happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
24 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๖๕





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto











๑๕o ปีวัดราชประดิษฐ์ ยลความงามอารามหลวง


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา เนื่องด้วยพระองค์ทรงออกผนวชยาวนานถึง ๒๗ พรรษา และเมื่อทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง “วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกประจำรัชกาล ในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔o๗ ปลายรัชกาลของพระองค์ แม้จะเป็นพระอารามหลวงขนาดเล็ก แต่ก็งามสง่า รัชกาลที่ 4 ทรงวางแผนก่อสร้างและกำหนดแบบอย่างศิลปกรรมในวัดไว้ชัดเจนและครบครัน






ในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่จะถึงนี้ ถือเป็นวันครบ ๑๕o ปีของการสถาปนา ทางวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม จึงได้จัดงาน "๑๕o แห่งการสถาปนาพระอาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม" ขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ พร้อมกันนี้ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาทรงเป็นประธานในพิธี เวลา ๑๗.oo น. ของวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน






พระครูวินัยธร อารยพงศ์ เลขาธิการเจ้าอาวาส กล่าวถึงความหมายของวัดประจำรัชกาลว่า เป็นวัดที่ดูแลและประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์ ถือเป็นตัวแทนของพระองค์ ในหนึ่งรัชกาลมีหนึ่งพระอาราม ในโอกาสที่ครบ ๑๕o ปีแห่งการสถาปนาพระอาราม ในฐานะวัดประจำรัชกาล จึงต้องแสดงความกตัญญูกตเวทิตา สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้จัดให้มีการบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ตามโบราณราชประเพณี หรือตามธรรมเนียมไทยที่มีการทำบุญอัฐิ แต่ในฐานะที่เป็นพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์ อีกทั้งรับสั่งให้นำพระบรมอัฐิของพระองค์มาประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย






"ในวันที่ ๒๒-๒๖ มีการจัดบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระสังฆราชฯ อดีตพระเจ้าอาวาสทั้ง ๔ รูป และถวายผู้ทรงสถาปนาพระอาราม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และในวันสุดท้าย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ทรงเป็นประธาน ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก พระนิรันตรายรุ่น ๑๕o ปีแห่งการสถาปนาพระอาราม"






เลขาธิการเจ้าอาวาสกล่าวต่อว่า กิจกรรมสำคัญที่จะเกิดขึ้นในงานครั้งนี้ ได้แก่ การไหว้พระ หากมาวัดแห่งนี้จะได้มากราบไหว้ทั้งพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ และพระมหากษัตริย์ ต้องเริ่มจากไหว้พระพุทธ คือ พระพุทธสิหังคปฏิมากร พระประธานประจำวัด พระธรรม คือ ปราสาทพระไตรปิฎก และพระสงฆ์ คือ สมเด็จพระสังฆราช (สา) พระราชกรรมวาจาจารย์ในรัชกาลที่ ๔ ตามพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ว่า "มาวัดราชประดิษฐ นี่ดี ไหว้ครบทุกอย่าง" และในโอกาสที่มีความพิเศษนี้ ทางวัดจะเปิด "พระที่นั่งทรงธรรม" ให้ประชาชนได้ร่วมชื่นชมธรรมาสน์ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ ประดับดอกไม้เพชร ดอกไม้ไหว ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ รวมถึงดาวเพดานรูปเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาวราภรณ์ ซึ่งโดยปกติจะไม่เปิดให้เข้าชม






“อีกกิจกรรมได้จัดพิธีถวายประทีปเป็นพุทธบูชา โดยวัดราชประดิษฐมีการสาธยายมนต์บทสวดนพเคราะห์ ซึ่งต้องใช้พระเฉพาะวัดนี้เท่านั้นในการสวดเฉลิมพระชนมพรรษา มีการอัญเชิญเทวดาประจำพระเคราะห์ทั้ง ๗ วัน ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เราใช้โอกาสนี้จุดเทียนประทีปถวายเป็นพุทธบูชาที่พระปาสาณเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเพื่อเสริมบุญบารมีแก่ผู้ร่วมพิธี เริ่มจุดตั้งแต่ ๖ โมงเย็นของวันที่ ๒๒-๒๖ นี้ สนใจสามารถรับเทียนมงคลตามสีประจำวันเกิดที่จัดไว้ให้ ในราคาชุดละ ๙๙ บาท มีจำนวนจำกัด ๒,ooo ชุดเท่านั้น รายได้นำไปซ่อมแซมระบบไฟฟ้าภายในวัด” เลขาธิการเจ้าอาวาสชวนร่วมถวายประทีปในงาน






นอกจากกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังมีการจัดงานเทิดพระเกียรติผ่านนิทรรศการบอกเรื่องราวความเป็นมาและพระราชประวัติของรัชกาลที่ ๔ พร้อมด้วยมหรสพสมโภช การออกร้าน อาทิ หัตถกรรมพื้นบ้านพื้นเมือง โดยสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากรและวิทยาลัยในวังชาย บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าพระราชวังสราญรมย์ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ ๑๔ พ.ย.ได้จัดเสวนาเรื่อง “วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม” ที่ห้องประชุมคึกฤทธิ์ ปราโมช มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมฟังเป็นจำนวนมาก






พระครูวินัยธรกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์กับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม นอกจากได้ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณรัชกาลที่ ๔ แล้ว จะได้สัมผัสใกล้ชิดงานศิลปะร่วมสมัยในรัชกาลที่ ๔ ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนที่อื่น อาทิ ความงดงามเชิงสถาปัตยกรรมของ "พระวิหารหลวง" ซึ่งพระองค์ทรงวางแผนการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง รวมไปถึงจุดสำคัญอีกหลายจุดภายในวัด มาชมได้ในวันที่ ๒๒-๒๖ นี้.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
siamsouth.com
เฟซบุควัดราชประดิษฐฯ














สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม


สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จับมือ สยามพิวรรธน์ ชวนคนรุ่นใหม่...ร่วมเทิดพระเกียรติในงาน “สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม"


สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กลุ่มสยามพิวรรธน์ สร้างงานมหกรรมศิลปะครั้งสำคัญ เพื่อเทิดพระเกียรติ เนื่องในวาระเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยให้คนรุ่นใหม่เข้าร่วมสัมผัสใกล้ชิดงานศิลปะในงาน “สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม” พบกับที่สุดของงานศิลปะ นำเสนอผ่าน ๓ รูปแบบกับ ๓ ศูนย์การค้าแห่งสยาม สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาดไม่ได้ ๓ – ๗ ธันวาคมศกนี้ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. งานนี้...คนนิยมงานศิลป์ ร่วมสนุกและเข้าชมฟรีตลอดงาน


สำหรับ งาน “สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม” พร้อมสะกิดทุกแรงบันดาลใจของคนไทย ให้พร้อมใจกันเปิดโลกทัศน์และหันมาสนใจในงานศิลป์ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะในทุกพื้นที่การจัดงานอัดแน่นและอบอวลไปด้วยงานศิลป์ โดยแบ่งเป็น ๓ โซน ๓ ศูนย์การค้าชั้นนำของกรุงเทพ


