happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
19 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙o





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










งามพระฉายาลักษณ์ ชมนาฎศิลป์เมืองจีน



ความสามารถในการแสดงเชิงกายกรรม ประเทศจีนไม่เป็นรองใคร ตรุษจีนปีนี้เอกชนหลายแห่งฉลองช่วงเวลามงคลด้วยการนำการแสดงศิลปวัฒนธรรมเชิงกายกรรมจากประเทศจีนมาให้ชม ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค ร่วมฉลองตรุษจีนปีแพะด้วยสุดยอดกายกรรม จำนวน ๑๕ ชุด จากเมือง ซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน


ซินเจียง เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประชากรส่วนใหญ่ชอบร้องรำทำเพลง เต้นรำ ประกอบลีลา อ่อนช้อย งดงาม ส่งผลให้การแสดงกายกรรมออกมาดูยิ่งใหญ่อลังการ จนสามารถคว้าแชมป์ระดับโลก จากการประกวดกายกรรมนานาชาติ ๒o๑๔ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากโชว์ชุด เจดีย์มนุษย์เหล็กผงาดฟ้า การันตีด้วยรางวัลเหรียญทอง


นักแสดงฝ่ายชายในโชว์ชุด 'เจดีย์มนุษย์เหล็กผงาดฟ้า' แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย เริ่มจากการต่อตัวขึ้นทีละชั้นจนลอยอยู่กลางอากาศ ที่สำคัญการแสดงชุดนี้ใช้คนแสดงเป็นฐานทั้งหมด






การต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปีมะแมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อต้อนรับปีใหม่ของจีนพร้อมไปกับการเฉลิมฉลองปีมหามงคลในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา โดยมีทั้งการแสดงบัลเลต์ผสมผสานนาฏศิลป์และการร่ายรำในแบบวัฒนธรรมจีน จากคณะ Shanghai Opera and Dance Troupe ส่งตรงจากนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นคณะนาฏศิลป์ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นคณะโอเปราแดนซ์ประจำชาติของจีน โดยคณะนาฏศิลป์จีนนี้ ได้เคยทำการแสดงเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมาแล้วกว่า ๕ ทวีป ใน ๔o ประเทศทั่วโลก จนได้รับการยกย่องให้เป็นรากฐานคณะโอเปราแดนซ์ประจำชาติของจีน






การแสดงชุดพิเศษ “The Golden River of Happiness” จากคณะ Shanghai Opera and Dance Troupe นี้ ได้นำสุดยอดการแสดงอันวิจิตรตระการตามาให้คนไทยได้ชื่นชมเป็นครั้งแรกได้แก่ การแสดงชุด Spring River and flower in the moonlight “ดอกไม้และสายน้ำแห่งความสุขที่ผลิบานใต้แสงจันทร์” จากบทกวีของ จางรั่วซวี ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบทกวีอันโดดเด่นในสมัยราชวงศ์ถัง จวบถึงปัจจุบัน, การแสดงชุด The Hand drum and Bell Dance การเต้นรำที่มีชื่อเสียงของซินเจียง สร้างความสนุกสนานครึกครื้นต้อนรับปีใหม่ตามแบบของชาวซินเจียง, การแสดงชุด Peacock Dance การเต้นรำนกยุงแบบชาวเผ่าไต่ในมณฑลหูหนานที่ตระการตาหาดูได้ยากยิ่ง, การแสดงชุด Paper Cutting Girls การเต้นรำที่ประสานเอาศิลปะการตัดกระดาษแบบยกศิลปะการตัดกระดาษพื้นบ้านจีนเข้ากับชุดแต่งกายที่มีสีสันสวยงาม ให้ความเพลิดเพลิน










พร้อมกันนี้ตามความเชื่อที่กล่าวว่าหากสิงโตและมังกรได้เข้าร่วมการเฉลิมฉลองในงานเทศกาลใดๆ จะบังเกิดความเป็นมิ่งมหามงคลกับสถานที่นั้น ๆ ตลอดจนนำ ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่ง ความอุดมสมบูรณ์ และเป็นสิริมงคลมาสู่ผู้ชมและครอบครัวอีกด้วย โดยนำการแสดงอำนวยพรชุดพิเศษที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย ในชื่อชุด “๖o พรรษา มิ่งมหาบารมี” โดยมีสุดยอดการเชิดพญามังกรทองยาว ๓o เมตร และสิงโตมงคล ๖๑ ตัว ล้วนเป็นสิงโตพันธุ์กวางตุ้ง ซึ่งเป็นสิงโตที่มีความสวยงาม และได้รับความนิยมในการเชิดมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แบ่งเป็น ๘ สีมงคล นำโดย สีเงิน (สีขาว) ๑๔ ตัว, สีทอง (สีเหลือง) ๑๕ ตัว, สีแดง ๑๓ ตัว, สีส้ม ๔ ตัว, สีเขียว ๓ ตัว, สีชมพู ๓ ตัว, สีม่วง ๕ ตัว, และสีน้ำเงิน ๔ ตัว โดยนักเชิดกว่า ๒oo ชีวิต ที่จะร่วมอำนวยพร สร้างสีสันตระการตา ผสมผสานสอดคล้องไปกับการแสดงจากประเทศจีน จัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปได้ชมฟรี ไปจนถึงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ วันละ ๑ รอบ ตั้งแต่เวลา ๑๘.oo น. เป็นต้นไป






ขณะที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม ๓ นำการแสดงชุด มู่หลาน เทพีนักรบแห่งแดนมังกร พร้อมเหล่านักรบผู้กล้า (Mulan & The Brave Knights) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาโชว์ครั้งแรกในประเทศไทยเช่นกันระหว่าง ๑๗-๒๒ ก.พ. และกิจกรรมพิเศษเรียนรู้ปีชง-วิธีแก้ชง โดย อ.คฑา ชินบัญชร วันที่ ๑๙ ก.พ. ๑๔.oo น.


