happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๖๗





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










"ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ"


นิทรรศการ พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙


จัดแสดง​ ณ สยามพารากอน Lifestyle Hall ชั้น ๒


ตั้งแต่วันที่ ๕ ถึง ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗


เวลา ๑o.oo-๒๒.oo น.



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคนิทรรศการ
เฟซบุคเอ็มเมืองพาน รายงานข่าว














วธ.จัดแสดงศิลปวัฒนธรรมกว่า ๑oo คณะ ชูกิจกรรม ๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรมวิถีไทย


ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (ปลัด.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๓o พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความผาสุขร่มเย็น และเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติโดยจัดกิจกรรมและจัดแสดง ได้แก่ จัดนิทรรศการ “อัครศิลปิน” ประกอบด้วย พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรม โดยนำพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้ง ๙ ด้าน ได้แก่ ด้านจิตรกรรม ประติมากรรม หัตถศิลป์ ถ่ายภาพ ดุริยางคศิลป์ วรรณกรรม และวาทศิลป์ ภูมิสถาปัตย์ มาจัดแสดง รวมถึงการจัดทำบทเพลงรักชาติร่วมสมัย ชุด “รักพ่อ” เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้พสกนิกรชาวไทยได้ชื่นชมพระบารมีผ่านบทเพลงเทิดพระเกียรติ ซึ่งในวันงานจะมีการนำซีดีไปแจกให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนวันละ ๒,ooo ชุด


ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรม “๙ เสน่ห์มรดกวัฒนธรรมวิถีไทย” อาทิ อู่อารยธรรมงามตระการ ณ “บ้านเชียง”, ร่องรอยวัฒนธรรมอันล้ำค่า ... “ทวารวดี”, เสน่ห์มรดกวัฒนธรรมมากมี “ธนบุรี-รัตนโกสินทร์” ซึ่งเป็นการนำวิถีวัฒนธรรมไทยในท้องถิ่น เช่น ประเพณี ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น มาจัดแสดง สาธิต เพื่อให้ประชาชน ได้ชม ชิม ช็อป ตามอัธยาศัย โดยที่ไม่ต้องไปถึงที่ตามจังหวัดต่างๆ ดังเช่นของที่นำมาจัดแสดงสาธิตในวันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของ กลุ่มเสน่ห์ มรดกวัฒนธรรมธนบุรี รัตนโกสินทร์ เช่น ข้าวแช่ ขนมไทย น้ำสมุนไพร งานแกะสลักดินเผา กลุ่มเสน่ห์มรดกวัฒนธรรมทวารวดี เช่น ข้าวหลาม ไก่ย่างบางตาล การแสดงระบำทวารวดี เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีการนำสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม (Cultural Product of Thailand : CPOT) และของดีบ้านฉันมาจัดแสดง เพื่อให้ประชาชนได้เลือก ชม ซื้อ ชิม ช็อป เช่น เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ผ้าบาติก ประติมากรรมหนังตะลุง การแสดงโนราโกลน การจักสานเสวียนหม้อ ผลิตภัณฑ์จากปลา งานจิตรกรรมไทย และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวสายน้ำสามวัฒนธรรม (ไทย-กะเหรี่ยง-รามัญ)


นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมกว่า ๑oo คณะ ที่บริเวณท้องสนามหลวง จำนวน ๓ เวที คือ ๑) เวทีกลาง เป็นการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างความความสุข ความสนุกสนานให้แก่ประชาชน เช่น การแสดงคอนเสิร์ตศิลปินแห่งชาติ การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การแสดงดนตรีวงบิ๊กแบนด์ร่วมสมัย การแสดงโขน ชุดลักสีดา การแสดงนาฏศิลป์และดนตรี และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากกลุ่มประเทศอาเซียน จำนวน ๙ ประเทศ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ สิงคโปร์ เวียดนามและไทย รวมถึงได้รับความร่วมมือจากจีน และอินเดียที่จะมาร่วมแสดงด้วย ๒) เวทีย่อยที่ ๑ ฝั่งโรงแรมรัตนโกสินทร์ การแสดงอาทิ มโหรีปางลาง ระบำโบราณคดี การแสดงพื้นบ้านภาคอีสาน (เซิ้ง โปงลาง) และเวทีย่อยที่ ๒ ฝั่งโรงละครแห่งชาติ อาทิ การแสดงเบิกฟ้าหริภุญชัย การแสดงศิลปะการต่อสู้ฟันดาบและมวยพระยาพิชัยดาบหัก กระบี่กระบอง การแสดงพื้นบ้าน ๔ ภาค เป็นต้น



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
เฟซบุคสาธิตรักในหลวง














ไทย-อินเดียจัดนิทรรศการในหลวง-มหาตะมะ คานธี


เมื่อวันที่ ๒๑ พ.ย. เวลา ๑๔.๓o ที่ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนายฮาร์ช วาร์ดัน ชริงลา เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการจัดนิทรรศการ " พ่อ : BAPU ( บาปู ) Love for the Nation” ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสำนักราชเลขาธิการ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ สถานเอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย ร่วมกันจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๓ ธ.ค. ๒๕๕๗ - ๔ ม.ค. ๒๕๕๘ ที่นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗


นิทรรศการดังกล่าวจะนำเสนอแนวพระราชดำริในการพัฒนาประเทศของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเน้นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงหลักปรัชญาการพัฒนาประเทศของมหาตมะ คานธี อดีตผู้นำอินเดีย ผู้ยึดหลักอหิงสาปลดปล่อยอินเดียจากอังกฤษ ซึ่งจะมีการนำเสนอใน ๓ หัวข้อ คือการพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชนบท และปรัชญาการพัฒนาผ่านทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาทิ การใช้สื่อประสมเชิงโต้ตอบ สารคดีสั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีปฎิสัมพันธ์ โต้ตอบและค้นคว้าข้อมูลได้ในหลายมิติ


นายฮาร์ช วาร์ดัน ชริงลา เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย กล่าวว่า การจัดนิทรรศการครั้งนี้มีความสำคัญ เนื่องจากจะได้รับความรู้ในด้านแนวความคิด และหลักปรัชญาของบุคคลสำคัญระดับประเทศที่เป็นที่รักและได้รับการยอมรับในระดับสากล มาจัดแสดงร่วมกัน และว่าการใช้สื่อสมัยใหม่ อาทิ การดาวน์โหลดข้อมูลผ่านทางคิวอาร์โค้ดได้ทันที รวมทั้งใช้สื่อที่สามารถตอบโต้กับผู้ชมมานำเสนอจะสามารถเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น


ทั้งนี้ พลเอกธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นประธานเปิดนิทรรศการ และจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมชมงานได้ตั้งแต่วันที่ ๓ ธ.ค. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย







พระบรมสาทิศลักษณ์และข้อมูลจากเวบ
khaosod.co.th
contestwar.com
เฟซบุคสาธิตรักในหลวง













รักพ่อของประชาชน รักประชาชนของพ่อ


นางจารุรัฐ จงพุฒิศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตร เปิดเผยว่า สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดำเนินการเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการเกษตรเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดแสดงทั้งภายในอาคารและกลางแจ้ง ในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ได้กำหนดจัดงานมหกรรมในหลวงรักเรา “รักพ่อของประชาชน รักประชาชนของพ่อ” เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ระหว่างวันที่ ๓ – ๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี


ซึ่งภายในงานประกอบด้วยกิจกรรม เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมถวายพระพรและแสดงความจงรักภักดีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกวันในงาน ณ ลานภูมิปัญญา และวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น. กิจกรรมตามรอยพ่อ เรียนรู้การทำความดีเพื่อแผ่นดิน ในพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา ชมนิทรรศการพระอัจฉริยาภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการเกษตร ชมภาพยนตร์แอนิเมชั่น ๓ มิติ ชมนิทรรศการพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่หาชมยาก ภาพวาดจากศิลปิน ๙๙ ภาพ กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงจากผู้ปฏิบัติจริง กว่า ๒o ฐานเรียนรู้ และเรียนรู้วิชาของแผ่นดิน สาธิตและฝึกปฏิบัติ กว่า ๖๕ วิชา กิจกรรม สุข สนุก สนาน วิถีเกษตรไทย กิจกรรมผจญภัยดินแดนเกษตรใหม่ล่าสุด ชมการแสดง การละเล่นวิถีเกษตร ๔ ภาค เกมส์ และเครื่องเล่นงานวัด ฯลฯ กิจกรรม ชม ชิม ช็อป ผลผลิต ผลิตภัณฑ์ สินค้าต่าง ๆ จากเกษตรกรเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ฯ และร้านค้ากว่า ๒oo ร้าน