กษัตริย์ศิลป์แผ่นดินสยาม เนรมิตพื้นที่บริเวณ Hall of Mirrors ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดแสดงนิทรรศการโดยรวบรวมผลงานทางด้านศิลปะของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเสนอผ่านสื่อมัลติมีเดีย เพื่อให้ผู้ชมได้ซาบซึ้งถึงพระอัจฉริยภาพอันเกิดจากความรัก ความเพียรของพระองค์ ที่แม้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ยังทรงให้ความสนใจในงานด้านศิลปวัฒนธรรม


แสดงศิลป์แผ่นดินสยาม เวทีโชว์ศิลป์ที่มากด้วยสาระ และอัดแน่นด้วยความบันเทิงในศิลปวัฒนธรรมหลากหลายแขนง พบกับการฉายหนังสั้น การแสดงร่วมสมัยที่มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม เสวนามุมมองทางศิลปะกับศิลปินรางวัลศิลปาธร คุณนิมิตร พิพิธกุล และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากตุลย์ อพาร์ทเมนท์คุณป้า, เก่ง ธชย ณ บริเวณ Atrium ๒ ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ (เฉพาะสยามเซ็นเตอร์เท่านั้น ที่จะไม่ใช้คำว่าศูนย์การค้านำหน้านะคะ)


สร้างศิลป์แผ่นดินสยาม เป็นลานกิจกรรม “ลองศิลป์” ให้เด็กได้มีประสบการณ์กับศิลปะทุกแขนงแบบดูจริงทำจริง “สร้างงานศิลป์เพื่อพ่อ” (ตัวเอง) พร้อมโชว์บนเวทีและความบันเทิงในสไตล์เด็ก ๆ ณ บริเวณ Grand Hall ชั้น ๑ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่


ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคนศิลป์แห่งสยาม ณ ๓ ศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพ สนุกสนานไปกับกิจกรรมที่อัดแน่นด้วยสาระงานศิลป์ทั้ง 3 รูปแบบ ได้ตั้งแต่วันที่ ๓ – ๗ ธันวาคมศกนี้ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ณ ๓ ศูนย์การค้าแห่งสยาม สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัพเวอรี่



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bangkokbiznews.com














๕๑ ปี นนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด สืบสานวันดนตรี


รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิบดีมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ กล่าวว่าวันประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งวันหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คือวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นนนทรี จำนวน ๙ ต้น และพระราชทานต้นนนทรีเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารหอประชุมมหากรุณาธิคุณ ร่วมทรงงดดนตรีที่หอประชุมเป็นครั้งแรก ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบามราชูปถัมภ์ นายธวัชชัย ไชยชนะ นายกสมาคมฯ และหลวงอิงคศรีกสิกร (อินทรี จันทรสถิตย์) อธิการบดี นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๒ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวกัน กล่าวคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกต้นนนทรี พระทรงดนตรี ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นการส่วนพระองค์ เป็นครั้งแรก และทรงเป็นกันเองที่สุด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่นำมาสู่การเสด็จฯ "เยี่ยมต้นนนทรี" ที่ทรงปลูก" และ "ทรงดนตรี" สืบเนื่องมาจนถึงปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ รวมจำนวน ๙ ครั้ง อันนำมาซึ่งความสุข ความปลื้มปิติของชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทั้งปวง


ทั้งนี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระกระแสรังสั่งตอนหนึ่งว่า "ขอพูดอะไรสักหน่อย วันนี้ได้รับเชิญมาปลูกต้นไม้ ก็ทำให้คิดว่า การปลูกต้นไม้ก็จำเป็นจะต้องเลือกว่าต้นอะไรจึงจะดี เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัย ต้นไม้อะไร ๆ ก็สีเขียว ต้นนนทรีที่เลือกเป็นต้นไม้ของเกษตร ก็เหมาะสมที่มีสีเขียวด้วย เหมาะมากและน่ายินดีมาก ที่ต้นนนทรีนั้นปลูกได้ทั้งทุกแห่งของไทย เพราะทนแล้ง ทนแดดได้ นี่เป็นความหมายที่ดี เพราะคนไทยถ้าปลูกในแผ่นดินไทย ก็เติบโตดี และเจริญดี ต้นไม้ต้องมีดิน จึงจะเจริญได้ดี ถ้าเอกไปไว้ในกระถาง หรือเอาไปปลูกในน้ำหรือปลูกในน้ำยาคุณภาพดีๆ จากต่างประเทศ ก็จะหงอย อยู่ไม่ได้ เข้าต้องการดินขอฝากต้นไม้นี้ให้มหาวิทยาลัยและนิสิตช่วยกันรักษาให้ดี อย่างให้หงอย ขอฝากนิสิตทั้งหลาย ขอให้ช่วยกันรักษาตัวเองให้ดี และอย่าลืมว่าตัวเองนั้นจะอยู่กันได้ก็ด้วยแผ่นดินไทย ขอให้ช่วยกันรักษาแผ่นดินไทยไว้ด้วย คนไทยถ้าไร้แผ่นดินก็จะหงอยกันหมด อยู่กันไม่ได้และเราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น"






สำหรับตันนนทรีนั้น สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย คณะอนุกรรมการพิจารณาหาต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตาศาตร์ ในขณะนั้น ได้แก่ อ.อัญเชิญ ชมพูโพธิ์ หัวหน้าภาควิชาพืชศาสตร์ อ.ปวิณ ปุณศรี อ.แสงธรรม คมกฤส และอ.เจือ สุทธิวนิช ได้เสนอต้นไม้ ๔ ชนิด ต่อที่ประชุม คือ นนทรี ทองกวาว ราชพฤกษ์ (คูน) และพิกุล ที่ประชุมได้ตกลงเลือกต้นนนทรี เพราะเป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืน มีใบสีเขียวแก่ อันหมายถึงสีเขียวขจีของเกษตร และมีดอกสีเหลืองทอง อันหมายถึงสีเหลือของคณะเกษตร โดยหลวงอิงคศรีกสิการ อธิบการบดี ได้กราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับต้นนนทรี ใจความสรุปได้ว่า "ต้นนนทรี เป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวนาน มีใบเขียวตลอดทั้งปี ลักษณะใบเป็นฝอยคล้ายใบกระถิน ดอกสีเหลืองประปรายด้วยสีขาว ช่อดอกเป็นพวงระย้า ฝักไม่ยอมทิ้งต้น ทนทานในทุกสภาพอากาศของเมืองไทย สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้เลือกให้เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีใจผูกพันอยู่กับมหาวิทยาลัยตลอดมา และสามารถจะทำงานประกอบอาชีพได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทั้งในไร่นาป่าเขา ทั่วทั้งประเทศไทย"


รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสครบรอบ ๗๒ ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการปรับปรุงอาคารหอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตาศาสตร์ และได้จัดทำห้องนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของอาคารหอประชุม และเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง นำเสนอเป็นนิทรรศการภาคโปสเตอร์และมัลติมีเดีย แบ่งเป็นห้องนิทรรศการถาวรภายใต้ชื่อ "ใต้บารมี ธ ปกเกล้าฯ" และห้องนิทรรศการหมุนเวียนภายใต้ชื่อ "ใต้ร่มนนทรี" และกำหนดให้มีพิธีเปิดห้องนิทรรศการ ในงานวันที่ระลึกวันนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด สืบสานวันทรงดนตรีในปีนี้ด้วย โดยมีมี ศ.ดร.นิวัติ เรืองพานิช นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตาศาตร์ เป็นประธานในพิธี


ในวารำสำคัญ ซึ่งเวียนมาบรรจบครบรอบ ๕๑ ปี แห่งพระมหากรุณาธิคุณ นนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงขอเชิญชวนศิษย์เก่า นิสิตปัจจุบัน บุคลากร และประชาชนร่วมงาน "วันที่ระลึกนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรดสืบสานวันทรงดนตรี" ในวันอังคารที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๗.๓๐ นาฬิกา ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้







ภาพและข้อมูลจากเวบ
ku.ac.th
yt9.com














ภาพและข้อมูลจากนสพ.กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๗













นิทรรศการข้าวของพ่อ


เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ จะมีการจัดนิทรรศการ "ข้าวของพ่อ" เพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย SCB สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน


นิทรรศการนี้ จะพาเรามารู้จัก “ข้าว“ กันให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะถือว่าเป็นรากฐานของวัฒนธรรม แหล่งรายได้ทางเศรษฐกิจ และแหล่งอาหารของคนไทย และให้ความรู้เรื่งโครงการพระราชดำริต่างๆ ในการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่เมล็ดข้าวและความยั่งยืนในระบบเกษตรกรรม ฯลฯ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยค่ะ


นิทรรศการข้าวของพ่อ จัดตั้งแต่ ๒๔ พ.ย.๕๗ - ๓o ม.ค. ๕๘



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค SCB Thailand














ร่วมเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ฉลองปีมิ่งมงคล
ในงานนิทรรศการ 'สวัสดีปีแพะ ๒๕๕๘


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการ “สวัสดีปีแพะ ๒๕๕๘” จัดโดย ร้านภูฟ้าผสมผสาน และ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสปีมิ่งมงคล ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๗ และเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของแพะกับมนุษย์ ที่ ร้านภูฟ้าผสมผสาน ชั้น ๔ ศูนย์การค้าสยามพารากอน





สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับแพะ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๑๑ โซน



ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงลงพระนามาภิไธยในภาพวาดฝีพระหัตถ์ “ปีมะแม” จากนั้นทรงพระดำเนินทอดพระเนตรแพะ และพระราชทานหญ้าให้แพะ พร้อมทรงถ่ายรูปแพะด้วยฝีพระหัตถ์พระองค์เอง พร้อมทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับแพะ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๑๑ โซน ได้แก่ กำเนิดความสัมพันธ์ของแพะกับมนุษย์, แพะในคติความเชื่อ ศาสนาและประเพณีวัฒนธรรม, การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์, ข้อแตกต่างระหว่างแพะกับแกะ, ประชากรแพะ, พันธุ์แพะที่เลี้ยงในประเทศไทย, การเลี้ยงแพะในประเทศไทย, การเลี้ยงแพะในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติด้านการเลี้ยงแพะ และคุณประโยชน์จากแพะ





ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ, ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์,
ท่านผู้หญิงสุนามัน ประนิช และ คุณหญิงจามรี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
พร้อมใจกันใส่เสื้อยืดลายภาพวาดฝีพระหัตถ์แพะกินหญ้ากินีสีม่วง



ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีรับสั่งถึงความสนพระทัยเกี่ยวกับแพะว่า “ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องแพะ เพราะเกิดในปีแพะ และนมแพะยังมีประโยชน์สำหรับเด็กที่ขาดอาหาร ซึ่งตอนเด็ก ๆ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเคยรับสั่งให้ฟังว่า บ้านที่ไม่ค่อยมีเงินในจังหวัดนราธิวาส จะชอบเลี้ยงแพะเพื่อนำมาบริโภค”





สุเวทย์ ธีรวชิรกุล, กิตติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์,
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง, ชฎาทิพ จูตระกูล และ กฤษณา อัมพุช



นอกจากนี้ ร้านภูฟ้าผสมผสานได้จัดทำผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึก โดยอัญเชิญภาพวาดฝีพระหัตถ์แพะกินหญ้ากินีสีม่วง ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาจัดทำเป็นเสื้อยืดตลับเซรามิก กระเป๋าขนาดต่าง ๆ เนคไท ผ้าพันคอ ฯลฯ เพื่อจำหน่ายภายในร้าน โดยรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จะนำเข้ากองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (ก.พ.ด.) ที่จัดตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “สวัสดีปีแพะ ๒๕๕๘” ตั้งแต่วันนี้-๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ร้านภูฟ้าผสมผสาน ชั้น ๔ ศูนย์ การค้าสยามพารากอน สอบถามเพิ่มเติม โทร. o๒-๖๕๕-๖๒๔๒-๓





กระเป๋าลายภาพวาดฝีพระหัตถ์แพะกินหญ้ากินีสีม่วง



ทั้งนี้ ร้านภูฟ้าผสมผสาน เป็นส่วนหนึ่งของร้านภูฟ้าซึ่ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นในกองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของชาวบ้าน เด็กและเยาวชนที่อยู่ในโครงการส่งเสริมอาชีพตามพระราชดำริอันเป็นการสนับสนุนให้ชาวบ้าน เด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดารมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต่อมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งร้านภูฟ้าผสมผสานขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของร้านภูฟ้า เพื่อเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมในศูนย์การค้า จัดแสดงนิทรรศการผสมผสานความรู้สาขาวิชาต่าง ๆ ให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้ศึกษาเป็นการเพิ่มพูนความรู้ โดยการจัดนิทรรศการที่ผ่านมาได้รับความอนุเคราะห์จากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร นำเสนอนิทรรศการเรื่องราวต่าง ๆ หมุนเวียนมาอย่างต่อเนื่อง



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














บอกเล่าพระอัจฉริยภาพผ่านงานเฉลิมพระเกียรติ


ตลอดระยะเวลากว่า ๖o ปีเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตร ทรงพัฒนาคิดค้นโครงการพระราชดำริต่าง ๆ มากมาย เพื่อบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ที่เกษตรกรต้องเผชิญอยู่ โดยเฉพาะแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่า สามารถนำพาสังคมไทยให้รอดพ้นจากปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจนเป็นที่ประจักษ์ทั้งภายในและนานาชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงภาคการเกษตรและเป็นสถาบันการเรียนรู้ภูมิปัญญาและนวัตกรรมการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคีความร่วมมือภาคเกษตร


