happy memories
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙๔





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










ของเก่าเล่าเรื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเษก



สัปดาห์ที่ผ่านมามีสัมมนาวิชาการที่ให้ความรู้มาก ๆ เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่สำคัญที่สุดของพระมหากษัตริย์ กล่าวคือ เป็นการประกาศการยอมรับผู้ที่จะเป็นผู้นำของชาติด้วยความเห็นชอบพร้อมใจของพสกนิกรที่ศรัทธาเคารพรักต่อองค์พระมหากษัตริย์


ด้วยเหตุนี้ พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ จึงจัดโครงการสัมมนาวิชาการด้านพระปกเกล้าฯ ศึกษา เรื่อง "ของเก่าเล่าเรื่องพระราชพิธีบรมราชาภิเษก" เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้แก่นักเรียน นักศึกษา สถาบันการศึกษา นักวิชาการด้านวัฒนธรรมศึกษา แล้วยังมีกลุ่มประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมฟังอีกจำนวนมาก






โดย ศ.พิเศษธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมัยรัชกาลที่ ๗ พร้อมภาพเก่าจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติประกอบการบรรยายให้ทุกคนรับรู้ความหมายของพระราชพิธีนี้ ตามธรรมเนียมประเทศไทยของเรา กิจกรรมจัดที่ห้องประชุมชั้น ๖ อาคารรำไพพรรณี พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ถนนหลานหลวง






ศ.พิเศษธงทองกล่าวว่า พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ในต่างประเทศมีการสวมมงกุฎให้ผู้ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์ ขณะที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของไทย หัวใจของพิธีอยู่ที่การรับน้ำจากพราหมณ์ผู้รอบรู้ เป็นผู้ประกอบพิธีตามความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นสมมติเทพ เมื่อผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินเต็มตามอำนาจหน้าที่ มีการยกฉัตร ๙ ชั้น ตามพระเกียรติยศ พร้อมมีพระบรมราชโองการ แต่การประกอบพระราชพิธีบางสมัยเร่งทำพิธีสถาปนาหลังกษัตริย์องค์ก่อนสวรรคตไม่นาน ก็เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านการเมืองและการปกครองให้กษัตริย์ที่จะเป็นผู้นำต่อไป ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ มีพิธีที่ว่า ๒ ครั้ง






ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยรัชกาลที่ ๗ นั้น ศ.พิเศษธงทองเล่าว่า สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา ทรงได้รับอัญเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๗ ตามพระราชหัตถเลขานิติกรรมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๖ มีการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๘ แต่เริ่มทรงรักษาราชสมบัติตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน วันสวรรคตของ ร.๖ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้สถาปนาขึ้น และประกอบด้วยพิธีตามแบบจารีตประเพณีโบราณเหมือนในรัชสมัยก่อนนี้






แต่พระราชพิธีสมัย ร.๗ มีรายละเอียดที่แตกต่างไปบ้าง เช่น การสถาปนาพระวรชายา หม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมวงศ์ กับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ ที่เป็นโบราณมงคลและเครื่องราชูปโภคสำหรับตำแหน่งพระอัครมเหสี






"พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นงานใหญ่ ต้องเตรียมการพระราชพิธี จากเอกสารประวัติศาสตร์ กระทรวงวังคำนวณรายจ่าย ๑๓๘,ooo บาท สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ตัดงบที่มโหฬารให้เหลือ ๓๘,ooo บาท อาทิ ค่าเครื่องแต่งกาย ๔๕,ooo บาท ก็ให้ใช้ชุดตามกรมกองเพื่อประหยัด ค่าพระชฎามหากฐิน ๓๕,๗oo บาท เป็นค่าทองและค่าฝีมือ เพราะดูไม่เป็นการสมควรจะทำในสถานการณ์ที่บ้านเมืองขาดเงินแผ่นดิน เงินพระคลังข้างที่ มีพระชฎาของ ร.๑ งดงามพร้อมทรง ต่อไปหากจะทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำโดยประณีตก็ทำได้" ศ.พิเศษธงทองเล่าผ่านเอกสารเก่า






ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ ยังเน้นว่า แม้งบประมาณจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ ๗ จะถูกตัดไป แต่พระราชพิธีนี้ในวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ก็ได้ทำตามแบบโบราณราชประเพณีและแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตรย์ผู้ปกครองราชอาณาจักรไทย ทั้งการจารึกพระสุพรรณบัฏในโบสถ์วัดพระแก้ว ประกอบด้วย ดวงพระราชลัญจกร พระราชลัญจกรประจำพระองค์ พระปรมาภิไธย มีขบวนแห่พระสุพรรณบัฏในพระบรมมหาราชวัง มีพิธีสรงน้ำพระมุรธาภิเษก ก่อนวันงานพระราชพิธีนี้ เสด็จฯ พระที่นังจักรีมหาปราสาทเพื่อกราบถวายบังคมพระอัฐิของบูรพมหากษัตริยาธิราช ฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลเรือ งานนี้ทรงโปรดให้สร้างของที่ระลึกงานพระราชพิธี มีสมเด็จเจ้าฟ้ากรม






พระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ทรงออกแบบ ทั้งเหรียญที่ระลึกพระราชพิธีพระราชทานแก่บรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ พ่อค้าคหบดีไทยและต่างชาติ และตาลปัตรพัดรองบรมราชาภิเษกแก่พระเถรานุเถระ


"พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ประทับบนพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์เพื่อทรงรับน้ำพระกลศ น้ำพระมหาสังข์จากราชบัณฑิต และพราหมณ์ ทรงรับเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค ช่วงบ่ายทรงสถาปนาพระบรมราชินี ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จากนั้นทรงประกาศตนเป็นพุทธมามกะและเป็นอัครศาสนูปถัมภกในที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดพระแก้ว จากนั้นประทับบนพระแท่นมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในการเสด็จออกมหาสมาคม ต่อด้วยเสด็จออก ณ มุขด้านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยพระราชินี ให้พสกนิกรเฝ้าฯ ถวายพระพรชัย" ศ.พิเศษธงทองบอกเล่าให้ผู้ฟังเห็นภาพดียิ่งขึ้น






หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๖๘ ก็มีการแห่เลียบพระนคร ทั้งริ้วกระบวนพยุหยาตราสถลมารค เสด็จฯ ไปนมัสการปูชนียวัตถุที่วัดโพธิ์และวัดบวรนิเวศวิหาร ให้พสกนิกรเข้าเฝ้าฯ และริ้วกระบวนพยุหยาตราชลมารค เพื่อไปบูชาปูชนียวัตถุวัดอรุณราชวราราม ซึ่งวิทยากรก็นำภาพเก่ามาแสดงให้ชมในการสัมมนานี้ด้วย






สำหรับพระปฐมบรมราชโองการใน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ในวันพระราชพิธีนี้ ความว่า "ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชนเรา แผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เป็นที่พึ่งจัดการปกครองรักษาป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบายเทอญฯ" ศ.พิเศษธงทองได้ให้ความรู้ในท้ายนี้ว่า จากถ้อยคำในพระปฐมบรมราชโองการ ร.๗ เหมาะสมกับการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ต่างไปจากพระปฐมบรมราชโองการรัชกาลปัจจุบัน "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" พระองค์จะทรงครองแผ่นดิน บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข






การสัมมนาครั้งนี้นอกจากจะได้เติมเต็มเรื่องพระราชพิธีนี้ ยังชักชวนให้ทุกคนมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าฯ มากยิ่งขึ้น เพราะที่นี่เก็บรักษาพระราชลัญจกรประจำ ร.๗ ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน เรียกว่า "พระราชลัญจกรพระแสงศร" ศิลปวัตถุชิ้นเอกนี้จัดแสดงอยู่ที่ชั้น ๓ ของนิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑ์ฯ.



พระบรมฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
เฟซบุค Chatbongkoch White Lotus














ตามรอยพระยุคลบาท‘พระเจ้าตากสินมหาราช’



“พระศรีสรรเพชร สมเด็จบรมธรรมิกราชรามาธิบดี บรมจักรพรรดิศร บวรราชาบดินทร์ หริหรินทร์ธาดาธิบดี ศรีสุวิบูลย์ คุณจิตร ฤทธิราเมศวร บรมธรรมิกราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวนาธิเบศร์ โลกเชษฏวิสุทธฺิ์ มกุฏประเทศคตา มหาพุทธังกูร บรมนาถบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว ณ กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกนพรัฐ ราชธานีบุรีรมย์ อุดมพระราชนิเวศมหาสถาน” พระนามเต็มของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จอมทัพผู้กอบกู้แผ่นดินโดยมีพระราชทรัพย์อันน้อยนิด เผชิญศึกหนักที่สุด แต่ในทางกลับกันก็สามารถสร้างราชอาณาจักรสยามได้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดเช่นกัน ยังทรงทำทุกอย่างเพื่อรักษาและส่งต่อผืนแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่คู่กับลูกหลานไทยมาจวบจนถึงปัจจุบันนี้






เราได้มีโอกาสตามรอยพระยุคลบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จัดโดยมูลนิธิธรรมดี จึงมีสถานที่ให้เล่าขานสืบต่อถึงประวัติศาสตร์อันทรงค่ามากมายต่อคนรุ่นหลัง อย่างองค์พระปรางค์สูงเด่นสง่าเห็นแต่ไกลที่วัดอรุณราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง พระอารามหลวงชั้นเอก เมื่อครั้งตีกรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าได้แล้ว ทรงเห็นว่าเมืองเดิมนั้นชำรุดทรุดโทรมเกินกว่าจะซ่อมแซมเยียวยาได้ พระเจ้าตากสินจึงทรงล่องเรือแสวงหาชัยภูมิสร้างเมืองใหม่ ก็ได้มาพบวัดแห่งหนึ่ง จึงได้ขนานนามวัดนั้นว่า วัดแจ้ง ซึ่งแต่เดิมชื่อ วัดมะกอก และได้เปลี่ยนชื่อวัดในสมัยรัชกาลที่ ๒ ว่า วัดอรุณราชธาราม เปลี่ยนอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ ๔ ว่า วัดอรุณราชวราราม ชื่อทั้งหมดมีความหมายว่า สว่างถือเป็นบูรพนิมิตในการสร้างเมืองใหม่ ในชื่อเต็มว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร สถาปนาวัดอรุณราชวรารามให้เป็นวัดเสมือนหนึ่งในพระราชวังไม่มีพระจำพรรษา เพราะใช้เป็นสถานที่ประกอบราชพิธีในสมัยนั้นโดยเฉพาะ






ใกล้กันบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ในเขตพื้นที่ของกองบัญชาการกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ ด้านหน้าทางเข้ามีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งสง่าพร้อมให้ผู้คนกราบไหว้ พันจ่าเอกโรจน์ เล่าว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้งราชธานีใหม่ยังกรุงธนบุรี ทรงสร้างพระราชวังในบริเวณที่แห่งนี้ ปัจจุบันเรียกว่า พระราชวังเดิิม เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญใช้สังเกตการณ์ได้ในระยะไกลและมีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกต่อการเดินทัพด้วย ถัดมาเป็นเก๋งคู่หลังเล็กกับเก๋งคู่หลังใหญ่ สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นที่เก็บศาสตราอาวุธโบราณมากมาย ส่วนเก๋งคู่หลังใหญ่ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้าน สังคม เศรษฐกิจ ศาสนา ศิลปกรรมต่าง ๆ






ไม่ไกลกันมากนักที่วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นโท รองมาจากวัดอรุณราชวรมหาวิหาร พระมหาอภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร เล่าถึงประวัติความเป็นมาว่า วัดสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาต้นรัตนโกสินทร์ แต่เดิมชื่อว่า วัดท้ายตลาด เนื่องจากอยู่ติดกับตลาดเมืองธนบุรี มีสถานที่สำคัญคือ “ฉางเกลือ” (ทีเ่ก็บเกลือ) ที่ถูกสันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อคราที่เสด็จฯ ออกรบจะขนเกลือไปด้วย เพราะในสมัยนั้นไม่มีน้ำปลา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็เอาเกลือไปด้วย ส่วนปลาไปหาเอาข้างหน้า “อาตมาก็เกิดไม่ทันเหมือนกับโยมทั้งหลายนั่นแหละ” เจ้าอาวาสว่าด้วยอารมณ์ขัน ปัจจุบันใช้เป็นวิหารกั้นเป็นสองตอน ตอนหน้าหันออกฝั่งคลองบางกอกใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิน้อยใหญ่เป็นหมู่บนฐานชุกชี ส่วนตอนหลังเป็นพื้นที่ค่อนข้างแคบประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างพระปรเมศ หรือพระทันใจ






ยังคงตามรอยของเส้นทางที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันทรงค่ามาจนถึง วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ตามรอยพบแน่ ๆ และก็จะพบในสถานที่แห่งนี้แน่นอน เสียงจาก ท่านเจ้าคุณพระศรีศาสนวงศ์ เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร "พระองค์เวลาจะทำบุญ ขออภัยพูดผสมผสานภาษาชาวบ้าน เวลาจะบวชลูกหลาน จะมาทำที่วัดหงส์รัตนารามเป็นส่วนมาก และในขณะเดียวกันก็จะทรงมีความเชื่อมั่นศรัทธาในบทสวนมนต์ที่เรียกว่า พระปริตร จะเจริญภาวนาในพระอุโบสถแห่งนี้ เล่าสืบต่อกันมาว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้น ทรงศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง






ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ที่ทรงปราบดาภิเษกพระองค์ขึ้นเป็นบรมกษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรนั้น มีพระราชปณิธานอย่างแรงกล้าที่ทั้งสนับสนุนส่งเสริม ยืนหยัดพระพุทธศาสนา ในบทที่ว่า อันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตาก ทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา ถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา แด่ศาสนาสมณะพุทธโคดม ให้ยืนยงคงถ้วนห้าพันปี สมณะพราหมฌ์ชีปฏิบัติให้พอสม เจริญสม วิปัสสนาพ่อชื่นชม ถวายบังคมแทบบาทพระศาสดา คิดถึงพ่อพ่ออยู่คู่กับเจ้า ชาติของเราคงอยู่คู่พระศาสนา พระพุทธศาสน์อยู่ยงคู่องค์กษัตรา พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน ?แผ่นดินเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ตีคืนได้จากพม่า พระองค์ถวายแผ่นดินแด่พระพุทธเจ้าเป็นพุทธบูชา แผ่นดินนี้จึงเป็นแผ่นดินพุทธมีความสงบร่มเย็น อุโบสถแห่งนี้ยังเป็นที่ฝึกไพร่พล อบรมคุณธรรม ทหารต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจจึงจะมีความกล้าหาญไม่กลัวอริราชศัตรู จึงให้แม่ทัพนายกองทั้งหลายนั่งสมาธิ พระองค์เองก็จะนั่งใจโบสถ์สวดมนต์เจริญภาวนา เพราะมีความเชื่อมั่นว่า คนเราจะเคลื่อนย้ายขึ้นอยู่กับจักรราศี ๑๒ ราศี พระองค์จึงทรงสร้างเสาใหญ่ในอุโบสถ ๑๒ เสา โดยแบ่งตามราศี ในแต่ละเสายังมีปริศนาธรรมซ่อนไว้แต่โบราณ มีขนาดใหญ่สามคนโอบ ซึ่งโบราณถือว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนถึงจะสบาย"


