ โดยร้านภูฟ้าจะนำทูลเกล้าฯ ถวายในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะหลากหลายสาขา ทรงเป็น "วิศิษฏศิลปิน" ปิ่นสยาม ในบรรดางานศิลป์ที่ทรงสร้างสรรค์ไว้มากมายหลากหลายนั้น ทรงเขียนภาพการ์ตูนไว้มากมาย กระจายอยู่หลายที่หลายหน่วยงาน มีทั้งที่พิมพ์เผยแพร่ประกอบพระราชนิพนธ์หลายเรื่อง พระราชทานบุคคล หน่วยงาน ในโอกาสต่าง ๆ หรือพระราชทานหน่วยงานหลายแห่งที่เชิญไปเป็นภาพประกอบจัดทำเสื้อ เครื่องเขียน และอื่น ๆ เพื่อจำหน่ายหารายได้ใช้ในกิจกรรมงานกุศล อนึ่ง ภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ที่มีอยู่มากนั้น ยังมิได้เคยมีการค้นคว้ารวบรวมจัดทำเป็นฐานข้อมูลที่สมบูรณ์ที่จะยังประโยชน์ต่อการสืบค้นศึกษาในอนาคต


ร้านภูฟ้า จึงได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตจัดทำโครงการฐานข้อมูลสารสนเทศภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อค้นคว้ารวบรวมภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ พร้อมข้อมูลประกอบ โดยขอความอนุเคราะห์จากบุคคล กลุ่มบุคคล และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทรงพระกรุณาเขียนภาพการ์ตูนพระราชทาน ได้กรุณาสำเนาภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ พร้อมทั้งข้อมูลความเป็นมาของภาพการ์ตูนนั้นๆ ส่งไปรษณีย์มายัง สำนักงานร้านภูฟ้า ที่อยู่ สุขุมวิทซอย ๗ (บีทีเอส สถานีนานา) ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ๑o๑๑o หรือส่งทางอีเมล phufa@windowslive.com ภายในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อจัดทำเป็นต้นฉบับข้อมูลสารสนเทศภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ ทูลเกล้าฯ ถวายเฉลิมพระเกียรติในศุภมงคลวารทรงเจริญพระชนมมายุ ๕ รอบ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. o-๒๖๕๕-๖๒๔๒-๓.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
dodeden.com














พระราชกรณียกิจในหลวงผ่านเรื่องเล่าองคมนตรี



สำนึกในพระมหากรุณาคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงอุทิศพระวรกายทรงงานหนักตลอดพระชนม์ชีพ สภาทนายความแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้จัดนิทรรศการและจัดทำหนังสือชุด "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี" ถ่ายทอด ๓ ภาษา ไทย จีน และอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ไปยังประชาชนในระดับสากลผ่านภาษาต่าง ๆ ได้เข้าใจถึงพระราชกรณียกิจจากมุมของคณะองคมนตรีผู้ถวายงานโดยตรงอย่างต่อเนื่องยาวนาน ๑๙ เรื่องราวที่ตราตรึงใจจาก ๑๙ องคมนตรี พร้อมข้อมูลและภาพประกอบหาชมได้ยาก โดยมี ฯพณฯ ธานินทร์ กรัยวิเชียร ผู้แทนประธานองคมนตรี มาเป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสืออย่างเป็นทางการที่ลานคริสตัล ชั้นเอ็น ศูนย์การค้าสยามพารากอน บ่ายวันก่อน










สัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย ประธานโครงการจัดพิมพ์และจัดทำหนังสือ เปิดเผยถึงที่มาของการจัดทำหนังสือเล่มนี้ว่า เมื่อปี ๒๕๔๖ ได้จัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ่ายทอดผ่านคณะองคมนตรี ๑๙ คน ผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดเป็นภาษาไทย ครั้งนี้อยากนำเสนอเรื่องราวดี ๆ อีกครั้งและพิมพ์เพิ่มเป็นภาษาจีนและอังกฤษ เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าใจพระราชกรณียกิจ พระราชอัจฉริยภาพด้านต่าง ๆ อีกทั้งพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาวไทยทุกคน หวังว่าจะช่วยสร้างแรงบันดาลให้ผู้อ่าน เป็นขวัญกำลังใจในการสร้างคุณงามความดีทั้งต่อตัวเอง และประเทศชาติ โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างสืบไป










ในฐานะทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทมากว่า ๓o ปี ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี เล่าความประทับใจว่า องคมนตรีแต่ละคนมีความประทับใจใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แตกต่างกัน ๑๙ คน ๑๙ เรื่องในเล่มเขียนขึ้นจากใจ มีทุกแง่มุมโดยเฉพาะเรื่องราว เหตุการณ์ต่าง ๆ ในรัชกาลปัจจุบันที่บันทึกไว้เป็นหลักฐาน จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายมาก จะขอยกตัวอย่างด้านการปกครองบ้านเมือง ทรงเป็นจอมกษัตริย์และจอมทัพไทย โดยในแง่วิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตอนคอมมิวนิสต์มีพฤติการครอบครองไทย ประชาชนรู้สึกหวั่นไหวและเกรงกลัวมากเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ พระองค์ได้แสดงเจตนารมณ์อย่างเด่นชัดว่า เราสู้ที่นี่ สู้ตรงนี้ สู้จนตาย ประโยคนี้ปรากฎอยู่ในเพลงพระราชนิพนธ์"เราสู้" และ "ความฝันอันสูงสุด" ทำให้เราฮึกเหิมต่อสู้กับคอมมิวนิส พระองค์ได้ออกสู่สนามรบด้วยเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารแนวหน้า ส่วนด้านการเป็นจอมกษัตริย์ทรงทำทุกย่างเพื่อความผาสุขของประชาชน














พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเอาใจใส่ประชาชนอย่างแท้จริง ทรงคิดถึงประชาชนก่อน ดังจะเห็นจากโครงการตามแนวพระราชดำริ ทรงถามก่อนว่าประชาชนต้องการอะไร ก่อนจะจัดให้อย่างมีขั้นตอน ซึ่งในฐานะคณะองคมนตรีก็ได้ประโยชน์ด้านการเรียนรู้งานจากพระองค์ โดยทั้งกว่า ๔,ooo โครงการ เช่นฝนหลวง เดิน น้ำ ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหรือเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงก็ช่วยให้คนไทยมีพอกินพออยู่ อีกทั้งหลายประเทศก็น้อมนำแนวทางนี้ไปใช้ ขณะที่พระอัจฉริยภาพด้านกฎหมาย แม้ทรงไม่ใช่นักกฎหมายแต่ทรงสามารถสั่งสอนและเตือนนักกฎหมายได้ ดังพระราชดำรัสสำคัญตอนหนึ่งว่า "ความยุติธรรมต้องมาก่อนกฎหมาย" ทรงถือว่ากฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือสำคัญที่ความยุติธรรมต้องมาก่อน" องคมนตรี กล่าว



อ่านหนังสือได้ที่นี่ lnh.bu.ac.th



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
komchadluek.net














เปิดแรงบันดาลใจครั้งใหญ่ ๑๒ ศิลปินแห่งชาติ



กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม นำโดย วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และนันทิยา สว่างวุฒิธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นำเหล่าศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ จรูญ อังศวานนท์, ชวลิต เสริมปรุงสุข, นิจ หิญชีระนันท์, บุญช่วย หิรัญวิทย์, ปัญญา วิจินธนสาร, ชมัยภร บางคมบาง (แสงกระจ่าง), ณรงค์ จันทร์พุ่ม, ดุษฎี บัญทัศนกุล, พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา, ภัทราวดี มีชูธน, สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์, สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ผนึกกำลังจัดการแสดงเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๕๗ และนิทรรศการเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ ณ ศูนย์วัฒน ธรรมฯ ในวันศิลปินแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับศิลปินรุ่นใหม่