นอกจากนี้ยังพบกับกิจกรรมสร้างสุข ความสามัคคี สร้างสรรค์ และการทำความดี ยิ่งใหญ่มโหฬาร ตระการตาสนุกสนาน สวยงามด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ซุ้มถ่ายรูป ไฟประดับ โคมประดับ กระทงสาย พลุ ว่าวยักษ์ ฯลฯ การจัดงานประกอบด้วย นิทรรศการพระอัจฉริยภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการเกษตร พิพิธภัณฑ์ภายในอาคาร ประกอบด้วย ชมพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา อาคารเฉลิมพระเกีรยติฯ ๕ ชมภาพยนตร์แอนิเมชั่น ๓ มิติ กิจกรรมวอล์คแรลลี่ตามรอยพ่อ และชมนิทรรศการพระสาธิตลักษณ์ในหลวง โดยศิลปินเลื่องชื่อ นับหลายร้อยภาพ นิทรรศการนวัตกรรมเกษตรไทย “ถอดรหัสปัญญาเกษตรไทย” ด้วยเทคนิคการลดต้นทุน การปลูกข้าวต้นเดียว นวัตกรรมเกษตรสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง พิพิธภัณฑ์นวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ เช่น


นิทรรศการจุดประกายนักประดิษฐ์ ณ อุโมงค์การเรียนรู้ นิทรรศการเส้นทางข้าว เริ่มจากกระบวนการปลูก เก็บเกี่ยว ตี นวด สี ขายผลผลิต การทำบุญลานข้าว ทำบุญแม่โพสพ ร้องเพลงพื้นบ้านในแปลง นิทรรศการเส้นทางไผ่ นิทรรศการเกษตรเมือง นิทรรศการวิถีไทย ๔ ภาค สาธิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม และการละเล่นพื้นบ้าน นิทรรศการทุ่งรังสิต นิทรรศการพลังงานทดแทน พลังงานเพื่อการพึ่งตนเอง (บ้านพึ่งตนเอง) นิทรรศการสมุนไพรกับการดูแลสุขภาพ การดูแลสุขภาพวิถีไท การอนุรักษ์มันพื้นบ้าน การปลูกและการประกอบอาหาร การดูแลสุขภาพ และกิจกรรมผจญภัยดินแดนเกษตร อบรมวิชาของแผ่นดิน อบรมเชิงปฏิบัติการ สาธิตและฝึกปฏิบัติ ๖๕ วิชา ได้แก่ การเพาะเห็ดในตะกร้า การเพาะถั่วงอก พลังงานต้นทุนต่ำ การตอนกิ่งมะละกอมัดย้อมสีธรรมชาติ การทำแชมพู สบู่ และน้ำยาล้างจาน การจักสาน การทำสิ่งประดิษฐ์ของเล่นพื้นบ้าน การแปรรูปขนมพื้นบ้าน การสีข้าว การฝัดข้าว การทำขนมจีนเส้นสด และขนมไทย ๔ ภาค ตลาดนัดเศรษฐกิจพอเพียง ชม ชิม ช้อป ผลผลิต ผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัย จากเกษตรกรเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ และร้านค้า กว่า ๒oo ร้าน อาหารดี คาว หวาน ๔ ภาค และชมการแสดงวิถีเกษตรไทยการละเล่นพื้นบ้านวิถีเกษตร ๔ ภาค การแสดงโขหนหุ่นละครเล็ก ดนตรี กลองสะบัดชัย เกมส์งานวัด เครื่องเล่นงานวัด ขายไข่ราคาถูก นอกจากนี้ได้จัดกิจกรรมพิเศษ “จุดเทียนชัยถวายพระพร” เพื่อร่วมแสดงความรัก ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดเป็นพิเศษในงานนี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ wisdomking.or.th



ภาพและข้อมูลจากเวบ
prdnakhonpathom.com














ฝนหลวงเพื่อพสกนิกรไทย


“ฝนหลวง เพื่อพสกนิกรไทย” งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๓ - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ประกอบไปด้วย ๔ กิจกรรมหลัก ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ฝนหลวง”, นิทรรศการ “กษัตริย์ ศิลป์ แผ่นดินสยาม”, มหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ “รักพ่อ” และการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ


-นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ "ฝนหลวง" ได้เนรมิตพื้นที่บริเวณ ฮลล์ ออฟ เฟม ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง, ความก้าวหน้าในการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อสนองตามแนวพระราชดำริ และกว่าที่จะสำเร็จเกิดมาเป็นฝนหลวงได้นั้น ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการทดลองอย่างไรบ้าง นำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ให้ผู้มาร่วมงาน ได้ประจักษ์ถึงสิ่งที่เราคนไทยได้รับจากโครงการ ผ่านสื่อมัลติมีเดียแบบ ๔ มิติที่ทันสมัย เพื่อสะท้อนถึงปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรจากภัยแล้ง ซึ่งพระองค์ท่านทรงมองเห็น และทรงแก้ปัญหาด้วยโครงการในพระราชดำริฝนหลวง อันแสดงถึงพระอัจฉริยะภาพ และปรีชาสามารถที่ พรั่งพร้อม ตลอดจนพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและลึกซึ้ง อันเป็นที่ประจักษ์แก่ปวงชนชาวไทย และนานาอารยประเทศ เพื่อนำความผาสุกร่มเย็นมาสู่พสกนิกรโดยถ้วนหน้า และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนสืบมา


ภายในบริเวณนิทรรศการยังมีการจัดแสดงแผ่นภาพทองคำพระราชกรณียกิจ “พระบิดาแห่งฝนหลวง” โดยบริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน ๕ รูป ทั้งนี้ แผ่นภาพทองคำดังกล่าวจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


-นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “กษัตริย์ ศิลป์ แผ่นดินสยาม” โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เนรมิตพื้นที่บริเวณ ฮอลล์ ออฟ มิเรอร์ ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดแสดงนิทรรศการโดยรวบรวมผลงานทางด้านศิลปะของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเสนอผ่านสื่อมัลติมีเดีย เพื่อให้ผู้ชมได้ซาบซึ้งถึงพระปรีชาสามารถอันเกิดจากความรัก ความเพียรของพระองค์ ที่แม้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ยังทรงให้ความสนพระทัยในงานด้านศิลปวัฒนธรรม


-มหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้หัวข้อ “รักพ่อ” โดยกระทรวงวัฒนธรรม นำเสนอกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งประเทศคู่เจรจาจีนและอินเดีย ที่พร้อมใจกันมาร่วมเฉลิมพระเกียรติ ร้อยรวมใจกันมาแสดงเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองให้ในหลวงอันเป็นที่รัก พร้อมกับส่งความสุขให้กับประชาชนชาวไทย (โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ พาร์ค พารากอน ตั้งแต่เวลา ๑๗.oo น. เป็นต้นไป)


- การแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติเพื่อพ่อของแผ่นดิน อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ สายฝน, ความฝันอันสูงสูด, เราสู้, เกิดเป็นไทย ตายเพื่อไทย, บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน, Blue day (อาทิตย์อับแสง), Near dawn (ใกล้รุ่ง), Alexandra (แผ่นดินของเรา) และลมหนาว ตลอดจนนำบทเพลงอันไพเราะ ทั้งเพลงไทยและสากลที่เป็นที่รู้จักกันดี โดยมีนักร้องกิตติมศักดิ์และศิลปินชื่อดัง อาทิ สันติ ลุนเผ่, แก้ม เดอะ สตาร์ ๔ และนักแสดงเด็กจากละครเวทีเรื่อง "สี่แผ่นดิน" มาร่วมขับขานบทเพลง พร้อมการบรรเลงดนตรี วงซิมโฟนีออร์เคสตรา จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมด้วยการขับร้อง โอเปร่า จากคณะ Grand Opera Thailand ที่มาร่วมสร้างสีสันกับเสียงเพลงอันไพเราะ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๗.oo น. เป็นต้นไป ณ พาร์ค พารากอน โดยไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด และร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลอย่างพร้อมเพรียงกัน ในเวลา ๑๙.oo น.











พระบรมฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม


สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ กลุ่มสยามพิวรรธน์ สร้างงานมหกรรมศิลปะครั้งสำคัญ เพื่อเทิดพระเกียรติ เนื่องในวาระเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยให้คนรุ่นใหม่เข้าร่วมสัมผัสใกล้ชิดงานศิลปะในงาน “สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม” พบกับที่สุดของงานศิลปะ นำเสนอผ่าน ๓ รูปแบบกับ ๓ ศูนย์การค้าแห่งสยาม สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พลาดไม่ได้ ๓ – ๗ ธันวาคมศกนี้ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. งานนี้...คนนิยมงานศิลป์ ร่วมสนุกและเข้าชมฟรีตลอดงาน


สำหรับงาน “สรรค์ศิลป์แผ่นดินสยาม” พร้อมสะกิดทุกแรงบันดาลใจของคนไทย ให้พร้อมใจกันเปิดโลกทัศน์และหันมาสนใจในงานศิลป์ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะในทุกพื้นที่การจัดงานอัดแน่นและอบอวลไปด้วยงานศิลป์ โดยแบ่งเป็น ๓ โซน ๓ ศูนย์การค้าชั้นนำของกรุงเทพ


กษัตริย์ศิลป์แผ่นดินสยาม เนรมิตพื้นที่บริเวณ Hall of Mirrors ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดแสดงนิทรรศการโดยรวบรวมผลงานทางด้านศิลปะของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเสนอผ่านสื่อมัลติมีเดีย เพื่อให้ผู้ชมได้ซาบซึ้งถึงพระอัจฉริยภาพอันเกิดจากความรัก ความเพียรของพระองค์ ที่แม้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ยังทรงให้ความสนใจในงานด้านศิลปวัฒนธรรม


แสดงศิลป์แผ่นดินสยาม เวทีโชว์ศิลป์ที่มากด้วยสาระ และอัดแน่นด้วยความบันเทิงในศิลปวัฒนธรรมหลากหลายแขนง พบกับการฉายหนังสั้น การแสดงร่วมสมัยที่มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม เสวนามุมมองทางศิลปะกับศิลปินรางวัลศิลปาธร คุณนิมิตร พิพิธกุล และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากตุลย์ อพาร์ทเมนท์คุณป้า, เก่ง ธชย ณ บริเวณ Atrium 2 ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ (เฉพาะสยามเซ็นเตอร์เท่านั้น ที่จะไม่ใช้คำว่าศูนย์การค้านำหน้านะคะ)


สร้างศิลป์แผ่นดินสยาม เป็นลานกิจกรรม “ลองศิลป์” ให้เด็กได้มีประสบการณ์กับศิลปะทุกแขนงแบบดูจริงทำจริง “สร้างงานศิลป์เพื่อพ่อ” (ตัวเอง) พร้อมโชว์บนเวทีและความบันเทิงในสไตล์เด็ก ๆ ณ บริเวณ Grand Hall ชั้น ๑ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่


ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคนศิลป์แห่งสยาม ณ ๓ ศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพ สนุกสนานไปกับกิจกรรมที่อัดแน่นด้วยสาระงานศิลป์ทั้ง ๓ รูปแบบ ได้ตั้งแต่วันที่ ๓ – ๗ ธันวาคมศกนี้ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo น. ณ ๓ ศูนย์การค้าแห่งสยาม สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัพเวอรี่



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bangkokbiznews.com














พรรณไม้งาม อร่ามสวนหลวง ร.๙


มูลนิธิสวนหลวง ร.๙ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร จะจัดงานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.๙ ครั้งที่ ๒๗ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑o ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยเปิดให้จองร้านจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ภายในงาน ติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานมูลนิธิสวนหลวง ร.๙ o๒-๓๒๘-๑๓๘๕-๘๖ ในวันและเวลาราชการ สำหรับร้านจำหน่ายต้นไม้ติดต่อที่เบอร์ o๒-๓๒๘-๑๓๙๑







ภาพและข้อมูลจากเวบ
suanluangrama9.or.th














นิทรรศการข้าวของพ่อ


นิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ข้าวของพ่อ" ภายใต้แนวคิด ข้าว...หัวใจของแผ่นดินไทย นำเสนอโครงการในพระราชดำริและพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชาวนา พร้อมร่วมสนุกกับหลาก จัดโดย พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย : Thai Bank Museum เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ - ๓o มกราคม ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รัชโยธิน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














เยาวชนไทยกับบทเพลงของพ่อ


วันจันทร์ที่ ๑๗ ที่ผ่านมา มีงานเล็ก ๆ เกิดขึ้น แต่เป็นงานที่มีความรู้สึกยิ่งใหญ่ในหัวใจผู้ที่ร่วมงานยิ่งนัก นั่นคือ งาน "คอนเสิร์ตเพลงพระราชนิพนธ์ วันรวมพลังเยาวชนไทย รวมใจเฉลิมพระเกียรติแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดโดย “สมาคมส่งเสริมศีลธรรมและคุณธรรม" โดยมีนาย วารินทร์ รักษาสกุล เป็นนายกสมาคมฯ ตั้งแต่ เวลา ๑๑.oo- ๑๔.oo น. ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์


พิธีกรในรายการ คือ นายสัมพันธ์ พัทลุง กับนาย เคน สองแคว โดยมีนักเรียนจากสถาบันการศึกษาหลายจังหวัดมาร่วมงานในชุดเครื่องแบบของสถาบัน อาทิ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจโรงเรียนนายเรืออากาศ โรงเรียนจ่าอากาศโรงเรียนนายเรืออากาศ โรงเรียนชุมพลทหารเรื และนักเรียนระดับชั้นมัธยมทั้งกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และภาคกลาง เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นครนายก นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี เป็นต้น


ประธานในพิธี คือ รัฐมนตรีประจำสักนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ซึ่งหลังจากเปิดกรวยถวายราชสดุดีฯ แล้ว ท่านได้กล่าวเปิดงาน ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการกล่าวแบบในโพยที่เราเห็นในงานทั่ว ๆ ไป แต่ท่านได้เล่าย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ที่ไทยเสียดินแดน การต่อสู้ของบรรพบุรุษ ความภูมิใจในการเป็นประเทศที่ได้เป็นเจ้าภาพในการก่อตั้งเอเอซี ฯลฯ โดยในหลาย ๆ เรื่องนั้น นักเรียนบางคนอาจจะเคยเรียนมาแล้ว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด ในการพูดของท่านรัฐมนตรีในวันนั้นจึงเป็นการจุดประกายให้ได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมในหลายจุดของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เราควรภาคภูมิใจ


หลังจากนั้น นักเรียนจากสถานศึกษาต่าง ๆ ได้กล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนเป็นพลเมืองดีมีคุณธรรม และก็มาถึงช่วงเวลาที่จะเป็น ช่วงที่แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านดนตรี


นักร้องนักเรียนจากหลายสถาบัน ได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยมาฝึกซ้อมกันในช่วงเช้า บางคนได้ต่อเพลงกับคีย์บอร์ด แต่ก็สามารถขับร้องได้จนจบบทเพลงทุกเพลง อาทิ บทเพลง “ความฝันอันสูงสุด” ซึ่งขับร้องหมู่ จากนักร้องทุกคนที่มาร่วมงาน เพลง “แสงเทียน” “ชะตาชีวิต" “อาทิตย์อับแสง” (ขับร้องโดย มานิต ธุวะเศรษฐกุล จากกรมศิลป์) “ยามเย็น”( ขับร้องโดย น.ส.ณัฐธิกา เอี่ยมท่าไม้ จากกรมศิลป์) “สายฝน” “ลมหนาว”“ใกล้รุ่ง”“แสงเดือน” “ดวงใจกับความรัก” “แก้วตาขวัญใจ" "เราสู้" “ยิ้มสู้" และ ร่วมร้องหมู่กับทุกคนในหอประชุมในเพลง "สดุดีมหาราชา" กับ "สรรเสริญพระบารมี"โดยมีวงดนตรีจากกรมประชาสัมพันธ์ บรรเลงสด ๆ อย่างไพเราะ