จารุรัฐ จงพุฒิศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๗ พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๕ ธันวาคมนี้ พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้จัดงานมหกรรมในหลวงรักเราขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างยิ่งใหญ่ โดยปีนี้จัดภายในแนวคิดในการจัดงานคือ “รักพ่อของประชาชน รักประชาชนของพ่อ” ระหว่างวันที่ ๓-๗ ธันวาคม เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการเกษตร ตลอดจนต้องการให้ประชาชนชาวไทยได้เรียนรู้ความรักอันยิ่งใหญ่ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมอบให้กับปวงชนชาวไทยและสืบสานพระราชปณิธานทำความดีเพื่อแผ่นดิน


“สำหรับกิจกรรมสำคัญที่อยากเชิญชวนให้ประชาชนมารวมพลังกันมาก ๆ คือกิจกรรมร่วมตั้งจิตสวดมนต์อธิษฐานให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง เราจัดทุกวัน ๆ ละ ๒ รอบ เวลา ๑๓.oo น. และ ๑๖.๓o น. พร้อมทั้งจุดเทียนชัยถวายพระพรร่วมกันในคืนวันที่ ๕ ธันวาคมพร้อมกันทั่วประเทศและกิจกรรม “นิทรรศการตามรอยพ่อ” ซาบซึ้งกับความรักอันยิ่งใหญ่ของในหลวง พร้อมชมภาพยนตร์แอนิเมชั่น ๓ มิติ เรื่องของพ่อในบ้านของเรา” ผอ.สำนักงานพิพิธภัณฑ์ฯ ให้รายละเอียด


พร้อมกันนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนทำจริงใน ๒๕ ฐานการเรียนรู้ นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพึ่งตนเองจากเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ฯ ความงดงามและเสน่ห์ของคราม ที่สร้างชื่อเสียงให้ผ้าคราม จ.สกลนคร ที่ชาวต่างชาติได้นำไปสวมใส่แสดงในภาพยนตร์ “สงครามกรุงทรอย (Troy)” ในฐานผ้าย้อมสีจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีมุมผ่อนคลายกับการนวดและให้ความรู้ในเรื่องธาตุเจ้าเรือนบริการตรวจสุขภาพฟรีที่ฐาน “หมอยา บ้านป่า” โดยเครือข่ายหมอยาพื้นบ้าน จ.สกลนคร และองค์ความรู้เรื่องสมุนไพรจากทีมงานโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เรียนรู้วิถีเกษตรไทย ๔ ภาค







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














ยกย่อง 'สุเทพ' คว้ารางวัลนราธิป


ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายบูรพา อารัมภีร อุปนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ถึงผลการประกาศรางวัลนราธิป ประจำปี ๒๕๕๗ ว่า ปีนี้สมาคมนักเขียนฯ ได้มอบรางวัลนราธิปให้แก่นักเขียนและบรรณาธิการอาวุโสจำนวน ๑๕ คน หนึ่งในนั้นมีครูสุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ และนายกสมาคมนักร้องแห่งประเทศไทยฯ ได้รับการประกาศเกียรติคุณ ซึ่งมีหลักเกณฑ์มอบรางวัลให้แก่ศิลปินอาวุโสที่มีอายุมากกว่า ๘o ปี มีผลงานเป็นที่ยกย่องอย่างกว้างขวาง โดยจะมีพิธีมอบโล่รางวัลนราธิปในงานประชุมใหญ่สามัญของสมาคมนักเขียนฯ ช่วงปลายเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ที่หอสมุดแห่งชาติ เทเวศร์


ครูสุเทพ วงศ์กำแหง นอกจากเป็นศิลปินนักร้องที่มีแฟนเพลงทั่วประเทศชื่นชอบแล้ว ในอดีตยังมีผลงานเป็นนักเขียนคอลัมน์ในนิตยสารฟ้าเมืองไทยรายสัปดาห์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประชาชาติ บ้านเมือง มีหนังสือรวมเล่มคือ เฉือนออกมาจากหัวใจ หัวใจที่ถูกเฉือน เฉือนจนหมดหัวใจ และกรีดหัวใจ


ปัจจุบันครูสุเทพมักจะเขียนบทความแสดงทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองผ่านทางพื้นที่ตอบจดหมายผู้อ่านหน้า ๕ คอลัมน์ถูกทุกข้อ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ซึ่งเปิดกว้างให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างหลากหลาย


ทั้งนี้ รางวัลนราธิป จัดโดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๔ เกิดขึ้นจากแนวคิดของประภัสสร เสวิกุล โดยชื่อรางวัลนำมาจากพระนามของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เนื่องจากในปี ๒๕๔๔ มีพิธีมอบรางวัลนี้เป็นปีแรก และเป็นปีครบรอบ ๑๑o ปี ชาตกาลของพระองค์ผู้มีคุณูปการต่อวงการนักเขียน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net














ดินที่ฉันรัก : THE CLAY I LOVE


นิทรรศการเครื่องปั้นดินเผา "ดินที่ฉันรัก : THE CLAY I LOVE" ผลงานโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณเสริมศักดิ์ นาคบัว จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน - ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดย อดีตนายกรัฐมนตรีนายชวน หลีกภัย ให้เกียรติเป็นประธาน เวลา ๑๗.๓o น. ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ


เวลาเข้าชม
จันทร์ - ศุกร์ เวลา ๙.oo น.- ๑๙.oo น.
วันเสาร์ เวลา ๙.oo น. – ๑๖.oo น.
ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Silpakorn Public Relations














มหากาพย์รามยณะของวาลมีกิฉบับภาษาไทย


๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ พบกับ "งานเปิดตัวหนังสือ "มหากาพย์รามยณะของวาลมีกิฉบับภาษาไทย" ซึ่งดำเนินการโดยฝ่ายศิลปวัฒนธรรม ม.ศิลปากร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีผู้ร่วมในงานเปิดตัวหนังสือดังกล่าว ประกอบด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.กุสุมา รักษมณี รองศาสตราจารย์ ดร.มณีปิ่น พรหมสุทธิรักษ์ และอาจารย์นาวิน วรรณเวช ดำเนินรายการโดย อาจารย์กิตติชัย พินโน ระหว่างเวลา ๑๔.oo - ๑๔.๓o น. ณ สวนแก้ว ม.ศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ


***"หนังสือมหากาพย์รามยณะของวาลมีกิฉบับภาษาไทย" ๑ ชุด มี ๓ เล่ม ราคาชุดละ ๒,๘oo บาท สามารถซื้อได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ ม.ศิลปากร สำนักงานอธิการบดี ตลิ่งชัน ในวันและเวลาราชการ หรือซื้อได้ในงานวันเปิดตัวหนังสือ สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. o๒-๘๔๙-๗๕๓๘ และ o๒-๘๔๙-๗๕๖๔



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Silpakorn Public Relations














แรกแย้ม


ขอเชิญชมนิทรรศการ "แรกแย้ม" ผลงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาโดยผศ.สยุมพร กาษรสุวรรณ ภาควิชาเครื่องเคลือบดินเผา คณะมัณฑนศิลป์ ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล กรุงเทพฯ กำหนดพิธีเปิดนิทรรศการดังกล่าว ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o น. ณ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. o๒-๔๒๒-๒o๙๒