งานนี้ ทั้งเปิดนิทรรศการใหญ่และเปิดม่านให้เห็นศิลปินสร้างสรรค์ผลงานจริงบนเวที ทั้งจิตรกรรรม บทกวี การแสดงดนตรีสากล การแสดงดนตรีไทยวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ การเชิดหนังตะลุงเดี่ยวประกอบดนตรีสด ๆ จนถึงเปิดเวทีลูกทุ่งขับร้องเพลงชื่อดังโดยศิลปินแห่งชาติ ๓ สาขา ได้แก่ สาขาทัศนศิลป์ สาขาวรรณศิลป์ และสาขาศิลปะการแสดง แล้วปิดท้ายด้วยคติประจำใจของศิลปิน พร้อมวลีเด็ดให้แง่คิดดีงาม งานนี้ทำเอาลูกศิษย์ ศิลปินรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ผู้ที่มาร่วมงานประทับไปตาม ๆ กัน






สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ เผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำงานในวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ พยายามสร้างสรรค์งานให้มีคุณค่า และสร้างคนรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีฝีมือ ชื่นชมที่ทุกคนได้เติบโตมีชื่อเสียงเป็นดารา ผู้กำกับ คนเขียนบท หรือผู้สร้างหนัง นับเป็นความภาคภูมิใจ ในส่วนการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาตินับเป็นเกียรติสูงสุดในอาชีพ จะรักษาเกียรติยศด้วยการสร้างงานที่มีคุณค่า และมีแนวคิดจะทำเวิร์กช็อปเกี่ยวกับเทคนิคการแสดง การถ่ายภาพ การเขียนบทละครทีวี บทหนัง กำกับการแสดง จนถึงการแต่งหน้าทำผมนักแสดง จะพาตะลุยกองถ่าย เพื่อผู้ที่สนใจได้รับความรู้และประสบการณ์จริง ๆ






"ศิลปินรุ่นใหม่จะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผลงาน และมีความรับผิดชอบ กตัญญูต่อผู้ชม ถ้าการทำงานขาดสิ่งนี้จะไปไม่ได้ไกล ทุกวันนี้ผมฉีดเซรุ่มให้คนที่อยากได้ความรู้ในการวงการบันเทิง พร้อมให้คำปรึกษานักแสดงรุ่นน้องเสมอ" สะอาดกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ด้านปัญญา วิจินธนสาร กล่าวว่า ยังมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้ศิลปะไทยร่วมสมัยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ศิลปะไทยมีรากเหง้า มีจิตวิญญาณ และสามารถสร้างความสมดุลให้สังคมพบความสันติสุขได้ ศิลปะต้องมีความงามที่เข้าถึงใจคน ในการแสดงเชิดชูเกียรติวันนี้ได้สร้างงานขนาดใหญ่ ระหว่างวาดภาพมีจีวันมาร้องเพลง "องค์ใดพระสัมพุทธ" ผลงานแสดงให้เห็นมิติใหม่ของศิลปะไทยร่วมสมัยที่มีความเป็นปัจจุบัน และศิลปะในวันข้างหน้า


"การแสดงแต่ละชุดของศิลปินแห่งชาติ ๓ สาขา หัวใจสำคัญทำให้เห็นศิลปะแขนงต่าง ๆ มีคุณค่า ไม่ใช่ยกย่องตัวศิลปิน แต่บรรยากาศในงานเปี่ยมไปด้วยความสุข และถ้อยคำดี ๆ ของศิลปิน จะเป็นคำสอนที่ให้แรงบันดาลใจกับคนรุ่นหลัง" ปัญญา จิตรกรแห่งชาติผู้หลงใหลศิลปะไทย กล่าว






ครูเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน เป็นอีกศิลปินผู้สร้างที่มีผู้ติดตามผลงานอยู่เสมอ ในงานเปิดนิทรรศการเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ลูกศิษย์มากมายนำพวงมาลัยมาไหว้ พร้อมรับคำแนะนำดี ๆ


ในวันนี้ครูเล็กเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ละครเวทีและภาพยนตร์) บอกด้วยว่า รู้สึกมีกำลังใจ และมีความสุขที่ทุกคนแสดงความยินดีที่ตนได้รับเลือกเป็นศิลปินแห่งชาติ ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาก็อนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมที่กำลังเสื่อมความนิยมมาฟื้นฟูให้ได้รับความนิยมอีกครั้ง ให้มีความเท่ สนุกสนาน และเป็นปัจจุบัน ทั้งลิเก ละครชาตรี หนังใหญ่ รวมถึงใช้ศิลปะมา ยกระดับศีลธรรมและพัฒนาจิตวิญญาณ






ครูเล็กบอกว่า ทำงานพัฒนาเยาวชนตลอดกว่า ๔o ปี เริ่มจากภัทราวดีเธียเตอร์ ซอยวัดระฆัง สร้างละครเวทีให้คึกคัก ชีวิตปัจจุบันมารับหน้าที่เป็นครูของโรงเรียนภัทราวดีหัวหิน และวิกหัวหิน ศิลปะสถานเพื่อการละคร ใช้ในการเรียนการสอน และแสดงผลงานวรรณคดี ภาษา ดนตรี นำวรรณคดีในหลักสูตรมาเสนอเป็นการแสดง ฝึกนักเรียนทั้งโรงเรียนให้แสดง เล่นดนตรี มีครูที่เชี่ยวชาญ และศิลปินศิษย์เก่าของภัทราวดีเธียเตอร์ร่วมฝึกสอน สร้างการแสดงคุณภาพระดับมืออาชีพ นักเรียนได้เห็นพลังทางการแสดงจากศิลปินอาชีพ


"ตั้งใจปลูกฝังความเป็นไทยและบ่มเพาะศิลปศาสตร์ วัฒนธรรมให้กับเด็กคนรุ่นใหม่ ทุกคนเหมือนต้นไม้ที่มีรากแก้ว หากหยั่งรากลึกจะออกดอกออกผลให้ได้พึ่งพิง ไม่เติบโตเป็นภาระสังคม" ครูเล็ก ภัทราวดี ย้ำวัฒนธรรมเป็นเรื่องใหญ่


ทั้งนี้ นิทรรศการเชิดชูเกียรติ "ศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๕๗" จะจัดแสดงให้ประชาชนเข้าชมถึงวันศุกร์ที่ ๒๗ ก.พ.นี้ ในเวลาราชการ ที่ห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมฯ ชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
นสพ.ไทยโพสต์ ๒๕ ก.พ. ๒๕๕๘














ผสานรักดอกไม้ลงบนผืนผ้า



เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความรักในเดือนกุมภาพันธ์ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “รักไม่รู้โรย” ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้สนใจเข้าร่วมเดินทางไปในโลกของวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างผืนผ้าและดอกไม้เป็นอย่างดี โดยได้รับเกียรติจาก สกุล อินทกุล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยมาเป็นวิทยากร พร้อมสาธิตการปักประดับดอกบานไม่รู้โรยบนผืนผ้าไหมไทย ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมชมอย่างใกล้ชิด และเปิดโอกาสให้สร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


ณัฏฐวรรณ ตันหยงมาศ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารและพัฒนา พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กล่าวว่า “เป็นครั้งแรกที่พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ได้จัดงานร่วมกับพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ซึ่งนับเป็นความพิเศษที่ลงตัว โดยเลือกจัดในช่วงเทศกาลแห่งความรัก เพื่อเป็นตัวแทนแสดงถึงความรักในผ้าไหมอันเป็นมรดกของชาติ และความรักในพืชพันธุ์ดอกไม้ที่เป็นสมบัติของประเทศเช่นกัน และเป็นการนำทั้งสองสิ่งที่ทรงคุณค่าให้มาบรรจบกันได้อย่างลงตัว


บรรยากาศภายในกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “รักไม่รู้โรย” ครั้งนี้ ก่อนที่ผู้สนใจร่วมกิจกรรมจะได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมการปักประดับดอกบานไม่รู้โรยนั้น สกุล อินทกุล ได้นำพาทุกคนเดินทางเข้าสู่โลกของวัฒนธรรมดอกไม้ที่อยู่คู่กับประเพณีไทยมาอย่างยาวนาน สกุล อินทกุล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ กล่าวว่า ความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ทำให้ดอกไม้ไทยส่วนใหญ่บานเร็วแล้วก็โรยรา คนไทยจึงนำดอกไม้มาแยก หรือเราเรียกว่าการ Reconstruct คือการประกอบใหม่เป็นรูปแบบต่างๆ อย่างการเย็บปักถักร้อย โดยเทคนิคที่ใช้ในกิจกรรมครั้งนี้คือ การติดกาว ด้วยการนำกลีบดอกไม้มาแยกแล้วประกอบใหม่ เป็นลักษณะเฉพาะที่มีความโดดเด่นของงานวัฒนธรรมดอกไม้ไทย หรือจะเรียกให้ถูกต้องว่า งานประดิษฐ์ดอกไม้สด ไม่ใช่การจัดดอกไม้เหมือนกับวัฒนธรรมต่างชาติ อย่างประเทศญี่ปุ่นหรือทางยุโรป ซึ่งเขาใช้วิธีการตัดดอกไม้มาปักแจกัน


“สำหรับเทคนิคการติดกาวนั้น เป็นเทคนิคที่สามารถทำได้เฉพาะดอกบานไม่รู้โรยเท่านั้น เป็นงานโบราณซึ่งปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์ใช้กันมานาน ในภาพเก่าโบราณที่เราสืบค้นได้จากหอสมุดแห่งชาติ มีตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ ก็มีงานประเภทนี้อยู่แล้ว โดยจะทำเป็นรูปครุฑ ทำเป็นนาค เทวดา แล้วก็เป็นรูปอื่น ๆ ซึ่งในกิจกรรมครั้งนี้เราทำเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ โดยงานชิ้นนี้เคยได้มีโอกาสถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เมื่อครั้งงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖o ปี และเราได้ทำถวายตั้งประดับไว้บนโต๊ะเสวย" อ.สกุลให้ความรู้


พร้อมกันนี้ยังกล่าวด้วยว่า จริง ๆ แล้วผ้าไทยกับดอกไม้มีความสัมพันธ์กันโดยตลอด โดยจะเห็นได้จากลายผ้าส่วนใหญ่คือลายดอกไม้ต่าง ๆ ไม่ใช่แค่ผ้าไทยเท่านั้น ไม่ว่าชนชาติไหน ถ้าไปดูลายผ้าส่วนใหญ่จะเป็นลายดอกไม้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย หรือกราฟฟิคแบบอิยิปต์ ล้วนเป็นลวดลายดอกไม้ทั้งสิ้น จึงเป็นความสัมพันธ์กันมาตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดอกไม้ยังอยู่คู่กับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีไทย เพราะคนไทยใช้ดอกไม้ตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งในงานประเพณีงานวัฒนธรรม การตกแต่งสถานที่ในงานต่าง ๆ หรือให้เป็นของขวัญ ให้เป็นเครื่องสักการะบูชา ถวายสิ่งที่เราเคารพบูชา เรียกได้ว่าดอกไม้เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกจากวิถีชีวิตของคนไทยได้







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














งานศิลป์สื่อความสุขหน้าร้อน



มาย่างเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนด้วยความล้ำเทรนด์ เมื่อเหล่าศิลปินดีไซเนอร์คนดังมารวมตัวกับเผยงานสร้างสรรค์สีสันสดใสให้ชมเป็นไอเดียวต่อยอดอิสระทางแฟชั่นกันต่อไป ภายในงาน "สยามเซ็นเตอร์ ไอเดีย อเวนิว : แอ๊บโซลูท สยาม แฟชั่น แคพพิทอล" โดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เชิญแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำกว่า ๔o แบรนด์ รวมพลังเขย่าวงการแฟชั่นเปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ผ่านแฟชั่นโชว์สุดพิเศษ โดยมี จิรัฐ ทรัพย์พิศาลกุล เป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแฟชั่นโชว์ บริเวณชั้น ๑ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ เมื่อวันก่อน






นอกจากนี้ยังสร้างไฮไลท์เปิดตัวประติมากรรมไทโปรกราฟีระดับโลก “ แอบโซลูท สยาม แฟชั่น แคพพิทอล อินสทอลเรชั่น อาร์ต" (Installation) สุดยอดผลงานศิลปะผสมผสานแนวไทโปกราฟี (Typography) ซึ่งได้นักออกแบบผู้โด่งดังจากประเทศอังกฤษ ฌอน ฟรีแมน สร้างสรรค์ตัวอักษรไทโปกราฟี A-Z และคำว่า "ABSOLUTE SIAM" มาจัดเรียงเป็นมิติได้อย่างสวยงาม โดยมีเซเลบริตี้และเหล่าดีไซเนอร์ ร่วมงานมากมาย อาทิ ภาณุ อิงคะวัต, "โอ่ง" กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์, จิตตสิงห์ สมบุญ, "ปอม ชาน" ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง, "ตือ"สมบัษร ถิระสาโรช, ทรรศนัย ญาณอุบล, น้ำหนึ่ง สุธิเดชานัย, ปกรณ์ วงษ์กิตติไกรวัล, "เดือน"พิยะดา นันทะ, มรุวุตม์ บูรณศิลปิน, สุธีรพร ท้าวประยูร และ ตุล ไวทูรเกียรต ,"จ๋อม" ศิริชัย ทหรานนท์, เอก ทองประเสริฐ, "แจน" พัทธมน เตชะณรงค์ ,"เดือน" รณิดา พฤตินลินชนิตา,ปรีชาวิทยากุล, ชัย เจียมกิตติกุล,ลินดา เจริญลาภ, เฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ, พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์, ชัยยศ เพชรดาษดา, โกวิทย์ พงษ์พันธ์เดชา ,"น้ำหวาน" ธนัญญา ธนากิจอำนวย และ สรณีย์ โลหะทัศน์ เป็นต้น






มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า การรวมตัวของแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ชั้นนำในงานนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญให้วงการแฟชั่นไทยอีกครั้ง ซึ่งความพิเศษของงานครั้งนี้ คือ แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ที่อยู่ชั้น ๓ ของสยามเซ็นเตอร์ได้รวมใจกันออกแบบสินค้า แอ๊บโซลูท สยาม ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์เท่านั้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความพิเศษของคอลเลคชั่นนี้ ด้วยการบริการปัก เพ้นท์ สกรีนตัวอักษรชื่อหรือข้อความลงบนเสื้อผ้า หรือ แอคเซสเซอรี่ ได้แบบเฉพาะรายบุคคล โดยตัวอักษรทุกตัวที่นำมาตกแต่งนั้น คือ ผลงานการออกแบบสร้างสรรค์ของ ฌอน ฟรีแมน ตั้งแต่อักษร A-Z ตกแต่งลวดลายและสีสันสดใสรับซัมเมอร์บนแต่ละตัวอักษร สามารถนำมารวมให้เป็นคำที่แต่ละคนต้องการ จึงเป็นผลงานศิลปะผสมผสานแฟชั่นที่สามารถสวมใส่ได้จริง






