happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๗๔





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










สิริมงคลรับปีใหม่ สักการะ ๑๑ พระพุทธรูป ณ วังหน้าพระปฏิมาแห่งแผ่นดิน


“ฤกษ์ดีปีใหม่ไหว้พระปฏิมา” เป็น ๑ ใน ๙ กิจกรรมดี ๆ ที่กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมเป็นของขวัญปีใหม่ปี ๒๕๕๘ โดยเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ๔๔ แห่งทั่วประเทศ พร้อมอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญของชาติมาประดิษฐานให้ประชาชนเข้ากราบสักการบูชา ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗-๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ เพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๘ ยกตัวอย่างที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ เปิดให้สักการะพระพุทธรูป ณ วังหน้าพระปฏิมาแห่งแผ่นดิน จำนวน ๑๑ องค์ ได้แก่


“พระพุทธสิหิงค์” ใครที่ได้ไหว้เคารพบูชา เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ได้ยึดถือปฏิบัติกันมายาวนาน สำหรับอานิสงส์ของการกราบไหว้พระพุทธสิหิงค์นั้น หลวงวิจิตรวาทการ ผู้รวบรวมประวัติตำนานย่อพระพุทธสิหิงค์ได้กล่าวไว้ความตอนหนึ่งว่า


“ข้าพเจ้าผู้เขียนตำนานย่อฉบับนี้ มีความเชื่อมั่นในอานุภาพของพระพุทธสิหิงค์อยู่มาก อย่างน้อยก็สามารถบำบัดทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนในใจท้อถอยหมดมานะด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ข้าพเจ้าขอแนะนำให้มาจุดธูปเทียนบูชาและนั่งนิ่ง ๆ มองดูพระองค์สัก ๑o นาที ความทุกข์ร้อนในใจจะหายไป ดวงจิตที่เหี่ยวแห้งจะกลับมาสดชื่น หัวใจที่ท้อถอยหมดมานะจะกลับเข้มแข็งมีความมานะพยายาม ดวงจิตที่หวาดกลัวจะกลับกล้าหาญ ดวงจิตที่เกียจคร้านจะกลับขยัน ผู้ที่หมดหวังจะกลับมีหวัง"


“พระพุทธรูปคันธารราฐ” เป็นพระพุทธรูปอำนวยความอุดมสมบูรณ์ สร้างขึ้นเป็นพระขอฝน สำหรับใช้ในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ (พรุณศาสตร์) และงานพระราชพิธีพืชมงคล เพื่อความเป็นมงคลในการพระราชพิธี อำนวยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พื้นดินอุดม พืชพันธุ์ธัญญาหารบริบูรณ์ “พระพุทธรูปห้ามสมุทร” เป็นพระพุทธรูปยืน แสดงปางประทานอภัยทั้งสองพระหัตถ์ (อภัยมุทรา) หมายถึงการป้องกันภัยอันตราย การปราศจากความหวาดกลัว ส่วนใหญ่อัญเชิญใช้ในพระราชพิธีไล่เรือ เพื่อให้น้ำลดลง ป้องกันมิให้ข้าวในนาเสียหาย รวมถึงประดิษฐานเป็นสิริมงคลในการพระราชพิธีขจัดภัยอันตรายต่าง ๆ เช่น พิธีอาพาธพินาศ พิธีสัมพัจฉรฉินท์ บูชาเพื่อป้องกันอันตรายทั้งปวง


“พระพุทธรูปประทานอภัย” ที่เรียกกันว่า ปางประทานอภัย แสดงโดยการยกพระหัตถ์ขึ้นตั้งไปข้างหน้าเช่นนี้มาจาก “อภยมุทรา” แปลว่า ไม่หวั่นกลัวภัยใด ๆ และภัยยิ่งใหญ่ คือ ทุกข์ที่ไม่ควรหวั่นกลัว เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตาสั่งสอนให้มนุษย์รู้ถึงเรื่องทุกข์และวิธีปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ นอกจากนี้ยังมีพระเก่าแก่และสำคัญ ๆ อาทิ พระพุทธรัตนมหามุนี (พระแก้วน้อย) พระพุทธรูปปางประทานพร พระพุทธรูปขัดสมาธิเพชรปางประทานพร พระพุทธรูปแสดงธรรม พระพุทธรูปประทานธรรม และพระทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ


วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า นอกจากกิจกรรม “ฤกษ์ดีปีใหม่ไหว้พระปฏิมา” แล้ว ยังมีกิจกรรมที่ ๒ “ไหว้พระ ๙ วัด สืบสิริสวัสดิ์ ๙ รัชกาล” (วัดประจำรัชกาลที่ ๑-๙) กิจกรรมที่ ๓ “กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี” ส่งท้ายปีเก่า วิถีไทย-ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ณ วัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ กิจกรรมที่ ๔ พลัง ”บวร” บ้าน-วัด-โรงเรียน ชวนเชิญชุมชนปั่นจักรยานไหว้พระรับฤดูหนาวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗-มกราคม ๒๕๕๘ ใน ๑๔ จังหวัด อาทิ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน เชียงใหม่ ลำพูน สุโขทัย กิจกรรมที่ 5 เปิดเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ ๙ แห่ง และแหล่งโบราณสถานทั่วประเทศฟรี


ส่วนกิจกรรมที่ ๖ หุ่นไทยสันทนาการ สัญจร ๔ ภาค โดยเปิดให้ประชาชนชมฟรี กิจกรรมที่ ๗ ศิลปวัฒนธรรมไทยสู่ใจประชาชน ในงานมหกรรมการแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้านของจังหวัด กิจกรรมที่ ๘ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในการจัดกระเช้าของขวัญปีใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ชุมชนภูมิปัญญาไทย และกิจกรรมที่ ๙ อวยพรปีใหม่ผ่านระบบออนไลน์ (ส.ค.ส.ออนไลน์) โดยคัดเลือกภาพถ่ายของศิลปินอาเซียน ซึ่งเป็นภาพถ่ายวิถีชีวิตของประเทศสมาชิกอาเซียน และภาพถ่ายวิถีชีวิตวัฒนธรรมทางภาคใต้ที่สื่อถึงค่านิยมหลักคนไทย ๑๒ ประการ และจัดทำเป็น ส.ค.ส.ส่งความสุขตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗-๑๕ มกราคม ๒๕๕๘


“ในโอกาสนี้ ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาสนา พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้โปรดดลบันดาลประทานพร ให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญ คิดสิ่งใดสมความปรารถนา ปราศจากโรคภัย สุขภาพร่างกาย ดำรงชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รมว.วัฒนธรรม กล่าว



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














HELLO ฉบับเทิดพระเกียรติมหาราช เต็มอิ่มกับพระบรมฉายาลักษณ์ตระการตา


นิตยสาร HELLO! ฉบับวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ นี้ พิเศษสุด ๆ แพ็กคู่กับ HELLO! OUR BELOVED KING ฉบับเทิดพระเกียรติมหาราช ผู้ทรงสละหยาดเหงื่อเป็นฝนชโลมแผ่นดิน เต็มอิ่มกับพระบรมฉายาลักษณ์ตระการตาอันหาชมได้ยาก เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา หาซื้อได้ตามแผงหนังสือและร้านหนังสือแล้ว















ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














ภาพถ่ายโบราณสยาม


วันที่ ๑๗ ธ.ค. ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป เจ้าฟ้า นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม(วธ.) เป็นประธานแถลงข่าวการจัด“นิทรรศการภาพถ่ายโบราณสยาม ผ่านมุมกล้องจอห์น ทอมสัน ๒๔o๘-๒๔o๙” รวมทั้งนครวัดและเมืองชายฝั่งประเทศจีนโดยมีนายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการฯ และนายไพศาล เปี่ยมเมตตาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสำนักพิมพ์ริเวอร์บุ๊คส์ จำกัด ร่วมงาม



center>


โดยนายวีระ กล่าวว่า การจัดนิทรรศการภาพถ่ายโบราณครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบในปี ๒๕๕๘ และเป็นการรำลึกครบรอบ ๑๕o ปี ที่นายจอห์น ทอมสัน ช่างภาพชาวอังกฤษที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ ๔ และได้ถ่ายภาพบุคคลสำคัญ ชาวบ้าน สภาพบ้านเมือง และทิวทัศน์ของประเทศไทยเมื่อ ๑๕o ปีที่แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ ได้ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงพระเยาว์ โดยเป็นช่างภาพคนแรกที่ได้รับเกียรติจากรัชกาลที่ ๔ ทรงพระพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพพระองค์ในพระบรมหาราชวังอย่างเป็นทางการและรวมถึงได้ฉายภาพพระบรมวงศานุวงศ์องค์อื่นๆ อีกหลายพระองค์ รวมทั้ยังมีภาพที่ถ่ายจากนครวัดประเทศกัมพูชา และชายฝั่งทะเลประเทศจีน ผลงานของนายจอห์นมาจัดแสดงรวม ๖o ภาพ



center>


รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า ภาพชุดที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ เป็นภาพที่มีความพิเศษและมีคุณค่ามาก ซึ่งได้รวบรวมไว้อย่างครบสมบูรณ์และไม่เคยจัดแสดงให้คนไทยได้เห็นมาก่อน ตนจึงคิดว่าภาพชุดนี้จะเป็นภาพสะท้อนทางประวัติศาสตร์ ที่บอกเรื่องราวในอดีตและใช้ในการศึกษาวิถีชีวิตคนไทยได้เป็นอย่างดีรวมทั้งยังสามารถใช้ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูโบราณสถานในปัจจุบันได้อีกด้วย ซึ่ง วธ.มีแนวทางขยายผลการจัดนิทรรศการโดยนำภาพชุดดังกล่าวไปจัดแสดงในต่างจังหวัด เพื่อให้ประชาชนจากทั่วประเทศได้มีโอกาสชื่นชมตลอดจนจะเผยแพร่ไปในประชาคมโลก ให้ชาวไทยในต่างแดนและต่างชาติทั่วโลกได้มีโอกาสได้ร่วมชมด้วยซึ่งจะเป็นการเผยแพร่เกียรติภูมิของประเทศไทยอย่างกว้างขวาง



center>


ด้าน นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า การจัดแสดงงานนิทรรศการครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้รับลิขสิทธิ์ภาพต้นฉบับมาจัดแสดงภาพโบราณ โดยแต่ละภาพจะมีการอัดขยายขนาดไม่ต่ำกว่า ๑ เมตรเพื่อให้เห็นรายละเอียดของภาพโบราณอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่สำคัญกรมศิลปากรยังได้คัดเลือกโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับภาพถ่ายมาจัดแสดงครั้งนี้ด้วยโดยกำหนดจัดแสดงเป็นเวลาราว ๒ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑o ม.ค.-๒๗ ก.พ. ๒๕๕๘ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า โดยในวันศุกร์ที่ ๙ ม.ค. ๒๕๕๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานเปิดงานนิทรรศการฯ ทั้งนี้พระองค์ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรต้นฉบับฟิลม์กระจกที่เก็บรักษาอยู่ที่สถาบันเวลคัมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อหลายปีมาแล้ว



center>


นายไพศาล เปี่ยมเมตตาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สำนักพิมพ์ริเวอร์บุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่า คณะกรรมการได้คัดเลือกภาพที่มีความสำคัญที่เป็นประวัติศาสตร์ของชาติจำนวน ๖o ภาพมาจัดแสดง โดยมีภาพสำคัญ อาทิ ภาพของรัชกาลที่ ๔ ทรงฉลองพระองค์ชุดคลุยทองคำตามเป็นโบราณราชประเพณี โดยเป็นชุดโจงกระเบนคาดเข็มขัดทองคำประทับบนพระที่นั่งตั้งเครื่องประกอบพระอิสริยศถือเป็นภาพสำคัญที่เคยจัดแสดงในงานเอ็กซ์โป ณ กรุงปารีส เมื่อกว่า ๑oo ปีที่ผ่านมานอกจากนี้ ยังมีภาพของรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ จำนวน ๓ ภาพภาพสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา ต้นราชสกุลมาลากุล ภาพเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ภาพวิวทิวทัศน์วัดวาอารามของกรุงเทพมหานครในอดีต เป็นต้น



center>


"ประชาชนจะได้ชมภาพประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยจัดแสดงมาก่อนรวมทั้งจะเห็นวิวัฒนาการของการถ่ายภาพเมื่อ ๑๕o ปี ซึ่งต้องใช้กระจกเคลือบน้ำยารวมทั้งจะเห็นถึงพระอัจฉริยภาพของรัชกาลที่ ๔ ในยุคที่ชาติตะวันตกมีการล่าอาณานิคมแต่พระองค์ทรงหาแนวทางแสดงให้ชาติตะวันตกเห็นถึงความศิวิไลในการฉลองพระองค์ฉายพระรูป ในชุดจอมพลฝรั่ง ซึ่งแต่ละภาพหาชมไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว" นายไพศาล กล่าว



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th














นิทรรศการขัวศิลปะครั้งที่ ๓ คารวะ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี


กองทุนศิลปินเชียงราย(ขัวศิลปะ) จัดงานนิทรรศการขัวศิลปะครั้งที่ ๓“คารวะ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี” โดยมีพิธีเปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ณ ขัวศิลปะ พิธีเปิดงานในครั้งนี้มีพระมหาวุฒิชัย วัชรเมธี กล่าวธรรมกถาเรื่องประดับไว้ในโลกา มีการแสดงพิณเปี๊ยะโดยคุณเสรี ชุมไชยยา, การแสดง Neo Lanna Dance ชุดจักรวาตาร โดยพิชย์ บุษเนียร และให้เกียรติกล่าวระลึกถึงอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี โดยอาจารย์นคร พงษน้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง, อาจารย์จรูญ บุญสวน ศิลปินอาวุโส, คุณดอยธิเบศร์ ดัชนี ลูกชายของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ประธานกองทุนศิลปินเชียงราย (ขัวศิลปะ) กล่าวขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน โดยศิลปินในกองทุนศิลปินเชียงราย(ขัวศิลปะ)ทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการเปิดงานนิทรรศการครั้งนี้










นิทรรศการขัวศิลปะเป็นงานประจำปีของกองทุนศิลปินเชียงราย (ขัวศิลปะ) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ $ และเนื่องในโอกาสครบรอบ ๑oo วัน การเสียชีวิตของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ, ศิลปินเชียงรายที่เคารพรัก การจัดนิทรรศการในปีนี้จึงจัดเป็นพิเศษในชื่องานว่า “คารวะ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี” เพื่อให้ศิลปินในกองทุนฯ ได้แสดงความอาลัยและระลึกถึงอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ผ่านผลงานศิลปะของแต่ละคน โดยมีศิลปินที่เข้าร่วมแสดงผลงาน จำนวนกว่า ๒๕o คน สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายเทคนิคทั้งงานจิตรกรรม ภาพถ่าย เครื่องปั้นดินเผา งานแกะสลัก เซรามิค และนอกเหนือจากนี้ ยังมีผลงานของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนีที่เคยมอบให้ศิลปิน หน่วยงานราชการในจังหวัดเชียงราย มาร่วมแสดงในงานนิทรรศการนี้อีกด้วย










ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ -๓o เมษายน ๒๕๕๘ ทุกวัน เวลา ๑o.oo -๑๙.oo น. ณ ขัวศิลปะ เชียงราย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร o๘๘-๔๑๘-๕๔๓๑ //www.facebook.com/artbridgechiangrai, artbridgechiangrai.cr@gmail.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














ชมศิลปวัฒนธรรมเมืองแพร่


เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวแพร่ในช่วงปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาว เพื่อชมตัวเมืองและชุมชนเก่า ภายใต้ชื่องาน แอ่วปีใหม่แพร่ ยิ่งฮู้จัก ยิ่งฮักแพร่ ร่วมด้วยการแสดง ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น อาทิ ละครซอ นาฏศิลป์ถิ่นแพร่ รำวงย้อนยุค กิจกรรมเสน่ห์ประเพณีวัฒนธรรมเมืองแพร่ การแสดง อาทิ การจำหน่ายสินค้าอาหารพื้นเมือง มากมาย






นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เผยว่า แพร่เมืองที่มีคำขวัญแสนไพเราะ “หม้อห้อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม” จะจัดกิจกรรมใหญ่ ด้วยการเปิดเมืองทั้งวันถึงกลางคืน เปิดคุ้มเจ้าหลวง บ้านวงศ์บุรี เปิดตลาดการค้าหรือกาดมั่วตามมุมต่าง ๆ ของเมือง เสริมด้วยการแสดงทางวัฒนธรรม สะล้อซอซึง เพื่อให้นักท่องเที่ยวไหว้พระตามวัดต่าง ๆ มีสวดมนต์ข้ามปี (สวดรักขี ๑ แสนจบ) ในคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคมด้วย โดยจะมีการแสดงอยู่ ๓ เวที คือ ที่บริเวณสวนสุขภาพ บริเวณประตูชัย และบริเวณคูเมืองเดิม พร้อมการแจกรางวัลมากมาย






จุดเด่น นอกจากสถานที่ ที่มีทิวทัศน์สวยงามแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งน้ำตก ถ้ำ น้ำพุร้อน อุทยานแห่งชาติ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวแบบศาสนสถาน บ้านเรือนเก่าที่สวยงาม กำแพงเมืองโบราณ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน สนใจแวะไปสัมผัสกันได้



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com














“ภูมินันท์ ปิยทัศน์นันท์” เจ้าของภาพถ่าย “พลุวันพ่อ” ที่หลายคนยังประทับใจ


๑ ในจำนวนภาพถ่ายที่ถ่ายทอดบรรยากาศของค่ำคืน ที่มีการจุดพลุและดอกไม้ไฟ เพื่อเฉลิมฉลอง “วันพ่อแห่งชาติ” วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ท้องสนามหลวง ซึ่งถูกแชร์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นจำนวนมากและหลายคนยังประทับใจไม่หาย แม้จะผ่านค่ำคืนนั้นมาหลายคืนแล้วก็ตาม คือ “ภาพถ่ายพลุ” ท่ามกลางบรรยากาศที่มีโฟร์กราวน์และแบล็คกราวน์ เป็นภาพ..ป้อมพระสุเมรุ ชุมชนบนถนนพระอาทิตย์ ค่อย ๆ ไล่ไปจนถึง ท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง







นักศึกษาปริญญาเอก ด้านการตลาด ถ่ายภาพ Landscape


ภูมินันท์ ปิยทัศน์นันท์ ช่างภาพวัย ๓๙ ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ คือเจ้าของภาพถ่ายนี้ และมันคือภาพถ่ายพลุวันพ่อ ภาพแรกในชีวิตของเขา ช่างภาพผู้ไม่ได้เรียนจบมาทางด้านถ่ายภาพ แต่จบปริญญาเอก ด้านการตลาด จาก University of New South Wales เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนด้านการตลาดในรั้วมหาวิทยาลัย ควบคู่ไปกับการเปิดเวิร์คชอปด้านการถ่ายภาพ


“การถ่ายภาพ เป็นเหมือนงานอดิเรกมากกว่า ตอนเรียน ป.ตรี เคยเรียนพื้นฐานด้านการถ่ายภาพมา 1 ตัว หลังจากนั้นก็ฝึกฝีมือมาเรื่อย ๆ ด้วยการใช้กล้องดิจิตอล ถ่ายภาพสมาชิกภายในครอบครัว แล้วมาเริ่มจริงจังกับการถ่ายภาพ เมื่อประมาณ ๔ - ๕ ปีที่ผ่านมา ตอนไปอยู่ออสเตรเลีย โดยเฉพาะภาพในแนว Landscape จำพวกภาพวิวทิวทัศน์ของทะเล, ภาพภูเขาและน้ำตก และภาพเมือง ของเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์”


โดยก่อนที่จะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่แดนจิงโจ้ ก่อนหน้านี้ ภูมินันท์เรียนจบปริญญาตรี เอกโฆษณา โทการตลาด จากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน และปริญญาโท ด้านการตลาด(ภาคภาษาอังกฤษ) โครงการ MIM มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อจบมา ทำงานเป็นนักวิจัย และนักการตลาด อยู่ในแวดวงเอเจนซี่ กระทั่งได้ทุนจาก รั้ว มธ. ไปเรียนต่อปริญญาเอก ที่ออสเตรเลีย ในสาขาและสถาบันดังที่กล่าวมา







เครื่องมือบันทึกความทรงจำ


ภูมินันท์บอกเล่าว่าสิ่งที่ทำให้ในช่วงที่ไปเรียนต่อในต่างแดน เริ่มจริงจังกับการถ่ายภาพมากขึ้น นอกจากมองว่ากล้องถ่ายภาพเป็นเสมือน “เครื่องมือบันทึกความทรงจำ” ดังเช่นที่เขาเคยใช้มันบันทึกภาพครอบครัว ในช่วงเริ่มต้นของการฝึกฝนถ่ายภาพ ส่วนหนึ่งเพราะต้องการผ่อนคลายตัวเองจากการเรียนด้วย


“กล้องถ่ายภาพมันเป็นเครื่องมือบันทึกความทรงจำ ช่วยให้เราย้อนรำลึกถึงความหลังที่สวยงามแรก ๆ ผมถ่ายภาพครอบครัวเป็นหลัก จากนั้นพอไปอยู่ที่ออสเตรเลีย วิวทิวทัศน์ของที่นั่นก็สวยแปลกตา คิดว่าถ้าบันทึกภาพเก็บไว้ เวลากลับมาดูคงจะมีความสุข จึงเริ่มต้นถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ของที่นั่นด้วย ประกอบกับเรียนหนัก ค่อนข้างเครียด ก็เลยเลือกการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกที่ช่วยผ่อนคลายตัวเองจากความเครียด และอยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์”







จาก //www.500px.com สู่ นิตยสาร ๑๖ ปก


แม้ภูมินันท์จะยังไม่เคยนำผลงานไปจัดแสดงที่ไหน แต่ในช่วง ๒- ๓ ปี ที่ผ่านมา ผลงานของเขาเคยถูกตีพิมพ์เป็นปกนิตยสารมาแล้ว ๑๖ ครั้ง โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษและอเมริกา โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากนิตยสารเหล่านั้นได้ไปเห็นผลงานของเขาที่โพสต์ไว้ให้ชมบนเวบไซต์ //www.500px.com