สถานที่ดังกล่าวเป็นเพียงแค่ไม่กี่แห่งซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้กอบกู้ผืนแผ่นดินไทยให้ยังคงอยู่สืบไป



พระบรมฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














๑o สตรีผู้เปลี่ยนโลก



ในวาระวันสตรีสากล (International Women’s Day) ๘ มีนาคม ๒o๑๕ นี้ พรอมเมนาดา รีสอร์ท มอลล์ จังหวัดเชียงใหม่ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งอิสตรีออกมาให้ประจักษ์ในงานสัปดาห์แห่งสตรีสากลผ่านนิทรรศการ “วูเมน ฮู เชนจ์ เดอะ เวิลด์" (Women who changed the world) ที่นำเสนอ ๑o วีรสตรีผู้เปลี่ยนวิถีโลก ได้แก่ สมเด็จพระศรีสุริโยทัย, พระราชชายาเจ้าดารารัศมี, แม่ชีเทเรซ่า, ออง ซาน ซูจี, อะมิเลีย แอร์ฮาร์ต, กาเบรียล ชาเนล, โจนออฟอาร์ก, โอปราห์ วินฟรีย์, เจ.เค. โรว์ลิ่ง และเลดี้ กาก้า






โดย อะมิเลีย แอร์ฮาร์ต หญิงแกร่งผู้นำพาจิตวิญญาณของสตรีทะยานสู่ท้องฟ้า หญิงสาวชาวแอตชิสัน รัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มเรียนการบินครั้งแรกสนามบิน “คินเนอร์” เป็นนักบินสตรีรุ่นบุกเบิก และ ๖ เดือนต่อมาเธอก็ซื้อเครื่องบินปีกสองชั้น ยี่ห้อ “คิสเซลแอร์สเตอร์” สีเหลือง หรือนกขมิ้น และทำการบินสูงได้ถึงระดับ ๑๔,ooo ฟุต (๔.๒ กิโลเมตร) ทำลายสถิติโลกสำหรับนักบินสตรี เธอได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ว่า เป็นนักบินสตรีที่ดีที่สุดในสหรัฐ และรับการทาบทามให้เป็นผู้โดยสารบินรวมกับนักบินชายบินออกจากชายฝั่งนิวฟาวด์แลนด์ด้วยเครื่องบินฟอกเกอร์ เอฟ ๗ ไปถึงสนามบินเบอร์รีพอร์ทในประเทศอังกฤษ ซึ่งทั้งสามคนกลับมารับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยขบวนพาเหรดในนครนิวยอร์ก และเธอได้พยายามทำสถิติในการบินรอบโลกแต่ได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับเหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก ในระหว่างทำการบินรอบโลกเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๓๗ และทางการได้ประกาศการเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ค.ศ. ๑๙๓๙






สดุดีแด่วันที่ผู้หญิงเริ่มใส่กางเกง, เสื้อกะลาสีลายทาง, และพรม Channel No.5 ลงบนเรือนร่าง “โกโก” กาเบรียล ชาเนล นักออกแบบเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายและเครื่องประทินความงามชาวฝรั่งเศส ตัวอย่างนักแฟชั่นในศตวรรษที่ ๒o และเป็นผู้ก่อตั้งผลิตภัณฑ์ ชาเนล ของฝรั่งเศส






เสียงแห่งพระเจ้านำพาเธอเข้าสู่สงคราม ฌาน ดาร์ก หรือ โจนออฟอาร์ก ชาวคาทอลิกเรียกว่า นักบุญโยนออฟอาร์ค เป็นวีรสตรีของฝรั่งเศสและเป็นนักบุญในนิกายโรมันคาทอลิก สละพระชนม์ชีพเป็นชาติพลี สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ทรงเป็นสตรีที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว เฉลียวฉลาด กล้าหาญ ทรงปฏิบัติหน้าที่ในพระฐานะสำคัญของชาติได้อย่างสมบูรณ์ทั้งในพระฐานะหน้าที่ของพระอัครมเหสีของพระมหากษัตริย์และทั้งในพระฐานะหน้าที่พระราชมารดาของพระโอรสและพระธิดา แต่ในบทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นก็คือ ทรงปฏิบัติหน้าที่ในพระฐานะนางกษัตริย์คู่บารมีที่ทรงรักชาติเหนืออื่นใด เหนือกว่าชีวิตของพระองค์ การกระทำของพระองค์นั้น ถือว่าทรงเสียสละปกป้องชีวิตพระสวามี พระองค์ทรงพลีชีพเพื่อชาติ






สตรีผู้เชื่อมโยงแผ่นดินล้านนาและสยามประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว พระราชชายาเจ้าดารารัศมี เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ฝ่ายเหนือผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการรวมล้านนาเข้ากับสยาม เจ้าหญิงผู้เป็นดั่งดวงประทีปแห่งล้านนา ผู้มากด้วยพระอัจฉริยภาพ ผู้ทรงพลิกฟื้นศิลปวัฒนธรรมแห่งแผ่นดินล้านนา เจ้าหญิงผู้เสด็จลงมาถวายตัวแด่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ด้วยเหตุทางการเมือง ก่อเกิดเป็นตำนานรักอันยิ่งใหญ่ระหว่างสองราชวงศ์ที่ยากจะพรรณนาแห่งล้านนา


โดยนิทรรศการนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๑ มีนาคม และ ๗-๘ มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา ๑๑.oo-๒๑.oo น. ณ บริเวณลานกิจกรรม เอ พรอมเมนาดา รีสอร์ท มอลล์ เชียงใหม่





กาเบรียล ชาเนล ผู้ให้กำเนิดแบรนด์หรู CHANEL





โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรผิวสีฝีปากกล้า





ออง ซาน ซู จี



พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














กึ่งทศวรรษ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์



อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ขอเชิญชวนทุกท่านเที่ยวงาน “กึ่งทศวรรษ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” วันที่ ๕ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ภายในงานมีการจำลองตลาดโบราณย้อนยุค พบกับอาหารอร่อยกว่า ๒๐ ร้าน กิจกรรมสาธิตงานหัตถศิลป์ไทย พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับความงดงามของอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ โดยการสร้างสรรค์เทคโนโลยีให้อาคารมีชีวิต “อัญมณี แห่งมหานคร” ยามค่ำคืน ร่วมชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม และเปิดให้เข้าชม Night Museum at Nitas Rattanakosin รอบพิเศษฟรี!!! สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ ๖๒๑ ๐๐๔๔ หรือ nitasrattanakosin.com


นิทรรศการจัดได้ตั้งแต่วันที่ ๖ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. – ๒๑.๐๐ น. ภายในงานพบกับกิจกรรมพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส “กึ่งทศวรรษ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” มากมาย อาทิ


• การสร้างสรรค์เทคโนโลยี ให้อาคารมีชีวิต ชุด “อัญมณี แห่ง มหานคร” (เพลิดเพลินกับเสียงเพลงอันไพเราะ ดื่มดำกับแสงสีของอาคารที่เปลี่ยนไปตามจังหวะของเสียงเพลง โดยอาคารจะเปลี่ยนสีไปตามสีของอัญมณีทั้ง ๙ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของห้องจัดแสดงภายในอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์)


• การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม (ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงทางวัฒนธรรมไทย และร่วมสมัย ณ เวทีการแสดงด้านหน้าอาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์