บริษัทสยามพิวรรธน์ฯ ร่วมฉลองปีมหามงคลในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา และต้อนรับตรุษจีนปีมะแม จับมือธนาคารกสิกรไทย, เมืองไทยประกันชีวิตฯ, ซีพีแรมฯ และ แคนนอน มาร์เก็ตติ้งฯ เชิญคณะนาฎศิลป์ Shanghai Opera and Dance Troupe ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นคณะโอเปร่าแดนซ์ประจำชาติของจีน จากนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาเปิดการแสดงให้คนไทยได้ชม การแสดงชุดที่นำมาให้คนไทยชื่นชมเป็นครั้งแรกคือ Spring River and flower in the moonlight หรือ ดอกไม้และสายน้ำแห่งความสุขที่ผลิบานใต้แสงจันทร์ จากบทกวีของ 'จางรั่วซวี' ยกย่องเป็นบทกวีโดดเด่นในสมัยราชวงศ์ถังจวบถึงปัจจุบัน






นอกจากนี้ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ยังร่วมกับ สำนักข่าวซินหัว จัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย “มหามิตรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” งานแสดงภาพถ่ายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะที่ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จำนวน ๖๑ ภาพ ที่รวบรวมโดยสำนักข่าวซินหัว โดยพิธีเปิดงานจะจัดขึ้นในวันพุธที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๗.oo น. ที่พาร์ค พารากอน สยามพารากอน ส่วนนิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ ๑๘ - ๒๒ กุมภาพันธ์ ศกนี้ เวลา ๑o.oo - ๒๒.oo น. ที่ฮอลล์ ออฟ เฟม ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมกันนี้ทั้ง ๓ ห้างสรรพสินค้ายังจัดโปรโมชันสุดพิเศษ SIAM CHINESE NEW YEAR 2015 “THE GLAMOROUS POWER” ที่พร้อมให้ส่วนลดแบรนด์ดังมากมายสูงสุดถึง ๗o% พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมายรวมมูลค่ากว่า ๙ ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๘ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร. o-๒๖๑o-๘ooo















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th

เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์













ท่องดินแดน 'สตรอว์เบอร์รีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ'



สตรอว์เบอร์รีที่พบเห็นอยู่บนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือในตลาด เป็นผลไม้ที่รับความนิยมตลอดกาล มีผู้ที่ชื่นชอบรสชาติอันอร่อยถูกใจพร้อมคุณประโยชน์มากมาย ช่วยรักษาโรค มีเรื่องราวเบื้องหลังมากกว่าผลไม้ผิวบางสด สีแดงใส ให้กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก


การเดินทางของสตรอว์เบอร์รีจากต้นแปลงถึงปลายทาง ได้นำมาเผยแพร่แล้ววันนี้ในรูปแบบ หนังสือและงานนิทรรศการ "สตรอว์เบอร์รีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ " เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และเป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระเทพฯ ในการก่อตั้ง "โครงการส่งเสริมสตรอว์เบอร์รีในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่งอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนินการ มีพิธีเปิดตัวหนังสือและนิทรรศการที่ห้อง "ร้อยนิทรรศน์ ยลรัตนโกสินทร์" อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นประธาน


ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายประสานงานโครงการพิเศษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า คนไทยกับสตรอว์เบอร์รีรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงพระอักษรเมื่อเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป แสดงความสนพระราชหฤทัย และโปรดผลไม้ชนิดนี้ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๗๕ ชาวอังกฤษนำสตรอว์เบอร์รีมาปลูกในไทย แต่ยังไม่แพร่หลายเป็นพันธุ์พื้นเมือง สีอิฐ รสชาติไม่อร่อย ไม่ใช่พันธุ์ปัจจุบัน ทุกวันนี้พูดถึงสตรอว์เบอร์รีต้องโครงการหลวงที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติด ในการพัฒนาสตรอว์เบอร์รีแทนปลูกฝิ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณตั้งสถานีวิจัยเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ มีนักวิจัยช่วยศึกษาสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์ต่างประเทศ จนสามารถพัฒนาสตรอว์เบอร์รีของไทยพันธุ์ ๑๓, ๑๕, ๒o กระทั่งปี ๒๕๒๒ เสด็จฯ บ้านแม้ว ดอยปุย พระราชทานต้นพันธุ์สตรอว์เบอร์รีให้ชาวบ้านเป็นปีแรก มีการขยายพื้นที่และปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้เกษตรกร


"จากการพัฒนาในวันนี้ สตรอว์เบอร์รีมีหลายสายพันธุ์ พันธุ์พระเอก คือ พันธุ์พระราชทาน ๘o ผลใหญ่ หวานฉ่ำ เป็นพันธุ์ที่กำเนิดที่สถานีวิจัยดอยปุยเช่นกัน สตรอว์เบอร์รีจัดเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ปัจจุบัน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด ๔,ooo ไร่ ส่วนโครงการหลวงประมาณ ๑,๓oo ไร่ เกษตรกรโครงการหลวงรายได้ ๓-๕ แสนบาทต่อไร่ ลงทุน ๗ หมื่นบาท ถ้าเกษตรกรนอกโครงการ ปลูกและขายเองรายได้ ๑.๕-๒ แสนบาทต่อไร่" ดร.ณรงค์ชัยเผยเกษตรกรผู้ปลูกอยู่ดีกินดีขึ้น


