happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
3 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙๙





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










เทิดพระเกียรติพระเทพฯ ๖o พรรษา กรมตรวจบัญชีจัดประกวดภาพวาด-ร้อยกรอง.



นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้จัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บัญชี นำวิถีสู่ความพอเพียง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระชนมายุครบ ๕ รอบ วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ รวมทั้งส่งเสริมแนวคิดในการใช้บัญชีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดให้มีการประกวดวาดภาพระบายสี เรื่อง “สมเด็จพระเทพฯ...ในดวงใจของหนู”


ทั้งนี้นักเรียนที่จะส่งผลงานเข้าประกวด ต้องเป็นนักเรียนโรงเรียนในโครงการตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์รับผิดชอบ จำนวน ๔๙๙ โรงเรียน แบ่งเป็น สังกัดตชด.๑๙๖ แห่ง สพฐ.๒o๑ แห่ง สช. ๑๖ แห่ง อบต. ๙ แห่ง โดยการประกวดจะแบ่งเป็น ๒ ระดับ คือ ๑. ระดับประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ ขนาดกระดาษ ๑๕x๑๑ นิ้ว และ ๒. ระดับประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ขนาดกระดาษ ๑๕x๒๒ นิ้ว โดยใช้สีไม้และสีเทียน ที่สำคัญจะต้องเป็นผลงานที่ทำด้วยฝีมือและความคิดของผู้เข้าประกวดเอง รวมทั้งไม่เคยได้รับรางวัล และไม่เคยตีพิมพ์และเผยแพร่มาก่อน


โดยผู้ชนะการประวดจะได้รับรางวัล ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ๑ รางวัล เงินรางวัล ๑o,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศ ๒ รางวัล เงินรางวัล ๘,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร และรางวัลชมเชย ๓ รางวัล เงินรางวัล ๕,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร โดยส่ง ผลงานเข้าประกวดด้วยตนเองทางไปรษณีย์ วงเล็บมุมซองว่า ประกวดวาดภาพ ระบายสี ประกาศผลผู้ชนะเลิศในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๘


นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการประกวดบทร้อยแก้ว เรื่อง “บัญชี นำวิถีสู่ความพอเพียง” แบ่งการประกวดออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ นักเรียนโรงเรียนในโครงการตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ๔๙๙ โรงเรียน มี ๒ ระดับคือ ระดับ ๓ ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา-ปวช. และระดับประชาชน นิสิต นักศึกษา


ทั้งนี้ รางวัลชนะเลิศ ๑ รางวัล ได้รับเงินรางวัล ๑o,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลรองชนะเลิศ ๒ รางวัล ได้รับเงินรางวัล ๘,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร และรางวัลชมเชย ๓ รางวัล ได้รับเงินรางวัล ๕,ooo บาท พร้อมประกาศนียบัตร โดยจะได้รับรางวัลเท่ากันทุกระดับชั้น



พระฉายาลักษณ์และข้อมูลจาก
naewna.com














“พระผู้สร้างรอยยิ้ม”



"หม่อมปนัดดา" เผยรัฐบาลจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖o พรรษา ภายใต้หัวข้อ “พระผู้สร้างรอยยิ้ม” ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ยกพระจริยวัตรงดงามเป็นขวัญและแรงบันดาลใจให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติ






ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ วันที่ ๒ เม.ย. ๒๕๕๘ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ได้ร่วมกับสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และบริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้หัวข้อ “พระผู้สร้างรอยยิ้ม” โดยกำหนดจัดนิทรรศการ ดังนี้ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑-๘ เม.ย. ๒๕๕๘ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ เม.ย. ๒๕๕๘ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ ๗-๑o พ.ค. ๒๕๕๘ ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ภาคกลาง ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ พ.ค. ๒๕๕๘ ณ หอประชุมพิพัฒน์มงคล องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม และภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๔-๗ มิ.ย. ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุมช้างเผือก องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่






สำหรับรูปแบบนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “พระผู้สร้างรอยยิ้ม” แบ่งเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ พระปรีชาสามารถ ตกแต่งพื้นที่ด้วยการ์ตูนลายฝีพระหัตถ์ จัดแสดงหนังสือพระราชนิพนธ์ ภาพวาดฝีพระหัตถ์ บทเพลงพระราชนิพนธ์ จุดลงนามถวายพระพร และการจำหน่ายสินค้าจากร้านภูฟ้า ส่วนที่ ๒ พระจริยวัตร จัดแสดงพระฉายาลักษณ์ที่แสดงถึงพระจริยวัตรที่งดงามเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม โดยแบ่งตามช่วงพรรษา ตั้งแต่ช่วงพรรษา ๑-๑๒ พรรษา “เจ้าหญิงน้อยรอยยิ้มพิมพ์ประจักษ์” ช่วงพรรษา ๑๓-๒๔ พรรษา “งามพระจริยวัตรสยามบรมราชกุมารี” ช่วงพรรษา ๒๕-๓๖ พรรษา “เสด็จตามรอยพระยุคลบาททั่วปฐพี” ช่วงพรรษา ๓๗-๔๘ พรรษา “สานสัมพันธไมตรีด้วยพระเมตตา” และช่วงพรรษา ๔๙-๖o พรรษา “คือพระผู้สร้างรอยยิ้มแก่ปวงชน” และส่วนที่ ๓ พระกรุณาธิคุณ จัดแสดงเรื่องราวพระราชกรณียกิจและพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยจัดแสดงดนตรี และฉายภาพยนตร์ประกอบเพลง “พระผู้สร้างรอยยิ้ม”






ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระปรีชาสามารถในศาสตร์หลายด้านหลายแขนง เป็นที่เทิดทูนชื่นชมยินดีแก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ อีกทั้งยังทรงปฏิบัติพระภารกิจมากมาย แม้จะทรงเหนื่อยยากตรากตรำเพียงใด เราก็ยังคงเห็นรอยแย้มพระสรวลอยู่ตลอดเวลา พระจริยวัตรอันงดงามนี้เป็นขวัญและแรงบันดาลใจให้คนไทยมีความมานะอุตสาหะ มีความปิติ และยิ้มตามอย่างมีความสุข สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทรงเป็น “พระผู้สร้างรอยยิ้ม” ของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง






"ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกคนร่วมแสดงความจงรักภักดี และลงนามถวายพระพรตามสถานที่ต่าง ๆ ที่จัดไว้ รวมทั้งร่วมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน"ม.ล.ปนัดดากล่าว























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th
entertain.enjoyjam.net














เจ้าหญิงแห่งวงการศิลป์ในหัวใจศิลปินทุกแขนง



ศิลปะเป็นเครื่องมือบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างสุนทรีย์และจริงใจอย่างหนึ่ง ไม่แปลกนักที่เรามักมองภาพวาดแล้วยิ้มโดยไม่ต้องมีคำบรรยายใด ๆ เหมือนกับบรรยากาศนิทรรศการ “ศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” โดยนิตยสารแพรว ได้รวมรวบผลงานจากศิลปินดังมาร่วมจัดแสดง เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าหญิงในดวงใจของคนไทยรวมทั้งหมด ๓๒ ผลงาน ต่างบอกเล่าทุกเรื่องราวประทับใจจากผู้วาดแต่ละคนได้สวยงามและซาบซึ่ง บริเวณ ฮอลล์ อ๊อฟ เฟรม ชั้นเอ็ม ศูนย์การค้าสยามพารากอน


งานนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการฯ ท่ามกลางความปลาบปลื้มของประชาชนที่ได้เห็นพระจริยวัตรงดงามของเจ้าฟ้านักพัฒนาผ่านผลงานภาพวาด ภาพถ่าย ภาพพิมพ์ และ ประติมากรรมสวยงามมีความหมาย แน่นอนว่าผลงานดี ๆ ย่อมเกิดมาจากความประทับใจส่วนตัวของผู้รังสรรค์ต่อพระจริยวัตร พระราชกรณียกิจที่ทรงทุ่มเทรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยไว้เสมอมา


เริ่มจากผลงานพระฉายาลักษณ์โดดเด่นงดงาม ทรงฉลองพระองค์ชุดไทยสวยงาม ฉากด้านหลังเป็นวัดภูมินทร์ จ.น่าน ที่ นิติกร กรัยวิเชียร ได้รับประทานอนุญาตให้บันทึกเอาไว้เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เห็นชัดถึงสายพระเนตรแจ่มใสและมีพระเมตตา ชวนให้ปลาบปลื้มและมีรอยยิ้มเมื่อแรกเห็น


“รู้สึกประทับใจในทุก ๆ เรื่อง ทรงทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อประชาชนอย่างเแท้จริง โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ด้วยพระเมตตาสังเกตได้ว่าคนไทยทุกคนรักท่าน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเมื่อพูดถึงพระองค์ท่านก็ต้องรู้สึกรัก ผมก็เป็นหนึ่งในคนไทยเหล่านั้น อาจจะโชคดีกว่าตรงที่ได้ทำงานถวายบ้าง ก็ยิ่งได้เห็นพระราชจริยวัตรที่งดงาม ทรงมีพระเมตตาเสมอต้นเสมอปลายทุกอย่าง แล้วทรงไม่เคยถือพระองค์เลย”






ถัดมาเป็นภาพลายลงรักปิดทอง “เทพรัตนศิลป์สุวรรณภูมิ” ประกอบด้วยลวดลายประจำ ๑o ประเทศอาเซียน ของ ศ.เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง สื่อถึงความเป็นผู้อนุรักษ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ประจักษ์ให้เห็นไปในหลายประเทศ


“พระองค์ท่านเป็นครูด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นผู้อนุรักษ์สืบสาน พัฒนา สร้างสรรค์ สนับสนุน และเผยแพร่ด้านศิลปะในทุกด้าน ไปประเทศไหนทรงถือแต่สมุดสเก็ตช์ ไม่ก็ทรงถ่ายรูป เก็บข้อมูลด้านศิลปวัฒนธรรมไว้ครบถ้วน ในรูปเลยมีพระองค์ท่านยืนจดบันทึกอยู่ภายในลวดลายของทั้ง ๑o ชาติอาเซียนถือเป็นตัวแทนของศิลป์สุวรรณภูมิ จากใจศิลปินไทยคนหนึ่งที่มองพระองค์ท่านแล้วสื่อสารออกมาเป็นภาพนี้ ”


ความขยันหมั่นเพียรก็เป็นอีกแรงบันดาลใจให้ ศ.เกียรติคุณ พิษณุ ศุภนิมิตร ใช้รูปพระจริยวัตรขณะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เห็นกันในอินเทอร์เน็ตมาสร้างสรรค์เป็นผลงานภาพสีน้ำ “ตามรอยพระมหาชนก” สื่อถึงความขยันที่ทรงมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแบบอย่าง


“ผมก็เหมือนคนไทยทุกคนเวลาดูข่าวเสด็จฯ ไปทำพระราชกรณียกิจที่ไหนก็มีความสุข พระองค์ท่านไปที่ไหนไม่เคยเผยความรู้สึกเหนื่อย เศร้า ให้เราเห็นเลย ทรงพระเกษมสำราญกับงานทุกที่ที่ไป ผมชอบที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ไปประเทศลาว แล้วทรงร่วมรำวงกับชาวบ้าน ไม่ถือพระองค์ไม่เหน็ดเหนื่อย นั้นคือความประทับใจที่ผมมีต่อพระองค์ท่านมาตลอดเป็นตัวอย่างของนักทำงาน และคนที่มีความเพียร”






จากการร่วมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเทศกาลวันตรุษจีน เยาวราช ทำให้ อ.ปัญญา วิจินธนสาร ประทับใจที่ทรงใส่พระทัยประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนทุกปี จึงค้นหาภาพเยาวราชใน ๖o ปีก่อน มาวาดใหม่เป็นผลงาน “เยาวราช สธ.60” ผ่านภาพบ้านเมืองเก่าหาดูยาก


"เส้นทางบนถนนเยาวราชนี้เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับผมและคนไทยที่อยู่ในบรรยากาศการรับเสด็จทุกคน ผมประทับใจพระองค์ท่านที่ทรงเป็นแบบอย่างของการใฝ่หาความรู้ ทรงมีเป็นคุณสมบัติพิเศษ ลองสังเกตดูว่าปัจจุบันเราไปไหนเราไม่ได้เก็บบันทึกสิ่งดี ๆ เหล่านั้นก็เลือนหายไป แต่พระองค์ท่านเสด็จฯ ไปไหนก็ตามแล้ว ทรงจดบันทึกไว้ตลอดไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือหรือภาพถ่าย การใฝ่หาความรู้ของพระองค์ท่านสำคัญมาก สิ่งที่ทรงบันทึกไว้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สำคัญมาก อยากให้คนไทยช่างจดช่างจำเหมือนพระองค์ท่าน เพราะวันนี้ไปไหนความรู้ยังมีอยู่รอบตัว แต่สักพักหนึ่งจะหายไปหมดเล้วคนรุ่นหลังจะได้เรียนรู้ ”


ปิดท้ายที่ความประทับใจด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านผลงานภาพพิมพ์ซิลสกรีนจากยางลูกมะพลับของ รศ.ญาณวิทย์ กุญแจทอง ซึ่งมีต้นแบบจากภาพถ่ายฝีพระหัตถ์นกในป่าอุดมสมบูรณ์ ครั้นทรงเสด็จฯ เยือนประเทศบังกลาเทศ


"ผมเป็นคนทำงานอนุรักษ์ป่า ทำงานโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเลยประทับใจภาพนี้เป็นพิเศษ และผมประทับใจที่ทรงชอบเขียนรูป และภ่ายภาพเองด้วย เป็นมุมหนึ่งที่ผมชอบ อยากให้คนไทยรู้จักเยอะ ๆ มีหลายภาพจากฝีพระหัตถ์พระองค์ท่านที่ผมชอบ เช่น ภาพวิวในเมืองต่าง ๆ ทรงจะบรรยายความเป็นอยู่ได้ดี ภาพป่าไม้ที่ทรงเสด็จฯ ไปทรงงานเพื่อการอนุรักษ์ มีรูปที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ไปนิวยอร์ก ในชุมชนคนไทย ทรงถ่ายรูปป้ายเขียนเป็นภาษาไทยว่ารับแก้ผ้า ซึ่งความจริงแล้วเป็นป้ายร้านรับปัก ชุน เย็บผ้า คนดูก็จะอมยิ้มทุกทีที่เห็น ผมรู้สึกว่าพระองค์ท่านมีอารมณ์ขัน”


นับเป็นภาพความประทับใจของคนกลุ่มสาขาหนึ่งและภาพเหล่านี้ก็มีอยู่ในใจของคนทั้งประเทศ เชื่อว่าความรู้สึกจะสมบูรณ์แบบมากขึ้น เมื่อเราสามารถนำพระจริยวัตรที่ประทับใจนี้ไปน้อมนำปฏิบัติตามกันอย่างสม่ำเสมอ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒ เมษายนโดยทรงมีพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖o ชันษา ถือว่าเป็นมหามงคลของปวงพสกนิกรชาวไทย ข้าพระพุทธเจ้าทีมข่าวสังคมหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพร ขอทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ปราศจากโรคาภยันตรายทั้งปวง ของทรงพระเจริญยิิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม



พระฉายาลักษณ์​ พระสาทิสลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














แสตมป์ '๖o พรรษา สมเด็จพระเทพฯ'



ในโอกาสปีมหามงคลฉลองพระชนมพรรษา (น พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมเฉลิมฉลองด้วยการจัดสร้างตราไปรษณียากรที่ระลึกชุด “๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” โดยตั้งโต๊ะแถลงข่าวบอกเล่ารายละเอียดพร้อมเปิดเผยเบื้องหลังพระฉายาลักษณ์ที่กลายมาเป็นภาพบนแสตมป์มหามงคล ที่พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร สามเสนใน เมื่อวันก่อน


วิบูลย์ เสรีชัยพร ผู้จัดการฝ่ายตลาดตราไปรษณียากร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่าในโอกาสพิเศษปีมหามงคลนี้ บริษัทได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติด้วยการจัดทำแสตมป์ทั้งหมด ๕ ชุด คือ แสตมป์ปีนักษัตร ๒๕๕๘ เริ่มจำหน่ายไปแล้วเมื่อวันที่ ๑ มกราคมที่ผ่านมา, แสตมป์สื่อแห่งความรักปี ๒๕๕๘ ชุดกุหลาบพระนามสิรินธร จำหน่ายเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา, แสตมป์ที่ระลึกงานกาชาดปี ๒๕๕๘ จำหน่ายเมื่อวันที่ ๓o มีนาคมที่ผ่านมา, แสตมป์ที่ระลึก ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะจำหน่ายในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และแสตมป์ที่ระลึกชุด งานแสดงตราไปรษณียากรแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๘ จะออกจำหน่ายในวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๘


"สำหรับแสตมป์ “๖o พรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ที่นำมาเปิดตัวในวันนี้เป็นชนิดราคา ๕ บาท จัดพิมพ์ด้วยระบบลิโธกราฟี่ และ ปั๊มฟอยล์สีม่วง อันเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ บนข้อความประเทศไทย ส่วนอีกหนึ่งความพิเศษคือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทััลเสมือนจริง “เออาร์” ใส่ลงไปด้วย โดยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “แสตมป์ อะ ไลฟ์” สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีสำหรับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ ไอโอเอส และ แอนดรอย์ เมื่อเปิดแอพพลิเคชั่นแล้วนำมาสแกนบนภาพพระฉายาลักษณ์ จะแสดงวิดีโอ “เฉลิมพระเกียรติบนจอมือถือความยาว ๒ นาที ๓o วินาที ซึ่งไม่ว่าแสตมป์จะถูกส่งไปที่ใด เรื่องราวในแสตมป์ก็จะตามไปด้วย เป็นการทำให้แสตมป์มีชีวิตและเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น” วิบูลย์ กล่าว


ภายในงานแถลงข่าวได้เชิญ นิติกร กรัยวิเชียร นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ช่างภาพประจำกองพระบรมวงศานุวงศ์ ผู้ฉายพระฉายาลักษณ์ต้นแบบ ร่วมเผยถึงที่มาของภาพดังกล่าวว่า ภาพนี้ฉายไว้เมื่อปี ๒๕๓๔ ในโอกาสที่สมเด็จพระเทพฯ มีพระชนมมายุ ๓ รอบ ประทับยืนเบื้องหน้าพระบรมสาทิศลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เพื่อแสดงถึงความเป็นขัตติยนารี ผู้สืบพระราชสันตติวงศ์แห่งราชวงศ์จักรี ในฉลองพระองค์ชุดไทยจักรีสีม่วง ทรงเครื่องพระอิสริยภรณ์แห่งสยามมกุฎราชกุมารี ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง


“ผมได้รับพระราชทานพระอนุญาตเข้าไปฉายพระรูปสมเด็จพระเทพฯ ครั้งแรก เมื่อปี ๒๕๓๒ และขอพระราชทานพระอนุญาตฉายทีละหนึ่งครั้ง แต่พักหลังมานี้พระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากขึ้น จึงห่างหายจากการฉายพระฉายาลักษณ์ไปบ้าง สำหรับภาพนี้ฉายเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๔ ในโอกาสที่พระองค์ท่านมีพระชนมมายุ ๓๖ พรรษา เป็นปีสำคัญที่ต้องใช้ภาพในการเผยแพร่จำนวนมาก จึงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ฉายพระฉายาลักษณ์ในฉลองพระองค์เต็มยศ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้มีผลงานออกให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมีมาแล้วกว่า ๑oo ภาพ ก็ยังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ถวายงาน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและความช่วยเหลือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำให้งานทุกครั้งสำเร็จลงได้อย่างราบรื่น” นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยกล่าวด้วยความปลาบปลื้ม


ก่อนจบการแถลงข่าว วิบูลย์ เสรีชัยพร ได้เชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติในชื่อ “๖o พรรษา เจ้าฟ้าแห่งศาสตร์และศิลป์” ที่พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร สามเสนใน ตั้งแต่วันนี้ถึง ๓๑ ธันวาคม และ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ภายในงานตราไปรษณียากรแห่งชาติ ๒๕๕๘ ที่ไปรษณีย์กลาง บางรัก ระหว่างวันที่ ๓- ๙ สิงหาคม ๒๕๕๘







พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
prachachat.net
komchadluek.net














คลังจัดทำเหรียญ ๕ รอบ พระเทพฯ



ที่กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เมื่อเวลา ๑๑.oo น. วันที่ ๓o มี.ค. ๒๕๕๘ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เม.ย. ๒๕๕๘ เพื่อให้ประชาชนและนักสะสมเหรียญกษาปณ์ สามารถแลกซื้อเหรียญดังกล่าว ประกอบด้วย เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๓ ชนิดราคา ได้แก่ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกทองคำขัดเงา ชนิดราคา ๑๖,ooo บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ ๓o,ooo บาท จำนวน ๕,ooo เหรียญ, เหรียญกษาปณ์เงินขัดเงา ชนิดราคา ๘oo บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ ๑,๖oo บาท จำนวน ๕o,ooo เหรียญ และเหรียญกษาปณ์โลหะขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา ๕o บาท จ่ายแลกราคาเหรียญละ ๕o บาท จำนวน ๖oo,ooo เหรียญ






นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังได้จัดทำเหรียญที่ระลึกประดับแพรแทบชนิดบุรุษ จำหน่ายราคาเหรียญละ ๑,๖oo บาท จำนวน ๑๕o,ooo เหรียญ และชนิดสตรี จำหน่ายราคาเหรียญละ ๑,๖oo บาท จำนวน ๘o,ooo เหรียญ ซึ่งเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ วันที่ ๒ เม.ย. ๕๘ กรมฯ จัดทำด้วยความตั้งใจ สวยงาม ประณีตบรรจง เช่น เหรียญในวาระโอกาสสำคัญต่าง ๆ ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งบ่งบอกถึงความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทย






“ในปี ๕๘ กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ วันที่ ๒ เม.ย. ๕๘ ถือเป็นอีกหนึ่งในโอกาสสำคัญยิ่งของประชาชนชาวไทยที่จะได้ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมเฉลิมพระเกียรติในวาระมหามงคลนี้”






อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้เคยจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติ ทั้งเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่มูลนิธิ แมกไซไซ ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัลแมกไซไซ แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุ ๓๖ พรรษา และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระชนมายุ ๕o พรรษา วันที่ ๒ เม.ย. ๔๘ เป็นต้น