บางคนอาจจะนึกว่า งานคงจะดูเกร็ง ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ ภาพของนักร้องต่างวัย ทั้งเด็กหญิง, นางสาว. และนักศึกษาจากสถาบันการทหารมร้องร่วมกันในเพลงเดียวกัน น่าประทับใจมาก น้อง ๆ เหล่านี้เขามาจากต่างที่ต่างถิ่น แต่มาร่วมอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงเดียวกันได้อย่างเป็นหนึ่งใจเดียว ขนาดไม่ได้มายืนซ้อมร่วมกัน แต่ทราบว่า ทุกโรงเรียนมีวงดนตรีที่เด็ก ๆ ได้ฝึกร้องเพลงพระราชนิพนธ์ได้กันอยู่แล้ว ในการแสดงจะมีบางเพลงที่มาคนละคีย์ในช่วงต้นเพลงแต่ก็มาปรับเข้ากันได้ เมื่อเพลงดำเนินไป เปรียบเหมือนคนที่มีความคิด อุดมการณ์ที่ต่างกัน แต่สามารถมาอยู่ร่วมกันได้ ทำสิ่งที่ดี สร้างสรรด้วยกันได้หากทุกคนเปิดใจเข้าหากัน


ก่อนการจัดงาน คณะทำงานได้เปิดโอกาสให้แต่ละโรงเรียนและสถาบันได้ส่งตัวแทนมาอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งทำให้หลายเพลงมีนักเรียนจากต่างสถาบันมาร่วมบนเวทีเดียวกัน เป็นภาพของความรักใคร่สามัคคีเป็นอย่างดี


มีหลายบทเพลงพระราชนิพนธ์ ที่นักเรียนไม่สามารถขับร้องได้ แต่ไม่น่าเชื่อว่า มีบทเพลงหนึ่งซึ่งเป็นบทเพลงไพเราะคุ้นหูคนไทยมาก ๆ พิธีกรพยายามประกาศหาผู้ที่มาอัญเชิญบทเพลง นั่นคือ "แสงเทียน" ที่เนื้อร้องขึ้นต้นว่า "จุดเทียนบวงสรวง ปวงเทพเจ้า...." ที่ทรงพระราชทานให้นำออกมาบรรเลงเมื่อปี ๒๔๙o นั้น นักเรียนทั้งหมดไม่มีใครกล้าอัญเชิญ อาจจะเป็นเพลงเป็นเพลงจังหวะบลูส์ นักเรียนบอกว่า ขับร้องยาก มีครูพานักเรียนหญิงมาสมัครหนึ่งคน แต่ดนตรีเป็นคีย์นักร้องชาย จึงน่าเสียดายที่ไม่ได้อัญเชิญบทเพลงนี้มาขับร้องบนเวที


บทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในระยะหลัง ๆ เคยมีกลุ่มศิลปินอัญเชิญมาถ่ายทอดในต่างรูปแบบ ซึ่งจำได้ว่า ชื่อชุด "ร้อง บรรเลง เพลงของพ่อ" ที่บัตเตอร์ฟลายเรคคอร์ด ทำขึ้น มีนักร้องรุ่นใหม่ ๆ อาทิ เจนนิเฟอร์ คิ้ม สุรสีห์ อิทธิกุล อำพล ลำพูน จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค อัญชลี จงคดีกิจ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ สุนารี ราชสีมา คริสตี้ กิ๊บสัน ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งต้นฉบับที่ไพเราะงดงาม นักเรียนสามารถนำไปฝึกร้องในอีกต้นแบบได้







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














คอนเสิร์ต 'วนาสินธุ์' ณ สวนนาคราภิรมย์


"สวนนาคราภิรมย์" ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตพระนคร ใกล้กับวัดโพธิ์ ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดอรุณฯ ธนบุรี ถือเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก แต่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและจัดกิจกรรมรื่นรมย์ชมเมืองกรุง โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และได้รับพระราชทานนามจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "สวนนาคราภิรมย์" มีความหมายถึง "สวนเป็นที่น่ารื่นรมย์ยิ่งของชาวพระนคร"


และนับเป็นโอกาสอันดียิ่งของคนไทยที่จะได้ชมคอนเสิร์ตอันแสนไพเราะและมีบทเพลงอันล้ำค่าต่อแผ่นดินท่ามกลางแมกไม้ในสวนนาคราภิรย์แห่งนี้ เมื่อจะมีการจัดแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ "วนาสินธุ์" ในวันพุธที่ ๑o ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.


โดยหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคุณจันทนี ธนรักษ์ กรรมการมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง, นายปรเมศร์ ไกรฤกษ์ หัวหน้าฝ่ายกิจการสังคม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และอาจารย์วิรัช อยู่ถาวร ผู้ควบคุมวงเฉลิมราชย์ ร่วมกันแถลงข่าวจัดงานครั้งนี้เมื่อวันที่ ๒o พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ บริเวณสนามหญ้าด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล


ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของตึกไทยคู่ฟ้าในบรรยากาศยามเย็น เคล้าคลอด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะจากวงดนตรี "เฉลิมราชย์" ขับขานบทเพลงพระราชนิพนธ์จาก สุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินแห่งชาติ ที่ขับร้องเพลง "แสงเทียน" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ขณะที่ทรงดำรงพระยศเป็น "สมเด็จพระอนุชาธิราช" เป็นงานทดลองของพระองค์ในจังหวะบลูส์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย แต่เนื่องจากมีพระราชประสงค์ที่จะทรงแก้ไขทำนอง และคอร์ดบางตอน จึงยังไม่โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้นำออกมาบรรเลงในเวลานั้น


ต่อมาได้พระราชทานให้นำออกบรรเลงครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๙o และใน พ.ศ. ๒๔๙๖ นางสาวสดใส วานิชวัฒนา (รองศาสตราจารย์สดใส พันธุมโกมล) ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษถวาย


นอกจากครูสุเทพ วงศ์กำแหง แล้ว นี้ยังมีนักร้องท่านอื่น ๆ เช่น อุมาพร บัวพึ่ง ขับร้องเพลง "สายฝน" และภัทรานิษฐ์ เพฑูริยาเวทย์ ขับร้องเพลง "ลมหนาว" สร้างสีสันโดย จ่าสิบโทพงศธร พอจิต ตัวจริงเสียงจริงต้นฉบับเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" ต่อด้วยเพลงที่มีความหมายของการรักบ้านเมืองอย่าง "เพลงสี่แผ่นดิน" ซึ่ง อ.วิรัช อยู่ถาวร ผู้ประพันธ์ได้ขับร้องเองด้วย และยังมีนักร้องดุริยางค์ทหารบกร่วมขับร้องเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" ก่อนจบงานแถลงข่าวอย่างสวยงามด้วยเพลง "พ่อแห่งแผ่นดิน"


การแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ “วนาสินธุ์” นับเป็นครั้งที่ ๒ เป็นความร่วมมือของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง จัดขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


โดยแนวทางในการจัดแสดงดนตรีครั้งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชเสาวนีย์ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ว่า "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่จงรักภักดีต่อน้ำ" อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ รวมถึงบทเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับความรักชาติ รักบ้านเมืองมาขับร้อง อาทิ แสงเทียน, สายฝน,ชะตาชีวิต, อาทิตย์อับแสง, ลมหนาว, ยามเย็น, สี่แผ่นดิน, ร่มฉัตร เป็นต้น


ถ่ายทอดผ่านศิลปินนักร้องคุณภาพ นำโดย สุเทพ วงศ์กำแหง, สันติ ลุนเผ่, สุดา ชื่นบาน, อุมาพร บัวพึ่ง, วิรัช อยู่ถาวร, สมา สวยสด, นภาดา สุขกฤต, ภัทรานิษฐ์ เพฑูริยาเวทย์, ภาสกรณ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ และนักร้องดุริยางค์ทหารบก บรรเลงดนตรีโดยวงเฉลิมราชย์


ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและติดต่อขอรับบัตรเข้าชมได้ที่ ศาลาเฉลิมกรุง โทร. o-๒๒๒๕-๘๗๕๗-๘, o-๒๖๒๓-๘๑๔๘-๙.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
tnamcot.com














'พระมหาชนก' ฟื้นฟูต้นมะม่วง เปรียบดั่งเราดูแลประเทศไทย


…วันหนึ่ง พระมหาชนกเสด็จพระราชดำเนินไปชมพระราชอุทยาน ที่ทางเข้าประตูอุทยานได้ทรงเห็นต้นมะม่วง ๒ ต้น ต้นหนึ่งมีผลเต็มต้นแต่อีกต้นหามีผลไม่ จึงทรงเด็ดผลมะม่วงเสวย จากนั้นก็เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปในอุทยาน เมื่อคนทั้งหลายเห็น ดังนั้น ก็ตรงเข้าไปยื้อแย่งปีนป่ายเพื่อจะเอาผลมะม่วง จนในที่สุดต้นมะม่วงถูกทำลายโค่นลง เมื่อพระมหาชนกเสด็จฯ กลับออกมาจากอุทยาน ทรงทอดพระเนตรจึงเกิดสังเวชใจ