ด้าน พิพัฒนาพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้แทนพิเศษอาวุโสสำนักทรัพย์สินฯ กล่าวว่า หนังสือ "สตรอว์เบอร์รีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" เกิดขึ้นจากการรวบรวมความรู้และประสบการณ์จากเกษตรกรและนักวิชาการใน "โครงการส่งเสริมสตรอว์เบอร์รีในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่งอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำป่าเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้านยาง ครั้งนั้น สมเด็จพระเทพฯ มีพระราชดำริให้พัฒนาการปลูกสตรอว์เบอร์รีในพื้นที่อีกครั้ง ส่งผลผลิตเข้าโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๑ (ฝาง) สร้างรายได้ให้เกษตรกร นำองค์ความรู้จากมูลนิธิโครงการหลวงและ ม.เกษตรฯ มาใช้ และหน่วยงานอื่น ๆ ช่วยพัฒนาผลผลิตต่อไร่ให้เพิ่มขึ้น


ส่วนหนังสือสตรอว์เบอร์รีฯ ออกแบบรูปเล่มและปกสวยงามสมกับสตรอว์เบอร์รี ราชินีแห่งผลไม้ ภายในนอกจากภาพสวย ๆ เสริมความรู้แล้ว เนื้อหาก็สมบูรณ์ทั้งพระมหากรุณาธิคุณและพัฒนาการสตรอว์เบอร์รีไทย จัดพิมพ์ครั้งแรกจำนวน ๖,ooo เล่ม จำนวน ๒oo หน้า ปกอ่อนราคา ๒๕o บาท และปกแข็งราคา ๔๕o บาท รายได้บริจาคสมทบทุนช่วยเหลือกิจกรรมของเกษตรกรและพัฒนางานด้านการเกษตร


สุรางคนา ไม้ตราวัฒนา หัวหน้าแผนกงานผู้แทนพิเศษ ๒ สำนักงานผู้แทนพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินฯ ในฐานะผู้เขียน กล่าวว่า เน้นเล่าเรื่องด้วยภาษาเข้าใจง่าย ประกอบภาพสวยเสริมความน่าสนใจและสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้อ่าน เนื้อหา ๕ บท เริ่มตั้งแต่พระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ ร.๕ เข้าสู่ที่มาสตรอว์เบอร์รี วิธีการปลูก การนำไปใช้ คุณประโยชน์สตรอว์เบอร์รีในโครงการ สิ่งละอันพันละน้อยว่าด้วยเรื่องสตรอว์เบอร์รี อ่านแล้วเห็นพัฒนาการของสตอร์เบอร์รีไทย ได้แรงบันดาลใจจากทั้งสองพระองค์ อนาคตอาจปลูกผลไม้ชนิดนี้ในโรงเรือนแบบญี่ปุ่นได้ เพราะมีตัวอย่างเกษตรกรปลูกได้ผลสำเร็จแล้วในไทย


สำหรับงานนิทรรศการสตรอว์เบอร์รีอันเนื่องมาจากพระราชดำริยกแปลงสตรอว์เบอร์รีมาไว้ภายในห้อง "ร้อยนิทรรศน์ ยลรัตนโกสินทร์" เลยทีเดียว นิทรรศการส่วนต่าง ๆ ก็น่าสนใจและทำให้เข้าใจผลไม้ยอดฮิต เริ่มจากโซนหนังสือสตรอว์เบอร์รีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, พระมหากรุณาธิคุณ,เกี่ยวกับสตรอว์เบอร์รี, พัฒนาการสตรอว์เบอร์รีไทย, กว่าจะมาเป็นหนังสือ โซนภาพสวยที่ไม่ได้ลงในหนังสือ, ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ, แปลงสตรอว์เบอร์รี, สาธิตเมนูสตรอว์เบอร์รี และมุมสนทนาให้นั่งเล่น ชิมสตรอว์เบอร์รีสดหวานฉ่ำของโครงการ รวมถึงสตรอว์เบอร์รีแปรรูป น้ำพริกสตรอว์เบอร์รีที่นำมาจำหน่ายภายในนิทรรศการ งานนี้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ก.พ.-๑๙ เม.ย. ๒๕๕๘ เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์.



















ภาพและข้อมูลจาก
thaipost.net
thairath.co.th
dailynews.co.th
กระทู้พันทิป
komchadluek.net/














ร้านภูฟ้ารวบรวมข้อมูลสารสนเทศ ภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ



จากพระปรีชาสามารถในศิลปะหลากหลายสาขาของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ดังเห็นได้จากที่ทรงสร้างสรรค์งานศิลป์ไว้หลากหลาย จนเป็นที่ยกย่องว่าทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” ปิ่นสยาม และมักจะเห็นว่าพระองค์ท่านโปรดการวาดภาพการ์ตูนไว้มากมาย มีทั้งที่พิมพ์เผยแพร่ประกอบพระราชนิพนธ์ พระราชทานแก่บุคคล หน่วยงาน ในโอกาสต่าง ๆ รวมทั้งพระราชทานหน่วยงานหลายแห่งนำไปเป็นภาพประกอบจัดทำเสื้อ เครื่องเขียน และอื่น ๆ เพื่อจำหน่ายหารายได้สมทบในกิจกรรมการกุศล โดยภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ที่มีอยู่มากนั้น ได้กระจายอยู่หลายที่หลายหน่วยงาน ยังมิได้เคยมีการค้นคว้ารวบรวมจัดทำเป็นฐานข้อมูลที่สมบูรณ์ ร้านภูฟ้า จึงได้จัดทำ โครงการข้อมูลสารสนเทศภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อค้นคว้ารวบรวมภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ พร้อมข้อมูล ประกอบจากบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘


ทางร้านภูฟ้า จึงขอความอนุเคราะห์จากบุคคล กลุ่มบุคคล และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้รับภาพการ์ตูนพระราชทาน ได้กรุณาสำเนาภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ พร้อมทั้งข้อมูลความเป็นมาของภาพการ์ตูนนั้น ๆ ส่งไปรษณีย์มายังสำนักงานร้านภูฟ้า ที่อยู่ ๑๒๓ ปากซอย สุขุมวิท ๗ ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ๑o๑๑o หรือส่งทางอีเมล phufa@windowslive.com ภายในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อจัดทำเป็นต้นฉบับข้อมูลสารสนเทศภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ ทูลเกล้าฯถวายเฉลิมพระเกียรติในศุภมงคลวาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ สอบถามรายละเอียดที่โทร. o-๒๖๕๕-๖๒๔๒-๓.



ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th












ภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ “เสือจับค้างคาว”



งานศิลป์ชิ้นเอกฉลองเทศกาลตรุษจีน



ศูนย์การค้าเกษร สร้างสรรค์ประสบการณ์อาร์ตไลฟ์สไตล์สุดพิเศษ “Gaysorn Year of The GOAT 2015-เกษร เยียร์ ออฟ เดอะ โกท ๒o๑๕” โดยได้รับเกียรติจาก ครูโต-หม่อมหลวงจิราธรจิรประวัติ ศิลปินนักวาดภาพประกอบชื่อดังมาสร้างงานศิลป์ระดับมาสเตอร์พีซ กับซีรี่ส์ภาพวาดคาแร็กเตอร์ลายเส้น “DaYang-ต้าหยาง” ความหมายว่า “แพะผู้ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ” เพื่อต้อนรับปีแห่งโชคลาภปีนักษัตร “แพะ” กับเทศกาลตรุษจีน





ภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ “ระกา”



ครูโต-หม่อมหลวงจิราธรจิรประวัติ เผยถึงผลงานศิลปะในครั้งนี้ว่า “DaYang-ต้าหยาง” เป็นการนำเสนอแนวความคิดของ “ความสุข ความสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง” ผ่านคาแร็กเตอร์นักษัตรปีแพะที่ประกอบด้วยสัญลักษณ์แห่งความมงคล ๓ ประการ คือ รูปหน้าแพะที่โค้งมนดั่ง “ถั่วทองคำ” เป็นสัญลักษณ์มงคล เสมือนการอวยพรให้มีความโชคดี เจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จและยั่งยืน “ดอกโป๊ยเซียน”ทั้ง ๘ ที่วางเรียงรายรอบตัวแพะ คือตัวแทนเทพทั้ง ๘ ตามความเชื่อของชาวจีนสัญลักษณ์แห่งความสุข ๘ ประการ คือ ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ, มีความกล้าหาญและเข้มแข็ง, ร่ำรวยเงินทอง, มีเสน่ห์, เป็นที่รักใคร่, มีชื่อเสียง, สติปัญญาดี และขจัดสิ่งไม่เป็นมงคล และสุดท้ายกับ “ช่อมงกุฎ” ศีรษะแพะ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง อำนาจ และความยิ่งใหญ่ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกนำมารวมเป็นซีรี่ส์ผลงานภาพวาดคาแร็กเตอร์ลายเส้นเพื่อนำมาตกแต่งประดับประดาพื้นที่ทั่วทั้งศูนย์การค้าเกษรในสไตล์ “แคชชวล ลักซ์ชัวรี่” ที่สะท้อนความสุขทั่วทุกมุมมอง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน และส่งความสุขให้กับนักท่องเที่ยวและลูกค้าที่เข้ามาสัมผัสประสบการณ์“ลักซ์ชัวรี่ ช็อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์” ภายในศูนย์การค้าเกษร





ภาพวาดการ์ตูนฝีพระหัตถ์ “มะแม



กรกฎ ศรีวิกรม์ ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร เผยว่า เราพร้อมส่งความสุขในเทศกาลตรุษจีนด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ “Gaysorn’s Luxury Ang Bao” เมื่อช็อปปิ้งภายในศูนย์การค้ารับซองอั้งเปาคอลเลคชั่นพิเศษ จากผลงานการออกแบบของครูโต-หม่อมหลวงจิราธร จิรประวัติ และพิเศษสุด เมื่อช็อปครบทุก ๒๕,ooo บาทมีสิทธิ์ลุ้นรับ “อั้งเปาแห่งความสุข” เพื่อรับของขวัญจากลักซ์ชัวรี่แบรนด์ชั้นนำทั้งเวิลด์คลาสท็อปแบรนด์และไทยแบรนด์ชั้นนำ และของขวัญสุดพรีเมียม





ต้าหยาง ผลงานที่จะโชว์ทั่วศูนย์การค้าและซองอั้งเปา



ร่วมสัมผัสประสบการณ์ไลฟ์สไตล์เปี่ยมรสนิยมกับผลงานศิลปะ “DaYang-ต้าหยาง” โดย ครูโต-หม่อมหลวงจิราธร จิรประวัติ และสนุก กับช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของศูนย์การค้าเกษรกับแคมเปญ “Gaysorn’sLuxury Ang Bao” ได้ตั้งแต่วันนี้-๒๒ กุมภาพันธ์นี้ ณ ศูนย์การค้าเกษร