ทั้งนี้ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ กำหนดจำหน่ายจ่ายแลกตั้งแต่วันที่ ๒ เม.ย.เป็นต้นไป ส่วนกลางได้ที่ ๓ หน่วยงานทั้ง หน่วยรับและจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์ กรมธนารักษ์ ถนนจักรพงษ์ กรุงเทพ, ซอยอารีสัมพันธ์ ถนนพระราม ๖ กรุงเทพฯ และสำนักบริหารเงินตรา ถนนพหลโยธิน จังหวัดปทุมธานี ขณะที่ ส่วนภูมิภาค สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ ๗๖ พื้นที่ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และยังจำหน่ายผ่านระบบ อี แคตตาล็อก ผ่าน //www.treasury.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารเงินตรา o-๒๕๖๕-๗๙๔๓ หรือ o-๒๒๗๘-๕๖๔๑



ภาพและข้อมูลจาก
dailynews.co.th














ศิลปะบนกำแพงเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพฯ



พื้นที่ว่างเปล่า ไร้ประโยชน์ ถูกขีดเขียนด้วยสีสันอย่างไร้ความหมาย กลับกลายมาเป็นพื้นที่สร้างงานศิลปะด้วยฝีมือของอาจารย์และนักศึกษาในโอกาสอันสำคัญยิ่งเนื่องในวโรกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา ประกอบกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ส่งคืนพื้นที่ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันได้มีการล้อมรั้วชั่วคราวไว้ เพื่อรอการส่งมอบให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ปัจจุบันรั้วที่ล้อมไว้เต็มไปด้วยการขีดเขียนข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสม เป็นทัศนอุจาดบนพื้นที่อันสง่างาม


ดังนั้นจึงได้มีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา ก่อนที่สำนักงานทรัพย์สินฯ จะได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตพระนคร กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ดำเนินโครงการ "กำแพงศิลปะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘" โดยมีกรอบแนวคิดการระบายสีบนรั้วเป็นภาพสถานที่สำคัญของเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งในวันเสาร์ที่ ๒๘-วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ นักศึกษาศิลปะจากสถาบันการศึกษาใน กทม.และต่างจังหวัดร่วมกว่า ๓o สถาบัน ประมาณ ๔๕o คน ร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะลงบนรั้วที่ล้อมรอบพื้นที่ ซึ่งมีความยาวรวมกันประมาณ ๓oo เมตร เริ่มจากพื้นที่บริเวณสำนักสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) ต่อเนื่องไปยังอาคาร ก. บริเวณสี่แยกคอกวัว โดยมี ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และประธานสภากรุงเทพมหานคร ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี


ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า พื้นแห่งนี้เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งต่อไปจะเป็นสวนสาธารณะ เป็นสวนเฉลิมพระเกียรติ มีระยะดำเนินการให้เสร็จสิ้นประมาณ ๔ ปี เท่ากับพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙o พรรษา


ขณะที่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา "วนัด อ่างสุวรรณ" บอกเล่าถึงคอนเซ็ปต์ของผลงาน "เด็กเขียนกำแพง" ชิ้นนี้ว่า ผลงานชิ้นนี้เป็นความคิดของนักศึกษาที่รวมกลุ่มกัน ในแต่ละคนจะมีความสามารถแตกต่างกันออกไป บางคนถนัดวาดการ์ตูน บางคนถนัดกราฟฟิก จึงเอาความถนัดของแต่ละคนมาบูรณาการร่วมกันและสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ ซึ่งภาพนี้สื่อออกมาได้ว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยชนบทที่จะแสดงความจงรักภักดีแด่พระมหากษัตริย์ โดยเล่าเรื่องผ่านเด็กชายขอบที่ชอบวาดรูป พยายามขีดเขียนบนผนังกำแพงด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่สื่อถึงในหลวง เช่นคำว่า เรารักพระเจ้าอยู่หัว, ทรงพระเจริญ, ประเทศไทย เป็นต้น ผลงานทั้งหมดนี้ใช้สีน้ำมันวาดรูปโดยใช้ระยะเวลาเพียง ๑ วันเท่านั้น


"ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ เพราะคิดว่าอยากช่วยเหลือสังคมและสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศ"


ผลงานของนักศึกษาที่ได้เข้าร่วมโครงการ "กำแพงศิลปะเฉลิมพระ เกียรติ" นี้ นับว่าสร้างความปลาบปลื้มยินดีให้แก่คณะครูอาจารย์และบรรดาเหล่านักศึกษาทุกสถาบัน ที่ได้ร่วมช่วยเหลือสังคมและทำความดีเทิดไท้แด่สมเด็จพระเทพฯ นอกเหนือจากนี้ งาน "กำแพงศิลปะเฉลิมพระเกียรติ" จะเป็นจุดสนใจที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปที่สัญจรไปมาบนถนนราชดำเนินได้ชื่มชม.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
posttoday.com














พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เปิด ๒ โซนใหม่
โชว์เทคโนโลยีสุดยอดทันสมัย ฉลอง ๖o พรรษา เจ้าฟ้ากุมารี



พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เตรียมจัดงานมหกรรม "๖o พรรษา เจ้าฟ้ากุมารี" เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครบ ๕ รอบ ๖o พรรษา โชว์คุณค่าของพันธุกรรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมเตรียมเปิดโซน ๒ พิพิธภัณฑ์ใหม่ พิพิธภัณฑ์วิถีน้ำ ผ่านภาพยนตร์ ๔ มิติ จอจัดแสดง ๒๗o องศา ผจญภัย แบบเสมือนจริงและ "พิพิธภัณฑ์ ดินดล" การผจญภัย ในโลกใต้ดินด้วยนิทรรศการ ๔ มิติ พร้อมจอจัดแสดง ๓๖o องศา ๔-๖ เมษายน ๕๘ นี้






นางจารุรัฐ จงพุฒิศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ ๔-๖ เมษายน ๕๘ นี้ พิพิธภัณฑ์เกษตรฯเตรียมจัดงานมหกรรม "๖o พรรษา เจ้าฟ้ากุมารี"เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖o พรรษา โดยภายในงานจะเน้นนำเสนอคุณค่าของพันธุกรรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร พร้อมเปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่เป็นครั้งแรก ได้แก่ "พิพิธภัณฑ์ วิธีน้ำ" เรียนรู้และเข้าใจวิถีน้ำ ผู้ให้และสร้างสรรพชีวิต ผ่านภาพยนตร์ ๔ มิติ จอจัดแสดง ๒๗o องศา ที่จะนำท่านร่วมผจญภัยแบบเสมือนจริง "พิพิธภัณฑ์ ดินดล" การผจญภัย ในโลกใต้ดิน ด้วยนิทรรศการ ๔ มิติ พร้อมจอจัดแสดง ๓๖o องศา การเปิดให้เข้าชมภาพยนตร์ ๓ มิติ เรื่องใหม่ล่าสุด "ไผ่รวกกับทานตะวัน ผู้ยโส" สร้างจากบทเพลงพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและภาพยนตร์ผจญภัย ตื่นเต้น เร้าใจ เรื่อง "เมล็ดพันธุ์เมล็ดสุดท้าย"






นอกจากนั้น ยังพบกับกิจกรรม "ปันรัก ปั่นรู้" ตามรอยเจ้าฟ้านักอนุรักษืโดยการสนับสนุนของโครงการจักรยานสาธารณะปันปั่น ร่วมปั่นจักรยานเพื่อเรียนรู้พรรณไม้ พันธุกรรมพืชที่พิพิธภัณฑ์ สนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตลอดจนเรียนรู้ นิทรรศการ ๖o เรื่องน่ารู้ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชประวัติ พระอัจฉริยภาพด้านต่าง ๆ โครงการในพระราชดำริ นิทรรศการด้านพันธุกรรมพืชทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง รวมมากกว่า ๒o ฐานการเรียนรู้ การเรียนรู้ "วิชาของแผ่นดินและอบรมเชิงปฏิบัติการ" ด้านพันธุกรรมและเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่า ๒o วิชาฟรี