งานจัดระหว่างวันที่ ๕ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ -๑๙.๓๐ นาฬิกา)
- วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ สนุกหรรษากับวงดนตรีสุนทราภรณ์คลื่นลูกใหม่
- วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ม่วนซื่น กับโปงลาง จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
- วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘ สุดยอดการแสดง “ เรืองโรจน์รัตนโกสินทร์ แผ่นดินทอง” จากทีมชนะเลิศ รายการคนไทยขั้นเทพ
- วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ โขน ศาลาเฉลิมกรุง ตอน “นารายณ์ปราบนนทุก”


• เดิมชม ชิม ช้อป ตลาดโบราณ (สัมผัสบรรยากาศ แห่งวันวาน เพลิดเพลินกับสีสันตลาดโบราณ ย้อนยุคเสน่ห์แห่งวิถีไทยสมัยรัตนโกสินทร์ พร้อมอิ่มเอมกับอาหารคาวหวาน หาทานยาก ๒๐ ร้านอร่อย ในเกาะรัตนโกสินทร์ อาทิ บ้านขันโตก ก๋วยเตี๋ยวผัดไทปทุม ข้าวเกรียบว่าวป้าโอ๋ตลาดน้าวัดไทร )


• กิจกรรมสาธิตงานหัตถศิลป์ไทย ความภูมิใจแห่งวัฒนธรรม
(กิจกรรมสาธิตงานฝีมือ ศิลปะชั้นสูง จากโรงเรียนช่างฝีมือในวังหญิง และโรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย พร้อมงานหัตถศิลป์จากชุมชนกรุงเทพมหานคร อาทิ งานร้อยมาลัยและการแกะสลักเครื่องสด ต้นฉบับสาวชาววัง สาธิตการทำเครื่องคาวหวาน หาทานยาก สาธิตงานช่างสิบหมู่ ศิลปกรรมชั้นสูง และหัตถศิป์ชุมชน มรดกทางวัฒนธรรม ที่หาชมได้ยาก)


• ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืน ที่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ Night Museum at Nitas Rattanakosin
(นิทรรศน์รัตนโกสินทร์เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีรอบพิเศษ โดยเปิดให้เข้าชมอาคารฟรี ในวันที่ ๖ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ในรอบ ๑๗.๒๐ น. , ๑๗.๔๐น. , ๑๘.๐๐น. , ๑๘.๒๐น. , ๑๘.๔๐ น. และ รอบสุดท้าย เวลา ๑๙.๐๐ น. พร้อมเปิดให้ประชาชนโทรจองรอบเข้าชมได้วันต่อวัน และสามารถยืนยันสิทธิ์รับบัตรในการเข้าชม ก่อนเวลา ๓๐ นาที)


หมายเหตุ : วันที่ ๕ มีนาคม จัดงานแถลงข่าว และเปิดให้ประชาชนร่วมกิจกรรมได้ ตั้งแต่วันที่ ๖ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. – ๒๑.๐๐ น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ ๖๒๑ ๐๐๔๔



































ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุคนิทรรศรัตนโกสินทร์














พิธีเปิด 'ศาลครูเอื้อ สุนทรสนาน



เนื่องในวาระ ๑o๕ ปีชาตกาล “ครูเอื้อ สุนทรสนาน” มูลนิธิสุนทราภรณ์ ร่วมกับ เทศบาลตำบลเหมืองใหม่ ได้จัดพิธีเปิด “ศาลครูเอื้อ” ณ บริเวณวัดราษฎร์บูรณะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ครูเอื้อสุนทรสนาน เข้าเรียนเป็นโรงเรียนแรก ตั้งอยู่บนถนนครูเอื้อ สุนทรสนาน ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยงานนี้ วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้ ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงฯ เป็นประธานในพิธี โดยมีคณะกรรมการ ที่ปรึกษา มูลนิธิสุนทราภรณ์ และแขกผู้มีเกียรติไปร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย ประธานที่ปรึกษามูลนิธิสุนทราภรณ์, ปัญญา งานเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม, ดร.จรัลธาดา กรรณสูต, รศ.ดร.คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ ศิลปินแห่งชาติ, รวงทอง ทองลั่นธม ศิลปินแห่งชาติ, ดร.สุวิชญ์ รัศมิภูติ, ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ, พลเรือเอกทวีป สุขพินิจ, ประกิตติ์ พิริยะเกียรติ อดีตรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ


“ศาลครูเอื้อ” ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่มูลนิธิสุนทราภรณ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เริ่มทำการก่อสร้างได้ เมื่อเจ้าอาวาสวัดราษฎร์บูรณะ ได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินด้านหน้าของวัด ติดกับถนนครูเอื้อ และเทศบาลตำบลเหมืองใหม่ ได้อนุมัติให้มูลนิธิสุนทราภรณ์ ทำการปรับปรุงศาลาที่พักคนเดินทาง มาเป็น “ศาลครูเอื้อ” ได้ โดย ดร.สุวิชญ์ รัศมิภูติ ที่ปรึกษามูลนิธิ ได้รับความร่วมมือจากผู้อำนวยการสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ออกแบบศาล และกนก บุญโพธิ์แก้ว อดีตรองอธิบดีกรมศิลปากร ผู้ปั้นรูปปั้นครูเอื้อ ที่ประดิษฐานอยู่ในบริเวณโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี ที่อนุสรณ์สถานครูเอื้อ สุนทรสนาน สวนลุมพินี และในพิพิธภัณฑ์บ้านครูเอื้อ...อัมพวา ได้มาเป็นผู้ปั้นรูปครูเอื้อ อีกครั้งหนึ่ง โดยมูลนิธิสุนทราภรณ์ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายร่วมกับผู้มี
จิตศรัทธาที่บริจาคเงินสมทบอีกจำนวนหนึ่ง


ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเที่ยวชม “ศาลครูเอื้อ” ซึ่งตั้งอยู่ ณ วัดราษฎร์บูรณะ ด้านถนนครูเอื้อ สุนทรสนาน ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สามารถเข้าชมตั้งแต่เวลา ๘.oo-๑๘.oo น. ทุกวัน



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














ประกวด "สุดยอดภูมิปัญญา เครื่องเบญจรงค์ไทย"



ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป.จัดโครงการประกวด “สุดยอดภูมิปัญญา เครื่องเบญจรงค์ไทย” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในหัวข้อ “วิถีชีวิตอาเซียน” พร้อมนำสุดยอดงานหัตถกรรม ๓o ผลงาน ร่วมจัดแสดงนิทรรศการภายใน “งานแสดงจิตรกรรมเครื่องกระเบื้องนานาชาติ ครั้งที่ ๒ หรือ Thailand International Porcelain Painting Convention 2015 (TIPP 2015)” จัดขึ้น ๖-๙ มีนาคมนี้ ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา






นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. เปิดเผยว่า ทาง ศ.ศ.ป.จัดประกวดโครงการ “สุดยอดภูมิปัญญาเครื่องเบญจรงค์ไทย” โดยงานที่จัดขึ้นจะเป็นการประกวดภายใต้หัวข้อ “วิถีชีวิตอาเซียน” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งการจัดงานดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อต้องการอนุรักษ์ และเผยแพร่งานเครื่องเบญจรงค์ไทย ที่เป็นงานหัตถศิลป์อันล้ำค่า มีความประณีตสวยงาม บ่งบอกถึงวิถีวัฒนธรรมที่มีอัตลักษณ์ของความเป็นไทย นำอวดสู่สายตาชาวต่างชาติ






โดยโครงการดังกล่าวจะยังเกิดประโยชน์โดยตรงต่อครูช่าง และช่างฝีมือเครื่องเบญจรงค์ไทย ได้รับโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ พร้อมนำมาพัฒนาผลงานของตนเองตลอดจนสามารถต่อยอดงานฝีมือสู่เชิงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเปิดตลาดในกลุ่มประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ช่วงปลายปี ๒๕๕๘ นี้