อีกหนึ่งลวดลายน่ารัก ๆ ของต้าหยาง แพะมงคลต้อนรับตรุษจีน



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














ปลุกกระแสใช้กล้วยไม้ไทยยกระดับรายได้ให้ชาวสวน



หลังจากกระทรวงเกษตรฯ ขานรับนโยบายรัฐบาล ให้ดูแลช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกกล้วยไม้ในเรื่องของการเปิดตลาดกลางกล้วยไม้ ส่งเสริมให้ระบบสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกร และให้มีการเปิดตลาดกล้วยไม้ในบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยการจัดตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ริมคลองผดุงกรุงเกษม


โดยภายในตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ เข้าไปจะพบจุดแลนด์มาร์คที่จัดแสดงประติมากรรมกล้วยไม้ไทยสายพันธุ์ที่สำคัญของไทย ได้แก่ กล้วยไม้ตระกูลหวาย แวนด้า และแคทลียา การจัดแสดงกล้วยไม้เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นกล้วยไม้ตระกูลหวายที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นใหม่และได้รับพระราชทานนาม อาทิ กล้วยไม้ตระกูลหวายสายพันธุ์สีแดง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อว่า “รักตสิริน” สายพันธุ์ลิบลู พระราชทานชื่อว่า “ม่วงราชกุมารี”






นอกจากนี้ยังมีกล้วยไม้เฉลิมพระเกียรติอีกหลายชนิด เช่น รองเท้านารีพริ้นเซสสังวาลย์ หวายชมพูนครินทร์ หวายโสมสวลี ส่วนผู้ที่สนใจกล้วยไม้กลุ่มตระกูลช้างก็พลาดไม่ได้ เพราะภายในงานมีจัดซุ้ม กิจกรรมช้างชนช้าง ซึ่งเป็นการรวมกล้วยไม้ตระกูลช้างมาจัดอยู่ในบริเวณเดียวกัน ได้แก่ ช้างเผือก ช้างกระ ช้างการ์ตูน ซึ่งเนรมิตขึ้นอย่างสวยงาม


รวมถึงการให้ความรู้การแสดงการใช้ประโยชน์จากกล้วยไม้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น มาลัยกล้วยไม้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้กล้วยไม้แทนการใช้ดอกมะลิซึ่งบางช่วงมีราคาสูง หรือการจัดช่อบูเก้ด้วยกล้วยไม้เพื่อมอบให้ในโอกาสพิเศษ และที่พลาดไม่ได้คือ การจำหน่ายกล้วยไม้คุณภาพจากสมาชิกสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ จำกัด ในจังหวัดแหล่งผลิตใหญ่ของประเทศ ได้แก่ จังหวัดนครปฐมและสมุทรสาครกว่า ๔o ร้าน และกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตกล้วยไม้ภายใต้การส่งเสริมของกรมส่งเสริมการเกษตร ทั้งจากกรุงเทพฯ ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี ปทุมธานี อยุธยาอีกกว่า ๒o ร้าน






ตัวอย่างสายพันธุ์กล้วยไม้คุณภาพที่จำหน่ายในราคาผู้ผลิต อย่างเช่น กล้วยไม้ตระกูลช้าง กล้วยไม้ตระกูลหวายทุกประเภท ฟาแลนนอปซิส แวนด้า แคทลียา รองเท้านารี มอคคาร่า เพราะเป็นกล้วยไม้ที่มีความหลากหลายทั้งสายพันธุ์ สี รูปแบบ มีคุณภาพ ในราคาที่ผู้บริโภคพึงพอใจ โดยเฉพาะบางร้านนำสินค้ากล้วยไม้ส่งออกที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศมาขายด้วย


นอกจากการจัดตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพแล้ว นายสมชาย ชาญณรงค์กุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนนโยบายของนายกรัฐมนตรีในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้แบบยั่งยืน กระทรวงเกษตรฯ เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการใช้ดอกกล้วยไม้เป็นสื่อแทนใจในวันวาเลนไทน์ และงานเทศกาลอื่น ๆ หรืองานพิธีการสำคัญๆ เพื่อขยายช่องทางตลาดกล้วยไม้ให้เกษตรกรให้กว้างขวางขึ้น






สำหรับกล้วยไม้ นอกจากจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว กล้วยไม้ยังเป็นพืชที่ทรงคุณค่า เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการปลูกเลี้ยงกว่าจะออกดอก และเมื่อออกดอกแล้วก็สามารถอยู่ได้นานกว่าจะโรย ซึ่งปัจจุบันมีกล้วยไม้หลายสายพันธุ์และหลากสีสันสวยงาม อาทิ กล้วยไม้สกุลหวาย มอคคาร่า แวนด้า ฟาแลนนอปซีส รองเท้านารี และกล้วยไม้สกุลช้าง เป็นต้น


กล้วยไม้จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่คู่รักทุกวัยสามารถใช้สื่อรักแทนใจส่งมอบให้แก่กันเนื่องในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนที่จะส่งเสริมการใช้กล้วยไม้ในงานเทศกาล งานพิธีการสำคัญและโอกาสต่าง ๆ อาทิ เทศกาลตรุษจีน สงกรานต์ ลอยกระทงานแต่งงาน และอวยพรปีใหม่ เป็นต้น






ขณะเดียวกัน โรงแรมและรีสอร์ตทั่วประเทศยังสามารถใช้กล้วยไม้ประดับตกแต่งสถานที่เพื่อสร้างสีสัน หรือร้อยเป็นพวงมาลัยส่งมอบให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับและสร้างความประทับใจได้ เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้กล้วยไม้และกระตุ้นตลาดภายในประเทศ ทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาราคากล้วยไม้ตกต่ำ และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวสวนกล้วยไม้ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย






นายสมชายกล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีพื้นที่การผลิตกล้วยไม้ประมาณ ๒๒,ooo ไร่ เกษตรกรประมาณ ๓,ooo ราย มีผลผลิตดอกกล้วยไม้ประมาณ ๔๕,ooo-๔๖,ooo ตันต่อปี โดยกล้วยไม้ตัดดอกประมาณ ๔๖% ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และใช้ภายในประเทศ ๕๔% ขณะเดียวกันไทยยังมีการส่งออกต้นกล้วยไม้ด้วย โดยมีมูลค่าส่งออกรวมกว่า ๓,ooo ล้านบาท/ปี มีตลาดส่งออกหลักคือ ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส จีน และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น หากสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายกล้วยไม้ให้กับเกษตรกรกว้างขวางมากขึ้น โดยส่งเสริมให้มีการใช้กล้วยไม้ภายในประเทศอย่างแพร่หลาย คาดว่าจะสามารถกระตุ้นกลไกตลาดและยกระดับราคากล้วยไม้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาราคากล้วยไม้ตกต่ำได้ ทั้งยังช่วยผลักดันมูลค่ากล้วยไม้เพิ่มสูงขึ้นเป็น ๓,๔oo-๓,๕oo ล้านบาทต่อปี


ส่วนใครที่อยากจะหาซื้อกล้วยไม้สวยๆ หลากสีสัน สามารถหาซื้อได้ใน “ตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ” ข้างทำเนียบรัฐบาล ริมคลองผดุงกรุงเกษม ตั้งแต่วันนี้ถึง ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘.







ภาพและข้อมูลจาก
thaipost.net
matichon.co.th
posttoday.com














สีเด็ก
ศักดิ์สิริ มีสมสืบ



ผมเคยได้รับเชิญให้ (ร่วม) เป็นกรรมการตัดสินการประกวดภาพเขียนของเยาวชนอยู่บ่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นระดับประถมศึกษาตอนต้นและประถมศึกษาปลาย ทั้งได้รับเชิญไปสอนศิลปะเด็ก ๆ ตามค่ายกิจกรรมอยู่เนือง ๆ ช่วงสมัยที่ผมยังเป็นครูศิลปะผมพยายามที่จะหาคำตอบว่าการเรียนการสอนศิลปะควรจะเป็นเช่นไร


คล้ายจะเห็นภาพลาง ๆ แต่ผมก็ทำได้เพียงสอนไปตามที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน คือสอน "ทักษะ" เป็นหลัก


ปัจจุบันผมได้พ้นจากหน้าที่การสอนในสถานศึกษาแล้ว และตอนนี้ผมได้กลับมาวาดรูปอย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยเริ่มต้นด้วยการฝึกพื้นฐานทักษะ เริ่มตั้งแต่การลากเส้นตรงแนวนอน แนวตั้ง เส้นเฉียง เส้นโค้ง ฝึกเขียนรูปร่าง รูปทรง แรเงาน้ำหนัก แสงเงา สามปีเต็มที่ผมฝึก "ดรออิ้ง" จนมั่นใจ แล้วผมก็เริ่มเขียนสี โดยใช้สีเทียน สีชอล์กแบบเด็ก ๆ ซึ่งเป็นสีที่เด็กระดับประถมนิยมใช้


ครูศิลปะทั่วประเทศมีวิธีการสอนไม่ต่างกัน คือสอนทฤษฎีสี สีร้อน สีเย็น สีกลมกลืน สีตัดกัน สอนไล่น้ำหนักสี สอนองค์ประกอบศิลป์ ผมซึ่งเรียนจบมาทาง "จิตรกรรมสากล" โดยตรงกลับพบปัญหาบนหนทางศิลปะ นั่นคือผมพบว่า "ความรู้และทักษะ" นั่นเองเป็นอุปสรรค เป็นเครื่องพันธนาการ หากศิลปะคือการสร้างสรรค์ และคือการแสดงตัวตนของเราผ่านงานที่เราสร้าง ใช่หรือไม่ว่าการสอนศิลปะตามรูปแบบที่ทำกันอยู่คือการทำเทปูนปลาสเตอร์ลงบนพิมพ์เดียวกัน ดังเราจะได้เห็นภาพวาดสวยๆ ฝีมือเด็ก ๆ ที่ดูเหมือน ๆ กัน เป็นแบบเดียวกันหมด ซึ่งผมเองก็คิดไม่ออกว่าเราควรจะสอนศิลปะกันอย่างไรจึงจะถูกต้อง


เมื่อครั้นผมกลับมาวาดรูปอย่างจริงจังอีกครั้งในช่วงสูงวัย ผมกลับเลือกเดินทางสาย "ทักษะ" ผมเขียน "สีเทียนน้ำมัน" หรือ "ออยล์พาสเทลส์" ของเด็กอย่างสนุกสนาน โดยพยายามทำตามวิธีที่ครูประถมสอน จัดสีเป็นระบบ "สีร้อน-สีเย็น" แรระบายตามลำดับจากอ่อนไปเข้ม ไล่น้ำหนัก ระยะใกล้ไกล กำหนดทิศทางของแสง และเงา ได้เรียนรู้ว่าหนทางของศิลปะนั้นต้องใช้จิตใจนำสมอง ความรู้สึกนำความรู้ ปฏิบัตินำปริยัติ เพียงแต่ลงมือทำไปเรื่อย ๆ เมื่อผมเขียนไปได้กว่าหนึ่งร้อยรูปผมก็รู้จักวัสดุที่ใช้ สีพาสเทลส์มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เหมือนที่สีน้ำคือสีน้ำ สีโปสเตอร์คือสีโปสเตอร์ เหมือนที่เราคือเรา เด็กแต่ละคนมีความพิเศษไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือนใคร เราจะสอนศิลปะอย่างไรให้เด็กของเราค้นพบตัวตนว่าเขาเป็นคนพิเศษ