พร้อมชม ชิม ช้อป ชิลๆ ในตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง จำหน่ายผลผลิต ผลิตภัณฑ์ เกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ เมล็ดพันธุ์ พันธุ์ไม้นานาชนิด อาหารพื้นเมือง สุดยอดอาหารคุณภาพ รสชาติอร่อย ๔ ภาค อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จากเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ มากกว่า ๒oo ร้าน และเพลิดเพลินและตื่นเต้นกับสวนสนุกงานวัดย้อนยุค ผจญภัยในวิถีเกษตรเวทีการแสดงวิถีเกษตรไทย และกิจกรรมต้อนรับวันสงกรานต์ เช่น การสรงน้ำพระ และการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เป็นต้น พิเศษ พิพิธภัณฑ์เกษตรฯ ร่วมกับ เถ้า ฮง ไถ่ ผู้สร้างสรรค์งานปั้นร่วมสมัยจากจังหวัดราชบุรี จัดกิจกรรม ปั้นวัว ปั้นควาย ให้ลูกหลานเล่น พร้อมกันนี้ ในงานมีการแจกของสมนาคุณมากมาย อาทิ แจกเมล็ดพันธุ์และพันธุ์ไม้นานาชนิด กว่า ๓,๙๙๙ ตัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ o-๒๕๒๙-๒๒๑๒-๑๓ o๘๗-๓๕๙-๗๑๗๑























ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
กระทู้ "อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์น่าไปฯ"














'แพรวา' ผ้าไหมทมือชนเผ่าภูไท ผ่านออกแบบลายทายาท 'ครูช่าง'



ไหมแพรวา ได้ชื่อว่าสุดยอดผ้าไหมทอมือของชนเผ่าภูไทที่มีฝีมือการถักทออันประณีต โดยมีแหล่งกำเนิดอยู่ที่บ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ที่ผ่านการสานต่อมาหลายชั่วอายุคน จนปัจจุบันได้มีการนำลวดลายอันทันสมัยโดยผ่านคนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานของชนเผ่า


จิตนภา โพนะทา หรือนก ลูกสาวของครูช่างวรรณภา โพนะทา หรือป้าตุ๋ เจ้าของร้าน "ตุ๊แพรวา” (TUHPRAEWA) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวา ถือคนรุ่นใหม่ที่เห็นความสำคัญในการสานต่อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ด้วยการหันมาเอาดีทางด้านออกแบบลวดลายผ้าไหม หวังสืบสานงานฝีมือของชนเผ่าภูไทให้เป็นที่รู้จักของคนไทยและทั่วโลก


“แพรก็คือผ้าไหมนี่แหละ คนภูไทเขาจะเรียกแพรวา แพรวาดั้งเดิมมาจากแพรและวา แต่ละผืนมีความยาวแค่วาเดียว นิยมใส่ในงานมงคล เช่นงานบวช งานแต่ง ผู้หญิงจะใช้เป็นสไบพาดไหล่ ส่วนผู้ชายใช้คาดสะเอว มีที่กาฬสินธุ์ที่เดียว หมู่บ้านโพน อ.คำม่วง จะทอกันมากที่สุด ส่วนที่อื่นก็จะไม่ใช่ผ้าไหมแพรวา”


จิตนภาย้อนอดีตไหมแพรวาที่ปัจจุบันกลายเป็นแพรหลายวาที่ถักทอขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่หลากหลายไม่ใช่แค่ใช้เป็นผ้าสไบหรือผ้าคาดสะเอวเท่านั้น จุดเด่นของไหมแพรวานอกจากเป็นผ้าทอมือที่ประณีตสวยงามแล้ว ลวดลายก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำตลาดให้ได้รับความสนใจจากลูกค้า


จากอดีตที่แค่ลายข้าวหลามตัด แต่ปัจจุบันกลับมีให้เห็นลวดลายที่หลากหลายมากขึ้น หลังเด็กสาวจากหมู่บ้านโพน แหล่งผลิตผ้าไหมแพรวาแห่งเดียวในประเทศไทยได้มุ่งมั่นในการศึกษาออกแบบลวดลายสมัยใหม่เพื่อนำเอาไปพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่บ้านเกิด


เธอเล่าว่าหลังจบมัธยมศึกษาก็เข้าศึกษาต่อที่คณะคหกรรมศาสตร์ สาขาผ้าและเครื่องแต่งกาย ที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นคณะวิศวกรรมสิ่งทอ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แล้วมาต่อในระดับปริญญาโทด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้ใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาช่วยออกแบบลวดลายผ้าและหาตลาดเพื่อจำหน่าย โดยรับสินค้ามาจากหมู่บ้านโพน อ.คำม่วง ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ยังมีอาชีพทอผ้าไหมเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว


“ผ้าไหมแพรวาเมื่อก่อนจะเป็นลายเรขาคณิต สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ข้าวหลามตัด พอเวลาเราเรียนเรื่องผ้า เราเห็นลวดลายของต่างประเทศเยอะ อย่างอินเดียมันดูโค้ง ๆ สวย ๆ จัง ทำไมของบ้านเราข้าวหลามตัด”


จิตนภาเผย จากนั้นก็มุ่งมั่นในการเรียนรู้ในเรื่องการออกแบบลายในระหว่างการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยออกแบบใส่กระดาษกราฟ ก่อนนำไปแกะแล้วต่อให้ชาวบ้านทอผ้าตามลายที่กำหนด โดยเริ่มจากลายดอกไม้ ลายพุ่มดอกไม้ ลายก้ามปู ลายดอกผักแว่น เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ ๑o ลายที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า


“เราได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้าว่าทำไมผ้าไหมแพรว่าใส่แล้วดูอ้วน ก็เพราะเป็นข้าวหลามตัด ก็คือเหตุผลที่เราพยายามให้มีลายที่หลากหลาย นี่คือจุดเด่นของเราก็คือเรื่องลายผ้า”


ไม่เพียงแค่การออกแบบลายผ้าเท่านั้น แต่เธอยังมีความสามารถในการหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อจำหน่ายสินค้าผ้าไหมแพรวา โดยมุ่งเป้าไปที่ห้างสรรพสินค้าดังเพื่อสนองลูกค้าในระดับไฮเอนด์ หลังจากครอบครัวเปิดร้านจำหน่ายผ้าไหมแพรวาที่ดิโอลด์สยาม ภายใต้ชื่อตุ๊แพรวา ซึ่งได้รับการต้อนรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี


จากนั้นเธอก็ออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นกระเป๋าหลากสไตล์ โดยใช้วัตถุดิบจากเศษผ้าเหลือใช้จากการตัดเย็บมาทำเป็นกระเป๋าสำเร็จรูปส่งจำหน่ายที่ร้านคิงเพาเวอร์ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าชาวต่างชาติ ส่วนราคากระเป๋าก็มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน


“บางผืนที่ราคาหลักแสนต้องใช้ระยะเวลาการทอเป็นปี สินค้าที่นำมาขาย เราไม่ได้ผลิตเอง ชาวบ้านโพน อ.คำม่วง เป็นผู้ผลิต เราเพียงเป็นผู้ทำตลาดให้ชาวบ้าน โดยแม่เป็นครูช่างของจังหวัดและเป็นผู้บุกเบิกตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์ ดังนั้นรายได้จากการขายก็จะลงไปสู่ชาวบ้าน เป็นรายได้ของคนในชุมชนอีกด้วย” จิตนภากล่าวทิ้งท้าย