“โดยผลการตัดสินโครงการการประกวด “สุดยอดภูมิปัญญา เครื่องเบญจรงค์ไทย” ประจำปี ๒๕๕๘ ผู้ที่คว้ารางวัลที่ ๑ คือ “วิไลวรรณ ใช้บางยาง” เจ้าของผลงาน “โถชั้น ๙ นิ้ว” ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยเงินรางวัล ๗o,ooo บาท สำหรับรางวัลที่ ๒ “พนิดา แต้มจันทร์” เจ้าของผลงาน “โถชมจันทร์ลายบุษบาแห่งอาเซียน” รับใบประกาศนียบัตรพร้อมเงินรางวัล ๕o,ooo บาท และรางวัลที่ ๓ “วิฑูรย์ เจียวเจริญ” ชื่อผลงาน “ศูนย์รวมใจ” รับใบประกาศนียบัตรพร้อมเงินรางวัล ๓o,ooo บาท






นอกจากนี้ยังมีอีก ๘ ผลงานที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบ จะได้รับใบประกาศนียบัตรจาก ศ.ศ.ป. ซึ่งขั้นตอนการตัดสินปีนี้เราได้รับเกียรติจากคณะกรรมการฯ ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษา องค์กรภาครัฐ มาร่วมพิจารณาผลงาน เช่น กลุ่มจิตรกรรมสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเพาะช่าง คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ศิลปินกลุ่ม “นา” บ้านเบญจรงค์แกลลอรี่ ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประเภทเครื่องดิน ปี ๒๕๕๖ ผู้เชี่ยวชาญการเขียนลายเบญจรงค์ กลุ่มบ้านเบญจรงค์เมืองศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ และ ศ.ศ.ป.






โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาผลงาน เช่น ต้องตรงตามวัตถุประสงค์และหัวข้อของการประกวด มีแนวความคิด แรงบันดาลใจ และเอกลักษณ์ทางภูมิปัญญา มีคุณภาพ ความสวยงาม และอรรถประโยชน์ของผลงาน หมายถึงความพึงพอใจที่ผู้บริโภคจะได้รับ รวมทั้งองค์ประกอบการจัดวางและสัดส่วน ความเป็นไปได้ในการนำไปพัฒนาต่อในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น”






อย่างไรก็ตาม นอกจากผลงาน ๑๑ ท่านที่ผ่านการคัดเลือกแล้วยังมีอีก ๑๙ ผลงานที่จะถูกนำมาจัดแสดงภายใน “งานแสดงจิตรกรรมเครื่องกระเบื้องนานาชาติ ครั้งที่ ๒ หรือ Thailand International Porcelain Painting Convention 2015 (TIPP 2015)” มีกำหนดงานขึ้นในระหว่างวันที่ ๖-๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา






สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ o-๓๕๓๖-๗o๕๑ ต่อ ๑๓๕๖ คุณปาณัสม์ ปลอดมีชัย o-๓๕๓๖-๗o๕๑ ต่อ ๑๓๕๖, คุณกิตติภพ ศุภหิรัญ o๘-๘o๒o-๖๒o๒ หรือติดตามได้ที่ sacict.or.th, //www.facebook.com/thaibenjarongcontest ประกวดสุดยอดภูมิปัญญา “เครื่องเบญจรงค์ไทย”















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th
เฟซบุคประกวดสุดยอดภูมิปัญญา "เครื่องเบญจรงค์ไทย"














ประกวดจิตรกรรมเอเชีย พลัส ครั้งที่ ๕
"จังหวะ ดนตรี กวี ศิลป์"



การประกวดจิตรกรรมเอเชีย พลัส ครั้งที่ ๕ เตรียมเปิดรับผลงานจากผู้ที่สนใจแล้ว โดยการแถลงข่าวการจัดงาน มีคณะกรรมการการประกวด ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติ และศิลปินระดับประเทศ ทั้ง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งตอนนี้อาจารย์โกนศีรษะ ก็เพราะว่าอาจารย์ได้ถือศีลนุ่งขาวห่มขาว ในวันเกิดอายุ ๖o ปี เมื่อ ๑๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปิดวาจา กินวันละมื้อ อยู่ในโบสถ์ วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน นอกจากนั้นยังมี อ.อิทธิพล ตั้งโฉลก, อ.สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ และผู้บริหารจาก บ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน รวมทั้งการเปิดตัวกรรมการใหม่อีก ๒ ท่าน ที่จะมาทำหน้าที่แทน อ.ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งท่านเสียชีวิตไป คือ อ.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ และ อ.ถาวร โกอุดมวิทย์ ซึ่งหัวข้อการประกวดครั้งนี้ คือ จังหวะดนตรีกวีศิลป์


สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่ ๒o – ๒๔ เมษายนนี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร o๒-๖๘o-๑o๗๓ หรือ asiaplus.co.th โดยผู้ชนะเลิศอันดับ ๑ จะได้รับเงินรางวัล ๒oo,ooo บาท พร้อมเกียรติบัตร


ในงานนี้สื่อมวลชนยังให้ความสนใจไปถาม อ.เฉลิมชัย ถึงกรณีการตัดต้นมะหาดอายุ ๑๔๓ ปีให้ อ.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ และมูไก ศิลปินชาวญี่ปุ่น สร้างงานศิลปะที่ จ.กระบี่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วด้วย


ซึ่งงานศิลปะชิ้นนี้ตอนนี้ยังไม่เสร็จ เหลือเจาะรูของไม้บางส่วนคาดว่าไม่เกิน ๑ สัปดาห์ ก็จะเสร็จสิ้น จากนั้นจะนำไปติดตั้งที่ลานบริเวณหน้าเมืองกระบี่ งานชิ้นนี้ อ.เฉลิมชัยบอกว่าเป็นศิลปะจัดวาง ซึ่งนอกจากรูปทรงของชิ้นงานแล้วยังต้องอาศัยแสงเงาที่มากระทบเกิดเป็นความสวยงามด้วย


ส่วนใครที่อยากไปเที่ยววัดร่องขุ่น ต้องรีบไปเพราะเดือนเมษายนนี้ เตรียมปิดซ่อมแซมวัด เนื่องจากได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว หลังจากทยอยปิดซ่อมเป็นบางจุด ใช้เงินไปแล้ว ๒o ล้านบาท ทั้งเพื่อซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรง คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม และใช้งบทั้งหมด ๔o-๕o ล้านบาท



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com
krobkruakao.com














หนังสือ ๓๖o องศาที่คุณเห็นแล้วจะต้องทึ่ง โดย Yusuke Oono



หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานศิลปะของ Yusuke Oono ศิลปินชาวเยอรมันที่เคยคว้ารางวัลด้านการตัดมาแล้วที่งาน Fab Cafe laser cutter design contest เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และกับหนังสือคริสต์มาสเล่มนี้ก็เป็นเทคนิคเลเซอร์คัตที่เขาถนัดเช่นเดียวกัน


แนวคิดในการทำหนังสือที่สามารถดูรอบได้เช่นนี้เกิดจากการต้องการถ่ายทอดฉากในเรื่องให้เป็นภาพสามมิติ และสุดท้ายก็กลายเป็นทั้งเรื่องออกมา โดยตัวละครก็มีตั้งแต่ซานตาคลอสสุดคลาสสิค สโนว์แมนที่เด็ก ๆ วิ่งเข้าหา กวางเขายาว และที่ขาดไม่ได้ก็คือหิมะและสโนว์เฟลคที่พากันลอยละล่องอยู่ในหนังสือเล่มนี้



















ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














Workshop ดอกไม้กระดาษ


จัดในวันที่ ๑๔-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘


Basic 1

๑๔ มี.ค. / ๙.oo-๑๗.oo น./ ๔,๕oo บาทต่อท่าน
แพทเทิร์น ๔-๘-๑๒ กลีบ ให้เป็นดอกไม้ได้หลายชนิด