ได้ทรงพิจารณาเปรียบเทียบว่า ราชสมบัติก็คล้ายกับต้นมะม่วงที่มีผล มีแต่คนจะแก่งแย่งชิงกัน ทรงปรารถนาจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างต้นที่มีแต่ใบและไร้ผล คือ ออกผนวชเพื่ออยู่อย่างสงบไม่ต้องเผชิญกับการแก่งแย่งชิงดีอีกต่อไป เหล่าเสนาบดีทูลถามพระองค์ว่าจะให้ทำอย่างไรกับต้นมะม่วงที่ถูกทิ้งทำลายไป แล้วพระองค์จึงทรงใช้ปัญญาบารมีในการฟื้นฟูและขยายพันธุ์ต้นมะม่วงขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนต่อไป…


นี่คือแก่นสาระสำคัญขององค์ที่ ๗ ราชสมบัติประหนึ่งคล้ายกับไม้ผล ของ “พระมหาชนก” บทพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาแห่งคุณธรรม ความเพียร และการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เป็น ๑ ใน ๙ องค์ที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ได้เชิญมารังสรรค์เป็นการแสดงสดอันยิ่งใหญ่ ภายใต้ชื่อ “พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอน ไลฟ์ โชว์”


เป็นการแสดงละครเพลงถ่ายทอดเรื่องราวพระมหาชนกผ่านสื่อ แสง สี เสียงมัลติมีเดีย นักแสดง ดนตรี ให้แก่พสกนิกรคนไทยและชาวต่างชาติได้รับชมความยิ่งใหญ่ เข้าใจง่าย น้อมนำหลักธรรมคำสอนที่แฝงอยู่ในบทพระราชนิพนธ์ ไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา ในปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑-๙ ธันวาคมนี้ ที่ลานน้ำอเนกประสงค์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ในฐานะผู้กำกับการแสดง กล่าวถึงที่มาของการแสดงครั้งนี้ว่า ชีวิตการทำงานของตัวเองได้มีโอกาสทำงานยิ่งใหญ่ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลายครั้ง อาทิ การแสดงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จฯ ไปทุ่งมะขามหย่อง เสด็จฯ ไปเปิดสะพานภูมิพล ๑ ๒ คลองลัดโพธิ์ เสด็จฯ ไปเปิดเขื่อนคลองชลประทาน ทำให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านเป็นคิงออฟคิงจริง ๆ ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการแสดงครั้งนี้ ตัวเองและทีมงานจึงได้ขอพระราชทานบทพระราชนิพนธ์พระมหาชนก เพื่อจะสร้างให้เป็นปรากฏการณ์การแสดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก


“เวทีขนาด ๒๒,ooo ตารางเมตรที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่อุตสาหกรรมการแสดงกลางแจ้งในโลกนี้เคยทำมา ทำไมถึงสร้างใหญ่ขนาดนี้เพราะเรื่องราวของพระเจ้าอยู่หัวต้องยิ่งใหญ่ และอยากให้คนทั้งโลกได้ยินว่าพระเจ้าอยู่หัวของเราเป็นพระเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้พวกเรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ตลอด ๑ ชั่วโมง ๒o นาที ผู้ชมจะได้รับอรรถรสที่งดงามแฝงด้วยแง่คิดเรื่องการแบ่งปัน การมีน้ำใจต่อกัน นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สอนให้คนไทยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และมีความเพียรพยายามต่อสู้ชีวิตด้วยตนเองและสามารถสู้ชาติอื่นทั่วโลกได้”


ด้าน นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานและผู้สนับสนุนหลักการจัดแสดงครั้งนี้ กล่าวว่า มีความภาคภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในมหกรรมการแสดงที่น่าภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่งของคนไทย ด้วยพระราชนิพนธ์พระมหาชนกของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พวกเราทราบกันดีทั้งเนื้อหาและความหมายที่มีคติสอนใจมากมาย การแสดงครั้งนี้ยังเป็นการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี แสดงถึงความพร้อมของไทยทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคธุรกิจได้ร่วมกันจัดงานครั้งนี้


“ส่วนตัวผมประทับใจในเนื้อหาเพลงพระมหาชนกที่แต่งขึ้นโดย "แอ๊ด" ยืนยง โอภากุล โดยเฉพาะคำพูดที่เรียบง่ายว่า คนเกิดคนตาย ขอให้อย่าหนักแผ่นดิน อย่างน้อยเราได้ตอบแทนทั้งสังคมและประเทศชาติ ที่สำคัญผมได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งท่านบอกว่าบทพระราชนิพนธ์พระมหาชนก จริง ๆ มีแก่นแท้อยู่เพียงไม่กี่คำ ที่พระองค์ท่านได้ทรงมีพระราชปรารภเกี่ยวกับเรื่องราวพระมหาชนก ขอจงมีความพากเพียรที่บริสุทธิ์ สติปัญญาที่เฉียบแหลม และกำลังกายที่สมบูรณ์” นายฐาปน กล่าว


ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว กล่าวในฐานะผู้แต่งคำร้อง ทำนอง เพลงพระมหาชนกว่า โดยเนื้อหาของบทพระราชนิพนธ์มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว ตนได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดและพยายามจับประเด็นสำคัญ โดยเรื่องที่อยากนำเสนอคือองค์ที่ ๗ เรื่องของต้นมะม่วง เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองเราขณะนี้ที่สุด เพราะการดูแลต้นมะม่วงก็เหมือนดูแลประเทศไทย ถ้าเราใช้อย่างทะนุถนอม ช่วยกันเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ เราก็จะมีประเทศไทยอยู่ไปนาน ๆ


สำหรับนักแสดงนำ พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอนไลฟ์ โชว์ ได้แก่ "ปอ" ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท พระมหาชนก แคทรียา อิงลิช รับบทเป็นนางมณีเมขลา กุลมาศ ลิมปวุฒิรานนท์ (ขนมจีน) รับบทเป็นพระนางสีวลีเทวี นักแสดงสมทบและทีงานรวมกว่า ๑,ooo คน พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมการแสดงฟรีวันละ ๑o,ooo ที่นั่ง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.o-๒๙๗๕-๕๕๕o โดยขอความร่วมมือผู้ชมแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองและใช้บริการรถสาธารณะในการเดินทางมาชม











ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














เปิดตัว ข้าว 'อิ่ม' โครงการ 'เกษตรเข้มแข็ง'
พัสณช เหาตะวานิช


ใครจะเชื่อล่ะครับว่า ท่ามกลางวิกฤติเรื่องข้าว จากโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ดที่สร้างความเสียหายให้ชาติบ้านเมืองมหาศาล กลับกลายมาเป็นช่องทางให้หลาย ๆ คน หลายๆกลุ่มหลาย ๆ หน่วยงาน ผุดแนวคิดสร้างสรรค์ออกมาโดยมีจุดประสงค์ไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ เพื่อการฟื้นฟู “ข้าวไทย” ทั้งในแง่คุณภาพของพันธุ์ข้าวไทยของเรา และ คุณภาพชีวิตของชาวนากระดูกสันหลังของชาติที่ถูกกร่อนทำลายไปในช่วงไม่ถึงสามปีที่ผ่านมา


กว่า ๒ ปี ๙ เดือน ๒ วัน รัฐสูญเสียโอกาสจากการต้องนำเงินภาษีของประชาชนไปรับจำนำข้าวทุกเมล็ดเป็นมูลค่าว่า ๙ แสนล้านบาท จำนวนนี้คือ ทุนที่รัฐบาลรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา แต่แท้จริงแล้วชาวนาที่ได้ประโยชน์นั้น คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ ๒๕% ของชาวนาทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนั้นผลเสียของจำนำข้าวก็ทราบโดยทั่วกันอย่างแพร่หลาย ทั้งเรื่องการผลาญเงินงบประมาณ ลามไปวินัยการคลัง และยังส่งผลต่อการเสียแชมป์ส่งออกข้าวของไทยเป็นครั้งแรกในรอบ ๓o ปี นั่นหมายความว่า ทั้งในแง่ปริมาณในเรื่องส่วนแบ่งการตลาด และมูลค่าการส่งออกสินค้าข้าวก็ลดลงหายไป จนประเทศไทยเสียโอกาส เป็นปัญหาบานปลายมาถึงตอนนี้ที่ต้องเร่งช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนมา


ในแง่ผู้บริโภคครั้งหนึ่งต้องหวั่นวิตกจากปัญหาคุณภาพข้าว เพราะจำนำข้าวนั้นนอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้ชาวนาใช้สารเคมีมหาศาลเพียงเพื่อเน้นปริมาณของเมล็ดข้าวให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ในขั้นตอนการระบายยังติดขัดปัญหา ข้าวสะสมล้นโกดัง ต้องฉีดยารมควันสารเคมีเข้าไปอีก


ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นนี้ โครงการ “เกษตรเข้มแข็ง” โดยประธานโครงการคือ คุณกรณ์ จาติกวณิชได้รวบรวมศึกษาจากการลงพื้นที่จริงพูดคุยกับชาวนา ถกประเด็นปัญหากับ ธ.ก.ส.ในฐานะอดีตประธานธนาคาร และข้าราชการกระทรวงการคลังว่า ปัญหาที่แท้จริงทั้งระบบคืออะไร สุดท้ายก็ได้กลั่นกรองความคิดในเชิงเศรษฐศาสตร์ขึ้นมาได้ถึงวิธีในการแก้ปัญหาเหล่านี้ พร้อมกับการสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต


โครงการ “เกษตรเข้มแข็ง”จึงกำเนิดขึ้น โดยเริ่มต้นสินค้าเกษตรแรกที่ “ข้าว” โดยมีผลิตภัณฑ์ข้าวยี่ห้อ “อิ่ม”


“ข้าวอิ่ม เกิดขึ้นจากการร่วมมือระหว่างชาวนาและนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งที่ต้องการพิสูจน์ว่า ชาวนาไทยสามารถอยู่ดีกินดีได้ ด้วยการปลูกข้าวพันธุ์ดีโดยวิธีที่ปลอดการใช้สารเคมี และโดยอาศัยการขายตรงให้กับผู้บริโภค ที่พร้อมให้ราคากับสินค้าที่มีคุณภาพ เราหวังว่าข้าว “อิ่ม” จะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนที่เกี่ยวข้องและจะเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่ระบบการเกษตรที่เป็นธรรม และมีความเข้มแข็งต่อไป” กรณ์ จาติกวณิช ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗


มิติใหม่ที่เราจะได้เห็นจากโครงการนี้คือ การจับมือร่วมกันระหว่างกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจและชาวนา ที่ผ่านมาประเทศของเรามักเมินเฉย ไม่สนใจชาวนากระดูกสันหลังของชาติไม่ได้มีส่วนร่วมมีบทบาทต่อประเทศชาติมากเท่าที่ควรทั้ง ๆ ที่ชาวนานี่แหละคือกระดูกสันหลังของชาติคือกลุ่มคนที่เลี้ยงคนไทยทั้งประเทศขึ้นมาจริงๆ ทางโครงการเห็นความสำคัญตรงนี้จึงให้บทบาทแก่ชาวนาในฐานะหุ้นส่วนทางความคิดร่วมออกแบบโครงการ


มิติใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่โครงการเกษตรเข้มแข็งต้องการจะนำร่องระบบให้กับเกษตรกรไทยที่มีของดีอยู่ในมือแต่ไม่มีโอกาสนำไปกระจายสู่ตลาดอย่างแพร่หลาย โครงการเกษตรเข้มแข็งมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ว่าจะมีการจำหน่ายข้าว “อิ่ม” ทางช่องทาง E-Commerce เป็นหลัก สอดคล้องกับ Digital Economy ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มากทีเดียวครับ กรณีนี้เราต้องการทำให้ดูว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน จังหวัด อำเภอ ตำบล ถิ่นทุรกันดารแค่ไหน ก็สามารถส่งขายสินค้าได้ทางตลาดออนไลน์และกลุ่มคนซื้อก็ไม่ได้จำกัดแค่คนไทยเท่านั้น แต่รวมถึงคนทั้งโลก


แน่นอนคนอาจถามว่า แล้วไม่ตั้งขายในร้านค้า หรือซูเปอร์มาร์เก็ตบ้างหรือทางคุณกรณ์ประธานโครงการบอกว่า หากตั้งขายแบบนั้นมันจะไม่ได้เป็นการนำร่องให้คนเห็นว่าใครๆ ก็ทำได้เพราะการสามารถขอนำของเข้าไปตั้งขายในห้างร้านซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ จำเป็นต้องมี “ทุน” ที่ถึง และสายป่านที่มากพอควร แบบนี้จะไม่ตอบโจทย์ถึงการนำร่องสู่ความเข้มแข็งของเกษตรกร


ทางโครงการ “เกษตรเข้มแข็ง”จับมือกับ Tarad.com หรือตลาดดอทคอม เป็นตลาดใหญ่มีกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายหมุนเวียนอยู่ในตลาดนี้เฉพาะในไทยกว่า ๑๒ ล้านคน และข้าว “อิ่ม” จะเป็นข้าวรุ่นแรกที่นำมาขายในช่องทางนี้ ทาง Rice.Tarad.com ที่จะมีการเริ่มระบบสั่งซื้อได้ในวันมงคลที่ ๕ ธันวาคมนี้ต่อไป


ผู้บริหารตลาดดอทคอมเล่าให้ฟังว่า ในตลาดออนไลน์ของเขามีพ่อค้าแม่ค้าจากจังหวัดไกล ๆ จำนวนมากที่เมื่อมีช่องทางนี้เข้ามา ทำให้รายได้และวิถีชีวิตดีขึ้นอย่างมาก คุณกรณ์ได้ต่อยอดไปอีกระดับหนึ่งจากสินค้า OTOP ซึ่งเป็นโครงการที่ดีของรัฐบาลในอดีต แต่ปัจจุบันเมื่อรัฐไม่ได้มีตลาดให้ชาวบ้านอยู่ตลอด สินค้าที่ผลิตมาอย่างดีก็ไม่ได้มีช่องทางการขายที่แน่นอน ชาวบ้านต้องรอเพียงงานที่เมืองทองธานี หรือการจัดอีเว้นท์ประจำจังหวัดเท่านั้น แต่กรณีนี้ คุณกรณ์ ในฐานะที่หมวกอีกใบเป็น ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค ได้มองเชื่อมรวมปัญหาการทำกินของชาวนา บูรณาการแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้เข้ากับ E-Commerce


ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ครับ ชาวบ้านฤดูทำนาก็ทำนาเพื่อเตรียมขายข้าวพันธุ์ดี แพ็กเกจเก๋ ๆ ออนไลน์ในระหว่างที่ไม่ได้ทำนา ก็สามารถผลิตสินค้าพื้นบ้าน OTOP เพื่อส่งขายทางช่องทางนี้ได้อีก ไม่ต้องเดินทางไปไกล ไม่ต้องจัดบูธเฉพาะในตัวเมือง ใช้ภูมิปัญญา และความประณีตที่มีอยู่ในสายเลือดไทยผลิตสินค้าคุณภาพชั้นดี ผ่านช่องทางการขายที่โครงการเกษตรเข้มแข็งจะนำร่องทำให้ดูนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้คนไทยทุกครัวเรือนต่อไป


ข้าว “อิ่ม” ของเราเล็งเห็นครับว่า ปัญหาใหญ่อันหนึ่งของสินค้าจากชาวบ้านไม่ค่อยเด่นดึงดูดสายตานักซึ่งเราก็ไม่มองข้าม นำผ้าขาวม้าที่ชาวบ้านทอกันเองที่แหละมาออกแบบให้ดูว่า ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปเอาสิ่งไกลตัวอย่างกล่อง หรือถุงพลาสติกมาทำแพ็กเกจเท่านั้น “ผ้าขาวม้า” ที่กลุ่มแม่บ้านในชุมชนทอกันเองนี่แหละที่กลายมาเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ข้าวของชาวนาเองดูมีอะไรมากยิ่งขึ้นไป


เมื่อวาน ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ฤกษ์งามยามดี เปิดตัวโครงการ “เกษตรเข้มแข็ง” และข้าว “อิ่ม” โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ให้เกียรติ “เกี่ยวข้าวเปิดงาน”ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการก็เดินทางมาจากมหาสารคามพบปะกลุ่มนักการเมือง นักธุรกิจและนักการตลาดแบบ E-Commerceสายเลือดใหม่ที่ตั้งใจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยไปด้วยกัน