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ร้องเล่นเต้นรำฉบับเวียนนา



จังหวะดนตรีอันไพเราะ ชวนสะกดผู้คนให้อยู่กับภวังค์แห่งเสียงเพลง ล้อไปกับคู่หนุ่มสาวที่วาดวดลายการเต้นอันสวยงาม การเต้นรำฉบับ เวียนนา บอล เราได้มีรับโอกาสรับฟังความเป็นมาของการเต้นรำที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศออสเตรียและในวันที่ ๘ พฤษภาคมนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้น เพื่อให้ผูคนได้สัมผัสกับความสุนทรียภาพแห่งงานเต้นรำนับเป็นศิลปวัฒนธรรมสุดสวยงามของชาวออสเตรีย สืบสาวราวเรื่องการเต้นรำฉบับเวียนนาบอลคงต้องย้อนกันไปถึงสุคสมัยของบิแอร์ไมเออร์ ในครั้งเมื่อชนชั้นกลางเริ่มเข้ามามีอิทธิพลโค่นล้มการปกครองของกลุ่มคนชั้นสูงให้กลายเป็นแค่อดีตเรื่องเล่าขาน จึงทำให้การเต้นรำแบบคองเกรส เข้ามามีความนิยมแพร่หลาย เป็นการสืบทอดธรรมเนียมการจัดงานเทศกาลงานเลี้ยงเต้นรำสุดรื่นเริง ให้คงอยู่ไปตามแบบของกลุ่มชนชั้นกลาง จึงทำให้เพลงวอลทซ์และโยฮันน์ ซเตราสส์ คือความนิยมเปรียบเสมือนดาวจรัสแสงดวงแรก ๆ ของยุคใหม่ ก่อให้เกิดความคลั่งไคล้อย่างมากต่อกระแสวัฒนธรรม






ครั้งหนึ่งที่ ไฮน์ริค เลาบ์ ผู้กำกับเวทีได้เคยพรรณนาถึงฉากเวทีด้วยอารมณ์หลงใหลว่า พำนักกลางสวนงาม เสียงดุริยางค์ยั่วเย้าดั่งนางไม้พรายภูติ ราวกับต้องรอยกัดของแมงมุม บทเพลงวอลทซ์ใหม่กระตุ้นให้เลือดของผู้คนพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ที่เบื้องหน้าดุริยางค์ คือ โยฮันน์ ซเตราสส์ วาทยากรเอง ผู้เปรียบเหมือนวีรบุรุษผู้วิเศษแห่งออสเตรีย ด้วยการมอบเพลงวอลทซ์ อันสุดซาบซึ้งแก่กรุงเวียนนา เฉกเช่นชัยชนะที่นโปเลียนมอบให้แก่ฝรั่งเศส จนกระทั้งในปี ค.ศ. ๑๘๔๘ ได้มีการปฏิวัติการปกครองเกิดขึ้น งานเต้นรำดังกล่าวจึงถูกระงับลงและไม่มีการเต้นรำเกิดขึ้นให้เห็นเป็นเวลาหลายปี หลายปีต่อมาได้เกิดกระแสสุขนิยมเรียกร้องให้มีการจัดงานเลี้ยงเต้นรำขึ้นมาอีกครั้งในกรุงเวียนนาและได้รับเกียรติให้จัดงานเต้นรำขึ้นมา


ในที่สุด เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๗๗ พระจักรพรรดิฟรานซิสที่ ๑ จึงทรงยินยอมให้จัดงานราตรีสมาคมได้ในโรงละครอุปรากร และแม้ว่างานในค่ำคืนของวันที่ ๑๑ ธันวาคมปีนั้น จะไม่มีการอนุญาตการเต้นรำอย่างเป็นทางการ หากการเต้นรำก็ได้เกิดขึ้นอย่างจริงจังเมื่อเวลาเที่ยงคืนของราตรีนั้นนั่นเอง หลังการล่มสลายของราชวงศ์ฮับส์บูร์กในปี ค.ศ. ๑๙๑๘ สาธารณรัฐแห่งใหม่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่จดจำในฐานะการจัดเทศกาลรื่นเริงของวังหลวงในโรงละครอุปรากร โอเปร่าเฮาส์ ต่อมาในปี ค.ศ. ๑๙๓๕ งานเลี้ยงเต้นรำแห่งกรุงเวียนนาจึงเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งคำคำ นี้มีพลังประหนึ่งเวทมนตร์ที่ปลุกชีวิตชีวาให้แก่ผู้คนที่กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความซึมเศร้าที่ยืดเยื้อมานาน หลังจากที่สาธารณรัฐออสเตรียฟื้นคืนประเทศขึ้นอีกครั้งซึ่งในช่วงปีแรกนั้น กรุงเวียนนายังบอบช้ำจากระเบิดและเต็มไปด้วยความแร้นแค้น ทำให้งานเลี้ยงเต้นรำครั้งแรกที่แท้จริงของสาธารณรัฐที่สอง ได้เปิดตัวขึ้นในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๕๖






ฯพณฯ เอนโน่ โดรเฟนิก เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า นับเป็นเวลากว่า ๒oo ปีมาแล้วที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้ถูกขนานนามว่าเป็นนครหลวงแห่งงานเต้นรำอันสวยงามสุดอลังการมากสุดของโลก ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดงานเต้นรำมากถึง ๔๕o งาน จัดขึ้นตามเวลาและโอกาส มีชื่อเรียกงานต่างกัน เช่น บอลล์ดอกไม้ บอลล์โอเปร่า บอลล์แพทย์ บอลล์ทนายความและบอลล์อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละงานล้วนแต่แสดงความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น ที่เกิดจากการผสมผสานเอาขนบธรรมเนียมโบราณของชาวออสเตรียเป็นพิธีการสุดสง่างามและบทเพลงวอลทซ์สไตล์เวียนนาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งการเริ่มต้นของการเต้นรำจะเกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แล้วไปสิ้นสุดลงที่เดือนกุมภาพันธ์ เพราะว่าที่กรุงเวียนนาสภาพอากาศค่อนข้างหนาวเย็น จึงต้องมีกาารจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ทำอารมณ์ให้สนุกสนานครึกครื้นอยู่ตลอดเวลา






“ในประเทศออสเตรีย การเต้นรำเวียนนาบอลล์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ล้าสมัยหรือจะต้องเป็นคนรุ่นเก่าที่มีอายุออกมาร่วมเต้นกัน แต่เป็นกิจกรรมที่นิยมของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ให้ความนิยมชมชอบกันอย่างมาก เพราะในส่วนของงานเลี้ยงจะต้องมีการจัดเตรียมเครื่องแต่งกายกับแบบเต็มยศเพื่อประชันกัน พร้อมกับดื่ม สังสรรค์ ทั้งยังได้พบกับมิตรภาพจากผู้มาร่วมงาน และไม่อยากให้คิดว่างานที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นแค่งานสำหรับผู้เต้นเป็นเท่านั้น อยากให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม เข้ามาสนุกสังสรรค์ เปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ จะมีการนำครูมาเพื่อจัดสอนเต้นให้กับผู้สนใจโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกทั้งรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายบัตรทุกใบยังมอบให้กับโครงการกำลังใจภายใต้มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก ในพระราชดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กที่ถูกล่วงละเมิดในพัทยาอีกด้วย” ท่านทูตเล่าถึงวัตถุประสงค์ปิดท้าย