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Silpakorn Public Relations














ภาพสวย กวีใส


นิทรรศการภาพถ่าย "ภาพสวย กวีใส" ผลงานโดยช่างภาพ ๒๓ ท่าน และ ๕ กวี จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒o พฤศจิกายน - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ชั้น ๑ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน


สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการภาพถ่าย "ภาพสวย กวีใส" โดย ๒๓ ช่างภาพชาวไทย-ต่างชาติ และ ๕ กวี ในวันพฤหัสบดีที่ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น. ณ ชั้น ๑ หอศิลปร่วมสมัยราชดำเนิน


จัดแสดงตั้งแต่วันที่ ๒o พฤศจิกายนถึงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗


รายชื่อศิลปินภาพถ่ายชาวต่างชาติ
๑. Martin Reeves ช่างภาพชาวอังกฤษ
๒. Peter David Tresize ช่างภาพชาวแคนาดา
๓. Julian Raymond Tennant ช่างภาพชาวออสเตรเลีย
๔. Mark Richard Standen ช่างภาพชาวอังกฤษ
๕. Kyaw Kyaw Winn ช่างภาพชาวพม่า
๖. Piyushkumar Chandrakantbhai Parmar ช่างภาพชาวอินเดีย
๗. Kana Sonoda ช่างภาพชาวญี่ปุ่น


รายชื่อศิลปินภาพถ่ายชาวไทย
๑. วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร
๒. ดาว วาสิกศิริ
๓. บุณฐไชย ไชยวิรุณเจริญ
๔. สมศักดิ์ พัฒนพิฑูรย์
๕. วินัย ดิษฐจร
๖. อุรชา จักรคชาพล
๗. พญ.วรรนธนี อภิวัฒนเสวี
๘. ตุลย์ หิรัญญลาวัลย์
๙. นคเรศ ธีระคำศรี
๑o. เกรียงไกร ไวยกิจ
๑๑. ภาณุวัฒน์ จิตติวุฒิการ
๑๒. จุฬวิศว์ ศานติพงศ์
๑๓. ปิยทัต เหมทัต
๑๔. ชฤต ภู่ศิริ
๑๕. พิพัฒน์ โกสุมลักษมี (ถ่ายใต้น้ำ)
๑๖. คัมภีร์ ผาติเสนะ


รายชื่อนักกวี
๑. จิระนันท์ พิตรปรีชา
๒. สถาพร ศรีสัจจัง
๓. พจนารถ พจนาพิทักษ์
๔. ศักดิ์สิริ (กิตติศักดิ์) มีสมสืบ
๕. ซะการีย์ยา อมตยา



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














ศิลปะกลางเมือง G1 CONTEMPORARY


ศูนย์การค้าเกษร ร่วมกับ H Gallery ชวนคนรักงานศิลปะเข้าชมงาน “G1 CONTEMPORARY curated by H GALLERY” พื้นที่แสดงผลงานศิลปะแห่งใหม่ที่สวยงาม และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าเกษร นำเสนอนิทรรศการแรกของ มิตร ใจอินทร์ ศิลปินร่วมสมัยชั้นนำของเมืองไทยที่ได้รับการยอมรับและจัดแสดงผลงานศิลปะมาแล้วทั่วโลกกับการนำเสนอนิทรรศการ “Pastorale” ผลงานภาพวาด(Painting) ที่ใช้เทคนิคการใช้ฝีแปรงลงสีบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ เพื่อสร้างพื้นผิวของภาพให้มีความหนักเบาต่างกันให้เกิดมิติน่าค้นหา ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปิน ตั้งแต่วันนี้-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. o๘๕-o๒๑-๕๕o๘



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
เฟซบุค Gaysorn Shopping Center














สุภาพสตรี บู๊ระห่ำ ภาค ๒


นิทรรศการ “สุภาพสตรี บู๊ระห่ำ ภาค ๒ : Lady Image 2” ผลงานโดย อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์ (Anchalee Arayapongpanich) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ARDEL Gallery of Modern Art : หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี)


“สุภาพสตรี บู๊ระห่ำ ภาค ๒”
โดย อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ณ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี)


กลับมาอีกครั้งกับนิทรรศการแสดงเดี่ยวของศิลปินหญิงสาวรุ่นใหม่ อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์ กับนิทรรศการ “สุภาพสตรี บู๊ระห่ำ ภาค ๒” ซึ่งจะนำเสนอผลงานจิตรกรรมอันเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการผ่านภาพลักษณ์ของตัวศิลปินเอง ในฐานะตัวละครหญิงสาวผู้มีความกล้าหาญมั่นใจ สวมบทบาทหน้าที่อันหลากหลาย แปลกใหม่ ห้าวหาญ แฝงไว้ด้วยความสนุกสนานมีชีวิตชีวาและท้าทายต่อภาพลักษณ์ของผู้หญิงในยุคปัจจุบัน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














Timeless Harmony


นิทรรศการ “ไทม์เลส ฮาร์โมนี่ : Timeless Harmony” ผลงานโดย Joseph Zirker และ Lisa (Zirker) Moses จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ - ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น. ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ เชียงราย - Artbridge ChiangRai (ABCR)


ขัวศิลปะขอเชิญท่านให้เกียรติในพิธีเปิดงานนิทรรศการ
“Timeless Harmony” ไทม์เลส ฮาร์โมนี่
โดย Joseph Zirker & Lisa (Zirker) Moses
วันเสาร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น.
ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒
ขัวศิลปะ เชียงราย - Artbridge ChiangRai (ABCR)


นิทรรศการแสดง วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ - ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘



































ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














เสพงานศิลป์ ดินเนอร์ญี่ปุ่นแท้


ในประเทศญี่ปุ่นมีการถ่ายทอดศาสตร์หลายแขนงมาตั้งแต่ยุคโบราณ รากฐานเหล่านั้นแตกยอดออกมาเป็นความรู้ด้านต่าง ๆ อาทิ หัตถกรรม เครื่องประดับ ดนตรี และวรรณกรรม เป็นต้น โดยผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แต่ละสาขาอย่างลึกซึ้งจะได้รับการยกย่องและขนานนามว่า “ทะคุมิ” หรือ “ช่างมือฝีมือ” อย่างในบ้านเรา ดังนั้นเพื่ออุ่นเครื่องให้คนไทยได้สัมผัสเสน่ห์ของศาสตร์แลศิลป์ขนานแท้จากแดนซามูไรอย่างใกล้ชิด เฮอริเทจ โฮม แอท นายเลิศ ปาร์ค (บ้านปาร์คนายเลิศ) พิพิธภัณฑ์เรือนไทยไม้สักร่วมสมัยอายุกว่า ๑oo ปี ร่วมกับ ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน จัดกิจกรรม “ทะคุมิ โนะ ชิสุคุ” ซึ่งจะเป็นการรวมตัวของช่างฝีมือระดับศิลปินชาวญี่ปุ่น ๘ สาขา มานำเสนอ พร้อมสร้างสรรค์ดินเนอร์ต้นตำรับญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยสองพ่องานใหญ่ พลวุฒิ โพธิรัตนังกูร ผอ.ฝ่ายสร้างสรรค์ โรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศ ปาร์ค ร่วมกับ ฮิโรยูกิ โยชิดา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดห้องอาหารเกนจิ โรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศ ปาร์ค จัดงาน แนะนำกิจกรรม “ทะคุมิ โนะ ชิสุคุ” ขึ้นเมื่อวันก่อน


