happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๖o





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









ตำนาน 'แก้วใจจุลจอม' พระอัครมเหสี ปฐมบรมราชินีคู่บัลลังก์


วันจันทร์ ที่ ๑o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้ร่วมกับสมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทาฯ จัดงาน “แก้วใจจุลจอม” เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความเป็นหนึ่งในลูกพระนาง และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์ สร้างความเศร้าโศกอย่างใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตแด่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างอเนกอนันต์


สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสี เป็นพระราชธิดาลำดับที่ ๕o ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ประสูติภายใต้ร่มมหาเศวตฉัตร ในปราสาทราชมณเฑียร แห่งพระบรมมหาราชวัง ณ วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ ปีวอก จุลศักราช ๑๒๒๒ ตรงกับวันที่ ๑o พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔o๓ และสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ต่อมาในรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เลื่อนพระอิสริยศักดิ์ เป็น “พระอัยยิกา” และยังเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ ๘) รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ ๙)






พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงเป็นพระธิดาพระองค์แรกในเจ้าจอมมารดาเปี่ยม แต่เป็นลำดับพระองค์ที่ ๓ ปรากฏพระนามตามลำดับต่อไปนี้


พระองค์ที่ ๑ พระองค์เจ้าชายอุณากรรณอนันตนรไชย

พระองค์ที่ ๒ พระองค์เจ้าชายเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล “เทวกุล ณ อยุธยา”

พระองค์ที่ ๓ พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์

พระองค์ที่ ๔ พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา พระองค์ทรงเป็น “สมเด็จย่า” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ปัจจุบันนี้ด้วย

พระองค์ที่ ๕ พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรี

พระองค์ที่ ๖ พระองค์เจ้าชายสวัสดิโสภณ ทรงเป็นต้นราชสกุล “สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา”






หลังจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ทรงเสด็จสวรรคตในเวลานั้นพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ พระชนมายุประมาณ ๙ พระชันษา เท่านั้น จึงได้ทรงอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรในพระอุปการะของพระเชษฐาธิราชต่างพระราชชนนี


ต่อมา พระเชษฐาธิราชต่างพระราชชนนี เสด็จเถลิงถวัลย์ราชบัลลังก์ เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕ )เมื่อพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ เจริญวัยถึงพระชนมายุประมาณ ๑๖ พระชันษา และได้ถวายพระองค์เป็นพระมเหสีฉลองพระเดชพระคุณต่อพระเชษฐาธิราช ซึ่งในขณะนั้นพระชนมายุได้ประมาณ ๒๑ พระชันษา


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) แม้จะมีพระราชกรณียกิจมากมายเพียงใด พระองค์มิได้ทรงละเลยในหน้าที่ของพระราชสวามีที่ดียิ่ง โดยเฉพาะสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเชษฐาธิราช และพระราชสวามีได้ทรงพระมหากรุณาอย่างดื่มด่ำสุดรำพัน ดังนั้นหลังจากทรงเสกสมรสได้ไม่นาน พระปิยมเหสีเทวี ก็ทรงพระครรภ์






กล่าวกันว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงประกอบด้วยพระรูปสมบัติอันฉวีวรรณผุดผาด พระคุณสมบัติตลอดจนพระอัธยาศัยสุภาพสงบเสงี่ยม ไม่ถือพระองค์ เป็นที่นับถือในพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางทั้งหลายสมดังเป็นพระอัครมเหสี ปฐมบรมราชินีคู่บัลลังก์โดยแท้จริง


เรื่องราวของพระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุภายใต้ร่มแห่งมหาเศวตฉัตร เป็นเรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิดว่านาทีแห่งโศกนาฏกรรมกลางลำน้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓ เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงสูญเสียพระนางอันเป็นที่รัก พระราชธิดา พระราชโอรสที่ยังมิลืมตาขึ้นดูโลก เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ นำความโศกเศร้าอย่างใหญ่หลวงนักในครั้งกระโน้น เป็นการสูญเสียที่มหาศาล เพราะหากไม่หนักหนาจะไม่มีใครเห็นน้ำพระเนตรของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) อุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้น้ำพระเนตรหลั่งไหลด้วยมิอาจจะกลั้นความทุกข์ระทม จากความพลัดพรากจากสิ่งที่รักย่อมเกิดความทุกข์ ที่มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอไม่มีวันที่จะหลีกเลี่ยงได้ก็จริง แต่มันช่างรวดเร็วนักและโหดร้ายเกินกว่ามนุษย์ใดจะทำใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่มีใครเคยคาดคิด แต่มันเกิดขึ้นแล้วคงไม่มีวันที่คนไทยทั้งชาติจะลืมเลือนเหตุการณ์ เรือพระประเทียบล่มในครั้งนั้นได้ เป็นความเศร้าลึกของ “จักรีวงศ์” เสมือนหนึ่งเป็นนวนิยายแห่งราชวงศ์จักรีที่ยังคงเป็นความทรงจำของคนไทยนานเท่านาน






เมื่อวันศุกร์ ที่ ๑o พฤศจิกายน ๒๕๑๕ ซึ่งตรงกับวันประสูติ ทางวิทยาลัยครูสวนสุนันทา (มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปัจจุบัน) โดย คุณหญิงกรองแก้ว ปทุมานนท์ ผู้อำนวยการ ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงประกอบพิธีเปิดพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เวลา ๑๖.oo น. ในวันนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง ถึงวิทยาลัยครูสวนสุนันทา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อธิบดีกรมการฝึกหัดครู ผู้อำนวยการ อาจารย์ และครู วิทยาลัยครูสวนสุนันทา พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมศิษย์เก่าสวนสุนันทาในพระบรมราชินูปถัมภ์ เฝ้าฯรับเสด็จอย่างคับคั่งด้วยความปลาบปลื้มยินดี






และในวันจันทร์ที่ ๑o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ อันเป็นการจัดงาน แก้วใจจุลจอม เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ในภาคเช้า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีการจัดกิจกรรมตลอดทั้งวัน โดยในภาคเช้า ได้จัดให้มีพิธีบวงสรวง โดยพราหมณ์จากพระบรมมหาราชวัง และพิธีสงฆ์ จัดนิทรรศการพระราชประวัติ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ ๑๕๔ ปี แห่งวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เพื่อเล่าขานตำนานแห่ง องค์อัครมเหสีสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ส่วนช่วงเย็น จะเป็นกิจกรรมร้อยดวงใจเพื่อคืนสู่วังของบรรดาลูกพระนางทุกรุ่น ในเวลา ๑๗.oo-๒๓.oo น. ณ ลานหน้าตำหนักสายสุทธานภดล (ตึก ๒๗) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
painaidii.com















เย็นศิระเพราะพระบริบาล เทิดไท้ในหลวง


ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา ในปี ๒๕๕๗ นี้ และบริษัทบางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ครบรอบ ๓o ปี จึงร่วมมือกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดทำภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมี ชุด "เย็นศิระเพราะพระบริบาล" เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ทั่วประเทศเป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ชั้น ๖ สยามพารากอน เมื่อวันก่อน


ภายในงานมีการจัดนิทรรศการภาพวาดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยฝีมือ อ.จิว ดินหิน ให้ผู้ร่วมงานได้ชมอย่างใกล้ชิด และก่อนการพิธีเปิดภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมี ชุด "เย็นศิระเพราะพระบริบาล" จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีการแสดงบทเพลงคลาสสิก รวมถึงการเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ มาจัดแสดงโดยกลุ่มศิลปิน ๓ พี่น้องวง Vie Trio


วิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาของการจัดทำภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมีในครั้งนี้ ว่า เพื่อให้ปวงชนชาวไทยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทย ให้อยู่ดี กินดี มีความสุข ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทุกคน ตลอดจนต้องการให้ประชาชนได้ตระหนึกถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงพระวิริยอุตสาหะ โดยนำพระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงงานมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมอง ความคิด และนำมาผลิตเป็นภาพยนตร์ประกอบบทเพลงนี้ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีภาพวาดประกอบภาพจริง และใช้เทคนิคทันสมัยในการถ่ายทำ จากงานฝีมือชั้นเยี่ยมของจิตรกรชื่อดัง อ.จิว ดินหิน จำนวน ๓๖ ภาพตลอดความยาวของเพลงประมาณ ๒ นาที


"ที่มาของกิจกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ตัวเองได้เข้าเรียนหลักสูตรภูมิพลังแผ่นดิน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปีนี้ ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวพูดถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงทำให้มีโอกาสได้รับทราบถึงพระราชดำรัส พระบรมราโชวาทต่าง ๆ ที่มีความหมาย รวมถึงโครงการพระราชดำริต่างๆ ผ่านการบรรยายของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประกอบกับปีนี้ครบรอบ 30 ปีบางจากด้วย เมื่อมีการพูดคุยกับทางบริษัทเครือเมเจอร์ฯ จึงเกิดเป็นผลงงานชิ้นนี้ขึ้น เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะจัดฉายเผยแพร่ในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป รวม ๗๑ สาขา ๒๔o โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศเป็นระยะเวลา ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป" บอสใหญ่ค่ายบางจาก เล่าถึงที่มาของโครงการ


ด้าน นิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่มีโอกาสได้แสดงความจงรักภักดี ขณะเดียวกันก็รู้สึกภูมิใจที่เป็นช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ภาพยนตร์ดังกล่าวให้ลูกค้าของเมเจอร์ฯ และประชาชนคนไทยทั่วประเทศได้ร่วมชื่นชมพระบรมฉายาลักษณ์และพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ในถิ่นทุรกันดาร ที่ทรงพระวิริยอุตสาหะเพื่อปวงชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุข







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net















โขนพระราชทาน ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ
รวมความวิจิตรท่ารำชั้นครู ฉากตระการตาพญาครุฑ ๗ เมตร


แฟนๆโขนนาฏศิลป์ชั้นสูงเตรียมพร้อม! มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เตรียมเปิดฉากการแสดงโขนรามเกียรติ์ ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ” ตามบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๗ พ.ย.-๕ ธ.ค. ศกนี้ โดยได้แถลงถึงความพร้อม ที่ห้องเทเวศร์ อาคารหอประชุม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อเร็ว ๆ นี้






ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแสดง กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อนุรักษ์โขน ซึ่งเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย และเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรม ทรงมุ่งหวังอยากให้โขนเป็นที่รู้จักของคนไทย จะได้เรียนรู้ ศึกษาและสนใจที่จะรู้ว่า การมาทำงานมรดกของชาติเป็นอย่างไร จะได้รู้จักหวงแหนและจะได้ร่วมกันรักษาเอาไว้ ที่ผ่านมามูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้จัดการแสดงโขนรามเกียรติ์มาแล้ว ๕ ตอนด้วยกัน โดยแสดงมาแล้ว ๗ ครั้ง ปีนี้เป็นครั้งที่ ๘ นับว่าประสบความสำเร็จ ทุกครั้งที่มีการแสดงจะมีแบบสอบถามและจะมีการประมวลเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นจะทรงเลือกตอนจากข้อมูลแบบสอบถามด้วยความสนพระราชหฤทัย เนื่องจากพระองค์ทรงทราบตอนของรามเกียรติ์ตลอดทั้งเรื่อง สำหรับปีนี้ ทรงเลือกโขน ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ” ตามบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑






นอกจากนี้ ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานคณะกรรมการอำนวยการ ยังกล่าวด้วยว่า ปีนี้ได้มีการคัดเลือกนักแสดงตัวเอกรุ่นใหม่มาร่วมแสดงโขน เพื่อเป็นการให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ เผยแพร่นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทย ซึ่งปีนี้มีผู้สมัครถึง ๗๙๕ คน เป็นปรากฏการณ์ที่น่าปลื้มใจมาก ที่เยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจ






ส่วน อ.ประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้กำกับการแสดงโขน กล่าวว่า การแสดงโขนแต่ละครั้งแตกต่างกันไป ทุกครั้งมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปเรื่อยๆ ซึ่งการแสดงปีนี้ เป็นตอนที่มีชั้นเชิงนาฏศิลป์ที่งดงามหลายตอน และตอนในบทของรัชกาลที่ ๑ มีความวิจิตรพิสดาร เช่น รำเบิกโรงการแสดงชุด ระบำนารายณ์เจ็ดปาง ซึ่งเป็นบทพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงษ์ โดยปกติแล้วจะหาชมได้ยาก เพราะมักจะใช้แสดงในโอกาสสำคัญเท่านั้น รวมถึงฉากตรวจพลของวิรุญมุข การรบบนหลังม้า การแปลงกายหายตัวเข้าแทงพลลิง ล้วนเป็นกระบวนท่ารำชั้นครู ที่สืบทอดมาจากกรมมหรสพของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังจะได้เห็นลีลาที่ปรมาจารย์ทางด้านโขนได้นำท่วงท่ากิริยาของหมีมาใช้ในการแสดง และฉากอันวิจิตรตระการตา อาทิ ฉากโพรงไม้โรทัน ซึ่งมีความอลังการ ประกอบบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว ฉากสนามรบ ซึ่งได้คิดเทคนิคการเปลี่ยนฉากขึ้นใหม่ และการสร้างพญาครุฑตัวใหญ่ ขนาด ๗ เมตร ที่โฉบเฉี่ยวลงมาเพื่อทำลายนาค เป็นต้น






โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน นาคบาศ” ได้กำหนดการแสดงไว้รวม ๕o รอบ ทั้งรอบประชาชนและนักเรียน ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา หรือ thaiticketmajor.com โทร. o-๒๒๖๒-๓๔๕๖ หรือ khonperformance.com



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th















สถาบันสิริกิติ์จัดสร้างเรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ ถวายเป็นที่ระลึก
เฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลยิ่งใหญ่


เพื่อเฉลิมฉลองมหามงคลวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติครบ ๗o ปี ในปีมหามงคล ๒๕๕๙ และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา สถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา จึงดำริก่อสร้าง “เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์” ขึ้นน้อมเกล้าฯถวายเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งใหญ่นี้


ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สำนักราชเลขาธิการ ได้เปิดเผยว่า เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ เป็นชื่อพระราชทาน มีความหมาย เป็นเรือนยอดที่สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่งใหญ่ ซึ่งในช่วงเวลาใกล้ๆกัน สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ก็จะทรงมีพระชนมายุครบ ๕ รอบพระชันษา ในปี ๒๕๕๘, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงมีพระชนมายุ ๖o ชันษา ในปี ๒๕๖o ทางสถาบันสิริกิติ์ จึงดำริก่อสร้างเรือนยอดแห่งนี้ถวายแด่ทุกพระองค์






ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ กล่าวต่อว่า เรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ ที่จะสร้างขึ้นนี้ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นเรือนยอด ๙ ยอด ตามรัชกาล ซึ่งนับเป็นเรือนยอดที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ศิลปะไทย ส่วนเรือนยอดที่มีอยู่แล้วสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีเพียง ๕ ยอด คือ พระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สำหรับเรือนยอดบรมมังคลานุสรณีย์ มีลักษณะเป็นเรือนโถง หน้าบันทั้ง ๙ ยอดจะมีพระปรมาภิไธย, พระนามาภิไธย และอักษรพระนามของทุกพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร, สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก,สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์, สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี





อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ - ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต



ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ ได้กล่าวต่อว่า เรือนยอดนี้ เดิมทีตั้งใจทำเป็นไม้ แต่มองในอนาคตหากจะซ่อมแซมคงยาก จึงเปลี่ยนมาทำด้วยโลหะ ซึ่งช่างฝีมือของสถาบันสิริกิติ์เป็นผู้แกะต้นแบบทั้งหมด ในส่วนตัวโถงเพดานจะใช้ไม้แกะสลัก ส่วนรอบ ๆ เรือนยอดจะมีช้างเผือกในรัชกาล ซึ่งมีทั้งหมด ๑o เชือก จะประจำอยู่ตรงฐานบันไดทุกทิศ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย. ๒๕๕๙


โอกาสนี้ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ ซึ่งมาร่วมนำชม ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรือนยอดว่า การสร้างเรือนยอดถือว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นรูปแบบศิลปะชั้นสูงสุดของสถาปัตยกรรมไทย โดยเรียกว่า เรือนยอดทรงจอมแห ที่แปลว่า ยิ่งใหญ่ การสร้างเรือนยอดจะไม่ใช้กับสามัญชนคนธรรมดา จะจำกัดใช้กับพระมหากษัตริย์ ส่วนการใช้สอยนั้น จะเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งพระมหากษัตริย์ในรัชกาลก่อน ๆ ทรงใช้เรือนยอดศาลาโปร่งเป็นที่เปลื้องเครื่องทรงก่อนเสด็จฯเข้าวัด, ใช้เป็นสถานที่ประทับทอดพระเนตรขบวนแห่ต่าง ๆ หรือใช้เป็นสถานที่เข้าเฝ้าฯ เป็นต้น.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th















การแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
'โปร มูสิกา จูเนียร์ คอนเสิร์ต'


เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมชื่นชมความสามารถของนักดนตรีเยาวชนรุ่นใหม่ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดบทเพลงพระราชนิพนธ์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โปร มูซิกา จูเนียร์ คอนเสิร์ต” โดยเยาวชน ๒o คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ โปร มูซิกาจูเนียร์ แคมป์ ร่วมแสดงกับวงโปร มูซิกา ซึ่งได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ องคมนตรี พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช เป็นผู้อำนวยเพลง ณ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๗


บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ได้ริเริ่มโครงการโปร มูซิกา จูเนียร์ แคมป์ ขึ้น เพื่อเฟ้นหาตัวแทนเยาวชนจากทั่วประเทศที่ยังขาดโอกาสในการฝึกฝน และการสนับสนุนด้านดนตรีคลาสสิก มาเข้าค่ายดนตรีที่กรุงเทพฯ เพื่ออบรมและฝึกฝนการบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์โดยมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านดนตรีร่วมฝึกสอน นำโดยดร.ทัศนา นาควัชระ ผู้อำนวยการโครงการ ร่วมด้วย อ.กิตติคุณสดประเสริฐ และ อ.เดวิด อับบราฮัมยาน จากคณดุริยางคศาสตร์มหาวิทยาลัยศิลปากร


จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในนามคณะผู้จัดทำโครงการ กล่าวถึงในปี ๒๕๕๗ เป็นปีที่บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ได้จัดทำโครงการผลิตสื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี ชุด “คีตราชา” ซึ่งจะมีกิจกรรมเทิดพระเกียรติตลอดทั้งปี โดยเริ่มกิจกรรมแรก คือ การผลิตสารคดีโทรทัศน์เฉลิมพระเกียรติฯ นำเสนอเรื่องราวความประทับใจในบทเพลงพระราชนิพนธ์ผ่านบุคคลในแวดวงดนตรี กิจกรรมที่ 2คือการประพันธ์บทเพลงเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในชื่อเพลง “หัวใจของพ่อ” ซึ่งเป็นการทำงานเพลงร่วมกันของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและขับร้องโดย อัสนี โชติกุล และ ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ และกิจกรรมล่าสุด คือ โครงการโปร มูซิกา จูเนียร์ แคมป์ สนับสนุนโดยบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ เพื่อพัฒนาวงการดนตรีคลาสสิกของไทย เฟ้นหาตัวแทนเยาวชนจากทั่วประเทศมาเข้าอบรมและฝึกฝนการบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์


วาปี ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เผยถึงวัตถุประสงค์ของโครงการโปร มูซิกา จูเนียร์ แคมป์ ซึ่งได้น้อมนำแนวพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านดนตรี มาเป็นแรงบันดาลใจในการจัดทำโครงการด้วยพระปรีชาสามารถด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นต้นแบบให้นักดนตรีหรือผู้ที่สนใจด้านดนตรี ได้น้อมนำไปเป็นแบบอย่างเพื่อพัฒนาศักยภาพทางดนตรีของตน


“โครงการได้เฟ้นหาตัวแทนเยาวชนในท้องถิ่นจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มาเข้าร่วมอบรมและฝึกฝน บ่มเพาะความสามารถด้านดนตรี โดยมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านดนตรีหลายท่านสละเวลาอันมีค่ามาร่วมฝึกสอน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้พื้นฐานการเล่นดนตรีคลาสสิกอย่างถูกวิธี ผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้ง ๑๖ บทเพลง เรียบเรียงโดย ฯพณฯ องคมนตรี พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช ซึ่งถือเป็นการเผยแพร่บทเพลงพระราชนิพนธ์ให้เป็นที่รู้จักในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่อีกทางหนึ่งด้วย”


สำหรับบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่บรรเลงในการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งหมด ๑๖ บทเพลง ประกอบด้วย แผ่นดินของเรา,อาทิตย์อับแสง, คำหวาน, ยามค่ำ, ค่ำแล้ว, ใกล้รุ่ง, ราชนาวิกโยธิน,ลมหนาว, แว่ว, ไร้จันทร์ ไร้เดือน, ในดวงใจ นิรันดร์, เกาะในฝัน,ภิรมย์รัก, เตือนใจ, แสงเดือน และ Can’t You Ever See


หลังจากการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โปร มูซิกา จูเนียร์ คอนเสิร์ต” เสร็จสิ้น คณะอำนวยการโครงการและบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ องคมนตรี พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช มอบเกียรติบัตรให้กับเยาวชนนักดนตรีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โครงการโปรมูซิกา จูเนียร์ แคมป์ ทั้ง ๒o คน


หนึ่งในนักดนตรีที่มีความสามารถโดดเด่น ปัณณ์ บุญทองอายุ ๑๖ ปี นักเรียนระดับชั้น ม.5 โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา กล่าวว่า “มีความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้ เนื่องจากโรงเรียนที่ผมศึกษาอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง และผมยังได้มาแสดงดนตรีในพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท ซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 6อีกทั้งได้ร่วมบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถทางด้านดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลกเทียบได้ ซึ่งถือเป็นมงคลที่สุดในชีวิตของผมก็ว่าได้”