Basic 2

๑๕ มี.ค. / ๙.oo-๑๗.oo น./ ๔,๕ooบาทต่อท่าน

แพทเทิร์น ๑-๕ กลีบ ให้เป็นกุหลาบและดอกไม้ได้หลายชนิด

สมัครทางกล่องข้อความแฟนเพจ และ Lind id : paperart

เรียนที่บ้านบางขุนนนท์ ๒๔

*ใช้กระดาษเรเนซองซ์ ๒oo แกรม / มีอุปกรณ์ Workshop ให้พร้อมใช้

** เรียนคอร์สเดียวได้ แต่ถ้าจะเรียน Basic2 ต้องผ่าน Basic1 ก่อน



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุค Thaipaperart














สนามตรึก (IMPLY REPLY)



หลายวันก่อนกูรูการเงินมาถามไถ่ว่ามีหนังสือเล่มใดเขียนบอกเล่าความหมายของภาพเขียน หรือ ผลงานศิลปะ บ้างหรือไม่


สนทนากันไปทำให้ได้ทราบว่า หลายๆ ครั้งที่ได้พบเห็นภาพเขียน รูปปั้นของศิลปินที่มีชื่อเสียง อยากจะรู้ที่มาและความหมายที่แฝงอยู่ในผลงานชิ้นนั้นๆ ล่าสุด ไปร่วมงานเปิดนิทรรศการสนามตรึก (IMPLY REPLY) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ระหว่างทางเดินโค้งเพื่อเข้าสู่ห้องนิทรรศการชั้น ๘ มีการนำเรื่องราวและที่มาของผลงานศิลปะชิ้นสำคัญที่จัดแสดงในนิทรรศการดังกล่าว มาจัดแสดงไว้บนฝาผนังให้อ่านกันตัวโต ๆ สลับกับภาพประกอบที่แม้จะไม่ใช้ภาพผลงานชิ้นที่กำลังอธิบาย ทำให้อดคิดถึงกูรูการเงินผู้นั้นขึ้นมามิได้






สนามตรึก เป็นนิทรรศการรวบรวมผลงานของศิลปินอาว็อง-การ์ดชาวจีนที่พำนักอยู่ในกรุงปารีส หวง หย่ง ผิง และศิลปินไทยร่วมสมัย สาครินทร์ เครืออ่อน


หวง หย่ง ผิง (วัย ๖๑) เติบโตที่เซียะเหมิน ช่วงชีวิตผ่านเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ สังคม และการเมือง ตั้งแต่นโยบายปิดประเทศ เคยถูกส่งตัวไปทำงานในชนบทระหว่างการปฏิวัติวัฒนธรรม หลังนโยบายเปิดประเทศจึงเข้าเรียนด้านจิตรกรรมที่สถาบันศิลปะเจ้อเจียง และเป็นหนึ่งในปัญญาชนที่สนใจแนวคิดและโลกทัศน์ร่วมสมัยผ่านการอ่านตำราตะวันตกที่แปลเป็นภาษาจีน


แนวคิดศิลปะของเขาก่อรูปชัดเจนขึ้นจากการศึกษาศิลปะจีน ศิลปะตะวันตก ลัทธิดาดา ปรัชญาทางพุทธศาสนา ปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ ดังนั้นผลงานทางศิลปะของเขาจึงเปรียบเสมือนการสร้างตัวตนทางวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ให้กับจีน ผ่านแนวคิดสมัยใหม่แบบตะวันตกผสานกับรากฐานความเป็นจีนนำเสนอประเด็นทางสังคมร่วมสมัย


พ.ศ. ๒๕๓๒ เขาได้รับเชิญให้ไปแสดงผลงานศิลปะในปารีส การเดินทางครั้งนี้นำไปสู่การย้ายถิ่นพำนักและกลายเป็นพลเมืองฝรั่งเศสถาวร






สำหรับผลงานที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ รวบรวมมาจากคอลเลคชั่นของนักสะสมงานศิลปะและสถาบันทางศิลปะจอร์จ ปองปิดู ปารีส แต่ละชิ้นมีความยิ่งใหญ่และอลังการมาก ไม่ว่าจะเป็น The Nightmare of George V, 2002 ที่มีทั้งช้างและสิงโตขนาดเท่าจริง ซึ่งมีคำอธิบายของผลงานชิ้นนี้ให้อ่านบนผนังโค้งก่อนที่จะเข้าชมผลงานจริงกล่าวคือ


ในค.ศ. ๑๙๑๑ เมื่อกษัตริย์จอร์จที่ ๕ และมหาราชาแห่งเนปาลได้เสด็จออกล่าสัตว์ ในการเดินทางล่าสัตว์ด้วยกันครั้งนั้น การล่าเกิดขึ้นในตอนกลางวันซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนของเสือซึ่งพรางตัวอยู่ตามพุ่มไม้ ทั้งสองพระองค์จะยืนอยู่ในสัปคับบนหลังช้าง โดยมีควาญช้างควบคุมอยู่


ปี ค.ศ. ๒ooo หวง หย่ง ผิง ไปชมพิพิธภัณฑ์บริสทอล ที่ประเทศอังกฤษ ได้พบเสือสต๊าฟที่ได้รับมาจากกษัตริย์จอร์จที่ ๕ ต่อมาเขาไปพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ ฝรั่งเศส พบว่ามีสัตว์ที่ถูกสต๊าฟไว้ในยุคจักรวรรดินิยมมากมาย รวมถึงเสือตัวที่อยู่ในฉากกระโจนขึ้นเพื่อจู่โจมคนที่อยู่บนหลังช้างด้วย


เมื่อศิลปินนำเหตุการณ์ดังกล่าวมาผลิตซ้ำในสถานที่และวันเวลาใหม่ ดึงความหมายจากยุคล่าอาณานิคมให้เชื่อมโยงกับปัจจุบัน นำเสนอการเรียบเรียงของประวัติศาสตร์ การจัดลำดับพลิกกลับ รวมถึงการกลายพันธุ์ของอำนาจเดิมที่แฝงอยู่ในรูปแบบอื่น






Passage1993 / 2005 เป็นประติมากรรมอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก แม้จะเป็นผลงานที่ทำขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้ว ศิลปินเล่าถึงแรงบันดาลใจว่าเมื่อครั้งเดินทางไปถึงสนามบินกลาสโกว์ ของสก็อตต์แล้ว แล้วพบป้าย EC National และ Other ในขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง ปี ๑๙๙๓ ยุโรปมีระเบียบในการตรวจหนังสือเดินทางผู้เดินทางทุกคนจะต้องพิจารณาว่าตนเองควรจะเลือกเข้าแถวในช่องใด ความคิดเกี่ยวกับการแบ่งแยก การคัดกรองได้เชื่อมไปสู่มุมมองเชิงอำนาจเปรียบด้วยกับกรงสิงโตที่เดินผ่านและไม่มีตัวตนให้เห็นชัดเจน


วันอาทิตย์หน้า มาลงสนามกันต่อกับผลงานของ สาครินทร์ เครืออ่อน ศิลปินร่วมสมัยชาวแม่ฮ่องสอน วัย ๕o ที่จะมาชวนตรึกตรองและสนทนาว่าด้วยประเด็นทางสังคมร่วมสมัย โต้ตอบกับผลงานของศิลปินอาว็อง-การ์ดชาวจีนรุ่นใหญ่อย่างไร โปรดติดตาม


หมายเหตุ : นิทรรศการสนามตรึก - Imply Reply: หวง หย่ง ผิง และ สาครินทร์ เครืออ่อน จัดแสดงที่แกลลอรี ชั้น ๘ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันนี้ - ๒๖ เมษายน ๒๕๕๘