ภายในงานได้รัการเนรมิตให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายจากแดนอาทิตย์อุทัย อย่าง ภาพเขียนพู่กันโซะโด, ต้นบอนไซอายุกว่า ๑oo ปีซึ่งมีศิลปินนักจัดวางบอนไซ โยอิจิ นะกะนิชิ มาร่วมพูดคุย โดยไฮไลท์อยู่ที่ การรังสรรค์อาหารญี่ปุ่นตำรับดั้งเดิมกว่า ๑oo ปีโดยเชฟชื่อดัง วะตะรุ ยะมะโมโตะ หอบวัตถุดิบบินตรงมาโชว์การแล่ปลา การตกแต่งและการจัดวางอาหารตามแบบฉบับของ “วะโชกุ” มาเสิร์ฟเรียกน้ำย่อย


ทั้งนี้ ฮิโรยูกิ โยชิดะ เผยถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า ถือเป็นการแนะนำวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับการสืบทอดมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ให้ชาวไทยได้รู้จักผ่านการแสดงโชว์อาหารซึ่งจะถูกจัดวางลงบนภาชนะดินเผา และเครื่องเขิน ที่ได้รับการสร้างสรรค์เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ภายในสถานที่ที่ได้รับการตกแต่งด้วยผลงานศิลปะของญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็ได้เพลิดเพลินกับดนตรีโบราณอีกด้วย


“ทะคุมิ โนะ ชิสุคุ มีความหมายในภาษาไทยว่าหยาดหยดเหงื่อแห่งช่างฝีมือ เป็นกิจกรรมสำหรับนำเสนอผลงานของเหล่าช่างฝีมือยุคใหม่ระดับแนวหน้าจากเมืองทะคะมัตซึ ที่พยายามถ่ายทอดประเทศญี่ปุ่นที่แท้จริง สิ่งที่ทำให้ ทะคุมิ โนะ ชิสุคุ ได้รับความนิยมทั้งภายในและภายนอกประเทศมาอย่างต่อเนื่อง คือ การที่มิได้จบลงเพียงแค่การชมสิ่งของหรือศิลปะเท่านั้น แต่ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสประสบการณ์ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ของตัวเองอีกด้วย” ฮิโรยูกิ โยชิดะ กล่าว


ด้าน พลวุฒิ โพธิรัตนังกูร เปิดเผยว่า แม้เป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ ๒ แต่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เปิดเรือนไทย หรือ เฮอริเทจ โฮม แอท นายเลิศ ปาร์ค อาคารเรือนไทยไม้สักร่วมสมัยอายุกว่า ๑oo ปี เพื่องานครั้งนี้ นับเป็นปฐมฤกษ์ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะพิพิธภัณฑ์ในปลายปี ๒๕๕๘


“ครั้งนี้จะเลือกใช้ห้องเต้นรำซึ่งมีบรรยากาศไทยๆ แล้วตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดความแตกต่าง ซึ่งสามารถรองรับผู้ชมได้รอบละ ๒o-๒๕ คนต่อครั้ง สำหรับงาน “ทะคุมิ โนะ ชิสุคุ” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓-๒๒ มีนาคม ๒๕๕๘ สำหรับที่ชื่นชอบงานศิลป์สามารถร่วมสัมผัสจิตวิญญาณของช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นหลายแขนงขนานแท้” ผู้บริหารหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














มหกรรมเต้นนานาชาติ ครั้งที่ ๑๔


มูลนิธิเพื่อนศิลปะจัดพิธีแถลงข่าวงานมหกรรมการเต้นนานาชาติครั้งที่ 14

งานศิลปะการแสดงประจำปีที่ใคร ๆ รอคอยความต่อเนื่องยาวนานย่อมบ่งบอกถึงคุณภาพและความมุ่งมั่นได้เป็นอย่างดี สำหรับปีนี้ งาน The International Dance Festival หรืองานมหกรรมการเต้นนานาชาติได้เดินทางมาถึงปีที่ ๑๔ แล้ว โดยครั้งนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ พ.ย. ถึง ๓ ธ.ค. ๒๕๕๗ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ และ ศูนย์ศิลปะการละครสดใสพันธุมโกมล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวันที่ ๒๘-๓o พฤศจิกายน ที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจะเต็มไปด้วยการแสดงในแนวการเต้น Contemporary Dance (การเต้นร่วมสมัย) จาก ๑o ประเทศนานาชาติ อาทิเช่น อิตาลี เกาหลี อิสราเอล ฯลฯ

สำรองที่นั่งได้ที่ //www.Thaiticketmajor.com เพิ่มเติมข้อมูลสำหรับ workshop และ Master class



ภาพและข้อมูลจากเวบ
fineart-magazine.com














เมืองในดิน


ดินน้ำมันถ้าเราวางทิ้งไว้ มันก็เป็นได้แค่ก้อน หรือวัสดุอะไรบางอย่างที่ก็ถูกวางทิ้งไว้อย่างนั้น แต่ถ้าสมมุติว่า เราเอาก้อนดินน้ำมันนั้นมาปั้น มันก็จะเกิดเป็นรูปร่างตามจินตนาการของเด็ก ๆ”


หยิน - ฆนรส เติมศักดิ์เจริญ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “กลุ่มดินน้ำมัน” บอกเล่าถึงที่มาของกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำกิจกรรมด้านศิลปะ ร่วมกับเด็กๆในชุมชน ได้แก่ ชุมชนป้อมมหากาฬ,ชุมชนบ้านบาตร,ชุมชนวัดสระเกศ - ตรอกเซี่ยงไฮ้ และชุมชนสิตาราม เธอต้องการเปรียบเทียบให้ฟังนั่นเองว่า เด็ก ๆ ในชุมชนเหล่านี้ ก็ไม่ต่างจากดินน้ำมัน หากไม่มีใครไปปลุกพลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในตัวของพวกเขาทุกคนให้ตื่น พวกเขาก็อาจจะไม่มีสิทธิ์คิดฝัน หรือเป็นอะไรได้มากกว่า เด็ก ๆ ในชุมชน ที่อนาคตถูกแขวนไว้กับสภาพปากกัดตีนถีบของครอบครัว และสิ่งล่อต่อลวงใจที่นับวันจะเพิ่มทวีคูณ