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ดอยกิโฆเต้ แอนด์ บรอดเวย์ เอ็กซเพรส



เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ ๒ เมษายน และโอกาสครบรอบ ๒๕ ปีสถาบันบางกอกแดนซ์ ขอเชิญคนไทยร่วมชมการแสดงอุปรากรบัลเล่ต์และการเต้นสไตล์โมเดิร์นสุดยิ่งใหญ่ในชื่อการแสดง “Don Quixote & Broadway Express (ดอนกิโฆเต้ & บอร์ดเวย์ เอ็กซเพรส)” จากทัพนักแสดงและนักเต้นกว่า ๓oo คน โดยเปิดการแสดงทั้งสิ้น ๒ รอบ ในวันเสาร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.๓o น. เป็นรอบการกุศลเพื่อสมทบทุนให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โครงการสร้างฝ่ายทดน้ำ จังหวัดราชบุรี และรอบปกติในวันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.oo น. ณ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ บัตรชมการแสดงจำหน่ายแล้วในราคา ๘oo บาท ๑,ooo บาท และ ๑,๒oo บาท สามารถจองบัตรหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถาบันบางกอกแดนซ์ทุกสาขา โทร. o๒-๖๕๕-๖๘๘o หรือ o๙o-๙๘๓-๗๒o๑



ภาพและข้อมูลจาก
newsplus.co.th














เจาะเส้นทางนักออกแบบ เฮอร์แมน มิลเลอร์



พูดถึงชื่อของชาร์ลส์และเรย์อีมส์ หลายคนมักนึกถึงผลงานเฟอร์นิเจอร์รูปแบบต่าง ๆ ที่ได้รับการขนานนามจากนิตยสารไทม์ให้เป็น “ดีไซน์แห่งศตวรรษ” และกลายเป็นสัญลักษณ์ของงานออกแบบอเมริกัน โดยเหล่านักสร้างสรรค์และนักออกแบบชาวไทยสามารถค้นพบเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ผลงานของทั้งสองได้รับการยอมรับให้เป็นต้นแบบงานดีไซน์แห่งศตวรรษที่ ๒o ผ่านต้นแบบงานดีไซน์แห่งศตวรรษที่ ๒o ในนิทรรศการสัญจรโดย เฮอร์แมน มิลเลอร์ ร่วมกับ ทีซีดีซี และบริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง จำกัด ซึ่งจัดแสดงที่ประเทศไทยระหว่าง ๒o มีนาคม ถึง ๓๑ พฤษภาคมนี้ ณ แกลเลอรี่ ๒ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชั้น ๕ ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มโพเรียม


เจอเรมี่ ฮอคกิ้งรองประธานภาคพื้นเอเชียเฮอร์แมน มิลเลอร์การออกแบบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ผ่านมาเฮอร์แมน มิลเลอร์มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักออกแบบวิสัยทัศน์กว้างไกลมากมาย โดยมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยผลที่ได้คือ งานออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา ให้คงอยู่ไปจนถึงคนรุ่นหลังส่วนตัวมีความภูมิใจที่จะกล่าวว่านิทรรศการนี้้ประสบความสำเร็จอย่างมากที่ ฮ่องกง จาการ์ต้า โตเกียวและสิงคโปร์ วิสัยทัศน์ของเฮอร์แมนคือการเข้าหาทุก ๆ คน ไม่ใช่เฉพาะผู้คนในแวดวงออกแบบ จึงหวังว่านิทรรศการนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณเป็นอย่างชาร์ลสและเรย์อีมส์อย่างที่ครั้งหนึ่ง ชาร์ลสเคยพูดไว้ว่า งานออกแบบจะทำประโยชน์ให้มากที่สุด แก่คนจำนวนมากที่สุด






สำหรับนิทรรศการของอีมส์ ได้นำเสนอจากข้อมูลของหนังสือ An Eames Primer ที่เขียนโดย อีมส์ ดีมีเทรียส หลานชายของชาร์ลสและเรย์อีมส์ ซึ่งเจาะลึกประวัติ ชีวิต และการทำงานของทั้งคู่ โดยในวงการออกแบบชาร์ลส์และเรย์อีมส์ ได้รับคำนิยมจากหนังสือพิมพ์ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ว่า “..เป็นผู้ที่ทำให้วิถีการนั่งของศตวรรษที่ ๒o "เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงนั่นทำให้คนส่วนใหญ่รู้จักชื่อของเขาทั้งสอง ผ่านผลงานเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นหลายคนจึงมักประหลาดใจเมื่อรู้ว่าพวกเขามีผลงานด้านอื่น ๆ อีก


ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะพาทุกท่านไปรู้จักทุกตัวตน มุมมอง ผลงาน จิตวิญญาณ ผ่านนิทรรศการครั้งนี้ ซึ่งได้จัดแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ อันประกอบด้วยผลงานทั้งด้านการออกแบบ สถาปัตยกรรม เฟอร์นิเจอร์ นิทรรศการ ภาพยนตร์ ของเล่น ไปจนถึงแนวคิดและปรัชญา ภายในนิทรรศการผู้ชมจะได้เห็นรูปภาพ งานสเก็ตช์ ตลอดจนผลงานชิ้นไอคอนที่เป็นที่นิยมของนักสะสม และชิ้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยได้รวบรวมมาจากหอจดหมายเหตุของเฮอร์แมน มิลเลอร์ อาทิ เก้าอี้ดีไซน์เฉพาะสำหรับโป๊ป จอห์น พอลล์ ที่ ๒ เก้าอี้ Shell ที่ผลิตจากวัสดุไฟเบอร์กลาสแบบวินเทจ และผลงานดีไซน์อื่น ๆ อีกกว่า ๙o ชิ้น เป็นต้น” หลานชายนักออกแบบระดับโลก ทิ้งท้าย



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














Build You Own Bangkok



นิทรรศการ Build Your Own Bangkok โดย เเคธี่ เเมคคลาวด์
นิทรรศการภาพวาดเเละกิจกรรม “คุณคิดว่างานศิลปะชิ้นนี้ควรมีราคาเท่าไหร่?
๑๒ มีนาคม - ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘
งานเปิด: วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.
WTF เเกลลอรี่, กรุงเทพฯ
WTF เเกลลอรี่ขอเชิญท่า่นเข้าร่วมงานเปิดนิทรรศการ “Build Your Own Bangkok” โดย เเคธี่ เเมคคลาวด์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.


ทางเเกลลอรี่ได้โอกาสนี้เชิญท่านเช้าร่วมกิจกรรมที่ชื่อว่า “คุณคิดว่างานศิลปะชิ้นนี้ควรมีราคาเท่าไหร่?” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการครั้งนี้ด้วย กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดลองตลาดศิลปะในประเทศไทย เเละให้นักสะสมงานศิลปะเป็นผู้ตั้งมูลค่าราคางานศิลปะในระหว่างที่กำลังมีงานเเสดงอยู่


หนึ่งในปัญหาหลักของการจัดงานนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยของศิลปินหน้าใหม่ในประเทศไทยคือการตั้งราคางาน หากราคาสูงไปศิลปินมักเกรงว่าจะขายงานไม่ได้ หากราคาต่ำเกินไป งานชิ้นนั้นอาจดูไม่มีมูลค่าพอที่จะลงทุน ในตลาดศิลปะที่มีขนาดใหญ่ เครื่องมือหลักในการใช้ตั้งราคางานศิลปะสร้างสรรค์คือการประมูล


WTF เเกลลอรี่มีเจตนาที่ต้องการทดสอบเเละหารูปเเบบการทำงานที่ดีที่สุดของการประมูลงานศิลปะในระหว่างที่กำลังเเสดงอยู่ โดยศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังเป็นเเรงขับดันสำคัญในวงการศิลปะเเละงานสร้างสรรค์


ทางทีมผู้จัดเเละศิลปินได้ร่วมกันเลือกงานศิลปะชิ้นเอกจากนิทรรศการครั้งนี้ เพื่อนำมาประมูลในระหว่างช่วงการเเสดงงานชิ้นนั้น ๆ โดยจะไม่เปิดเผยรายละเอียดของผู้ประมูล เเต่เปิดเผยราคาประมูลทุก ๆ ครั้งให้ผู้ประมวลเเละสาธารณะทราบตลอดเวลา ผู้ประมูลสามารถประมูลงานได้ด้วยตัวเองที่เเกลลอรี่ หรือทางอีเมลล์เเละโทรศัพท์ เมื่อนิทรรศการจบลง เเกลลอรี่จะประกาศราคาประมูลสูงสุดให้ทุกคนทราบ ดังนั้นกิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นการให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินมูลค่างานศิลปะอย่างเเท้จริง ไม่ควรพลาด!