ส่วนนักดนตรีดับเบิ้ล เบส คนเก่ง แคทรียา โปธิ อายุ ๒๑ ปี นักศึกษาจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “กว่าจะได้รับโอกาสมาร่วมเล่นในวงโปร มูซิกา จูเนียร์ ต้องฝึกซ้อมเข้มข้นมากถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสดี ๆ แบบนี้ และเชียงใหม่ก็เป็นจังหวัดที่มีนักดนตรีเก่ง ๆ เยอะ ก็ยิ่งต้องซ้อมให้หนักมากขึ้นแต่ก็คุ้มค่ากับความพยายาม นอกจากได้รับความรู้มากมายจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านแล้ว ยังได้รับประสบการณ์ในการร่วมแสดงดนตรีกับวงโปร มูซิกา อีกด้วย”


โครงการโปร มูซิกา จูเนียร์ แคมป์ เป็นหนึ่งกิจกรรมของโครงการผลิตสื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ชุด “คีตราชา” ที่ได้รับการสนับสนุนโดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยปีนี้เป็นวาระครบ ๕o ปีที่สถาบันการดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายประกาศนียบัตรเกียรติคุณชั้นสูงให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ ลำดับที่ ๒๓ ปรากฏพระนามจารึกไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕o๗ อีกทั้งเพื่อเผยแพร่พระปรีชาสามารถทางด้านดนตรีให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ได้เรียนรู้บทเพลงพระราชนิพนธ์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่จะนำไปเป็นแบบอย่างและสนับสนุนผู้สนใจศึกษาทางด้านดนตรีต่อไป



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com















นิทรรศการแสดงผลงาน "ศ.เกียรติคุณ ประหยัด พงษ์ดำ และ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี"


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ขอเชิญชมการจัดแสดงผลงานของศาสตราจารย์เกียรติคุณประหยัด พงษ์ดำ และอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี สองศิลปินแห่งชาติ เพื่อเชิดชูเกียรติและรำลึกถึงคุณูปการแก่วงการศิลปะในประเทศไทย ณ โถงนิทรรศการชั่วคราว อาคารนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์-อังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์


สำหรับผู้เข้าชมชาวไทยสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ฟรี) ส่วนชาวต่างชาติอัตราค่าเข้าชมคนละ ๒๐๐ บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๒๒๘๑ ๒๒๒๔























ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net
finearts.go.th















การแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗
_

มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ โดยการสนับสนุนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ขอเชิญผู้สนใจส่งผลงานเครื่องปั้นดินเผาเข้าร่วมประกวด ในการแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗ ผู้มีสิทธิ์ส่งผลงานเครื่องปั้นดินเผาเข้าประกวดต้องมีสัญชาติไทย โรงงาน บริษัท ห้างร้าน หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษาในประเทศ ผลงานต้องผลิตขึ้นภายในประเทศ และไม่เคยเข้าประกวดที่ใดมาก่อน คนละไม่เกิน 2 ชุด (ชิ้น) ต่อประเภท โดยแต่ละชุด (ชิ้น) ต้องมีขนาดไม่เกิน 4 ตารางเมตร


แบ่งประเภทของผลงานเป็น ๔ ประเภท ได้แก่ ๑. เครื่องปั้นดินเผาประเภทศิลปกรรมร่วมสมัย ๒. เครื่องปั้นดินเผาประเภทหัตถกรรม ๓. เครื่องปั้นดินเผาประเภทผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุตสาหกรรม หัวข้อ “ผลิตภัณฑ์ เพื่อตกแต่งภายในอาคาร” ๔. เครื่องปั้นดินเผาประเภทผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา และนวัตกรรมใหม่ (คณะกรรมการจะดำเนินการคัดเลือกบริษัทที่สมควรจะได้รับรางวัล โดยบริษัทไม่ต้องส่งผลงานเข้าประกวด) คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสิน จะพิจารณาตัดสินให้รางวัลแก่ผลงานแต่ละประเภท กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่วันที่ ๑๓-๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวัง-สนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กรุงเทพฯ โทร. o-๒๒๒๑-๓๘๔๑, o- ๒๖๒๓-๖๑๑๕ – ๒๑ ต่อ ๑๑๔๑๕, 11418 และ ๑๑๔๒o หรือที่หอศิลป์สนามจันทร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม โทร. o-๓๔๒๗-๓๓o๑ //www.art-centre.su.ac.th หรือ //www.facebook.com/ArtCenter.Silpakorn University



ภาพและข้อมูลจากเวบ
allsuadd.com
banmuang.co.th















ประกวดภาพถ่ายนานาชาติ เนื่องในวันนริศ ๒๕๕๗ หัวข้อ "ร้อน"


มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับ สมาคมภาพถ่ายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธินริศรานุวัดติวงศ์ จัดการประกวดภาพถ่ายนานาชาติ เนื่องในงานวันนริศ ประจำปี 2558 หัวข้อ “ร้อน”

จึงขอเชิญนักถ่ายภาพชาวไทยและชาวต่างประเทศ ส่งผลงานภาพถ่ายทั้งฟิล์มสี ขาวดำ หรือดิจิตอล เข้าประกวด เพื่อชิงรางวัล ดังนี้

รางวัลยอดเยี่ยม จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัลละ ๘o,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตรและเหรียญที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

รางวัลชนะเลิศ จำนวน ๕ รางวัล เงินรางวัลละ ๒๕,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตรและเหรียญที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

รางวัลเกียรติยศ จำนวน ๑o รางวัล รางวัลละ ๕,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตรและเหรียญที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

สามารถส่งผลงานเข้าประกวดยระหว่างวันที่ ๓ - ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

• ทางไปรษณีย์ ระหว่างวันที่ ๓ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ส่งถึง งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เลขที่ ๒๒ ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ๑o๑๗o

• ส่งด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ ๒o - ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่เวลา ๙.oo - ๑๖.oo น. ณ ห้องลานจัน ชั้น L สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ตลิ่งชัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เลขที่ ๒๒ ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โทร. o-๒๘๔๙- ๗๕oo - ๓o ต่อ ๓๑๑o๕, ๓๑๑๑๑ และ ๓๑๑๑๓ หรือ โทร. o -๒๘๔๙ -๗๕๓๘ หรือ o- ๒๘๔๙ -๗๕๖๔ โทรสาร o- ๒๘๔๙ -๗๕๖๓ E-mail: su-pr@su.ac.th Facebook : ` `

Naris Day
ดาวน์โหลดใบสมัคร su.ac.th







ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th















'สุขกับสีน้ำ' สุกิจ ศุกระกาญจน์
ศักดิ์สิริ มีสมสืบ


ถนนสาย “สีน้ำ” ในประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อสถานบันศิลปะในยุคเริ่มแรก คือเพาะช่าง (ก่อตั้งเมื่อปี ๒๔๕๖) และโรงเรียนศิลปากร (ตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๔๗๖ ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อปี ๒๔๘๖) เปิดการเรียนการสอนวิชาสีน้ำขึ้น จากนั้นสีน้ำก็แพร่หลาย จิตรกรสีน้ำยุคต้น ๆ ที่ได้รับการยกย่อง เช่น เฟื้อ หริพิทักษ์ เฉลิม นาคีรักษ์ ประยูร อุลชาฎะ สวัสดิ์ ตันติสุข เป็นต้น โดยท่านเหล่านี้เป็นครูบาอาจารย์ และยังมีจิตรกรสมัครเล่น ที่เล่นจนช่ำชอง เป็นที่ยอมรับนับถือในฝีมือ เช่น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช, ม.จ.การวิก จักรพันธุ์ เป็นต้น รวมทั้ง สด กูรมะโรหิต ด้วย