ก่อนนี้หยินทำงานด้านประชาสัมพันธ์และเป็นผู้ประสานงานนิทรรศการของหอศิลป์ตาดู ครั้งหนึ่งเธอและเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสร่วมทำ “โครงการศิลปะสู่ชุมชน” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในนาม หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร และชุมชนที่ทางโครงการลงพื้นที่ไปทำกิจกรรมด้านศิลปะด้วย ก็คือชุมชนที่ทางกลุ่มดินน้ำมัน กำลังทำกิจกรรมด้วยในปัจจุบันนั่นเอง เพราะหลังจากที่โครงการครั้งนั้นสิ้นสุดลง เธอและเพื่อน ๆ มองเห็นถึงประโยชน์ที่เด็กในชุมชนได้รับ จนอยากจะสานต่อ จึงรวมตัวกันตั้งกลุ่มดินน้ำมันขึ้นมาและทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก ๆ ชุมชนทุกสัปดาห์ เรื่อยมานับแต่นั้น






“การที่เราได้รู้จักกับเด็ก ๆ มันเหมือนมีสายสัมพันธ์ระหว่างกัน และอยากจะทำกิจกรรมต่อ เพราะว่าเรา ไม่อยากจะให้พัฒนาการของพวกเขามันหยุดอยู่แค่นั้น เหมือนกิจกรรมที่เราเคยไปทำร่วมกับพวกเขา มันทำให้พัฒนาการทางด้านการสร้างสรรค์ของพวกเขามันดีขึ้น และทำให้เด็ก ๆ แต่ละชุมชนในละแวกเดียวกันได้มารวมตัวกัน จากเดิมที่เด็ก ๆ ชุมชนหนึ่งไม่รู้จัก หรือ ไม่กล้าคุย กับเด็กๆอีกชุมชนหนึ่ง พอมีกิจกรรมให้ได้ทำร่วมกัน มันทำให้พวกเขารู้จักกัน เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือกัน และจากการที่เราได้ไปสัมผัสพวกเขา เราสัมผัสได้ว่าเด็กทุกคนชอบศิลปะ เราใช้ศิลปะ เป็นหมือนเครื่องมือในการที่จะทำให้เราได้รู้จักกับพวกเขา ให้พวกเขาได้รู้จักกับเรา และเราก็ได้รู้จักกับชุมชน ได้รู้ว่าในชุมชนขาดหรือชอบอะไร เราจะได้มีส่วนช่วยพัฒนาชุมชนได้ถูกจุด”






แม้จะใช้ชื่อว่า “กลุ่มดินน้ำมัน” แต่กิจกรรมที่ทางกลุ่มทำร่วมกับเด็ก ๆ ในชุมชน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การปั้นดินน้ำมัน แต่ยังรวมถึงกิจกรรมวาดภาพ เล่าเรื่องชุมชน นาฎศิลป์ไทย การเต้นร่วมสมัยและดนตรี


“เราอยากสร้างความภูมิใจให้กับเด็กๆที่มาร่วมกิจกรรมกับกลุ่มเรา และกระตุ้นให้พวกเขามีความฝัน เพราะจากที่เราได้เข้าไปสัมผัสกับเด็ก ๆ ในชุมชนด้วยตัวเอง เราได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีโลกทัศน์ที่กว้างอะไรในเรื่องชีวิต ดังนั้นในแต่ละครั้งที่เราไปทำกิจกรรมด้านศิลปะกับพวกเขา เราจะพยายามสอดแทรกว่า สิ่งที่พวกเขาทำ มันสามารถที่จะพัฒนาไปเป็นอาชีพในอนาคตของพวกเขาได้ ไม่อย่างนั้นเด็ก ๆ ก็จะคุ้นชินแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นอยู่รอบตัว หรือเผชิญอยู่ ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนบอกว่า โตขึ้นเขาอยากเป็นคนขับรถขนส่งอะไหล่ ไม่ได้หมายความว่าอาชีพนี้ไม่ดี แต่ที่ตอบเช่นนั้น เป็นเพราะโลกทัศน์ของพวกเขายังแคบอยู่ แต่พอเราไปทำกิจกรรมกับพวกเขา เราบอกพวกเขาว่า โตขึ้น พวกเขาสามารถโตไปเป็นนักออกแบบ , ศิลปิน และอาชีพอื่นๆได้ด้วย”






ที่ผ่านมา หยินบอกว่าเด็กในชุมชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแล


“ถ้าสมมุติเป็นลูกคนมีสตางค์หน่อย เสาร์และอาทิตย์เด็กๆก็อาจไปเรียนพิเศษ แต่เด็กในชุมชนเหล่านี้ พ่อแม่ของพวกเขา ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพปากกัดตีนถีบอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีเวลาให้ และไม่มีโอกาสที่จะได้ไปเรียนพิเศษแบบนั้น ขณะที่สิ่งล่อตาลวงใจของเขามันก็มีอยู่มากมายรอบ ๆชุมชน”


ล่าสุด กลุ่มดินน้ำมัน ยังได้ร่วมกับชุมชนฯ จัด นิทรรศการ “เมืองในดิน" ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะของเด็ก ๆ ในชุมชน, อาสาสมัคร และศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ยุทธภูมิ สุประการ, โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี, ปิยะนุช พวงพุฒ(MONA), ปีณิฎา สุนทรรัตน์(MOKA), ปิยะนนท์ แซ่ก้วย, สิทธิธรรม โรหิตะสุข, ปุณณดา สายยศ ฯลฯ






“เมืองในดิน คือเมืองๆหนึ่งที่เราก็ไม่รู้หรอกว่า มันมีหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร แต่เราก็แค่เดาได้ว่า มันเป็นพื้นที่หนึ่งที่ก็คงมีระบบนิเวศน์ มีสิ่งมีชีวิต ในแบบของมัน และเป็นพื้นที่ ๆ ไม่มีใครมองเห็น เปรียบเหมือนชุมชนที่เราไปทำกิจกรรมด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่ๆมีผู้คนอยู่มากมาย ซ่อนตัวอยู่หลังตึกสูง เป็นพื้นที่ๆทุกคนมองข้าม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว รากฐานของสังคมเรา มันเกิดมาจากคำว่าชุมชน จึงเป็นที่มาของนิทรรศการ เมืองในดิน เพราะส่วนหนึ่งเราอยากจะรู้ว่า ถ้าเด็ก ๆ เขาอยากจะมีโอกาสสร้างผังเมืองของตัวเอง เขาอยากจะให้บ้านของพวกเขามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่นเด็กบางคน อยากให้เมืองในดินมีโรงพยาบาล มีสนามเด็กเล่น แต่อยากให้บนดินมีแต่คุก เพราะพวกเขารู้สึกว่า ใต้ดินมันน่าจะปลอดภัย ขณะที่ปัจจุบันพวกเขารู้สึกว่าบนดินที่พวกเขากำลังอยู่ ไม่ปลอดภัย”






หากใครที่ไปชมนิทรรศการ หยินออกตัวว่า ผลงานศิลปะที่จัดแสดงอาจไม่น่าตื่นตื่นใจเท่าใดนัก แต่ทุกคนจะเข้าใจและซาบซึ้งมากขึ้น หากได้ชมภาพและอ่านเนื้อหาที่รวบรวมไว้ใน หนังสือ “เมืองในดิน” ซึ่งหนังสือเล่มนี้ จัดทำขึ้นเพื่อแจกให้กับเด็ก ๆ ในชุมชนที่ร่วมทำกิจกรรมกับทางกลุ่ม รวมไปถึงโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ชุมชน และผู้สนใจที่นำหนังสือของตัวเองที่มาแลกในนิทรรศการ