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net














Contemporary Southern Batik



"นิทรรศการแสดงผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้" สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ขอเชิญร่วมงานแถลงข่าวและชมแฟชั่นโชว์เปิดนิทรรศการแสดงผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้
วันศุกร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน เวลา ๑๔.๐๐ น.
ทั้งนี้ นิทรรศการจัดแสดง ระหว่างวันที่ ๒ – ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ณ ชั้น ๓ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน



ภาพและข้อมูลจาก
FB หอศิลป์ราชดำเนิน














นิทรรศการ "เสื่อม"



นิทรรศการศิลปะหัวข้อ "เสื่อม" ผลงานจากการประกวดในหัวข้อ "เสื่อม" จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๑ มีนาคม - ๑๑ เมษายน ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ มิตรไนซ์ แกลลอรี่ : MIDNICE Gallery ภายในงานจะมีรวบรวมผลงานที่ส่งเข้าประกวดในหัวข้อ "เสื่อม" จากนักเรียนนักศึกษาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ผลงานจากศิลปินหน้าใหม่ที่ส่งเข้าร่วมจัดแสดง และการประกาศรางวัลสำหรับผู้ส่งผลงานเข้าประกวด


นิทรรศการ "เสื่อม" เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม - ๑๑ เมษายน ๒๕๕๘
ในเวลาทำการ ๑๑.๓o น. -๒o.๓o น. ทุกวันอังคาร - เสาร์


MIDNICE Gallery
๓o/๒๕, ๓o/๔๑ ไดมอนด์ อพาร์ทเม้น
โชคชัย ๔ ซอย ๑๘
ถนนลาดพร้าว กรุงเทพฯ ๑o๒๓o



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














'โหมโรง' ความอลังการที่แสนอบอุ่น



คำสองคำนี้ ดูเหมือนจะเป็นคำที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ แต่สำหรับงานเปิดตัว โรงละคร เคแบงค์สยามพิฆเนศ (Kbank Siam Pic-Ganesha) ที่ประเดิมด้วยการจัดแสดงละครเวทีเรื่อง “โหมโรง เดอะมิวสิคัล” สามารถทำให้รู้สึกได้ถึงความอลังการที่แสนอบอุ่นจริง ๆ


เริ่มตั้งแต่ งานต้อนรับแสนสวยงาม ตามอย่าง ไทยประยุกต์ ก่อนถึงเวลาแสดง ต่อด้วย โชว์เปิดโรง โดยยกหน้าที่ให้ “หม่ำ จ๊กม๊ก” พาเดินไปหลังม่าน เพื่อทำความรู้จักสมาชิกทุก ๆ คนของบ้านหลังใหญ่นี้...เป็นโชว์ที่มีทั้งความน่ารัก สร้างสรรค์ สามารถเรียกเสียงหัวเราะ และเรียกความรู้สึกสนุกสนาน เป็นกันเอง เข้าถึงง่ายในสไตล์ “บ้านเวิร์คพอยท์”


จนกระทั่งถึงการแสดงละครเวที “โหมโรง”... ใครที่เคยได้ชมเวอร์ชั่นภาพยนตร์มาแล้ว พูดได้เลยว่า ระดับความดีเยี่ยม พรีเมียมไม่แพ้กัน!


ด้วยโปรดักชั่นชั้นเยี่ยม หลายฉากที่ตรึงใจคนดูให้เพลินตาราวกับต้องมนต์ (โดยเฉพาะฉากที่ศร (ตอนหนุ่ม) นอนคิดสะระตะบนเรือลำน้อย ไหลลอยไปกับสายน้ำ)


บทเพลงที่ไพเราะ ท่วงทำนองแสนสวย คงไม่จำเป็นต้องยืนยันว่าจะไพเราะได้มากขนาดไหน...เพราะสิ่งนี้คือ จุดเด่นของละคร


และว่ากันถึงตัวละครต่าง ๆ... “อาร์ม” กรกันต์ สิทธิโกเศศ (ศรตอนหนุ่ม)... คำว่า ดีมาก อาจน้อยเกินไปสำหรับ หนุ่มคนนี้ ตีระนาดบรรเลงลึกถึงจิตวิญญาณได้เป็นอย่างดี!!


เห็นการเจริญเติบโตของ “ศร” ในวัยหนุ่มที่มีทั้ง ความผยองลำพองตน และในวันที่ แสนหดหู่ หมดอาลัยตายอยาก เมื่อค้นพบว่า ตัวเองตัวจิ๊ดเดียว ในขณะที่โลกมันใหญ่โตกว่าที่เคยรู้จัก


“อี๊ด” สุประวัติ ปัทมสูต(ท่านครูศร)...ดีเกินจะกล้าบรรยาย บอกได้เพียงแค่...สมศักดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ!!


“ปอ AF7” อรรณพ ทองบริสุทธิ์ (ไอ้เทิด)... มีเสน่ห์มาก จนน่าติดตามดูอนาคตด้านการแสดงของเด็กคนนี้


โย่ง อาร์มแชร์ (ท่านผู้พันสุดเท่)...ผู้ชายคนนี้ จะเท่ไปถึงไหน!?


เอาว่า.. ถ้าให้ระบุ การร้อง-แสดง ของ ทุกตัวละคร คงได้อ่านกันตาแฉะ... ขอกล่าวเหมาโดยรวมว่าทุกท่าน...ดีเกินบรรยาย!!


ทั้งนี้ทั้งนั้น Acting Coach ของงานนี้..ขอปรบมือให้ “ครูเงาะ” รสสุคนธ์ กองเกตุ.. นับถือใน ความสามารถ ของสาวคนนี้ ที่ ไม่เคยหยุดนิ่ง ครั้งนี้เป็นทั้ง Acting Coach และ ผู้กำกับ ร่วมกับ “สังข์” ธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม ขอชมและปรบมือให้รัว ๆ


เพราะความที่เคยชมเวอร์ชั่น ภาพยนตร์ มาก่อน จึงลุ้นว่า เวิร์คพอยท์ จะเนรมิตละครเวทีให้เหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?


ไม่น่าเชื่อว่า การแสดงสดบนเวที สามารถตัดต่อได้เหมือนที่เคยเห็น ผ่านจอภาพยนตร์ ดีสมใจ...ฉากที่สุข ก็สุขจนน้ำตาไหล ฉากที่เศร้า ก็ เศร้าจนน้ำตาร่วงจริง ๆ!



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
workpointtv.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 03 เมษายน 2558
Last Update : 4 เมษายน 2558 14:38:42 น. 0 comments
Counter : 2865 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.