สีออยล์พาสเทลส์ สีเทียนของเด็ก ๆ หากเขียนซ้อนทับสามสี่ครั้งเนื้อสีจะหนึบหนับดูดซับกัน เขียนได้หนาเท่าที่ต้องการ และเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันจึงสามารถเขียนได้เหมือนเขียนสีน้ำมันเลยทีเดียว


ผมทดลองวาดไปเรื่อย ๆ และรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้เชิงเทคนิค ส่วนการสอนเชิงเนื้อหานั้นคงเป็นอีกเรื่องที่ครูต้องไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ไม่เป็นการยัดเยียด เป็นเรื่องที่ต้องคิดกระบวนการการเรียนรู้ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ตั้งหัวข้อ รักษ์สิ่งแวดล้อม ต่อต้านยาเสพติด ต่อต้านคอร์รัปชั่น รักษาประเพณีอันดีงาม คุณธรรมล้ำเลิศประเสริฐศรี ส่งเสริมความเป็นไทย


บางทีการสอนศิลปะอย่างถูกต้องอาจเป็นหนทางสู่แสงสว่างก็เป็นได้ ศิลปะไม่ใช่แค่การสอนทักษะ ความรู้ โลกศิลปะกว้างใหญ่ลึกล้ำกว่านั้น ซึ่งผมเองคิดไม่ออกบอกไม่ถูก วันนี้แค่ชวนคุย และชวนเด็ก ๆ วาดรูปสีออยล์พาสเทลส์กัน นำภาพที่ผมหัดวาดมาอวดด้วยนะ ขอเชิญชมครับ







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net
คอลัมน์ "ศิลป์แห่งแผ่นดิน" นสพ.คม ชัด ลึก ๑๕ ก.พ. ๒๕๕๘














Intermezzo



นิทรรศการ Intermezzo ผลงานโดย Gi – Ok Jeon, Melanie Gritzka del Villar และ Pattree Chimnok จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑o กุมภาพันธ์ - ๙ เมษายน ๒๕๕๘ และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๑o กุมภาพันธ์ เวลา ๑๘.oo น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีประจำประเทศไทย : The Korean Cultural Center in Bangkok


นิทรรศการนี้เน้นให้ความสำคัญกับศิลปินหญิงจากสามเชื้อชาติ ได้แก่ ไทย เกาหลีและศิลปินเชื้อสายเยอรมัน-ฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันทำงานและพำนักอยู่ในประเทศไทย ศิลปินทั้งสามได้พยายามหาจุดเชื่อมต่อเพื่อเติมเต็มช่องว่างของความแตกต่างทางวัฒนธรรมและหาอัตลักษณ์ของตนเอง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนิทรรศการ ‘Intermezzo'


การดำเนินชีวิตในสังคมที่แตกต่างเปรียบได้กับการแสดงหรือดนตรีบรรเลงสลับฉากหรือที่เรียกว่า ‘Intermezzo’ เพื่อการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ส่วนสำคัญสูงสุดของการแสดง


วิถีชีวิตของศิลปินทั้งสามเปรียบได้กับพรรณไม้ในป่าชายเลน ที่พร้อมจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และสามารถอยู่ร่วมกับพรรณไม้ชนิดอื่นได้อย่างสงบสุข


โดยปกติศิลปินทั้งสามท่านมีผลงานศิลปะในแขนงต่าง ๆ เช่นจิตรกรรม ประติมากรรม สื่อและการจัดแสดงศิลปะจัดวาง แต่ในครั้งนี้ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานแนวใหม่โดยอ้างอิงจากโลกความเป็นจริง


Gi – Ok Jeon

ผลงานที่จัดแสดง ณ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี ประจำประเทศไทย ประกอบด้วยผลงานภาพสีน้ำแบบเกาหลีและภาพปะติดซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงปี ๒o๑๒ – ๒o๑๔ และการจัดแสดงผลงานศิลปะจัดวางซึ่งเป็นผลงานใหม่ของปี ๒o๑๕


ในฐานะชาวต่างชาติที่ย้ายถิ่นฐานมาพำนักอยู่ในประเทศไทย ศิลปินได้พยายามค้นหาอัตลักษณ์ของตนเองจนกระทั่งปี ๒o๑๔ เกิดการสะท้อนผลงานผ่านทางบทบาทของความเป็นแม่บ้าน แม่และผู้หญิงในงานศิลปะ โดยมีบุตรสาวเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน เนื่องจากศิลปินสมรสกับชาวไทย บุตรสาวจึงเป็นตัวละครสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานโดยเป็นตัวเชื่อมระหว่างสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน


นอกจากผลงานภาพปะติดแล้ว ผลงานอื่นที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้ ได้แก่ ศิลปะจัดวางโดยการนำกิ่งไม้พันด้วยผ้าถุงจัดวางในตะกร้าสานลวดทองแดง และผลงานที่เกิดจากการนำผ้าฮันบกและวัสดุชนิดอื่น ๆ มาประดับรวมกันโดยใช้เทคนิคที่หลากหลาย



Melanie Gritzka – del Villar
ข้าพเจ้าเป็นใครในฐานะศิลปิน?