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์














ม.รังสิตสร้างหนังสั้น ๓ เรื่องให้จ.น่าน
เปิดให้ชมในเทศกาลศิลปะน่านครั้งที่่ ๒



โครงการเทศกาลศิลปะน่านครั้งที่ ๒ ได้ดำเนินต่อเนื่องจากงานเทศกาลศิลปะในปีที่ผ่านมา จากเสียงตอบรับมากมายจนเกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นปีที่ ๒ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในงานด้านศิลปะ โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ กุมภาพันธ์ ณ สองฝั่งแม่น้ำน่าน งานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งอาจารย์วินัย ปราบริปู ศิลปินแห่งหอศิลป์ริมน่าน ศิลปินผู้มีชื่อเสียงจากหลาย ๆ แขนง และศิลปินคนเมืองน่านมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในแขนงที่ตัวเองถนัด โดยถ่ายทอดผ่านพื้นที่เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสารงานศิลป์อันทรงพลังและเป็นรูปธรรมที่เข้าใจง่าย เพื่อขับเคลื่อนให้ผู้ชมงาน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อมผ่านงานด้านศิลปะ นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยรังสิตในการสร้างหนังสั้น ๓ เรื่องให้จังหวัดน่าน เป็นของผลงานของนักศึกษาที่เป็นศิลปินดาราในมหาวิทยาลัย โดย อภิญญา-ณเดชน์-ธันวา ร่วมสร้างหนังสั้นทั้ง ๓ และโชว์ผลงานสู่สายตาประชาชน


กิจกรรมหลักภายในงานเทศกาลศิลปะครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่มาร่วมขับขานบทกวีร่วมกับการแสดงดนตรีของวงคันนายาว อาจารย์เทพศิริ สุขโสภา ศิลปินที่มีชื่อเสียงจากการวาดภาพ พร้อมกันเล่านิทานผ่านเสียงดนตรี ทั้งยังมีผลงานกำกับจากผู้กำกับฝีมือดีที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสั้น และนักแสดงชื่อดัง ณเดชน์ คูกิมิยะ นอกจากนี้ยังมี สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงสาวและพิธีกรมากความสามารถ และยังมีนักแสดงหนุ่มคือ ธันวา สุริยจักร มาร่วมเปิดเผยการได้กำกับภาพยนตร์หนังสั้น ได้ทั้ง ๓ คนเป็นนักศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์และวีดิทัศน์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ที่นำผลงานหนังสั้นของตนเองมาฉายให้ได้ชม พร้อมทั้งพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน


นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตจากน้าหงา วงคาราวาน วงนั่งเล่น วงสินเจริญบราเธอร์ส เป๊ก ผลิตโชค และการแสดงดนตรีพื้นเมืองของศิลปินญี่ปุ่น งานเทศกาลศิลปะน่านครั้งที่ ๒ ตอนรักป่าน่านนับเป็นอีกบทหนึ่งที่จะปลูกฝัง บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ศิลปะให้กับเด็กและเยาวชนได้เติบโตอย่างแกร่งกล้า พร้อมเป็นต้นศิลปะที่ดีที่จะผลิตผลงานสร้างสรรค์ออกสู่สังคม อีกทั้งยังจุดประกายให้ชุมชนคนในพื้นที่และสังคมไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของผืนป่า รักและหวงแหนป่าต้นน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริอย่างยั่งยืนสืบไป


และก่อนที่จะมาเป็นหนังสั้น ๓ เรื่อง และการถ่ายทอดความงามของเมืองน่าน เป็นผลงานจากมหาวิทยาลัยรังสิต โดยท่านอธิการบดี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ได้เปิดเผยว่า การผลิตหนังสั้นดังกล่าว เบื้องต้นในหลักสูตรนิเทศศาสตร์มีเกณฑ์ว่า นักศึกษาที่จะสำเร็จการศึกษาได้ ทุกคนจะต้องทำปริญญานิพนธ์ตามสาขาวิชาที่ตนเรียน และนักศึกษาภาพยนตร์เองก็ต้องเขียนบทสร้างหนังขึ้นมา โดยนำความรู้ที่เรียนมาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติมาสร้างสรรค์ผลงาน จะเป็นใบเบิกทางที่ดีในการประกอบอาชีพต่อไป


ขณะเดียวกัน ๓ นักแสดง ณเดชน์ คูกิมิยะ, อภิญญา สกุลเจริญสุข และธันวา สุริยจักร ซึ่งศึกษาในชั้นปีที่ ๔ และต้องทำโปรเจ็กต์จบ ประกอบกับความพร้อมที่คณะเองมีนักแสดงที่เรียนในสาขาภาพยนตร์หลายคน รวมทั้งมีอุปกรณ์ เครื่องมือ และทีมงานนักศึกษาโปรเจ็กต์ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น โดย ๓ นักแสดงข้างต้นเป็นผู้เขียนบทและกำกับการแสดงหนังสั้นทั้ง ๓ เรื่องเอง โดยหนังสั้น ๓ เรื่องนี้มี ๓ สไตล์จาก ๓ ผู้กำกับ ความยาวประมาณเรื่องละ ๓o นาที ที่พร้อมจะมาฉายให้คนที่จังหวัดน่านและนักท่องเที่ยวที่มาในงานนี้รวมชม ซึ่งนับเป็นผลงานที่น่าชื่นชมของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต โดยการที่จะทำภาพยนตร์หนังสั้นทั้ง ๓ เรื่องนี้ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต้องลงพื้นที่เองเพื่อศึกษาถึงวิถีชาวบ้าน ศึกษาถึงศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาและภูมิประเทศ และการดำรงชีวิตของคนในจังหวัดน่าน รวมถึงแง่คิดต่าง ๆ ที่ผู้กำกับแต่ละคนต้องการจะสอดแทรกและถ่ายทอดไปยังผู้ชม นับได้ว่าเป็นผลงานที่น่าชื่นชมของนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตที่สร้างภาพยนตร์สั้นทั้ง ๓ เรื่องออกสู่สายตาประชาชน แม้ผลงานที่ออกมาอาจไม่ดีเท่ามืออาชีพ แต่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการร่วมมือกันของนักศึกษาในความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำผลงานให้ออกมามีประสิทธิภาพ และก้าวสู่มืออาชีพในอนาคตต่อไป.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
chiangraifocus.com














Contemporary Art ใน Neue Galerie เมือง Grazออสเตรีย



ผลงานแนว Contemporary Art ที่โดดเด่นที่สุดชุดหนึ่งใน Neue Galerie เมือง Graz ก็คือ ผลงานของ Gunter Brus จิตรกรนักเขียน ผู้สร้างภาพยนตร์ และศิลปินด้านการละครชาวออสเตรีย ผู้ร่วมก่อตั้ง Viennese Actionism ศิลปะการละครแนวใหม่ในปี ๑๙๖๔ ที่มีความตั้งใจที่จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชม เช่น Brus แสดงละครด้วยการปัสสาวะต่อหน้าผู้ชมและดื่มปัสสาวะของตัวเอง ตามด้วยการอาเจียนออกมาโดยในขณะแสดงละครเขาก็ร้องเพลงชาติออสเตรียและสำเร็จความใคร่ไปพร้อม ๆ กันด้วย หลังจบการแสดงเขาอาเจียนออกมาก่อนที่จะถูกทางการจับตัวไป





"Eye In Danger"