รุ่นต่อมาที่เอาจริงเอาจังทางสีน้ำ พัฒนาเชิงเทคนิค และเนื้อหา ขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ วีระ โยธาประเสริฐ, ปรีชา อรชุนกะ, ธงชัย รักปทุม, สงัด ปุยอ๊อก และครูบาอาจารย์อย่าง อารีย์ สทุธิพันธ์, สุชาติ วงษ์ทอง เป็นต้น


สีน้ำ ได้พัฒนารูปแบบและเนื้อหาจากภาพหุ่นนิ่ง ทิวทัศน์ ข้ามแดนรูปธรรมไปสู่นามธรรม


จิตรกรทั้งเดี่ยวและกลุ่ม (เช่น กลุ่ม White เป็นต้น) ได้สร้างบรรยากาศสีสันให้ “สีน้ำ” เฟื่องฟูขึ้นมาเป็นอย่างมาก หากเอ่ยนาจิตรกรสีน้ำคงมิอาจเรียบเรียงได้หมด “ปัญญา เพชรชู” นิ่มนวลมั่นคง โชคชัย ตักโพธิ์ เฉียบขาด ล้ำลึก, สุชาติ วงษ์ทอง ฉับไว แม่นยำ, เกียรติศักดิ์ ผลิตาภรณ์ ละเอียด ละเมียด ละไม อีกทั้ง โกศล พิณกุล, ธรรมนูญ เรืองสวัสดิ์, ทวี เกศางาม สมวงศ์ ทัพพรัตน์ สมศักดิ์ เชาวน์ธาดาพงศ์, มณเฑียร บุญมา นิติ วัตุยา สุรพล แสนคำ ฯลฯ เท่าที่ผมนึกได้ปัจจุบันทันด่วนยังมียอดฝีมืออีกหลายท่านที่มิได้เอ่ยนาม


ล่าสุดที่ผมได้ไปดูงาน คือ บุญกว้าง นนทเจริญ สีน้ำแบบ พิษณุ ศุภนิมิต นั้นก็เจริญใจนัก หรือฉับไว เด็ดขาด ปราดเปรียว แบบ บรรลุ วิริยาภรณ์ประภาส


สมัยผมเป็นหนุ่มน้อยก็หลงใหลสีน้ำเป็นบ้าเป็นหลัง เคยมีโอกาสบุกไปถึงบ้านท่านอาจารย์ เฉลิม นาคีรักษ์ ได้ชมภาพสีน้ำมากมายตื่นตาตื่นใจนัก เมื่อเข้าเรียนที่เพาะช่าง ผมได้รู้จัก โชคชัย ตักโพธิ์ และกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ที่แต่ละคนล้วนแต่เป็นจอมยุทธ์สีน้ำ ผมและเพื่อนรุ่นเดียวกันได้รวมกลุ่มทำงานศิลปะในนาม “กลุ่มสิบ”


หนึ่งใน “กลุ่มสิบ” มีนาม “สุกิจ ศุกระกาญจน์” คนใต้ชาวตรังที่กำลังจะเปิดงานแสดงเดี่ยวสีน้ำ “สุขกับสีน้ำ” ในวันพุธที่ ๕ พฤศจิกายน ที่ Living Trail Zone ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เป็นผลงานที่สร้างขึ้นในช่วงปี ๒o๑๔ นี้


เนื้อหา วิถีชีวิตชนบท ชาวประมง เรือหาปลาใหญ่น้อย บรรยากาศท่าเทียบเรือ สะพานปลา ด้วยลีลาสะบัดสะบิ้ง เพลงพู่กันฉับไว ตวัดแต่ละทีสีกระเซ็นไปถึงสวรรค์ แอ็กชั่นและสเต็ปเคลื่อนไหวสะเทือนถึงนรก แต่ละภาพใช้เวลาอันรวดเร็ว รุนแรง บางอารมณ์อาจถึงขั้นก้าวร้าว เป็นที่สะใจแก่คอซาดิสม์ยิ่งนัก ช่วงหนึ่งทศวรรษมานี้เขียนภาพทุกวันไม่มีหยุด หลังจากออกจากราชการครูมาก็อุทิศชีวิตให้กับสีน้ำ ปักหลักอยู่ภูเก็ต เปิดสอนสีน้ำแก่ผู้สนใจ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เปิดแกลเลอรี่หมู่บ้าน Art village ราไวย์


ผมเคยไปชมการแสดงผลงานสีน้ำของเขามาแล้วเมื่อต้นปีนี้ที่ภูเก็ต..เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ก็จะได้ชมผลงานของเขาอีก คราวนี้บุกมาถึงเมืองหลวง พิธีเปิด ๑๘.๓o วันที่ ๕ พฤศจิกายนนี้


โดย สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ ให้เกียรติกล่าวถ้อยคำฝากไว้ในงานที่เรียบง่ายไม่มีพิธีกรรม ผมเองหากไปได้ก็จะไป หากไม่ได้ไปก็จะหาโอกาสไปในวันหลัง เพื่อไปดื่มซับรับพลังจากผลงานของเขา


เชื่อว่า ถนนสายสีน้ำ ในประเทศเราจะต้องจารึกชื่อ สุกิจ ศุกระกาญจน์ จิตรกรสีน้ำจากแดนใต้ผู้นี้ ต่อขบวนไปด้วยในฐานคลื่นลูกเก่าที่กลับมาถาโถมเข้าฝั่งอย่างหนุนเนือง จนเป็นคลื่นลูกใหม่ที่สดใสร่าเริง ร้อนแรง


จิตรกรในเมืองไทยหลายท่าน ทำงานสีน้ำ ควบคู่ไปกับเทคนิกอื่น ๆ สีน้ำของ ท่านกมล ทัศนาญชลี ก็สุดยอดมาก


กระทั่ง วสันต์ สิทธิเขตต์ ก็มีฝีมือ “สีน้ำ” ระดับยอดเยี่ยม


แต่สุกิจ ศุกระกาญจน์ วันนี้ทุ่มเทใจให้สีน้ำเป็นหลักเป็นชีวิตจิตใจฉะนี้จึงขอเชิญชมงานแสดง “สุขกับสีน้ำ” โดยสุกิจ ศุกระกาญจน์


ย้ำอีกที ๕ พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือนครับ ติดต่อสอบถาม o๙-๘๒๘o-o๗๕๖ ครับ







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net















ภารกิจคืนชีพ 'สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น' ชุมชนคลองบางหลวง


คลองบางหลวง (คลองบางกอกใหญ่) ย่านชุมชนเมืองที่มีประวัติมายาวนานแต่ครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑o ที่มาของบริเวณชุมชนยังสืบไปถึงรัชสมัยพระเจ้าชัยราชาแห่งกรุงศรีอยุธยาซึ่งทรงครองราชย์ระหว่างปี ๒o๗๗-๒o๘๙ เมื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อลดระยะเวลาการเดินทางออกอ่าวไทย ประวัติศาสตร์เปลี่ยนผ่านมาหลายยุคสมัยมีผลกระทบต่อลมหายใจของชุมชน โดยเฉพาะอาคารบ้านเรือนสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นอันสะท้อนถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่แต่อดีตค่อย ๆ ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา


จำนวนไม่น้อยถูกแทนที่ด้วยอาคารสมัยใหม่ และโครงการคอนโดมิเนียมสูงใหญ่ตามแนวรถไฟฟ้าที่รุกคืบเข้ามาตามกระแสทุนนิยม จริงอยู่ชาวชุมชนอยู่ได้ด้วยการปรับตัว หากลมหายใจของสถาปัตยกรรมทรงคุณค่านั้นกำลังรวยรินเต็มที เพื่อเป็นหนึ่งแรงช่วยอนุรักษ์ สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยเอกอัครราชทูต คริสตี้ เอ.เคนนี่ย์ ได้เป็นประธานมอบทุนจำนวน ๕๓,๙๖o ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๑.๖ ล้านบาท ภายใต้กองทุนเอกอัครราชทูตเพื่อการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม ให้แก่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อสนับสนุนงานอนุรักษ์บ้านหกหลังและเรือนแถวหกห้องในชุมชน






ท่านทูตคริสตี้ ซึ่งเดินทางไปชมสภาพบ้านเรือนเป้าหมาย ใกล้ๆ คริสตจักรตลาดพลูแบ๊บติสต์ ระหว่างซอยเทอดไท ๑๖ และ ๑๘ ด้วยตัวเอง กล่าวว่าไทยและสหรัฐอเมริกา มีการแบ่งปันประสบการณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมมายาวนานเพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ งานอนุรักษ์วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน และถือเป็นเกียรติที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาได้ร่วมทำมาแล้วตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ กว่า ๑o แห่ง รวมถึงโครงการขนาดใหญ่อย่างการช่วยอนุรักษ์วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเมืองใหญ่ทั่วโลกจะมีอัญมณีซ่อนอยู่เช่นเดียวกับย่านชุมชนแห่งนี้ มีการเปิดกว้างให้ผู้สนใจทั่วประเทศส่งโครงการเข้ามา และหนึ่งในนั้นคือชุมชนคลองบางหลวงซึ่งเป็นหัวใจของเมืองเก่าในกรุงเทพฯ รู้สึกยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ หวังว่าจะช่วยจุดประกายสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดกิจกรรมคล้าย ๆ กันนี้ในอนาคต


ด้านหัวหน้าทีมผู้เขียนแบบ ดร.วรสิทธิ์ ตันตินิพันธุ์กุล รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อธิบายถึงแนวทางการทำงานว่า สถาปนิกและทีมงานจะสำรวจข้อมูลและเขียนภาพจำลองบ้านหกหลังและเรือนแถวหกห้องที่เจ้าของบ้านและผู้นำชุมชนได้ร่วมกันคัดเลือก รายละเอียดนี้จะบันทึกไว้เพื่อนำไปเป็นประโยชน์ใช้งานต่อไปในอนาคต อีกทั้งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการจัดทำแผนที่ทางวัฒนธรรมสำหรับการเดินและขี่จักรยานในบริเวณชุมชน ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และเพิ่มการตระหนักรู้ถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงค่าของคลองบางหลวง






"อย่างบ้านของทวดต่าง บุญยมานพ คหบดีในสมัยนั้นที่เรามาจัดพิธีมอบทุนครั้งนี้ เราเขียนแบบเรียบร้อยตั้งแต่ปีก่อนโดยทุนของสภาวิจัยแห่งชาติ แล้วก็มีห้องแถวไม้โรงน้ำปลาเก่าที่เขียนเสร็จแล้ว เราพยายามเขียนแบบตึกไม้เก่าซึ่งอีกหน่อยจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของย่าน ถ้าถูกรื้อก็จะหมดไปเลย จริง ๆ แล้วเรื่องบูรณะถ้าเจ้าของบ้านไม่ทำเองเราก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่การเขียนแบบเก็บไว้ก็จะเป็นหลักฐานว่ามันเคยมีหน้าตาอย่างนี้ ถ้าเกิดวันหนึ่งลูกหลานอยากจะบูรณะหรือสร้างใหม่เขาก็จะรู้ว่าทำยังไง เพราะเพียงรูปถ่ายคงไม่รู้ขนาดสัดส่วนที่แน่นอน


การทำงานของเรา จะจัดเป็นค่ายแล้วค้างแรมในพื้นที่ จากนั้นจะเริ่มวัดระยะทุกอย่างแล้วเริ่มเขียนแบบหน้างาน เขียนเส้นร่างดินสอ แล้วแยกย้ายกันกลับไปเขียน แล้วจึงมารวมตัวกันเพื่อเช็กว่าใช้เส้นน้ำหนักเดียวกันหรือไม่ เพราะเขียนด้วยมือล้วน ๆ ทั้งหมดใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเสร็จ ตัวร่างแบบสามารถเป็นมรดกให้ชุมชนได้ เอาไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้ อย่างการสกรีนเป็นลายเสื้อยืดแล้วให้คนในชุมชนใส่ เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้คนอื่นเห็นแล้วอยากช่วยอนุรักษ์ พอเกิดแรงกระเพื่อมถ้าเจ้าของคิดจะทุบทิ้งก็อาจเกิดแรงต้าน เพราะการหวงแหนเข้าไปอยู่ในหัวเขาแล้ว ถือว่าเราสร้างโอกาสด้านการอนุรักษ์" เรี่ยวแรงสำคัญของโครงการ สะท้อนมุมมอง






ฤทธิ์บุรี รักกุศล ทายาทเจ้าของบ้านรุ่นเหลนของทวดต่าง บุญยมานพ หนึ่งในจำนวนบ้านไม่กี่หลังที่ได้รับการเขียนแบบ เล่าว่า บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้มีลายฉะลุสวยงามหลังนี้มีอายุราว ๑๗o ปี ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นร้างแล้วไม่ทราบว่าด้วยเหตุอะไร ส่วนลูกหลานก็กระจัดกระจายไปมีครอบครัว และไม่มีการบูรณะใด ๆ ที่ผ่านมามีหน่วยงานราชการ อย่างกรมศิลปากรเข้ามาดูบ้างแต่สักพักก็เงียบหายไป ถ้าจะให้บูรณะเองก็คงไม่ไหว เพราะต้องใช้เงินมาก วันนี้รู้สึกดีใจที่มีคนมองเห็นคุณค่า แต่เรื่องการอนุรักษ์คงต้องคุยกันเพราะอาจมีเงื่อนไขหลายอย่าง


ท้ายที่สุด ดร.วรสิทธิ์ มองว่า จริง ๆ แล้วสถาปัตยกรรมไม่สำคัญเท่าวิถีชีวิตคน แต่ถ้าไม่มีสถาปัตยกรรมให้เห็นก็อาจมองไม่เห็นจุดเริ่มที่จะอนุรักษ์ ทุกวันนี้รถไฟฟ้ารุกคืบเข้าไปในชุมชนมากขึ้น กฎของ กทม.ระบุว่าพื้นที่ฝั่งธนบุรีมักไม่ค่อยถูกเวนคืนเพราะถนนแคบ การสร้างอาคารใหญ่ๆ จึงเกิดขึ้นยาก แต่กฎนี้กำลังจะถูกยกเว้นในรัศมี ๕oo เมตรตามแนวรถไฟฟ้า ตรงนี้จะทำให้ราคาที่ดินพุ่งสูงมีนายทุนมากว้านซื้อ อาคารเล็กๆ ก็จะหายไป ซึ่งการอนุรักษ์คงต้องเริ่มจากคนในชุมชนก่อน และต้องให้โอกาสชุมชนในการเปลี่ยนแปลงบ้าง