“เพราะช่วงปีที่ ๒ ของการถ่ายภาพ ผมเริ่มอยากจะรู้ว่าคนอื่นจะมองภาพที่เราถ่ายอย่างไร โดยใช้ชื่อ Account ว่า AtomicZen (ชื่อที่เขาเคยเอาไว้ใช้ตอนเล่นเกมส์ TS Online หรือ สามก๊กออนไลน์) ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนนิตยสารด้านการถ่ายภาพด้วยกล้อง Nikon ขอซื้อภาพไปลงหน้าปก หลังจากนั้นจึงมีฉบับอื่น ๆ ติดต่อมาเรื่อย ๆ รวมทั้งหมดประมาณ ๑๖ ครั้ง ครับ”


ดังนั้นเมื่อเรียนจบ และกลับมาเมืองไทย ทำให้ภูมินันท์มั่นใจที่จะแนะนำตัวเองให้คนไทยด้วยกันรู้จัก ในฐานะ “ช่างภาพ” ด้วย


“อยากให้คนไทยได้รู้จักเรามากขึ้น เพราะเรารู้สึกเสมอว่าเราก็เป็นคนไทยคนหนึ่งนะ และไม่แพ้ชาติอื่นใดในโลก”







กว่าจะได้ “ภาพถ่ายพลุวันพ่อ”


สำหรับ ความประทับใจล่าสุด ที่คนไทยมีต่อผลงานของเขา เจ้าตัวบอกถึงแรงบันดาลใจ ที่ทำให้แบกอุปกรณ์ถ่ายภาพออกจากบ้าน ในวันที่การจราจรติดขัดแสนสาหัส แล้วกระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ ยิงยาวจากย่านรามคำแหง มายังคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่าน ถ.สามเสน เพื่อหามุมเหมาะๆสำหรับตั้งกล้องถ่ายภาพพลุและบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง ณ ท้องสนามหลวง พร้อมกับเพื่อนช่างภาพคนอื่น ๆ ว่า


“อยากจะมีส่วนร่วมกับการเฉลิมฉลองเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นปีแรกที่ผมกลับมาอยู่เมืองไทยด้วย พอเพื่อน ๆ บอกว่าจะมีการจุดพลุที่สนามหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ผมก็เลยอยากจะมีส่วนร่วม ทั้งที่ผมเองไม่เคยถ่ายภาพพลุมาก่อน จึงอยากจะลองดู เลยนัดเพื่อน ๆ ไปถ่ายภาพที่คอนโดฯส่วนตัว แถวสามเสน ในช่วงประมาณ ๔ โมงเย็น ของวันที่ ๕ ธันวาคม มีการทำหนังสือขออนุญาตขึ้นไป”


หลายชั่วโมงกับการไปตั้งกล้องบนตึกสูงเพื่อรอถ่ายภาพ “พลุวันพ่อ” ภาพแรกในชีวิต ภูมินันท์บอกเล่าให้ฟังถึงวิธีการทำงาน กว่าจะได้มาซึ่งภาพที่หลายคนประทับใจว่า


“เราขึ้นไปตั้งกล้องรออยู่ ๓ ชั่วโมง รอว่าเมื่อไหร่พลุถึงจะเริ่มถูกจุด ถึงจะได้เริ่มถ่าย อุปกรณ์ถ่ายภาพ ทุกอย่างเป็นแมนนวลหมด ตอนแรกคิดว่าจะเอาเลนส์เทเล ๘o-๒oo มาเจาะถ่ายปะรำพิธีตรงท้องสนามหลวง ท่ามกลางบรรยากาศของพลุและดอกไม้ไฟสวยๆ แต่ในสถานการณ์จริงสิ่งที่อยากจะถ่ายมันมากกว่านั้น ผมไม่รู้ว่าป้อมตรงนั้นคือป้อมอะไร(ป้อมพระสุเมรุ) สวยมากเลย เพื่อนก็ชี้บอกว่ามุมนี้ปกติที่เค้าถ่ายกัน เอาเลนส์ไวด์มาเก็บป้อมตรงนี้ได้ แต่ถ้าใช้เลนส์ไวด์ถ่ายปั๊บ ปัญหาก็คือพอเก็บป้อมได้


บรรยากาศตรงท้องสนามหลวงที่ไกลออกไปจะเก็บได้เล็กมาก เพราะเลนส์ไวด์ที่ผมเตรียมไป มันค่อนข้างแคบเกิน ก็พยายามคิดว่าจะทำยังไงดี ผมเลยใช้เทคนิคถ่ายภาพพาโนรามา โดยใช้เลนเทเล ในระยะประมาณ ๑oo เจาะเก็บเฉพาะตัวป้อมก่อน แล้วค่อยๆเขยิบกล้องขึ้นไปเรื่อย ๆ การใช้เลนส์เทเล ดึงขึ้นมาจะทำให้เก็บป้อมได้ใหญ่ และด้านหลังที่เป็นท้องสนามหลวง มันก็จะใหญ่ขึ้นมาในเฟรม และในวิธีการเก็บภาพของผมคือ อย่างภาพป้อมอย่างเดียว เก็บ ๓ ช็อต หรือ ๓ ภาพ แล้วก็ค่อยเก็บขยับขึ้นไปอีกที่ละ ๓ ภาพ”


ภูมินันท์บอกเล่าเพื่อที่จะบอกว่า ภาพถ่ายอันงดงาม ๑ ภาพ ผลงานของเขา ที่ผู้คนเห็นผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ใช่ภาพที่ถ่ายจบในช็อตเดียว แต่เป็นการเก็บภาพบรรยากาศอื่น ๆ รอไว้ก่อน ทั้งโฟร์กราวน์และแบรค์กราวน์รวม ๑๕ ช็อต ก่อนจะนำไปรวมกับภาพพลุที่จะถ่ายได้ในตอนหลัง


“หลังจากที่เก็บโฟร์กราวน์และแบรค์กราวน์เสร็จ จากนั้นก็รอจังหวะการจุดพลุ เพื่อนๆบอกว่าประมาณหนึ่งทุ่มสิบห้านาทีพลุจะเริ่มจุด แต่ในสถานการณ์จริงวันนั้น ปรากฎว่าในเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้านาที สถานที่ โดยรอบจุดที่เราตั้งกล้อง เขาเริ่มจุดพลุกันแล้ว ขณะที่สนามหลวงยังไม่จุด กระทั่ง หนึ่งทุ่มครึ่งก็แล้ว หนึ่งทุ่มสี่สิบก็แล้ว จนเราเริ่มสงสัยกันว่าทำไมจุดช้าจัง กระทั่งหนึ่งทุ่มสี่สิบห้า รายการโทรทัศน์เริ่มมีการถ่ายทอดการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ตอนนั้นก็คิดว่าต้องเริ่มจุดแล้วแน่ ๆ จึงได้เริ่มต้นบันทึกภาพกัน


ภาพแรก ๆ ที่บันทึกได้ ได้ภาพพลุเล็กมากๆ จุดมาตู้มเดียว เห็นควันเต็มปะรำพิธีตรงท้องสนาม เพื่อนๆก็บอกว่า ตายแล้วควันเต็มไปหมดเลย ความหวังที่จะได้ภาพดอกไม้ไฟสวยๆคงลำบากแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หน้าที่เรา ต้องบันทึกความทรงจำ ณ สถานการณ์ตรงนั้นเอาไว้ก่อน"