สำหรับผลงานจากศิลปินดังจะถูกจัดวาง บริเวณเอเทรี่ยม 1 สยามเซ็นเตอร์ จนถึงถึงวันที่ ๙ เมษายน นี้ และพลาดไม่ได้กับ “Absolute Siam Fashion Show” ครั้งที่ ๒ ซึ่งจะเปิดคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดของ ๒o แบรนด์ไทยดีไซเนอร์ ได้ในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมี อารยา อินทรา เป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ให้กับแฟชั่นโชว์ต่อไป







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














สุดยอดดนตรีแชมเบอร์



เป็นโอกาสที่ดีของคอเพลงคลาสสิกชาวไทยที่จะได้ฟังการบรรเลงบทเพลง โดยวงโปรมูสิกา นำเสนอรายการแสดงสุดยอดดนตรีแชมเบอร์โดยนักเปียโนระดับโลกชาวรัสเซีย อังเดร์ กุกนิน (Andrey Gugnin) ร่วมกับสมาชิกของวงโปรมูสิกาในวันพุธที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ณ สยามสมาคม


อังเดร์ กุกนิน นักเปียโนหนุ่มชาวรัสเซีย ถือเป็นผู้มีความอัจฉริยะด้านเปียโน เคยคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันเปียโนระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วนในหลายประเทศ รวมถึงรายการแข่งขันสำคัญอย่างเวทีการแข่งขัน Gina Bachuaer Piano Competition ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว เคยแสดงคอนเสิร์ตเปียโนมาแล้วใน ๑๕ ประเทศทั่วโลก และมีผลงานแสดงและบันทึกเสียงมากมาย ในครั้งนี้เขาจะแสดงบทเพลง 12 Trancendental Etudes ของFranz Liszt ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในชุดบทเพลงที่มีความท้าทายวิจิตรพิสดารที่สุดของการเดี่ยวเปียโน ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีนักเปียโนที่กล้าหาญบรรเลงครบชุดทั้ง ๑๒ บทในคอนเสิร์ตเดียวเช่นนี้





ทัศนา นาควัชระ



และที่พิเศษสุดในการแสดงนี้ คือ อังเดร์ กุกนิน จะร่วมบรรเลงกับสมาชิกกลุ่มเครื่องสายของวงโปรมูสิกา นำโดย ทัศนา นาควัชระ และ David Abrahamyan นักวิโอล่า Jaime Rapado นักเชลโล่ ร่วมด้วยนักไวโอลินสาวดาวรุ่งชาวไทย เมย์-พิชญาภา เหลืองทวีกิจ ที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้วหลายรางวัล และล่าสุดกับเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากเวทีการแข่งขันเนชั่นแนล เบโธเฟน คอมเพททิชั่น (National Beethoven Competition) และกำลังจะไปแสดงเดี่ยวในงานเทศกาลดนตรีเบโธเฟน ที่กรุงบอนน์ ประเทศเยอรมนี ปลายปีนี้ ซึ่งทั้งหมดจะร่วมกันแสดงผลงานของคีตกวีที่มีความคิดสร้างสรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ โยฮันเนส บราห์มส์ (Johannes Brahms) ในบทเพลง Piano Quintet Op.34 in F minor ซึ่งถือว่าเป็นบทเพลงแชมเบอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกดนตรีคลาสสิกบทหนึ่ง


การแสดงครั้งนี้จะจัดขึ้นที่สยามสมาคม ถนนอโศกมนตรี สุขุมวิท ในวันพุธที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. สถานที่แสดงดนตรีแชมเบอร์ใจกลางกรุงเทพฯ สามารถเดินทางอย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้า BTS แลรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT บัตรราคา ๖oo บาท และ ๕o บาท (สำหรับนักเรียน/นักศึกษา) ติดต่อ สยามสมาคม โทร. o๒-๖๖๑-๖๔๗o-๗





เมย์-พิชญาภา เหลืองทวีกิจ



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
writer.dek-d.com














Fresh Taiwan-New Transformation



เวลา: ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ - ๑ มีนาคม ๒๕๕๘ | ๑o.๓o – ๒๑.oo น.
สถานที่: The Shop@TCDC


พบกับผลงานสร้างสรรค์จาก ๘ แบรนด์ชั้นนำในไต้หวันที่ได้รับความสนใจในระดับเอเชีย พร้อมเปิดให้ชมและเลือกซื้อสินค้าได้ที่ The Shop@TCDC


ศิลปวัฒนธรรมของไต้หวันถูกหลอมรวมมาจากอิทธิพลตะวันออกและตะวันตก ผ่านการเรียนรู้และผสมผสานเข้ากับภูมิปัญญาใหม่ที่พัฒนาไปตามความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ปัจจุบันไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมการผลิตที่ทันสมัย รวมถึงเป็นศูนย์รวมของช่างฝีมือและนักออกแบบที่มีความรู้ความชำนาญ มีวิสัยทัศน์ และความพร้อมในการผลักดันผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมการส่งออก และเวทีการประกวดในระดับสากล


กระทรวงวัฒนธรรมแห่งประเทศไต้หวัน ร่วมกับ ศูนย์ส่งเสริมการออกแบบแห่งไต้หวัน (TDC) จึงได้จัดโครงการสนับสนุนและเผยแพร่ผลงานของนักออกแบบไต้หวันในระดับนานาชาติ หรือ Fresh Taiwan - New Transformation @TCDC เพื่อจัดแสดงผลงานที่คัดสรรจาก ๘ แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับความสนใจในระดับเอเชีย ได้แก่ HXH Group , Haoshi Design, Leonwin Design Studio , Lead Trend Branding , iThinking Original Design, Joyvine Creatives , New Vision Integrated Marketing Communication และ C & M Audio รวมถึงเปิดให้เลือกซื้อสินค้าที่น่าสนใจได้ที่ The Shop@TCDC ตั้งแต่วันนี้ – ๑ มีนาคม ๒๕๕๘ อีกด้วย


สอบถามข้อมูลได้ที่ The Shop@TCDC โทร. o๒-๖๖๔-๘๔๔๔๘ ต่อ ๒๓๗ (ปิดวันจันทร์)



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














สนามตรึก-Imply Reply ประติมากรรม Nightmare of King George V



วันที่ : ๑๒ กุมภาพันธ์ - ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘
สถานที่: ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๘
จัดโดย: หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ ถัง คอนเทมโพรารี อาร์ต
สนับสนุนโดย: สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยและ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
งานแถลงข่าว: ๒๒ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.oo น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น ๕
พิธีเปิด: ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น.


หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ ถัง คอนเทมโพรารี อาร์ต ภูมิใจเสนอ "สนามตรึก - Imply Reply: หวง หย่ง ผิง และ สาครินทร์ เครืออ่อน" นิทรรศการศิลปะงานแรกที่รวบรวมผลงานของศิลปินอาว็อง-การ์ดชาวจีนจากกรุงปารีส หวง หย่ง ผิง และศิลปินไทยร่วมสมัยชั้นนำ สาครินทร์ เครืออ่อน โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมผลงานของศิลปินทั้งสองท่าน ได้ที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แกลเลอรี่ชั้น ๘ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ถึง ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘


สืบเนื่องจากการแผ่ขยายของวงการศิลปะในทวีปเอเชีย เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าควรมีการแลกเปลี่ยนผลงานทางศิลปะระหว่างประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชียและประเทศไทยเพื่อสำรวจถึงประเด็นความคิดวิเคราะห์ที่เกิดขึ้นในระดับภูมิภาคเอเชียและส่งผลกระทบต่อบริบทระดับโลกในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครและถัง คอนเทมโพรารี อาร์ต จึงได้เชิญศิลปินชั้นนำชาวจีน จากประเทศฝรั่งเศส หวง หย่ง ผิง ให้มาร่วมงานกับศิลปินไทยที่มีผลงานมาแล้วทั้งในระดับประเทศและนานาชาติอย่าง สาครินทร์ เครืออ่อน โดยภายใต้ความร่วมมือนี้ ฝ่ายภัณฑารักษ์ของหอศิลปฯ ได้วิจัยทางด้านเนื้อหา และทำงานร่วมมือกับถัง คอนเทมโพรารี อาร์ตอย่างใกล้ชิดเพื่อรวบรวมผลงานชิ้นสำคัญของศิลปินทั้งสอง ก่อนจะนำมาจัดแสดงเป็นไฮไลท์ในนิทรรศการศิลปะครั้งนี้