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net















'โยจิ ยามาโมโต้' ดีไซน์เนอร์ผู้วิ่งหนีแฟชั่น


นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวดีๆเพื่อส่งเสริมวงการศิลปะและการออกแบบเมืองไทย โดยสยามเซ็นเตอร์ จับมือนิตยสารวอลล์เปเปอร์ ประเทศไทย จัดนิทรรศการยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี “Wallpaper* x Siam Center present YOHJI YAMAMOTO” นิทรรศการ ชีวิต ความคิด และผลงาน ของ “โยจิ ยามาโมโต้” แฟชั่นดีไซเนอร์ผู้วิ่งหนีแฟชั่น ณ ไอเดียอเวนิว ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๗


“โยจิ ยามาโมโต้” เป็นศิลปินอัจฉริยะของ ญี่ปุ่น ที่มีมุมมองสร้างสรรค์ผลงานแหวกแนวไม่ซ้ำใคร เขาโด่งดังมีชื่อเสียงทั่วโลก ในฐานะผู้สร้างทฤษฎีการออกแบบแฟชั่นท้าทายคนทั้งโลก แม้ชีวิตบนเส้นทางสายแฟชั่นกว่า ๔๘ ปี จะได้รับการการันตีความสำเร็จด้วยรางวัลมากมายจากหลายเวทีระดับโลก แต่ลึกๆแล้วเขากลับมีความเป็นขบถอยู่เต็มหัวใจ และมักวิ่งหนีกระแสหลักของโลกแฟชั่น เขาเปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมงานผู้จัดทำนิทรรศการว่า


“ผมรู้สึกต่อต้านสังคม ผู้ชายและอำนาจ มาตั้งแต่ ๔–๕ ขวบ รู้สึกไม่ไว้วางใจอะไรที่มาพร้อมกับพลังอำนาจน่าเกรงขาม...บนถนนของแฟชั่นโลก แบรนด์ตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น ปราด้า, กุชชี่, คริสเตียน ดิออร์ และชาแนล มักจะเดินเฉิดฉายอยู่กลางถนนเสมอ อย่างไรก็ดี ผมชอบเดินเลาะตามขอบถนนมากกว่า มันออกจะหมิ่นเหม่ แต่คนที่ชื่นชอบผมก็สนุกกับการเลาะขอบถนน...ผมอยากเห็นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ลุกขึ้นท้าทายกระแสหลักแฟชั่น อยากให้พวกเขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราได้อะไรจากการตามเทรนด์แฟชั่น ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาเดินตาม...เสื้อผ้าตะวันตกมักจะวัดสัดส่วนและทำแพตเทิร์นละเอียดเป๊ะ เน้นรูปร่างโค้งเว้าของผู้หญิง เพื่อเผยให้เห็นหน้าอกและเอวคอดพอดีตัว แต่สำหรับผม เสื้อผ้ากับรูปร่างผู้สวมใส่ควรมีช่องว่าง...สำหรับคนญี่ปุ่น สิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้ด้วยคำพูด ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่ต้องพลีกายปกป้อง แต่วัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่ในสาย เลือดเรา และปรากฏให้เห็นจากท่วงท่าการแสดงออกของเรา มันเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่เงียบ ๆ และไม่เคยลบเลือนไปไหน”


สำหรับแฟนๆ ของ “โยจิ ยามาโมโต้” ที่ไม่ติดอยู่กับกรอบ เดิมๆของวัฒนธรรมกระแสหลัก ไม่น่าพลาดนิทรรศการยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ภายในงานแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๕ โซนหลัก เริ่มจาก โซน ๑ ปฐมบทของ “โยจิ ยามาโมโต้” ในฐานะผู้สร้างทฤษฎี ออกแบบแฟชั่นท้าทายคนทั้งโลก เมื่อ ๓o ปีก่อน โซน ๒ Yohji Yamamoto’s A/W 2014 Collection จัดแสดงผลงานคอลเลกชั่นฤดูหนาวล่าสุด ปี ๒o๑๔ โซน ๓ อัตชีวประวัติ และผลงานชิ้นเอกของ “โยจิ ยามาโมโต้” เล่าถึงแรงบันดาลใจ ที่สร้างจิตวิญญาณความขบถ เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ ๒ ในญี่ปุ่นทำให้เขาสูญเสียบิดา และเติบโตมาตามลำพัง กับมารดา ซึ่งมีอาชีพเย็บผ้า ท่ามกลางภาพของโตเกียวที่จมอยู่ใต้ซากปรักหักพังจากสงคราม โซน ๔ Art Display เปิดกรุสะสมคนดัง จัดแสดงผลงานชิ้นหายากของ “โยจิ ยามาโมโต้” และ โซน ๕ เข้าถึงชีวิต ความคิด และผลงานของ “โยจิ ยามาโมโต้” ผ่านภาพยนตร์ สารคดีพิเศษ ที่ทีมงานวอลล์เปเปอร์ ตั้งใจบินตรงไปถ่ายทำและสัมภาษณ์เจาะลึกถึงประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบให้นิทรรศการครั้งนี้.











































ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th












ศิลปินรุ่นครู อ.ปราโมทย์ แสงพลสิทธิ์, สุภัททา สังสิทธิ, ศ.ปรีชา เถาทอง และ อ.วีรเดช พนมวัน ณ อยุธยา
ร่วมกันให้ความรู้กับผู้เข้าประกวดศิลปิน “ดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑”





ประกวดดาวเด่นด้านศิลปะ แบบเรียลลิตี้


เปิดเวทีประชันฝีไม้ลายมือด้านศิลปะระดับเยาวชนแบบเรียลลิตี้ ในโครงการประกวดศิลปิน “ดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑” จัดโดยมูลนิธิบัวหลวง (มูลนิธิธนาคารกรุงเทพ) ร่วมกับหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดย คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช กรรมการมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ และประธานโครงการฯ กล่าวถึงการจัดโครงการดังกล่าวว่า ตลอด ๖ ปีที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากศิลปิน คณาจารย์ สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศ ตลอดจนการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชนต่าง ๆ ทั้งยังได้สร้างศิลปินรุ่นใหม่ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่เรียนศิลปะทั่วประเทศ ได้มาเข้าค่ายอบรมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน และสามารถที่จะได้เรียนรู้จากศิลปินแห่งชาติ ศิลปินอาวุโส บวกกับความรู้อื่น ๆ ที่โครงการจัดมาให้ เพื่อเสริมให้น้อง ๆ นักศึกษาทั้งหลายสมบูรณ์ขึ้นในความรู้ ที่อาจจะไม่ได้รับจากการเรียนในมหาวิทยาลัย


ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่มีการกำหนดหัวข้อ เพื่อเป็นกรอบความคิดให้กับนักศึกษาในการสร้างสรรค์งาน คือ “บางกอก : ในความจริงหรือความฝัน” โดยให้นักศึกษาได้สเกตช์ภาพคนกรุงเทพฯ ในกิจกรรม “portrait ณ บางกอก” เป็นการวาดภาพบุคคลต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ โดยผู้ที่เป็นแบบให้วาด จะได้รับภาพวาดของตัวเองนำไปขึ้นเป็นภาพโปรไฟล์ในสังคมออนไลน์ เช่น facebook เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการฯ อีกทางหนึ่ง





คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช และ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ชวนสองสาว กัญญารัตน์ พลาดิศัย, ลินา ลีนุตพงษ์
ร่วมชื่นชมโครงการประกวดศิลปิน “ดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑”