หลังจากที่ Brus ได้ค้นหาแนวทางศิลปะที่ตัวเองต้องการแสดงอยู่กว่า ๕o ปี เขาก็ได้ยกเลิกแนวทางศิลปะ Actionism และเริ่มสร้างผลงานทางด้านจิตรกรรม และเขียนบทละคร เขาได้เสนอผลงานละครครั้งแรกพร้อมกับการออกแบบฉากและเสื้อผ้า อย่างไรก็ดี แม้การแสดงของเขาจะดูป่าเถื่อนและบ้าบอ แต่ผลงานการออกแบบเสื้อผ้าและฉากของเขากลับนาชื่นชมยิ่ง จนเขาได้รับรางวัล Grand Austrian State Prize ในปี ๑๙๙๗ และ Neue Galerie ยังได้ให้เกียรติจัดแสดงผลงานของเขาหนึ่งห้องภายใต้ชื่อ Excursions to the Stage BRUSEUM ผลงานที่จัดแสดงใน Neue Galerie ที่นำเสนอการออกแบบเสื้อผ้า การศึกษา แบบร่าง ภาพวาด วัตถุต่าง ๆ เกี่ยวกับบทละครที่ Brus เขียนนี้มีความแปลกตาและน่าทึ่งมากจนถือเป็น Highlight หนึ่งของมิวเซียมเลยทีเดียว





"Iris Standing"



นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีการจัดแสดงแบบชั่วคราวอย่างสมํ่าเสมอด้วย เช่น ผลงานของ MariaLassnig ศิลปินชาวออสเตรียผู้มีชื่อเสียงในการเขียนภาพเหมือนตัวเองและผู้ก่อตั้งทฤษฎีBody Awareness ศิลปินหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลGrand Austrian State Prize ในปี ๑๙๘๘ และยังได้รับรางวัล Austrian Decorationfor Science and Art ในปี ๒oo๕ นี้เป็นสมาชิกของกลุ่ม Dog Pack ที่ก่อตั้งขึ้นในทศวรรษที่ ๑๙๕o





"Self portrait as a Tremendously"



ในปี ๑๙๔๘ Lassnig ได้บัญญัติศัพท์ใหม่ว่า body consciousness เพื่ออธิบายถึงสิ่งที่เธอวาด นั่นคือ รูปเหมือนของเธอเองที่มีเฉพาะส่วนของร่างกายที่มีความรู้สึกขณะที่เธอกำลังวาดส่งผลให้บางส่วนของร่างกายขาดหายไป หรือมีสีสันผิดปกติในภาพเหมือนนั้น ๆ ของเธอ หลังทศวรรษที่ ๑๙๖o เธอเลิกให้ความสนใจกับการวาดภาพ Abstract แล้วหันมาให้ความสนใจแต่กับการวาดภาพร่างกายมนุษย์ที่สัมพันธ์กับจิตวิทยาโดยสร้างสรรค์ผลงานภาพเหมือนของตัวเองออกมาหลายร้อยภาพ





"Self portrait with Annoying lines"



ระหว่างปี ๑๙๖๘-๘o ขณะที่ Lassnig อาศัยในนิวยอร์ก เธอได้สร้างภาพยนตร์สั้นออกมา ๖ เรื่อง เช่น Self portrait, Couples หลังปี ๑๙๘o เธอย้อนกลับไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเวียนนา และกลายเป็นศาสตราจารย์ด้านจิตรกรรมคนแรกของประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมนี ผลงานของเธอเป็นที่ประจักษ์ในแวดวงภัณฑรักษ์จนได้จัดแสดงนิทรรศการในมิวเซียมชั้นนำหลายแห่ง เช่น Centre George Pompidou, Serpentine Gallery, Deichtorhallen Hamburg นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยือน Neue Galerie เมือง Graz จะได้มีโอกาสตื่นตาตื่นใจกับผลงานของศิลปินทั้งสองที่แสนจะแหวกแนวจนรู้สึกอยากเป็นศิลปินแนว Contemporary เลยทีเดียว





"Self Portrait with Muzzle"





"The Blue Flower of Romance"





"Self Portrait with Rod"















ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














ปฏิทินเทศกาลอินเดีย ๒o๑๕



เฉลิมฉลองแคว้นอัสสัม
สถานที่: โรงแรมแกรนด์มิลเลเนียม
วันศุกร์ที่ ๖ มีนาคม ๒o๑๕ เวลา ๑๘.๓o น. (เฉพาะบัตรเชิญ)


แฟชั่นโชว์ผ้าพื้นเมืองของแคว้นอัสสัม ซึ่งตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ท่ามกลางระบำพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ การแสดงได้รับแรงบันดาลใจจากครั้งที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนรัฐนาคาแลนด์เมื่อปีที่แล้ว งานค่ำคืนนี้จบลงด้วยเสียงไวโอลินของนักดนตรีชาวอินเดีย


ราคู ดิซิท โปรเจ็กต์ (RAGHU DIXIT PROJECT) สถานที่: ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ๑๘.๓o น. วันอังคารที่ ๑o มีนาคม ๒o๑๕ (ชมฟรีสำหรับบุคคลทั่วไป)


วงดนตรีสไตล์โฟล์กฟิวชั่นผสมผสานดนตรีสากลเข้ากับดนตรีพื้นเมืองอินเดีย ราคู ดิซิท ทั้งร้องทั้งเล่นอะคูสติก กีตาร์กับเพื่อนนักดนตรี นักกีตาร์ นักไว โอลิน นักกลองทาบลา ผู้ชมจะได้ดื่มด่ำทั้งเพลงบรรเลง เพลงร้องภาษาอินเดียและภาษาอังกฤษ


คณะนาฏศิลป์ดักชาเซธ (DAKSHA SETH DANCE COM PANY) สถานที่: โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ ๑๘.๓o น. วันศุกร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒o๑๕ (ชมฟรีสำหรับบุคคลทั่วไป)


การแสดงที่มีชื่อว่า "ส่าหรี"ย้อนเรื่องราวลึกลับประวัติอันน่ามหัศจรรย์ของผ้าอินเดียที่มาจากต่างแดน ในคณะยังมีเดวิซ ซาโร นักเขียนและนักออกแบบท่าเต้น รวมทั้งไอชา ชาร์วานี ดาราสาวสวย


คณะดนตรีราชสถานจอช (RAJASTHAN JOSH) สถานที่: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๑๕.oo น. วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มีนาคม ๒o๑๕ ๒o๑๕ (ชมฟรีสำหรับบุคคลทั่วไป)


การแสดงดนตรีพื้นเมืองจากแคว้นราชสถาน เจือกลิ่นอายดนตรีซูฟิและปัญจาบ จากเครื่องดนตรีพื้นเมืองและเสียงนักร้อง


นิทรรศการ "การอุทิศบูชาในแบบต่าง ๆ" (FORMS OF DEVOTIONS) สถานที่: คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๗ เมษายน-๑o พฤษภาคม ๒o๑๕ ฟรีสำหรับบุคคลทั่วไป


นิทรรศการผลงานในรูปแบบต่าง ๆ (ภาพตัดปะ ประติมากรรม วิดีโอ ภาพถ่าย) จำนวน ๒oo ชิ้น


โปรแกรมวรรณกรรม (WORDS ON WATER) สถานที่: หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันจันทร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒o๑๕


ร่วมวงเสวนาโดย ๕ นักเขียนร่วมสมัยชาวอินเดีย ซึ่งประกอบด้วย วิกาส สวารัป นักเขียนหนังสือ Q&A อันเป็นที่มาของหนังเรื่อง SLUMDOG MILLIONAIRE, อามิช ตรีปาธี นักเขียนเรื่อง SHIVA TRILOGY, อาร์เชีย ซัตตาร์, ไชเลนดรา กุลาติ และชารู ซิงห์



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
เฟซบุค Indian Cultural Center Bangkok




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 05 มีนาคม 2558
Last Update : 5 มีนาคม 2558 22:14:57 น. 0 comments
Counter : 3508 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.