พลุสีธงชาติ



"จากนั้นผ่านไปประมาณ ๕-๑o นาที จึงมีพลุลูกใหญ่ปรากฎขึ้นตามมา ด้านซ้ายมือบนของท้องสนามหลวง ซึ่งสวยงามมาก และเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมเริ่มรู้แล้วว่า เลนส์ไวด์ที่ผมเตรียมไปมันไม่พอ เพราะแคบ แต่บรรยากาศตรงนั้นมันกว้างมากจนผมต้องรีบปรับการถ่ายจากการใช้เลนส์เทเลถ่ายแนวนอนมาเป็นแนวตั้ง เพื่อจะเก็บภาพพลุตรงจุดนั้นให้ได้ก่อน พลุเนี่ยเขาจุดประมาณ ๔-๕ ชุดก็จบแล้ว ซึ่งภาพพลุที่เก็บได้ เป็นพลุสีธงชาติ ขาว แดง น้ำเงิน ถือว่าโชคดีมากที่เก็บได้พอดี พอถ่ายเสร็จผมเลยได้แต่หวังว่า ขอให้ถ่ายภาพพลุสีธงชชาติติดและขอให้สีและแสงไม่ล้น


พอกลับถึงบ้านมาเช็คดู เรียกว่าเป็นโชคดีที่ได้ภาพพลุในแบบที่ผมอยากได้พอดีเลย แสง สี ความคมชัด ไม่หลุดเลย หลังจากนั้นผมก็นำภาพที่ถ่ายทั้งหมดมาผ่านกระบวนการ โดยการนำภาพที่ผมถ่ายโฟร์กราวน์ และแบรคกราวน์ ๑๕ ภาพในตอนแรก มารวมกับภาพพลุที่ถ่ายได้ ในกระบวนการตกแต่งภาพในคอมพิวเตอร์”



ภาพที่ใกล้เคียงสิ่งที่สายตาช่างภาพมองเห็น



ใครที่เคยคาดเดาว่าภาพถ่ายที่ได้ชม เป็นภาพที่ถ่ายจบในภาพเดียว หรือด้วยความไม่รู้ว่าการได้มาซึ่งผลลัพธ์ของผลงานศิลปะภาพถ่ายของช่างภาพแต่ละคน มีหลายวิธีการสร้างสรรค์ อย่าได้ผิดหวัง เพราะภาพ ๑ ภาพที่ทุกคนได้ชม ภูมินันท์บอกว่า มันคือผลลัพธ์ของสิ่งที่เขาพยายามนำเสนอให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ตนเองประทับใจในค่ำคืนนั้นมากที่สุด ท่ามกลางอุปกรณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย


“ภาพนี้เนื่องจากมันมีเทคนิคพิเศษที่ว่า ถ้าเราใช้เลนส์ไวด์ในการถ่ายภาพ เลนส์ไวด์อาจจะเก็บภาพป้อมพระสุเมรุได้ แต่อย่างที่บอกไป ท้องสนามหลวง และพระบรมหาราชวัง ในเฟรมเดียวกันจะเก็บได้เล็กมาก จึงต้องใช้เลนส์เทเลถ่ายภาพป้อมสุเมรุไล่ขึ้นไปที่ท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง รวม ๑๕ ช็อต แล้วจึงนำถ่ายภาพพลุในวันเดียวกัน เอามารวมเพื่อจัดองค์ประกอบภาพให้สมจริง อย่างที่ตาของผมมองเห็นบรรยากาศต่างๆในวันนั้น"


และมันก็เป็นภาพที่เกิดจากการนำภาพถ่ายหลายๆภาพ ที่ถ่ายได้ทั้งหมดในวันและสถานที่เดียวกันมานำเสนอ แตกต่างจากภาพถ่ายพลุ ภาพอื่น ๆ ที่หลายคนอาจเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งภาพเหล่านั้นเป็นการนำภาพที่ถ่ายได้จากต่างสถานที่ ต่างเหตุการณ์ และอาจจะคนละวันด้วย มารวมกัน เพื่อมุ่งเน้นให้ได้ภาพที่มีความสวยงามเป็นหลัก มากกว่าถ่ายทอดความประทับใจของช่างภาพ


“แต่ตัวผมเองอยากได้บรรยากาศจากสถานที่เดียวกัน วันเดียวกัน มารวมกันให้ได้บรรยากาศที่สมจริงที่สุด เพียงแต่ในแง่ของการถ่ายภาพ เราไม่สามารถถ่ายจบในภาพเดียวได้ เนื่องจากข้อจำกัดในด้านอุปกรณ์”







“อ.เผ่าทอง ทองเจือ” ร่วมแชร์


ทันทีที่นำภาพถ่ายที่ได้ไปผ่านกระบวนการในคอมพิวเตอร์จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลางดึกของคืนวันเดียวกัน ภูมินันท์ตัดสินใจอัปโหลดภาพให้คนบนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ชมทันที


“ประมาณซักเที่ยงคืน เพราะตอนที่ผมกลับบ้านรถติดมาก ๆ วันนั้น หลังจากถ่ายภาพเสร็จ ผมมีความประทับใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เราได้บันทึกภาพบรรยากาศของงานเฉลิมฉลอง และส่วนตัวผมรักในหลวงมาก อยากจะนำภาพที่ได้ในวันนั้นมาแชร์ให้คนอื่น ๆ ได้เห็น ได้ชมความสวยงาม จากมุมมองที่เรายืนอยู่ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะเก็บไว้ก่อน แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่าไม่ดีกว่า เพราะทุกคนต่างกำลังมีความสุขกับการเฉลิมฉลองงานวันพ่อ ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุขด้วย กลับถึงบ้าน หิวข้าวมาก ก็เลยกินข้าวไปด้วย ทำภาพไปด้วย และรีบอัปโหลดภาพให้คนได้ชมในคืนนั้นเลย”


จากที่ไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าจะมีคนชื่นชอบจำนวนมาก อีกวันต่อมาภูมินันท์ก็ต้องตกใจกับจำนวนผู้ที่กดไลค์และแชร์ไปจาก facebook ของเขา รวมไปถึง facebook ของอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ หนึ่งในผู้ที่ประทับใจภาพนี้มาก


“แรกที่ตื่นมา ตกใจ เพราะมีคนแชร์ไปเยอะมาก ผมไม่ได้คาดหวังไว้ว่า คนจะชอบขนาดนี้ หน้าวอลล์ผมเองมีคนกดไลค์เกือบหนึ่งพัน และแชร์ไปอีกประมาณครึ่งร้อย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของคุณ เผ่าทอง ทองเจือ ที่แชร์ไป ซึ่งมีคนกดไลค์อีกเป็นหมื่น และแชร์ไปอีกเป็นพัน ก็เลยทำให้รู้สึกดีใจที่มีคนชื่นชอบภาพของเรา”







๑ ใน ๑๕ ภาพถ่ายในดวงใจ


ขณะที่ส่วนตัวภูมินันท์เองหตุผลที่ทำให้ชอบภาพถ่าย ผลงานของตัวเองภาพนี้มาก ๆ ถึงขนาดจัดให้เป็นภาพถ่ายในดวง นอกจากเป็นครั้งแรกที่ถ่ายภาพพลุวันพ่อ ยังเป็นภาพถ่ายทีมีหลายสิ่งที่เขาประทับใจมารวมอยู่ในภาพๆเดียว