ในทัศนะของคณะกรรมการตัดสิน อ.ปัญญา วิจินธนสาร กล่าวถึงหัวข้อที่กำหนดขึ้นในปีนี้ว่า ต้องการให้เด็กในต่างจังหวัด และเด็กในกรุงเทพฯ ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้ใช้ประสบการณ์ชีวิต แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมทั้งให้เขาได้นำสิ่งที่พบเห็นในกรุงเทพฯ มาคิดสร้างสรรค์ให้เป็นผลงาน ด้าน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิ-พัฒน์ ได้ให้แนวทางในการเป็นศิลปินอาชีพที่จะประสบความสำเร็จได้ว่า ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง อันดับแรกต้องหมั่นไปร่วมงานแสดงผลงานศิลปะของศิลปินคนอื่น ๆ เพื่อไปสร้างลู่ทางให้กับตัวเอง รวมทั้งเป็นโอกาสในการได้พบปะคนใหม่ ๆ ต่อมาต้องรู้จักวิธีการขายแนวคิดให้กับนักสะสมได้ทราบวัตถุประสงค์ และซาบซึ้งในคุณค่าของภาพเขียนที่แท้จริง ต่อมาคือการตั้งราคา ต้องตั้งราคาให้คละกันไป ตั้งแต่แพงสุดไปจนถึงถูกที่สุด เพื่อให้นักสะสมมีโอกาสเลือกซื้อภาพในราคาที่เหมาะสม หรือราคาที่ยอมรับได้สำหรับเขามากที่สุด ที่สำคัญต้องตั้งราคาให้เหมาะสมกับวัยวุฒิ คุณวุฒิของตัวเองด้วย สุดท้ายต้องรู้จักอาร์ต คอลเล็กเตอร์แต่ละคนว่า ชอบงานศิลปะแนวใด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขาย นอกจากนี้ต้องศึกษาวิธีการของคนที่ประสบความสำเร็จ และเรียนรู้จากศิลปินที่ล้มเหลว เพื่อนำมาทบทวนข้อดี ข้อผิดพลาด และใช้ในการพัฒนาตัวเอง






ติดตามชมฝีไม้ลายมือในการสะบัดฝีแปรงของศิลปินรุ่นใหม่ทั้ง ๕๒ คนแบบเรียลลิตี้ ที่คนรักศิลปะไม่ควรพลาด โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ //www.kapook.com พร้อมโหวตศิลปินที่ชื่นชอบกันได้ตั้งแต่วันที่ ๑-๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ หรือตามติดทุกความเคลื่อนไหวได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ //www.facebook/Bualuang101 ผลการตัดสินจะประกาศในวันที่ ๑o พฤศจิกายนนี้ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th















งานวัดรัตนโกสินทร์ เสน่ห์แห่งวันวาน


ขอเชิญชวนทุกท่านมางานวัดรัตนโกสินทร์เสน่ห์แห่งวันวาน ที่ห้างเดอะแพลทินัม เนรมิตรหน้าห้างเดอะแพลทินัมเป็นงานวัดมนต์เสน่ห์ยุค 60s มีทั้งกิจกรรมต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ศิลปะ ดนตรีจากวงเจริญกรุง ภาพยนตร์ สินค้ายอดนิยม ของกิน ของฝาก และของเล่น ชมภาพยนตร์รวมดาวสมัยคุณแม่ยังสาว ในบรรยากาศโรงภาพยนตร์จำลอง ศาลาเฉลิมกรุง และร่วมเล่นเกมงานวัดสุดหรรษาอีกมากมาย อีกทั้งเทศกาลลอยกระทงในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ อีกด้วย


งานวัดรัตนโกสินทร์เสน่ห์แห่งวันวาน จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๕ - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗

เฟซบุค ThePlatinumFashionMall



ภาพและข้อมูลจากเวบ
openrice.com















งานมหกรรมระบำดอกไม้ Chiangrai Dancing Flower 2014


ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย, สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย, กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดเชียงราย, สมาคมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และ บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดงาน มหกรรมระบำดอกไม้ Chiangrai Dancing Flower 2014 สุดอลังการครั้งแรกในเมืองไทย พบกับกล่องดนตรีดอกไม้เต้นระบำ ขนาด ๕ เมตร ซึ่งจะเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลงและดนตรีแนว Bossa Jazz ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ตื่นตาตื่นใจกับโซนดอกไม้ทั่วทั้งศูนย์การค้าฯ


แบ่งเป็น โซนเครื่องเล่นแผ่นเสียงดอกไม้, โซนสายธารดนตรีแห่งดอกไม้,โซนต้นไม้แห่งเสียงเพลง, โซนอุโมงค์ดอกฟูจิ, โซนเปียโนดอกไม้, โซนแห่งเครื่องดนตรี, โซนพิณดอกไม้ และ โซนกล่องดนตรี พร้อมชมละครเวที ในชื่อชุดการแสดง เจ้าหญิงเต้นระบำ จากนักแสดงละครเวที มืออาชีพของเมืองไทย วันละ ๓ รอบ (ฟรี), สวนดอกไม้นานาพันธ์ที่หาชมได้ยาก, นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับดอกไม้ การจัดสวนจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย และ มินิคอนเสริตจากศิลปินชื่อดัง และ เลือกซื้อพันธุ์ไม้ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสวนมากมายในราคาพิเศษ และเมื่อช้อปสิ้นค้าครบ ๒,๕oo บาท แลกรับแก้วน้ำเซรามิคลายดอกไม้สุดหรู ฟรีทันที ๑ ใบ ระหว่างวันที่ ๑๔–๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ บริเวณ ชั้น ๑ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงราย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
centralplaza.co.th















Nostalgia - ถวิลหา


พบกับการแสดงผลงานจิตรกรรม “ Nostalgia – ถวิลหา ” โดยการรวมตัวกันของกลุ่มศิลปิน ๔ คน พวกเขาคบหากันมานานกว่า ๒o ปีตั้งแต่สมัยเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป และได้แยกย้ายกันไปทำงานศิลปะในสาขาอาชีพที่แตกต่างตามที่ตนถนัด แต่ยังสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม และศิลปภาพถ่ายในรูปแบบส่วนตัวเก็บไว้อยู่เสมอ และนี่คือการกลับมาแสดงงานจิตรกรรมกลุ่มด้วยกันอีกครั้ง


“ความงามในความเศร้า เรายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นความจริงแท้คือแปรเปลี่ยนไปอยู่เสมอ เราต้องยอมจำนน ถึงแม้ไม่อยากให้มันห่างหายไปเพียงใดก็ตามแต่ หรือว่ามันงดงาม อาจเป็นเพราะว่ามันไม่มีวันหวนย้อนคืนกลับมา”


ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเกียรติเปิดงานนิทรรศการในวันเสาร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o น. ณ หลังแรกบาร์แกลเลอรี่ (Hlung Raak Bar Gallery) และเชิญพบกับการแสดงดนตรีแจ๊ซของ อาจารย์นุ วุฒิวิชัย ในวันปิดนิทรรศการ วันจันทร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ เริ่มเวลา ๑๙.oo น.


นิทรรศการ : “Nostalgia–ถวิลหา”
ศิลปิน : เอนก จงทวีธรรม, ธนกร บุญลือ, ชลันธรณ์ เมนะคงคา, ชาติชาย ไชยยนต์
วันที่ : ๑๕ พฤศจิกายน – วันจันทร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : หลังแรกบาร์แกลเลอรี่ (Hlung Raak Bar Gallery)
ติดต่อแกลเลอรี่ : บ้านเลขที่ ๑ ซอยมหรรณพ1 มหรรณพ สำราญราษฎร์ พระนคร กรุงเทพฯ ๑o๒oo
เฟสบุ๊ค : หลังแรกบาร์
โทรศัพท์ คุณเจมส์ : o๘๑-๓o๖-๗oo๗























































ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 07 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2557 21:42:38 น. 0 comments
Counter : 4804 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.