ภายในงาน ท่านจะได้พบกับผลงานอันโดดเด่นของ หวง หย่ง ผิง ซึ่งรวบรวมมาจากคอลเลคชั่นงานศิลปะระดับโลกของทั้งนักสะสมงานศิลป์และสถาบันทางศิลปวัฒนธรรมอย่างศูนย์ศิลปะ จอร์จ ปองปิดู ปารีส (Centre Pompidou) เพื่อประสานกันเป็นภาพรวมที่บ่งบอกถึงมุมมองทางศิลปะของ หวง หย่ง ผิง ในฐานะหนึ่งในศิลปินผู้ร่วมขับเคลื่อนแนวคิด “เซียะเหมินดาดา (Xiamen Dada Movement) ในช่วงกลางทศวรรษ ๑๙๘o เพื่อสร้างสรรค์ตัวตนทางวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ให้กับประเทศจีน ผ่านทางการประสานแนวคิดสมัยใหม่แบบตะวันตกเข้ากับมุมมองจากรากฐานของจีนบวกกับประเด็นทางสังคมร่วมสมัย


โดยแนวคิดดังกล่าวนี้ยังคงมีอิทธิพลต่อผลงานของเขาจวบจนปัจจุบัน สำหรับผลงานโดดเด่นของหวง หย่ง ผิง ที่จะนำมาจัดแสดงนั้น ได้แก่ Nightmare of King George V – 2002 งานประติมากรรมขนาดใหญ่รูปเสือขี่ช้าง ที่สื่อถึงการล่าอาณานิคมและการล่าสัตว์ป่าในสมัยนั้น Ombre Blanche – 2009 งานประติมากรรมช้างเผือกที่สื่อความหมายในบริบทท้องถิ่นและบริบทสากลอย่างลุ่มลึก และผลงานชิ้นใหม่อย่าง Tower – 2014 อีกหนึ่งชิ้นงานประติมากรรมที่มีรูปลักษณ์คล้ายอาคารร้าง อันเป็นเครื่องเตือนใจให้นึกถึงซาก ที่หลงเหลือจากการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ งานประติมากรรมและศิลปะจัดวางของหวง หย่ง ผิง ที่นำมาจัดแสดง เป็นการผสมผสานผลงานประติมากรรมและงานติดตั้ง โดยนำมรดกทางวัฒนธรรมและปรัชญา ของโลกตะวันออกและตะวันตกมาใช้อย่างกลมกลืน ก่อนจะสื่อออกมาในรูปแบบของวัตถุตามขนบหรือภาพ อันเป็นสัญญะแทนสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นได้ในสังคมปัจจุบัน


สำหรับผลงานของสาครินทร์ เครืออ่อน ศิลปินไทยที่โดดเด่นด้วยรูปแบบเฉพาะตัวแบบร่วมสมัย ที่จะร่วมจัดแสดงด้วยนั้น สะท้อนถึงพื้นฐานความสนใจในศิลปะไทยแบบดั้งเดิม ผลงานของเขาผสมผสานเรื่องราวตามตำนานอันเก่าแก่ของคนไทยเข้ากับความเข้าใจขนบ ทำให้ศิลปินสามารถวางแนวทางผลงานทางศิลปะหลายรูปแบบด้วยวิธีการอันมีเอกลักษณ์ โดยชิ้นงานที่เลือกมาจัดแสดงประกอบกับผลงานของหวง หย่ง ผิง นี้ เป็นงานศิลปะที่สะท้อนถึงความสนใจของสาครินทร์ในสังคมสมัยใหม่ อิทธิพลของแนวคิดแบบทุนนิยม ความเป็นวัตถุนิยมในสังคมศาสนาพุทธ และภาพลวงของสังคม รวมทั้งรากฐานของเรื่องเล่าสื่อถึงความไม่ธรรมดาในสังคมไทย ส่วนผลงานที่เป็นไฮไลท์ในนิทรรศการ ได้แก่ Yellow Simple– 2006 งานประติมากรรมรูปศีรษะมนุษย์ขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายคลึงกับพระเศียรของพระพุทธเจ้า Upside Down– 2014 งานผ้าปักผืนใหญ่ที่เล่าเรื่องราวของนักล่าเสือจากบทละครพื้นบ้านของชาวไทยในภาคใต้ และ Rat House– 2014 ผลงานประติมากรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการเล่นการพนันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมเล่นกันในอดีต โดยมีการฉายภาพยนตร์เงียบอยู่ภายในตัวชิ้นงาน โดยผลงานทุกชิ้นล้วนเป็นการผสมผสานความงดงามกับแง่คิดทางศีลธรรม ทั้งยังสะท้อนเสียงวิพากษ์วิจารณ์สังคมและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน


นิทรรศการ “สนามตรึก - Imply Reply: หวง หย่ง ผิง และ สาครินทร์ เครืออ่อน ได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยและคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในการจัดหาชิ้นงานศิลปะจากประเทศฝรั่งเศสและประเทศจีนตามลำดับ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการคิดวิเคราะห์ทั้งในบริบทท้องถิ่น ภูมิภาค และโลก ด้วยผลงานที่สะท้อนโลกทัศน์อันหลายหลายผ่านการวิจารณ์และเสียดสีประเด็นสำคัญในสังคมจากศิลปินต่างรุ่นต่างวัฒนธรรมทั้งสองท่าน โดยชื่อนิทรรศการ “สนามตรึก - Imply Reply” นั้น สื่อถึงเป้าหมายในการกระตุ้นกระบวนการโต้ตอบทางความคิดระหว่างศิลปินและผู้เข้าชมนิทรรศการ และการบูรณาการหลากหลายชิ้นงานจัดแสดงที่ปลุกเร้า ท้าทายให้ผู้ชมได้ไตร่ตรองแนวคิดเบื้องหลังผลงาน ที่สื่อถึงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ และประเด็นเชิงวิเคราะห์ในปัจจุบันที่มีผลกระทบต่อสังคมยุคร่วมสมัย


ภัณฑารักษ์ : พิชญา ศุภวานิช


EXHIBITION EDUCATION AND ACTIVITY : กิจกรรมการศึกษานิทรรศการ “สนามตรึก” หวงหย่งผิง และ สาครินทร์ เครืออ่อน
กิจกรรม : Artist Tour โดย อาจารย์สาครินทร์ เครืออ่อน
วันอาทิตย์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.oo – ๑๕.oo น.
ณ ห้องแสดงนิทรรศการชั้น ๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


ดอกไม้ เทพขุยซิง เศียรพระพุทธรูปกับผงกะหรี่ พรมผนัง บ้านหนู ลิงปลอม และ Lotus Pod ผลงานศิลปะของอาจารย์สาครินทร์ เครืออ่อน ในนิทรรศการ“สนามตรึก Imply > Reply” ผลงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการได้อย่างไร และทําไมถึงต้องเป็นสิ่งเหล่านี้ สามารถหาคําตอบได้ในกิจกรรม Artist Tour กิจกรรมพาชมนิทรรศการโดยศิลปิน อาจารย์สาครินทร์ เครืออ่อน ผู้เป็นเสมือนตัวแทนคนไทยในการสร้างเกมหมากรุกโต้ตอบกับศิลปินชาวจีน หวงหย่งผิง ผ่านงานศิลปะ