“เราอยากจะให้ทุกคนได้อ่านตัวหนังสือด้วย เพราะว่าในหนังสือ มันจะมีหลายเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่ ที่จะอธิบายในส่วนของเมืองในดิน เพราะว่าถ้ามาดูภาพในนิทรรศการเฉยๆอาจจะไม่ซาบซึ้งกับตัวผลงานมากนัก เพราะมันเป็นผลงานของเด็ก ๆ, พี่เลี้ยงและพี่ ๆ ศิลปินส่วนหนึ่งที่เค้าร่วมโครงการด้วย ซึ่งเราเอาคำว่า เมืองในดิน ไปให้พวกเขาตีความ






ทั้งผลงานศิลปะในนิทรรศการและเนื้อหาในหนังสือ มันเป็นผลผลิตมาจากการทำกิจกรรมที่ผ่านมาของเด็ก ๆ และเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เราทำเวิร์คชอป เราเห็นว่าพวกเขามีพัฒนาการเรื่องการวาดภาพและการเล่าเรื่อง จึงได้รวบรวมมาเป็นหนังสือเมืองในดินด้วย และส่วนหนึ่งเราเปิดโอกาสให้คนนำหนังสือของตัวเองมาแลกกับหนังสือเล่มนี้ เพื่อที่เราจะได้นำไปบริจาคให้กับเด็ก ๆ ที่อยู่ในโครงการของเรา คือเด็ก ๆ ในโรงเรียนละแวกชุมชนที่เราไปทำกิจกรรม ดังนั้นนอกจากเด็ก ๆ ที่มาทำกิจกรรมกับเราจะได้รับหนังสือเล่มนี้ไป หนังสือก็จะได้กระจายไปตามจุดต่างๆของชุมชนด้วย เราคิดว่าหนังสือมันน่าจะเป็นสิ่งที่เข้าถึงเด็ก ๆ ในชุมชนได้ง่าย ๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงหรือทันสมัย ในการที่จะเปิดมันขึ้นมาดู”


นิทรรศการ “เมืองในดิน” วันนี้ - ๓o พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ชั้น ๑ อาคารนิทรรศนรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน















ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














"เส้นสีขาว" ชนะเลิศ ยูโอบี เพ้นต์ติ้ง ออฟ เดอะเยียร์ ครั้งที่ ๕


ศิลปชัย ชูจันทร์ นักศึกษาปริญญาโท คณะจิตกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร คือเจ้าของภาพเขียน “เส้นสีขาว” ผู้ชนะเลิศการประกวด 5th UOB Painting of the Year” (ยูโอบี เพ้นต์ติ้ง ออฟ เดอะเยียร์ ครั้งที่ ๕) นำเสนอมุมมองต่อเรือประมง และอุปกรณ์ในการดำรงชีพผ่านบรรยากาศและแสงที่แสดงความรู้สึกเพียงมีความหวังของชาวประมงพื้นบ้าน


ศิลปชัย ได้รับรางวัลเป็นเงินจำนวน ๗๕o,ooo บาท และยังได้รับโอกาสแสดงผลงานในระดับภูมิภาคร่วมกับผู้ชนะจากอีก ๓ ประเทศได้แก่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อหาผู้ชนะรางวัลยอดเยี่ยมในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


และได้รับโอกาสเข้ารับคัดเลือกให้แสดงผลงานที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งอาเซียนที่ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมจัดแสดงที่ Singapore Red Dot Museum ประเทศสิงคโปร์ และหอศิลปยูโอบี ณ ธนาคารยูโอบี สำนักงานใหญ่ ประเทศสิงคโปร์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














“Tory Burch: In Color” หนังสือเล่มแรกของ ทอรี เบิร์ช


ทอรี เบิร์ช(Tory Burch) ดีไซเนอร์ชื่อดังกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติอเมริกัน สร้างสีสันล่าสุดกับวงการแฟชั่น ด้วยการเขียนหนังสือเป็นครั้งแรกชื่อว่า “Tory Burch: In Color” ได้แรงบันดาลใจมาจากบุคคลรอบตัว, สถานที่ และความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ รวมถึงองค์ประกอบทั้งมวลมีอิทธิพลต่อแบรนด์ของทอรี โดยเฉพาะแก่นแท้เรื่องแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจที่มีต่อดีไซน์และลายพรินต์สีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน DNA ของแบรนด์ โดยมีเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่น และ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Vogue ฉบับสหรัฐอเมริกา “แอนนา วินทัวร์” (Anna Wintour) เขียนคำนิยมให้ในเล่มนี้ และภาพปกเป็นผลงานของศิลปินชื่อดัง Damien Hirst


หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยองค์ประกอบของโทนสีหลากหลาย สีที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในชีวิตของทอรี เบิร์ช และผลงานดีไซน์ของเธอ โดยแต่ละโทนสีจะประกอบด้วยรูปภาพคอลเลกชันส่วนตัวของทอรี เบิร์ช ทั้งจากการเดินทางท่องเที่ยวดนตรีที่เธอฟัง เครื่องดื่มสูตรพิเศษสไตล์ไอคอน (Style Icon) ที่ชื่นชอบ อีกทั้งผลงานศิลปะและผลงานตกแต่งภายในจากของทั้งศิลปิน และมัณฑนากรที่ทอรีโปรดปราน ภายในเล่มยังมีบทสัมภาษณ์คำแนะนำจากเจ้าของธุรกิจ (Business Leaders) ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลกมากมาย นอกจากนี้หนังสือยังสอดแทรกมุมมองของชีวิตส่วนตัวของทอรี เบิร์ช ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางท่องเที่ยวของครอบครัวพร้อมลูกชายของทอรี รวมถึงปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างอิทธิพลต่อการดีไซน์เสื้อผ้าในแต่ละคอลเลกชันของแบรนด์ อีกทั้งปรัชญาและการบริหารงานของบริษัท ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากบัดดี้ (Buddy) และรีวา (Reva) ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของทอรี


รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากการขายหนังสือเล่มนี้ จะมอบให้แก่ “Tory Burch Foundation” มูลนิธิสนับสนุนเจ้าของธุรกิจที่เป็นผู้หญิงและครอบครัวในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน, การให้กู้ยืมเงินทุนสำหรับการประกอบธุรกิจ และการศึกษาเฉพาะทาง


งานเปิดตัวหนังสือในครั้งนี้มีนักแสดงชื่อดังและเซเลบริตี้มาร่วมงานคับคั่ง อาทิ เจสสิก้า อัลบ้า, เจสสิก้า ฮาร์ต, อเล็ก เว็ค เป็นต้น สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถซื้อหนังสือได้ที่ Asia Book ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //www.toryburch.com



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.thmanager.co.thmanager.co.th





บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2557 18:55:46 น. 0 comments
Counter : 2318 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.