“ผมเห็นความเป็นไทยในภาพถ่ายนี้พอสมควร ถ้าเทียบกับภาพอื่นๆที่ผมเคยไปถ่าย เห็นความเป็นไทย เห็นการเฉลิมฉลอง ความรื่นเริงที่มันเกิดขึ้น ภาพนี้จึงจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาภาพที่ผมชอบ และเป็นภาพที่ผมจัดให้เป็น ๑ ใน ๑๕ ภาพถ่ายในดวงใจ ในบรรดาภาพถ่ายในเมืองไทยที่ผมเคยถ่าย และภาพนี้ติดอันดับต้น ๆ”


ดังนั้น ภูมินันท์จึงเตรียมที่จะปริ๊นภาพถ่ายนี้ใส่กรอบเพื่อติดไว้ชมเองภายในห้องนั่งเล่น และถ้ามีโอกาส เช่น มีการจัดนิทรรศการที่ใครก็ตามอยากจะชวนให้เขาไปร่วม เขาอยากจะนำภาพนี้ไปร่วมแสดงด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าภาพของเขาจะเหมาะสมกับตรีมของนิทรรศการนั้น ๆ ด้วยหรือไม่ ขณะที่เวลานี้ได้มีผู้ติดต่อเข้ามาหลังไมค์เพื่อขอซื้อภาพไปปริ๊นใช้เพื่อการต่าง ๆ


“ก็มีคนติดต่อมาเหมือนกัน เช่นว่าอยากจะขอซื้อภาพเพื่อไปปริ๊นติดในร้านอาหาร หรือบ้านส่วนตัว แต่เนื่องจากผมเกรงเรื่องลิขสิทธิ์ ถ้าเราปล่อยไฟล์ออกไปให้คนนำไปปริ๊น ผมเลยขอพิจารณาเป็นกรณีไป ถ้าผมสนใจ ผมขอปริ๊นเอง แล้วให้คนที่อยากได้ภาพจ่ายค่าปริ๊นให้ผมจะดีกว่า ผมจะปริ๊นลงกระดาษอย่างดีแบบงานภาพถ่ายดีๆที่โชว์ในแกลเลอรี่ จากนั้นผมนำภาพไปส่งมอบให้เอง ถ้าใครยินดีจะขอซื้อภาพ ผมยินดีจะปริ๊นให้ แต่ถ้าจะซื้อไฟล์ภาพไปปริ๊นเองผมคงไม่สะดวก”



www.atomiczen.net


ส่วนใครที่ต้องการติดตามชมผลงานภาพถ่ายของภูมินันท์ แนะนำให้คลิกไปเยี่ยมชมที่ //www.atomiczen.net เพราะนอกจากภาพถ่ายในเมืองไทย เขายังรวบรวมผลงานภาพถ่ายที่ถ่ายจากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มาไว้ให้ชมด้วย และได้มีการอัปเดทภาพและข้อมูลอยู่เรื่อย ๆ ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพ อื่น ๆ และล่าสุดเทคนิคการถ่ายภาพ พลุวันพ่อ


“ผมตั้งใจนำภาพถ่าย ตลอดจนเทคนิคการถ่ายภาพของผมมาแชร์ให้กับผู้สนใจตรงนี้ เพราะผมเชื่อว่าในวันหนึ่ง facebook อาจจะต้องหายไปเหมือน Hi 5 , Multiply ฯลฯ ถ้าเป็นเช่นนั้นผมเสียดายข้อมูล จึงนำมาเก็บรวบรวมไว้ในเวบไซต์ของตนเองดีกว่า”


ภูมินันท์ หรือ AtomicZen ชื่อที่ไม่ได้ถูกใช้แต่ในภาคของการเป็นคนเล่นเกมส์ สามก๊กออนไลน์ แต่ยังรวมถึงในภาคของการเป็น “ช่างภาพ” กล่าวเชิญชวนทุกคนให้แวะไปเยี่ยมชมเวบไซต์ของเขา



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














Barry X Ball : Portraits and Photos


นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศิลปินอเมริกันชื่อดัง Barry X Ball กับการจัดแสดงผลงานประติมากรรมหิน “Matthew Barney Dual Portrait” ชิ้นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นภาพแกะสลักใบหน้าของ Matthew Barney ศิลปินร่วมสมัยชื่อดังชาวอเมริกัน รวมไปถึงคอลเลคชั่นภาพถ่ายบันทึกผลงานชิ้นสำคัญต่าง ๆ ของ Ball ที่จัดแสดงไว้ในปราสาทและวังต่าง ๆ ในอิตาลี เช่น the Ca’ Rezzonico ใน Venice และ the Palazzo Mansi ใน Lucca


Barry X Ball หรือ BXB คือหนึ่งในประติมากรที่มีชื่อเสียงทางด้านฝีมือมากที่สุดของศตวรรษนี้ ด้วยความสามารถเหนือชั้นในการสร้างสรรค์ผลงานที่ผสมผสานความเป็น contemporary และ classic art ในทุกชิ้นงานได้อย่างลงตัว งานประติมากรรมทุกชิ้นของ Ball สะกดผู้ชมงานด้วยความประณีตของพื้นผิว สี และรูปทรง ที่บ่งบอกถึงความซับซ้อนและการใช้ทักษะประติมากรรมชั้นสูงในกระบวนการทำงาน


ผลงานของ Ball ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ และเทศกาลศิลปะที่สำคัญในระดับโลกมากมาย อาทิ 54th Venice Biennale, MoMA PS1, และ the Lucca National Museums อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของ Museum และ Private Collection สำคัญๆ ทั่วโลก อาทิ SFMOMA (USA), Museo Cantonale d’Arte (Switzerland), และ the Thomas Olbricht Collection (Germany) เป็นต้น


100 ต้นสนแกลเลอรี่ ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมชมงาน “Barry X Ball: Portraits and Photos” ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ ในวันแรกของงาน (First Preview Day) แกลเลอรี่จะเปิดให้เข้าชมได้จนถึง ๙.๓o น พร้อมอาหารและเครื่องดื่มตลอดงาน และพบปะพูดคุยศิลปิน Barry X Ball ได้ในงาน Closing Party สุดพิเศษในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ 100 ต้นสนแกลเลอรี่


First Preview Day: ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ ๑๑.oo – ๒๑.๓o น.
Closing Party: ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น.


นิทรรศการ : Barry X Ball: Portraits and Photos
ศิลปิน : Barry X Ball
วันที่ : ๑๕ มกราคม – ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : 100 ต้นสนแกลเลอรี่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๖๘๔-๑๕๒๗
อีเมล : info@100tonsongallery.com
เว็บไซต์ : //www.100tonsongallery.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














Nature & Love


นภัสอาร์ทแกลเลอรี่ (Napas Art Gallery) ขอเรียนเชิญผู้สนใจร่วมชมงานนิทรรศการจิตรกรรม “Nature & Love” ผลงานโดย สุน พาพาน (Soon Papan) ซึ่งเป็นการแสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตของศิลปิน จัดแสดงผลงานทั้งหมดมากกว่า ๒๕ ชิ้น จากการทำงาน ๒o ปี ร่วมด้วยผลงานจากศิลปินรับเชิญ จุ๊ฟฟี่ จุ๊บ (Juffy Joob)


ขอเชิญร่วมพิธีเปิดในวันจันทร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น. โดย คุณไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ ณ นภัสอาร์ทแกลเลอรี่ พร้อมกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน พบปะพูดคุยกับศิลปินและรับสูจิบัตร


นิทรรศการ : Nature & Love
ศิลปิน : สุน พาพาน (Soon Papan)
วันที่ : ๑๙ มกราคม – ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : นภัสอาร์ทแกลเลอรี่ (Napas Art Gallery)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : 083-6331204
อีเมล : napas.artgallery@gmail.com
เว็บไซต์ : //www.facebook.com/napasartgallery



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














น้ำผึ้งคลุกข้าว (HONEY MIXED RICE)


ขอเชิญชมนิทรรศการ “น้ำผึ้งคลุกข้าว” (HONEY MIXED RICE)


โดยศิลปินสุรพล ปัญญาวชิระ


ลักษณะงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ สื่อผสม และPerformance


ระยะเวลาที่จัดแสดง ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ – ๑๑ มกราคม ๒๕๕๘


พิธีเปิดนิทรรศการ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.


ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑























ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคหอศิลป์จามจุรี














อีโมชั่น


ตั้งแต่วันที่ ๑๘ ธันวาคม ถึง วันที่ ๑๘ มกราคม สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพจะนำเสนอนิทรรศการ “Emotions” ผลงานรังสรรค์ของ สุดาภรณ์ เตจา ศิลปินอายุน้อยที่จัดแสดงงานจิตรกรรมเดี่ยวครั้งแรกเมื่อต้นปี ๒o๑๔ ที่แกลเลอรี่เซรินเดีย ในกรุงเทพ และหลังจากนี้เธอจะไปจัดแสดงงานที่แกลเลอรี่ ฌอง-ฟรองซัวส์ กาโซ ในนครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มีนาคม ถึง วันที่ ๒๕ เมษายน


ศิลปินไทยผู้มากฝีมือผู้นี้เป็นที่รู้จักผ่านทาง ไทยลีวูด – โครงการศิลปินพำนัก (เอกชน) ที่ก่อตั้งโดย ฮุค และ มารี ฟองแตน แตแตงเช่ – ซึ่งให้ความสำคัญกับวิธีการวาดภาพมากกว่ามุ่งเน้นในตัวผลงาน สุดาภรณ์ เตจา สร้างสรรค์ชิ้นงานนามธรรมด้วยการระบายสี การหยด และการปาดสีลงบนผืนผ้าใบ แม้ว่าสไตล์ของเธอแสดงให้เห็นจิตนาการและความรู้สึก หรือแม้แต่จะเป็นศิลปะแบบนามธรรม แต่เธอไม่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะประเภทนั้น งานของสุดาภรณ์นำเสนออย่างตรงไปตรงมา สะท้อนจิตวิญญาณของเธอราวกับพยายามแสดงให้เห็นอารมณ์ที่มีต่อพื้นที่และสิ่งรอบตัว สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในผลงานของสุดาภรณ์ เตจา คือ นัยยะที่ซ่อนอยู่ในการแสดงออกที่สะท้อนให้เห็นว่าเธอปลดปล่อยตัวเองและแสดงออกถึงสิ่งที่รู้สึก ณ ขณะนั้นอย่างเต็มที่ผ่านสีสันและพื้นผิว ในขณะเดียวกันเป็นการเชิดชูจิตรกรรมที่ทำหน้าที่เป็นสื่อในการสื่อสารด้วยของมันตัวเอง



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikalenda.com














Dynamic Convergences: Sociology and Art


Dynamic Convergences: Sociology and Art
ศิลปิน: กฤช งามสม, กมลพร วงศ์เจริญชัย, ฉัตรชัย สุบรรณ, ประทีป สุธาทองไทย, พิชชานันท์ สอนเย็น, ยุรี เกนสาคู, ยศวดี ครุฑกล่อม และวันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร
ภัณฑารักษ์: สืบแสง แสงวชิระภิบาล
ณ หอศิลปวิทยนิทรรศน์ สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แสดงงาน ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ - ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
วันที่พฤหัสบดีที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
การบรรยายโดยศิลปินและภัณฑารักษ์ เวลา ๑๗.oo-๑๘.๓o น.
พิธีเปิดนิทรรศการ เวลา ๑๘.๔๕-๒o.๓o น.


Dynamic Convergences: Sociology and Art นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยโดยความร่วมมือระหว่างหอศิลปวิทยนิทรรศน์ ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง และศูนย์โรตารี่เพื่อสันติภาพ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยครั้งนี้ เป็นการบรรจบกันของศาสตร์ทั้งสองระหว่างสังคมวิทยาและศิลปะ ที่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมาตั้งแต่อดีต โดยนำเสนอการตีความและการโต้ตอบของศิลปินทัศนศิลป์กับแนวความคิดสันติวิธี ซึ่งศิลปินได้รับประสบการณ์จากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (workshop) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่าน


อะไรคือสันติวิธี? รูปแบบและแนวทางสันติวิธีเป็นอย่างไร? คำถามเหล่านี้วนเวียนไปมาบ่อยครั้งในการพิจารณาการแสดงออกบนแนวทางสันติวิธี นิทรรศการครั้งนี้เปิดโอกาสให้ศิลปินเข้ามาเรียนรู้และเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับนักสันติวิธี เพื่อสืบค้นและแสวงหาหลักความคิดสันติวิธี ก่อนแปลงค่าประสบการณ์นั้นไปเป็นผลงานศิลปกรรมร่วมสมัย อาทิ จิตรกรรม ภาพถ่าย สื่อผสม วิดีโอ และโสตทัศน์ ฯลฯ


Dynamic Convergences เสนอความหลากหลายของมุมมองทางสันติวิธี ทั้งมิติทางสังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม กระแสพฤติกรรมร่วมสมัย เพื่อกระตุ้นความเข้าใจการปราศจากความรุนแรงและสันติ หรือสันติภาพและความขัดแย้ง ศิลปินทั้งแปดถ่ายทอดการจำลองปรากฏการณ์ต่างๆ บนพื้นฐานสันติวิธี ทั้งนี้ผู้ชมจะมีส่วนร่วมในการตั้งคำถามและพิจารณาประเด็นสันติวิธี นำไปสู่การความเป็นไปได้ในการปรับใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ


รูปแบบสันติวิธีมีอยู่มากมายหลากหลายวิธี นิทรรศการครั้งนี้จะพยายามนำเสนอแนวคิดและแนวทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาสังคมควบคู่กับสันติวิธีในศตวรรษที่ #@ ในบริบทไทย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikalenda.com














จิตอิสระ


งานภาพเขียนสีอคลีลิคและสีน้ำมัน ผลงานทดลองที่สร้างจากความสุขและการปลดปล่อยในการหยุดอารมณ์ไว้ในช่วงขณะหนึ่ง ไม่มีกฎเกณฑ์หรือความถูกผิด หากแต่ถ่ายทอดอารมณ์โดยปราศจากการปรุงแต่ง


โดยนิทรรศการจะจัดแสดงขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ - ๑๑ มกราคม ๒๕๕๘
ที่ The Jam Factory Gallery


เวลาฉันวาดรูป
ฉันไม่คิดพิเคราะห์ หรือเพ่งดูในสิ่งที่ฉันวาด
ฉันเพียงรู้สึกไปกับมัน และใช้ใจร่ายรำออกมา
ฉันไม่ใช่ศิลปิน
งานของฉันแค่บอกสิ่งที่ฉันรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา
ฉันรู้สึกสบายและสนุกกับการปล่อยจิตนี้ให้ล่องลอย
หวังว่าคุณจะเห็น ในสิ่งที่ฉันเห็น