นิทรรศการ “สนามตรึก - Imply > Reply : หวงหย่งผิง และสาครินทร์ เครืออ่อน” ต้องการกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคําถามต่อสิ่งต่าง ๆ ในนิทรรศการ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ หรือแม้กระทั่งการจัดวางงานศิลปะ ที่เปรียบเสมือนการผลัดกันวางหมากระหว่างอาจารย์สาครินทร์ และศิลปินชาวจีน หวงหย่งผิง


ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตั้งคําถาม ตั้งข้อสันนิษฐาน และนําเสนอความเห็นต่องานศิลปะ ผ่านกิจกรรม Artist Tour โดยอาจารย์สาครินทร์ เครืออ่อน วันอาทิตย์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๔.oo – ๑๕.oo น. ณ ห้องแสดงนิทรรศการชั้น ๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


** ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรม


ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายนิทรรศการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ o๒-๒๑๔-๖๖๓o-๘ ต่อ ๕๓๓ Email : exh_activity@bacc.or.th



ภาพและข้อมูลจาก
bacc.or.th














มิวสิคัลย้อนยุค 'กุลสตรีศรีสยาม'



“กุลสตรีสรีสยาม” ละครเวที มิวสิคัลเพลงคลาสสิคย้อนยุค (ในปี ๒๕๑๑) ละครแนวคอมเมดี้ ที่ถูกนำมาร้อยเรียงเรื่องราวด้วยบทเพลง ลูกทุ่ง ประชันกับเพลงลูกกรุง ได้อย่างกลมกล่อม จากบทละครดัดแปลงมาจากมิวสิคัลชื่อก้องโลก สู่บทละครเวที “กุลสตรีศรีสยาม” ที่ได้รวมนักแสดงมากฝีมือและประสบการณ์ในการแสดงละครเวทีไว้อย่างคับคั่ง เพื่อร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวชวนหัวเสียดสีชนชั้นในสังคมด้วยความรื่นรมย์โสมมนัส สะท้อนบทบาทหน้าที่และคุณลักษณะของกุลสตรีไทย .. ไว้อย่างมีชีวิตชีวาพาสุขสันต์ ทั้งอมยิ้ม หัวเราะและร้องไห้ไปอย่างหลากหลายความรู้สึก ..


ในเรื่องราวของ “อีเกิ้ง” ดวงเดือน เทือกบ้านโพ สาวน้อยขายพวงมาลัยเลือดอีสาน ที่โชคชะตาเล่นกลให้เธอได้พบกับ รศ.ดร.เทพยพงศ์ วงศ์นิวาสวานร อาจารย์ด้านภาษาศาสตร์ผู้สูงศักดิ์ เธอได้ถลำตัวกลายเป็นของเล่นในงานวิจัยของเขาจนพาให้ชีวิตพลิกผัน จากดอกหญ้าไร้ราคา สู่ดอกฟ้าเลอค่าในวงสังคม เธอไปไกลจนถึงเวทีประกวดนางสาวไทย สาวน้อยจอมทระนงจะสามารถเดินอยู่บนหนทางแห่งกุลสตรีศรีสยามนี้ไปอย่างไร เธอจะเลือกเป็นรูปปั้นของใครต่อใคร หรือจะผันตัวไปเป็นคุณนายบ้านท่าน !! เธอจะเลือกทางเดินสู่ฝันของเธออย่างไร ???? ...


ผู้กำกับการแสดงโดย ปั๊ม-เศรษฐสิริ นิรันดร เขียนบทละครโดย อิ๋ว-ปารรัตน์ กริชชชาญชัย และเหล่านักแสดงนำ ประกอบด้วย น้ำฝน ภักดี นักแสดงละครเวทีมืออาชีพ หนึ่งในสมาชิกวงโมโนโทน ที่มารับบท อีเกิ้ง , คานธี วสุวิชย์กิต นักประพันธ์เพลง ที่มารับบท เทพยพงค์ ,ศุภสวัสดิ์ บุรณเวช รับบท คุณเพิ่ม, กุสุมา เทพรักษ์ รับบทคุณหญิงบัวสมร, จตุพร สุวรรณสุขุม รับบท จ้อย พร้อมด้วยนักแสดงสมทบ สุนันทา จันทร์หอม, ธิญาดา สิริจรัส, ปานรัตน กริชชาญชัย ,ณัฏฐนิช ฟูกระโทก .. โดยละครจะมีรอบการการแสดงรวม ๒๕ รอบ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มีนาคม – ๙ เมษายน ๒๕๕๘ วันละ หนึ่งรอบการแสดง (งดแสดงวัน พฤหัสที่ ๑๙, ๒๖ มีนาคม และ ๒ เมษายน) และทำการแสดง ๒ รอบ ในทุกวันเสาร์ เวลา ๑๕.oo น. และ ๒o.oo น. บัตรราคา ๖๙o บาททุกที่นั่ง ติดต่อจองบัตรล่วงหน้า : และข้อมูลละครเพิ่มเติมได้ที่ : Tel. o๙๕-๕๔๒-๔๕๕๕, o๙๕-๙๒๔-๔๕๕๕



ภาพและข้อมูลจาก
postjung.com














Build Your Own Bangkok



หากเปรียบเทียบกับป่าทึบอย่างอเมซอนเเล้ว กรุงเทพฯ มีระบบนิเวศวิทยาที่มีความหลากหลายเเละกว้างใหญ่ไพศาลเช่นกัน คับคั่งไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธ์ุ อาศัยอยู่ในระบบสิ่งเเวดล้อมอย่างนับไม่ถ้วน นักเขียนการ์ตูน เเคธี่ เเมคคลาวด์ (จากคอลัมน์ “That’s What She Said ในนิตยสาร BK) ได้เลือกวาดรูป ๘ ภาพ เป็นเรื่องราวของระบบนิเวศวิทยาที่ต่างกัน ๘ ระบบของกรุงเทพฯ ที่มาพร้อมกับส่วนประกอบที่เป็นงาน interactive กับคนดูได้อย่างน่าประหลาดใจ






ภาพวาดขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดอย่างลึกถูกวาดขึ้นมาพร้อมกับคู่มือภาคสนาม (Field Guide) ที่ศิลปินทำขึ้นเพื่อให้ผู้ชมสามารถใช้หาเผ่าพันธุ์ของบุคลิกที่เราเห็นอยู่บ่อยครั้งในกรุงเทพฯ ในเเต่ละระบบสิ่งเเวดล้อม อาทิเช่น เรียนรู้ความเเตกต่างระหว่าง sexpats ที่ในเเต่ละประเภท ที่มีลักษณะนิสัยที่เเตกต่างกัน เเละดูว่าผู้ชมจะหาบุคลิกดังกล่าวเจอในภาพวาดเหล่านี้หรือไม่ หรือการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ เช่นถนนข้าวสาร, นักท่องเที่ยวเเบกเป้ เเละเเม่ค้าขายของที่ดูเบื่อหน่ายกับการขายของตามความต้องการของคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีการสังเกตพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกลุ่มชาวจีนที่กำลังทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯ เเละเฝ้าดูชายเเก่ชาวไทยเชื้อสายจีนที่นอนหลับในท่าเเละตำเเหน่งต่าง ๆ ในย่านเยาวราข (Chinatown) นิทรรศการครั้งนี้เป็นเหมือนร้าน pop-up เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะกิจ เพื่อฉลองความหลากหลายที่สัมพันธ์กันของระบบนิเวศ ที่ทำให้กรุงเทพฯเป็นกรุงเทพฯ ได้ทุกวันนี้ เเละเป็นการเเสดงเรื่องราวที่โต้ตอบกับคนดู เพื่อเชื้อเชิญให้ผู้ชมได้ร่วมสร้างเมืองตามจินตาการภาพวาดในหัวของเเต่ละท่าน