และวันที่ 5 ธันวาคมนี้ วันมงคลแห่งชาติ โครงการเกษตรเข้มแข็ง จะถือโอกาสเปิดเว็บไซต์ในการจำหน่ายข้าวของชาวนาผ่านทาง Rice.Tarad.com โปรดติดตามกันต่อไปนะครับ


โครงการนี้หากสำเร็จด้วยดีแน่นอนจะกลายเป็นหนึ่งในแนวทางนโยบายเพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาต่อไป







ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
thanonline.com














ชวนคนไทยเขียนจม.-โปสการ์ดบอกรัก


ปัจจุบันการสื่อสารสามารถทำได้หลายช่องทาง ขณะเดียวกันก็เกรงว่าให้คนไทยจะลืมเลือนการเขียนจดหมายและโปรสการ์ด ด้วยเหตุนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) นำโดย สุชาดา พุทธรักษา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พร้อมด้วย บุษบา ดาวเรือง จงมั่นคง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเดินหน้าเปิดตัวโครงการส่งเสริมการสื่อของคนไทยผ่านการเขียนผ่านจดหมายและโปสการ์ดผ่านกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากบทเพลง "เขียนคำว่ารัก" ผ่านโปสการ์ดคอลเลกชั่นพิเศษ "เลิฟซีรีย์" โดยจัดงานเปิดตัวโครงการฯ ณ ห้องไปรษณีย์ฤดีสราญ ชั้น ๓ อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก เมื่อวันก่อน


ก่อนจะเปิดวีทีอาร์เพลง "เขียนคำว่ารัก" โชว์ โต้โผใหญ่ สุชาดา พุทธรักษา กล่าวว่า ปัจจุบันการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิตอล ถึงกันเป็นเรื่องง่ายและสะดวกอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนสื่อสารผ่านตัวอักษรน้อยลง นิยมส่งข้อความสั้น ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ หลายคนอาจจะหลงลืมหรืออาจจะไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกที่ได้รับจากการส่งจดหมายและโปสการ์ด ซึ่งทุกตัวอักษร ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกกระดาษ ซองจดหมาย จนถึงการส่งที่ไปรษณีย์ล่วนถูกกลั่นกรองจากความรู้สึกและความตั้งใจอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันยังถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สึกนึกคิดตลอดจนประสบการณ์ต่าง ๆ ถึงผู้รับผ่านลายมือและคุณค่าพิเศษของการเขียนจดหมายหรือโปสการ์ด คือ จะเก็บไว้นานแค่ไหน เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านก็จะรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้เขียนได้อย่างชัดเจน


"ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการส่งต่อความรู้สึกผ่านการเขียนได้รณรงค์ให้คนไทยบอกความรู้สึกถึงกันผ่านจดหมายและโปสการ์ดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงเกิดแนวคิดในการกระตุ้นการรักการเขียนผ่านบทเพลง "เขียนคำว่ารัก" ของศิลปินชื่อดัง "เบิร์ด" ธงไชย แมคอินไตย์ มาเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกอยากเขียนตามบทเพลง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยทุกเพศ ทุกวัย หันมาให้ความสำคัญ และรักการเขียนเพิ่มมากขึ้น" ผู้บริหารไปรษณีย์ไทยกล่าว


ด้าน บุษบา ดาวเรือง จงมั่นคง ได้กล่าวถึงความร่วมมือของโครงการนี้ว่า เป็นเพลงที่ไม่รีบเร่ง คำร้องทำนองเรียบง่าย ละเมียดละไม เพราะเห็นว่าทุกวันนี้การบอกรักกันรวดเร็วเกินไป คุณค่าน้อยลง ไม่เหมือนคำว่ารักในสมัยก่อน ภาษาที่สวยงามถูกภาษาฉาบฉวยเข้าบดบัง อยากให้เห็นถึงเสน่ห์ของการเขียนข้อความในใจให้กลับคนที่เรารักก่อนจะปิดผนึกไปให้ผู้รับได้อ่านและเก็บไว้ชั่วชีวิต


ทั้งนี้ สุชาดา ยังเผยถึงโปสการ์ดชุด "เลิฟ ซีรีส์" ซึ่งจะเป็นภาพโปสการ์ดที่สอดคล้องกับช่วงเทศกาลต่าง ๆ ๗ แบบ ได้แก่ วันพ่อ วันปีใหม่ วันแห่งความรัก วันครอบครัว วันภาษาไทย วันแม่ และวันไปรษณีย์โลก นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ดจากบทเพลง "เขียนคำว่ารัก" อีก ๕ แบบรวมเป็น ๑๒ แบบ เพื่อใช้สื่อความรู้สึกได้ตลอดปี และภายใต้รูปแบบของโปสการ์ดชุด เลิฟ ซีรีส์ ไปรษณีย์ไทย ยังจัดทำสินค้าที่ระลึกอื่นๆ ด้วย รวมไปถึงการจัดทำแสตมป์ส่วนตัวภาพพี่เบิร์ด จากโปสการ์ดชุดดังกล่าวที่สามารถส่งได้จริงจำนวน ๒ รูปแบบ คือ แบบแสตมป์ ๔ ดวง ราคา ๖o บาท และแบบแสตมป์ ๒o ดวง ราคา ๑๒o บาท มีจำหน่ายที่ ปณ.ทุกแห่งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และไปรษณีย์จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถทำโปสการ์ดที่มีรูปแบบเฉพาะตัวเองพร้อมบันทึกคลิปภาพเคลื่อนไหวส่งไปพร้อมโปสการ์ดผ่านทางแแอพพลิเคชั่น iPost-a-card บนสมาร์ทโฟน ที่มีเทมเพลตพิเศษเฉพาะของโครงการด้วย


"พูดถึงการส่งเสริมให้คนไทยมีทักษะในการเขียนจดหมาย ไปรษณีย์ไทยทำการรณรงค์ผ่านการจัดงานสากลแห่งการเขียนจดหมายต่อเนื่องมากว่า ๕o ปี ปฏิเสธไม่ได้ว่าการหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนจดหมายมีน้อยลงจริง ๆ แต่ในสังคมยังมีคนหลายรุ่น การเขียนจดหมายจะเป็นโอกาสให้คนต่างรุ่นส่งบอกความรู้สึก ก่อนเขียนต้องมีจินตนาการ ก่อนร้อยเรียงเป็นข้อความต้องมีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ให้การเดินเรื่องและสำนวนนั้นมีความสวยงาม อยากให้คนไทยมีจินตนาการมีความละเมียดละไมในการเขียนจดหมายมากขึ้น" ผู้บริหารไปรษณีย์ไทย กล่าวทิ้งท้ายด้วยความหวัง















ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














ซ่อนศิลป์ไว้ในสวน


ต้นชะมดเช็ดอายุนับร้อยปี เป็นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียว ที่เป็นแลนด์มาร์คของทุ่งข้าวโพดที่ว่างเปล่ากับฝันของคนสองคนที่จะมีบ้านเล็กในป่าใหญ่ เริ่มถักทอสายใย ทั้งปลูก ทั้งสร้าง ผ่านมาวันนี้ ที่ดินว่างเปล่ากว่า ๑๒o ไร่ กลับกลายเป็นดินแดนป่าใหญ่ ที่ซุกซ่อนงานศิลปะ ไว้ทุกซอกมุม อย่างกลมกลืนและลงตัว


"ป่าใหญ่หาได้ใกล้ตัว อยู่ที่เราเป็นคนลงมือสร้าง โดยไม่จำเป็นต้องไปทำลายหรือรุกล้ำผืนป่าธรรมชาติที่มีอยู่ดั้งเดิม" ลุงน้อย หรือ สุรินทร์ สนธิระติ กับคู่ใจ ป้าเล็ก และครอบครัวตัวอาร์ต ร่วมกันถักทอฝันขึ้น เป็นพื้นที่ป่าร่มรื่นไปด้วยต้นไม้กว่าหมื่นต้น แลกกับเวลากว่า ๓o ปี ที่ลงมือทำในทุก ๆ เย็น จนได้ฉายาติดสอยห้อยชื่อไปด้วยว่า ลุงน้อย นักสร้างป่า นอกจากจะทำให้ที่ดินมีมูลค่าขึ้นแล้ว ยังมีงานศิลปะเข้าไปตกแต่งซุกซ่อนไว้ในสวนแห่งนี้ด้วย