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikalenda.com














The Journey of Suriya & Postcard Art Exhibition


นิทรรศการผลงานของ สุริยะ ฉายะเจริญ


พิธีเปิด วันเสาร์ที่ ๑o มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. เป็นต้นไป


ณ หลังแรกบาร์ ซอยมหรรณพ ๑ เขตพระนคร กรุงเทพฯ


นิทรรศการระหว่างวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ - ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘


เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑๘.oo-o๑.oo น.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikalenda.com














บรรยากาศแห่งความสงบ


นิทรรศการ : “บรรยากาศแห่งความสงบ” (The Tranquility of mind)
ศิลปิน : นพนันท์ ทันนารี (Noppanan Thannaree)
ลักษณะงาน : วาดเส้นหมึกจีนด้วยเทคนิคปากกาไม้ไผ่
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๑๔ - ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๗
พิธีเปิดนิทรรศการ : วันจันทร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๙-๔๓๕-๙๕o๓


แนวความคิด

รวบรวมผลงานการสร้างสรรค์ ด้วยการวาดเส้นหมึกจีนด้วยเทคนิคปากกาไม้ไผ่ ที่แสดงออกถึงความสงบในจิตใจผ่านมุมมองของทิวทัศน์จากประสบการณ์ที่เคยสัมผัสนำมาสร้างใหม่เป็นทิวทัศน์ในจิตนาการ ผนวกกับกระบวนการวาดเส้นสร้างสรรค์จากลักษณะหยาบไปสู่ละเอียดคล้ายกับการทำสมาธิเจริญสติ อันเป็นผลให้เกิดความสงบขึ้นในจิตใจของตัวผู้สร้างสรรค์เองและแสดงออกสู่ตัวผลงานตามไปด้วยพร้อมกัน


ปราชญ์ท่านหนึ่งได้บอกกับศิษย์โง่คนนี้ว่า“ถ้าอยากเป็นคนฉลาด ก็ต้องเป็นคนโง่มาก่อน การที่จะมีความคิดที่ดีได้นั้นต้องสิ้นคิดให้ได้”


ศิษย์โง่จึงฝึกฝนวิธีการทำให้จิตว่าง ซึ่งไม่ง่ายเลย ฝึกฝนให้มีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ เมื่อมีสติระลึกรู้ก็น้อมนำใจให้ครองตนอยู่ในศีล จึงเกิดสมาธิ และเป็นหนทางสู่ปัญญา


เมื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว ศิษย์โง่คนนี้จึงตระหนักรู้ได้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังโง่อยู่! ปราชญ์อีกท่านหนึ่ง บอกกับศิษย์โง่คนนี้อีกว่า“ถ้าหากศิลปะสำหรับเราคือชีวิต เราก็ควรที่จะพัฒนาชีวิต เพื่อที่จะให้ศิลปะพัฒนาตามชีวิตไปด้วย”


ศิษย์โง่จึงหัดที่จะครองตนในทางกายและทางใจให้ดีขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และเพื่อศิลปะของชีวิตที่ดีขึ้น


ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้แผ้วถางทางแห่งการแสวงหาปัญญาไว้ข้างหน้ามาแล้วเพียงช่วงระยะหนึ่ง แต่ระยะทางข้างหน้ายังคงรกชัฏ เป็นระยะทางที่รอให้ศิษย์โง่คนนี้เป็นผู้แผ้วถางเอาเองในวิถีทางของตน ในแนวทางที่แน่วแน่และจิตใจที่แม่นมั่น ทะเยอทะยานในการแสวงหาคุณค่าในตนเองด้วยสติปัญญาที่มีอยู่ในปัจจุบันของทุกๆขณะ


การแสวงหาปัญญาโดยการคืนจิตสู่ธรรมชาติ เป็นวิธีที่ศิษย์โง่เลือกปฏิบัติเป็นกิจวัตรชั่วคราว เพราะธรรมชาติเป็นที่พักพิงของจิตใจ ต้นไม้ไหว ใบหญ้าเล็ก เม็ดหินดินทรายเรียงราย ไร้ระเบียบแต่มีระบบ แม้ในอณูเล็กๆนั้นก็ย่อมมีความอนันต์ไม่สิ้นสุด


พิจารณา พิจารณา พิจารณาด้วยสติลงบนเส้นสาย จุดเล็กใหญ่ หลอมรวมเป็นมวลทัศนธาตุที่มีอณูเคลื่อนที่อยู่ในความสงบ หากแต่ความสงบที่ศิษย์เห็นนี้ไม่ได้เห็นด้วยตาแต่เห็นด้วยใจ


สุนทรียะในที่แห่งนี้ก่อกำเนิดได้จากกระบวนการสร้างสรรค์ของศิษย์โง่เป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษในทางบวกขึ้นในจิตใจ ความทุกข์เปลี่ยนเป็นความสุข ความอ้างว้างถูกทดเทิดจนเป็นความสงบ ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นศิษย์เองต้องการแสดงสิ่งที่งดงามเหล่านี้ให้ปรากฏขึ้น จากจิตหนึ่ง สู่ จิตหนึ่ง โดยไร้ถ้อยคำใดใด







ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com














Enjoy this Moment


ความเป็นตัวตนและความเป็นสังคมรอบๆตัวเรามักเป็นเป็นสิ่งที่ดำเนินคู่ขนานไปพร้อมกัน หลายคนพยายามค้นหาความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตนเพื่อสนองความพึงพอใจให้กับตัวเอง และมีความสุขกับมัน


ในขณะที่อีกหลายคนให้ความสนใจกับความเป็นไปของสังคมรอบกายเพื่อสะท้อนสภาพหรือมุมมองที่มีต่อสังคมนั้น ๆ ให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจ อย่างไรก็ตามการค้นหาทั้งสองรูปแบบดังที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่ศิลปินหนุ่มทั้งสี่คน ได้หยิบยกประเด็นมานำเสนอในรูปแบบของงานจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ เพื่อที่จะบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ประสบการณ์และสภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงความรู้สึกนึกคิดของตน เสมือนเป็นการปล่อยตัวเองให้มีความสุขไปกับช่วงเวลาเหล่านั้น


นิทรรศการ Enjoy this Moment เป็นนิทรรศการที่รวมผลงานของ ๔ ศิลปิน โดยพีระเวทย์ กระแสโสม วิทยา ผุดผ่อง วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ และสุวิทย์ มาประจวบ รูปแบบและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงเรื่องราวความคิดต่างๆที่ถูกถ่ายทอดลงในผลงานจะช่วยสร้างช่วงเวลาที่น่าประทับใจและเพื่อเป็นการต้อนรับปีใหม่ให้กับผู้ชมที่สนใจ


พิธีเปิดนิทรรศการ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ ศูนย์ศิลปะบ้านตึก (Baan Tuek Art Center) จังหวัดเชียงใหม่


นิทรรศการ : Enjoy this Moment
ศิลปิน : พีระเวทย์ กระแสโสม, วิทยา ผุดผ่อง วีรพงษ์, ศรีตระกูลกิจการ และสุวิทย์ มาประจวบ
วันที่ : ๑๕ – ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘
สถานที่ : ศูนย์ศิลปะบ้านตึก เชิงสะพานนวรัฐ ตรงข้ามพุทธสถาน ถนนท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๕o๓oo
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๕๓- ๙๔๔๘๕๙
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/baantuekartcenter



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 23 ธันวาคม 2557
Last Update : 24 ธันวาคม 2557 17:48:03 น. 0 comments
Counter : 2389 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.