การอธิบายลักษณะความประพฤติของมนุษย์ หรือภาพพจน์เเบบเหมารวมของศิลปินในงานชุดนี้ เป็นทั้งสัญลักษณ์ทางภาพเเละวิธีการรวบรัดการเเสดงออกในเนื้อหาที่อาจมีความซับซ้อนหรือยากที่เข้าใจได้ ศิลปินตั้งใจใข้บุคลิกภาพวาดเเบบการ์ตูนที่ดูไร้เดียงสา เพื่อให้ผู้ชมลดเเนวกั้นทางความคิดลง เป็นการส่งข้อความให้กับผู้ชมอย่างเเยบยล เพราะข้อความดังกล่าวอาจเป็นเรื่องราวมีความน่าสลด หรือความโหดร้ายที่ส่งถึงผู้ชมภาพวาดเหล่านี้ได้อย่างน่าประหลาดใจ






เเคธี่ เเมคคลาวด์เป็นนักวาดภาพประกอบเเละนักเขียนการ์ตูนที่มีผลงานส่วนใหญ่เกี่ยวอัตชีวประวัติเเละเรื่องราวที่มีความส่วนตัวอยู่สูง เเคธี่เกิดเเละโตในกรุงเทพฯ เเละมักใช้เนื้อหาของเมือง (กรุงเทพฯ) ในงานของเธอ ดึงประเด็นความขัดเเย้งเเละบุคลิกที่มีความตลกเเบบโง่ๆเป็นพื้นหลังของการผจญภัยของการ์ตูนของเธอ ส่วนใหญ่เเล้วเเคธี่มักจะใช้ตัวเองเป็นบุคลิกหลักในผลงานของเธอเป็นการบันทึกเรื่องราวชีวิตส่วนตัวที่เธอถือเป็นพันธสัญญาหน้าที่ที่ต้องทำตลอดไป สำหรับนิทรรศการ Build Your Own Bangkok เเคธี่เลือกที่จะเพ่งจุดสนใจไปกับสิ่งนอกรอบตัวเธอเป็นครั้งเเรก เเต่ยังคงไว้ด้วยรายละเอียดที่มีความเป็นส่วนตัวเเละอารมณ์ขันอย่างสูง เเละไม่มองข้ามภาวะอันน่าเศร้าของมนุษย์


นิทรรศการ : Build Your Own Bangkok
ศิลปิน : เเคธี่ เเมคคลาวด์ (Kathy Macleod)
วันที่ : ๑๒ มีนาคม – ๑๑ เมษายน ๒๕๕๘
สถานที่ : WTF Gallery & Cafe(สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ)
รายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๖๖๒-๖๒๔๖



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Open Secrets



นิทรรศการภาพยนตร์สารคดีที่นำเสนอประเด็นที่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม ความเชื่อ วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์พื้นถิ่นและพฤติกรรมมนุษย์ที่ปรากฏขึ้นในประเทศไทยในรอบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา


การเปิดเผยความลับครั้งนี้เสมือนกับการอุปมาอุปมัยต่อสิ่งที่ถูกมองข้ามหรือถูกเพิกเฉยจากความคุ้นชินและปล่อยผ่านไปตามกาลเวลา บรรจงคัดสรรร้อยเรียงให้เกิดการตั้งคำถามถึงประเด็นดังกล่าวที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ถูกหลบซ่อนตัวจากสังคม โดยเฉพาะจากวิถีสังคมเมืองที่มองประเด็นอัตตาเป็นหัวใจสำคัญ


ภาพยนตร์แต่ละเรื่องเกิดจากการพิจารณาสมมติฐานผ่านประสบการณ์ตรง สู่การสืบค้นติดตาม เพื่อบอกเล่าความจริงแก่ผู้ชมในการขบคิดต่อยอดประเด็นดังกล่าว ภาพยนตร์แต่ละเรื่องเปรียบได้กับประตูบานแรกที่เปิดออกให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงข้อมูลและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


ประสบการณ์ทางสายตาในนิทรรศการครั้งนี้ยังแสดงพัฒนาการทางสุนทรียศาสตร์ของภาพยนตร์สารคดีไทยตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการพัฒนารูปแบบวิธีการเฉพาะตัว ผ่านประสบการณ์ของผู้กำกับ ตลอดจนการใช้เทคนิคเครื่องมือต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงาน


๑๑ เรื่องที่โดดเด่นซึ่งก่อให้เกิดความคิดแนวทางใหม่แก่วงการภาพยนตร์ไทยถูกคัดสรรเข้าร่วมนิทรรศการ โดยผู้กำกับภาพยนตร์ทั้ง ๗ ท่าน เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในไทยและต่างประเทศ


นิทรรศการภาพยนตร์สารคดีครั้งนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนและถ่ายเทประสบการณ์สู่ผู้ชม โดยจัดแสดง ณ หอศิลปวิทยนิทรรศน์ สำนักงานวิทยาทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


วันศุกร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีการเสวนาหัวข้อ “ภาพยนตร์สารคดี ภาพสะท้อนทางสังคม” เวลา ๑๗.oo-๑๘.๓o น. และพิธีเปิดนิทรรศการ เวลา ๑๘.๔๕-๒o.๓o น.


นิทรรศการภาพยนตร์สารคดี : Open Secrets
ดำเนินการจัดโครงการโดย : สืบแสง แสงวชิระภิบาล
ศิลปิน : ก้อง ฤทธิ์ดี, กวีนิพนธ์ เกตุประสิทธิ์, จักรวาล นิลธำรงค์, พิสุทธิ์ ศรีหมอก, ภาณุ อารี, สันติภาพ อินกองงาม และ สุทธิรัตน์ ศุภปริญญา
วันที่ : ๒๗ กุมภาพันธ์ – ๑o เมษายน ๒๕๕๘
สถานที่ : หอศิลปวิทยนิทรรศน์ ชั้น ๗ สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เปิดทำการ จันทร์-ศุกร์: ๙.oo-๑๙.oo น. เสาร์: ๙.oo-๑๖.oo น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เบอร์โทร : o๒-๒๑๘-๒๙๖๕
อีเมล : info.artcenterchula@gmail.com
เว็บไซต์ : //www.car.chula.ac.th/art



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














AN-TI-TLE



ไลลาแกลเลอรี่ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานเปิดนิทรรศการ AN-TI-TLE ผลงานการจัดวางเชิงพื้นที่ (site-specific installation)โดยศิลปินชาวเชียงใหม่ มิตร ใจอินทร์เพื่อเป็นการเปิดตัวพื้นที่สำหรับศิลปะร่วมสมัยแห่งใหม่ และเปิดนิทรรศการแรกของไลลาแกลเลอรี่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่บนถนนท่าแพ ในวันเสาร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. เป็นต้นไป


AN-TI-TLE เป็นนิทรรศการที่ตั้งใจนำเสนอแนวทางการทำงานศิลปะของมิตร ใจอินทร์ผ่านตัวผลงานชุดใหม่ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมามิตรปฏิเสธที่จะตั้งชื่อผลงานของเขาด้วยเหตุผลที่ไม่ต้องการชี้นำ หรือยัดเยียดความคิดของเขาลงไปผ่านข้อจำกัดทางภาษา มิตรเปิดโอกาสให้ผู้ชมตีความ อ่านงาน และรับรู้โดยตัวผู้ชมเอง และเลี่ยงที่จะตอบคำถามว่าผลงานของเขาเป็นผลงานจิตรกรรม หรือประติมากรรม โดยที่มิตรเองเรียกผลงานของเขาว่าเป็น ‘painting’ ในการทำงานศิลปะมิตรหาความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่เสมอ ในครั้งนี้เป็นการนำเสนอผ่านการจัดวาง การการติดตั้งตัว รวมทั้งเชิญชวนให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วมในการปรับ/เปลี่ยน ตัวงาน และมุมมองผลงานตามแต่ผู้ชม นอกจากนี้นิทรรศการนี้ยังเป็นความพยายามในการทำลายกำแพงที่เกิดจากข้อจำกัดทั้งหลายเชิงประวัติศาสตร์ศิลปะ และการลบเลือนเส้นแบ่งการจำกัดความประเภทงานศิลปะ