"คิดอะไร คิดให้ใหญ่ ทำให้สุด" ทุกคนในครอบครัวร่วมกันขุดค้นความเป็นศิลปะในตัวตน แสดงออกมาเป็นรูปแบบของสวน ที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะตามความชอบ แต่ก็เข้ากันได้อย่างกลมกลืน และกลายเป็นแหล่งพักผ่อน แหล่งเรียนรู้ ดูงานอาร์ต แห่งต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาไปโดยปริยาย






สวนซ่อนศิลป์ หรือ Secret Art Garden เป็นส่วนต่อขยายจากตลาดน้ำศิลปะกลางดง บนเนื้อที่นับสิบไร่ส่วนนี้ ไม่ใช่สวนดอกไม้ ไม่ใช่สวนป่าทั่ว ๆ ไป แต่ภายในมีงานศิลปะซุกซ่อนอยู่ในทุกอณูของสวน ตั้งแต่โลโก้ของสถานที่ ที่เป็นรูปต้นไม้โดยตัวต้นไม้เป็นรูกุญแจ ที่เสมือนบ่งบอกว่า เรากำลังจะไขความลับเข้าไปในสวนที่ซ่อนสมบัติล้ำค่า ที่มีทั้งความงามของธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ และงานศิลปะมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ในสวน ให้เราเข้าไปค้นหาได้อย่างมีความสุข และเหมาะซะจริง ๆ ที่จะพาเด็ก ๆ และครอบครัวไปเที่ยวชม เหมือนที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เขาจัดเป็นสถานที่ Family Travel


จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางถนนมิตรภาพ กลับรถที่โชคชัย แล้วมาเลี้ยวเข้าตลาดน้ำกลางดง (ทางเข้าเดียวกับไร่องุ่นสุพัตรา) ระยะทางค่อนข้างไกล ลึกเข้าไปเป็นถนนดินแดง แต่รถเก๋งเข้าได้สบาย สุดทางที่ลานจอดรถตลาดน้ำกลางดง ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไป ผ่านป้ายหน้าประตู "ตลาดกลางดง" ที่มาไม่ธรรมดา เพราะเป็นป้ายเก่าแต่ถูกขายไป จนลุงน้อยไปเจอที่ตลาดจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นป้ายไม้เก่าแก่ที่ลุงน้อยไปเจอในร้านขายของเก่า เลยติดต่อขอซื้อมา






ด้านใน มุมหนึ่งเป็นส่วนของอาร์ต แกลเลอรี่ ที่รวบรวมเครื่องไม้แกะสลัก ด้วยฝีมือช่างที่ละเอียดอ่อน แต่ละอันไม่ใช่เล็ก และไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ติดกันเป็นส่วนของร้านอาหาร และตลาดน้ำศิลปะ ที่เปิดพื้นที่ให้ซื้อตุ๊กตาเซรามิกมานั่งระบายสีแล้วนำกลับบ้านไปชื่นชมฝีมือตัวเอง มีร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อและของที่ระลึก อีกด้านหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ไอศกรีม ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นตลาดน้ำที่เล็กที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้


แต่ส่วนต่อขยายที่กลายเป็นสวนซ่อนศิลป์นี่ซิ น่าสนใจไม่น้อย ก่อนเข้าไปต้องแสดงบัตรผ่านที่ซื้อมาเสียก่อน ด้านหลังบัตรจะมีแผนผังของสวนบอกไว้ ไล่ไปตั้งแต่ท่าเรือกอนโดล่า, บ้านนักเขียน, ดินแดนคนจิ๋ว, บ้านศิลปิน, สวนโมเสก, สวนหินล้านปี, สวนอังกฤษ, สวนญี่ปุ่น, บ้านทอฝัน, บ้านปั้นดิน, สวนป่าฝน, บ้านช่างไม้, โซนไอศกรีมและคาเฟ่ รวมถึงโซนขายของที่ระลึก


แต่ละจุดแต่ละมุม ปล่อยให้ทุกคนได้เข้าไปเดินดู เดินชมได้อย่างละเอียด แต่ละโซนจะสะท้อนตัวตนของโซนนั้นไว้ ตั้งแต่บ้านนักเขียนที่จะมีชั้นหนังสือ มีโต๊ะอ่านหนังสือที่แสนสบาย หรือบ้านศิลปินที่อยู่เหนือน้ำตกเล็ก ๆ เสียงน้ำกับภาพวาดที่วางตกแต่ง รวมถึงไลฟ์สไตล์ของการจัดห้องนอนในบ้านั้น ช่วยให้อารมณ์อยากเป็นศิลปินขึ้นมาซะจริง ๆ






ทางเชื่อมต่อและละโซน จะมีศิลปะชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ วางตกแต่งไว้ ตามทางเดิน ด้านในเห็นมีรถดับเพลิง กับคนถือสายยางฉีดน้ำ พอเข้าไปดูใกล้ ๆ กลายเป็นหุ่นยนต์คนดับเพลิงไปเสียนี่ สนุกสนานของเด็ก ๆ น่าจะเป็นสวนอังกฤษ ที่เป็นสนามหญ้า กับคุณป้าที่กำลังนั่งเย็บผ้าโดยมีเจ้าหลานซุกซนตีลังกาอยู่ใกล้ๆ ทำให้เด็ก ๆ ที่มา เล่นตีลังกาตาม ๆ กันไปอย่างสนุกสนานได้


กว่าจะออกจากสวนซ่อนศิลป์มาได้ ก็ทิ้งใจไว้หลายจุดเชียวล่ะ


จากสวนซ่อนศิลป์ ยังมีอีกสวนสวยที่ซุกซ่อนศิลปะไว้ให้ค้นหา อยู่ไม่ไกลกัน พิชญ์ เขาวงกต หรือ Pete Maze สวนสวยๆ ที่สร้างเป็นกำแพงต้นไม้ วกไปวนมา วางแปลนพื้นที่กว่า ๕ ไร่ ให้กลายเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่นี่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “จุดหมายหรือชัยชนะอาจไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่คุณได้พบเจอระหว่างทาง” น่าสนุกตรงที่เมื่อเดินเข้าไปแล้ว ทุกเลี้ยว ทุกมุม คุณสามารถเดินไปได้หมด แต่จะใช่ทางที่ถูกต้องหรือเปล่านี่ซิ !!






พิชญ์ เขาวงกต ตั้งแยู่บนถนนธนะรัชต์ เข้าซอยฝั่งตรงข้ามฟาร์มโชคชัย ๓ มีป้ายบอกทางไปตลอด ที่จอดรถกว้าง ๆ รองรับการเดินทางมาเที่ยวเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ แค่เห็นด้านนอกก็ตื่นเต้น เราจะหลงอยู่ในเขาวงกตนานขนาดไหนกันนะ


กำแพงต้นไม้ใหญ่ เข้าทางหนึ่ง เดินไปออกอีกทางหนึ่ง ตามช่องทางเดินที่เป็นต้นแก้ว ตัดแต่งเป็นกำแพงต้นไม้สูงท่วมหัว บางต้นออกดอกหอม ๆ ให้ชื่นใจด้วย บร๊ะเจ้า เดิน ๆ ไป จะแยกไหนดีล่ะ มีทางไปได้ทุกทาง แต่จะรู้ว่าถูกหรือเปล่าก็ต้องลองเดินไปดู ถ้าเป็นทางตัน ก็มักจะมีงานอาร์ตอยู่ กลายเป็นถ่ายรูปกันเพลิดเพลิน แทนที่จะอารมณ์เสีย ทั้งพี่หมีตัวโต มุมน้ำพุ กำแพงดินสอสี รูปปั้นเด็ก คนออกแบบนี่เก่งจริง ๆ ต้องเดินจนครบทุกมุม จะลัดไปไหนไม่ได้เลย ไม่งั้นไม่เจอทางออกแน่ ๆ


สวนสวยที่ซ่อนงานศิลป์ไว้ ท่ามกลางธรรมชาติและต้นไม้ อากาศดี ๆ ลมหนาว ๆ โชยมาแบบนี้ ชวนอารมณ์ให้เสพศิลป์ได้ไม่รู้อิ่มจริง ๆ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 01 ธันวาคม 2557
Last Update : 1 ธันวาคม 2557 23:14:05 น. 0 comments
Counter : 2522 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.