ผลงานการจัดวางเชิงพื้นที่ในนิทรรศการนี้ ประกอบไปด้วยผลงานชุดใหม่ที่มีความเชื่อมโยง และเกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิดในเชิงความคิด การสร้างสรรค์ การจัดวาง การเลือกใช้วัสดุ และผลลัพธ์ที่ได้ ผลงานจิตรกรรมชุด Untitled (floor work) ที่ถูกจัดวางเต็มพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นพรมและเวทีในเวลาเดียวกัน เป็นดังคำเชิญชวนกึ่งท้าทายให้ผู้ชมมีมุมมองในการดูผลงานจิตรกรรมที่แตกต่างออกไป ผลงานชุดอื่นๆถูกจัดวางอยู่บน ‘เวที’ แห่งนี้ ได้แก่ Untitled (extended scroll) ซึ่งถูกพัฒนาต่อเนื่องมาจาก Untitled (scroll) ผลงานชุดที่เป็นที่รู้จักกันดีของมิตรในเรื่องการแหกกฎเกณฑ์ความเป็นงานจิตรกรรม ๒ มิติ ในงานชุดนี้ถูกพัฒนาและนำเอาวัสดุใหม่เข้ามาใช้ ตัวรูปทรงของงานเกิดจากการดัดแผ่นเหล็กที่ถูกใช้เป็นโครงสร้างเกิดเป็นการฟอร์มตัวที่แตกต่างออกไป Untitled (formed work) เกิดจากการเชื่อมเหล็กและพันผ้าใบทับลงไปและถูกลงสีก่อนจะถูกกลบทับด้วยสีโทนขาว และถูกเคลือบด้วยเรซิ่นในพื้นผิวขั้นสุดท้าย เกิดเป็นพื้นผิวกึ่งโปร่งแสงที่เผยให้เห็นถึงร่องรอยชั้นของสีที่อยู่ด้านล่าง ตัวงานถูกสร้างให้มีลักษณะเฉพาะที่หลากหลายผ่านการเปลี่ยนมุมมองของผู้ชมหรือการจัดวางที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังสร้างรูปทรงที่หลากหลายเมื่อถูกวางซ้อนทับกัน


เกี่ยวกับศิลปิน มิตร ใจอินทร์

เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๓ จังหวัดเชียงใหม มิตร ใจอินทร์ เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ภาควิชาจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ และเข้าศึกษาต่อที่ University of Applied Arts Vienna ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มิตร ใจอินทร์ เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มคนสำคัญในวงการศิลปะไทย โดยเฉพาะในเชียงใหมเมื่อหลายสิบปีกอน มิตรเป็นผู้ร่วมกอตั้งโครงการสำคัญของเชียงใหม เช่น โครงการเชียงใหมจัดวางสังคม หรือ Chaing Mai Social Installation (CMSI) และร่วมก่อตั้ง โครงการที่นา The Land Foundation สำหรับมิตรการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเป็นการสื่อสารความคิดส่วนตัวต่อศิลปะ และชีวิต รวมทั้งความคิดเห็นต่อสังคม และการเมืองมักเป็นปัจจัยหลักในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเขา ผลงานการเเสดงเดี่ยวล่าสุด ได้แก่ นิทรรศการ Pastorale ที่ G1 Contemporary กรุงเทพมหานคร (พ.ศ. ๒๕๕๗) นิทรรศการ Postpositive: Freaky You Are Always ที่ SA SA BASSAC กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา (พ.ศ. ๒๕๕๗) นิทรรศการ Untitled ที่ H Gallery Chiang Mai เชียงใหม (พ.ศ. ๒๕๕๕) และยังร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการกลุ่ม และ เทศกาลศิลปะนานาชาติ เช่น นิทรรศการ Medium at Large ที่ Singapore Art Museum (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) นิทรรศการ 18th Biennale of Sydney: All Our Relations เทศการซิดนียเบนาเล่ เมืองซิดนีย ประเทศออสเตรเลีย (พ.ศ. ๒๕๕๕) นิทรรศการไทยเท่ จากท้องถิ่นสู่อินเตอร์ ที่หอศิลปะและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร (พ.ศ. ๒๕๕๕) เป็นต้น


ไลลา พิมานรัตน์ (ภัณฑารักษ์)

เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ไลลา พิมานรัตน์ จบการศึกษาจากภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ (พ.ศ. ๒๕๕๑) หลังจากมีประสบการณ์ทำงานในสายการจัดการงานศิลปะ และภัณฑารักษ์ ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้ง ไลลาแกลเลอรี่ พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยแห่งใหมที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากเป็นภัณฑารักษ์ประจำไลลาแกลเลอรี่ ไลลา ยังร่วมจัด และคิวเรทนิทรรศการให้กับสถานบันทางศิลปะอื่นๆด้วย บางส่วนของนิทรรศการที่ไลลาเป็นภัณฑารักษ์ได้แก่ นิทรรศการ AN-TI-TLE โดยมิตร ใจอินทร์ ที่ ไลลาแกลเลอรี่ จังหวัดเชียงใหม (พ.ศ. ๒๕๕๘) นิทรรศการ TRANCE โดยอานนท์ นงค์เยาว์ และปิยะรัศมี์ ปิยะพงศ์วิวัฒน์ ที่ แกลเลอรี่เวอร์ กรุงเทพมหานคร (พ.ศ. ๒๕๕๗)






เกี่ยวกับแกลเลอรี่

ไลลาแกลเลอรี่ เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และ กำลังจะเปิดนิทรรศการแรกของแกลเลอรี่ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นี้ ไลลาแกลเลอรี่ถูกกอตั้งขึ้นด้วยจุดประสงค์ในการเปิดพื้นที่ทางศิลปะร่วมสมัย และจัดแสดงนิทรรศการคุณภาพ ที่เน้นการคัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพ เเละให้ความสำคัญในเรื่องการนำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัย เปิดกว้างทุกสื่อ และมีจุดมุ่งหมายในการนำเสนอและยกระดับศิลปินทั้งในเวทีระดับประเทศ และเวทีสากล ในนิทรรศการแรก ไลลาแกลเลอรีเลือกที่จะนำเสนอผลงานจากศิลปินชาวเชียงใหม่ มิตร ใจอินทร เพื่อเน้นย้ำการแสดงจุดยืนพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ แต่ในขณะเดียวกันเปิดกว้างและไม่จำกัดการนำเสนอผลงานจากศิลปินเชียงใหมเท่านั้น แต่ตั้งใจนำเสนอผลงานทั้งศิลปินไทย และศิลปินนานาชาติ โดยกอนหน้านี้ร่วมนำผลงานศิลปินไทยไปจัดแสดงที่งาน Art Stage Singapore 2015 ในส่วนของ Southeast Asia Platform


นิทรรศการ : AN-TI-TLE
ศิลปิน : มิตร ใจอินทร์
ภัณฑารักษ์ : ไลลา พิมานรัตน์
วันที่ : ๒๑ กุมภาพันธ์ – ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘
สถานที่ : ไลลาแกลเลอรี่ (LYLA Gallery) ชั้น ๒ เลขที่ ๒๓๔ ถนนท่าแพ ตำบลช้างเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม ๕o๓oo
เวลาทำการ : วันพุธ – วันอาทิตย์ / ๑o.๓o – ๑๘.๓o น.
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : o๘๔-๓๘๘-๑๔๘๘
อีเมล : info@lylagallery.com
เว็บไซต์ : //www.lylagallery.com



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2558 9:49:03 น. 0 comments
Counter : 3209 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.