ในฐานะศิลปิน ข้าพเจ้าสามารถเปรียบตนเองได้ดั่งผู้ที่สามารถสังเคราะห์ลักษณะของวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างและมีความเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับลักษณะภายนอกของสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่มักถูกคนส่วนใหญ่มองข้ามและละเลย


ข้าพเจ้ามีความสนใจในธรรมชาติของมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการพึ่งพาอาศัยกันทั้งกับมนุษย์ด้วยกันเองและสภาพแวดล้อมรอบตัว โดยส่วนใหญ่ ข้าพเจ้าได้สื่อความหมายต่าง ๆ เหล่านั้นผ่านการวาดรูป และในบางครั้งก็ได้ใช้วิธีการอื่น ๆ เช่น การตัดต่อภาพ การใช้วิธี Layering ผสมลงไปในผลงานต่าง ๆ ของข้าพเจ้า


ผลงานของข้าพเจ้าเป็นเหมือนบันทึก ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ อารมณ์ อีกทั้งวิสัยทัศน์ ที่เป็นความจริงชุดหนึ่งของบุคคลที่แสดงออกผ่านผลงาน โดยมีความคาดหวังให้กลายเป็นความจริงที่เป็นสากลมากขึ้น


Pattree Chimnok

มนุษย์มีความหลากหลายของภาษา วิถี และวัฒนธรรมประเพณี แต่ศิลปะกลับเป็นดั่งภาษาสากล ที่เชื่อมโยง และแลกเปลี่ยน สื่อสาสน์ซึ่งกันและกันของผู้คน เปรียบเสมือน เครื่องมือ ที่สะท้อน เรื่องราว รอบ ๆ ตัว และบทบันทึกแห่งการเวลา ที่มีต่อการเรียนรู้ ความหมายแห่งการดำรงอยู่ ผลงานศิลปะของข้าพเจ้า เผยให้เห็น ถึงวิถีความเป็นอยู่ และ สภาวะอารมณ์ของผู้หญิง ต่อ สถานการณ์ และสภาพสังคมปัจจุบัน ภายใต้กรอบความคิดทางวัฒนธรรมและ ประเพณี โดยสื่อผ่านเรื่องราวด้วยข้าวของเครื่องใช้ทั่ว ๆ ไปที่ใช้ในวิถีชีวิตประจำวันอย่างสามัญธรรมดาเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตโดยผ่านการใช้ชีวิต


นิทรรศการแสดงศิลปะ “Intermezzo”
ระหว่าง วันที่ : ๑o กุมภาพันธ์ – ๙ เมษายน ๒๕๕๘
งานเปิดนิทรรศการ : วันอังคารที่ ๑o กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น.


สถานที่ : ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีประจำประเทศไทย ( ระหว่างสุขุมวิทซอย ๑๕ – ๑๗ )


ศิลปิน :
Gi-ok Jeon
Melanie Gritzka del Villar
Pattree Chimnok











ภาพและข้อมูลจาก
wikalenda.com














นิทรรศการภาพถ่ายฟิล์ม "ฮาว อาร์ ยู ไทยแลนด์?"



โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม) ภูมิใจเสนอนิทรรศการภาพถ่ายฟิล์ม “How Are You Thailand?” ประเทศไทยของเราในตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะ? โดยจะจัดแสดง ณ แกลลอรี่ ชั้น 36 ของโรงแรมฯ ระหว่างวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ – ๘ เมษายน ๒๕๕๘


ภูเขาทางเหนือจะยังเขียวขจีอยู่หรือเปล่า ทะเลทางใต้ น้ำจะยังใสแจ๋วมั้ยนะ อาหารฝีมือคุณป้าที่อีสานจะยังอร่อยเหมือนเดิมมั้ย แล้ววัดวาอารามของภาคกลางจะยังวิจิตรงดงามหรือเปล่า คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นมากมายจนทำให้เกิดเป็นโปรเจกต์พิเศษ HOW ARE YOU THAILAND? ขึ้นมา ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง นิตยสาร BAREFOOT นิตยสารท่องเที่ยวที่เก็บเรื่องราวดี ๆ จากสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทยมาเสิร์ฟให้คุณแบบเดือนต่อเดือน กับ เพจ i use film เพจยอดนิยมของการถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์ม ที่ได้เชิญชวนเหล่านักเดินทางผู้รักการเก็บภาพด้วยกล้องฟิล์ม ร่วมส่งผลงานภาพถ่ายเรื่องราวต่าง ๆ จากทั่วประเทศไทยใน ๕ หมวดด้วยกัน ได้แก่ วิถีชีวิตและวัฒนธรรม (culture) ธรรมชาติ (nature) ผู้คน (people) สถาปัตยกรรม (architecture) และอาหาร (food) ซึ่งภายในงานนิทรรศการครั้งนี้ทางเราได้คัดเลือกภาพมาจัดแสดงจำนวน ๒๕ ภาพด้วยกัน


ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ แกลลอรี่ ชั้น ๓๖ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม) ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑o.oo – ๑๙.oo น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจซื้อผลงาน โทร. o๒-๒๓๘-๑๙๙๑ อีเมล nicha@pullmanbangkokhotelg.com หรือเฟซบุ๊ค //www.facebook.com/pullmanbangkokhotelG


พิธีเปิดนิทรรศการจะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑๔.oo – ๑๗.๓o น. ณ แกลลอรี่ ชั้น ๓๖ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม)



ภาพและข้อมูลจาก
thaipr.net
truelife.com














Art Dharma Naturally



จากประสบการณ์ทางการศึกษาที่ได้เรียนรู้วิชาศิลปะ และการดำเนินชีวิตในอาชีพครูผู้สอนศิลปะระดับมัธยมปลาย ส่งผลต่อความรู้สึกภายในตัวตนต่อการแสดงออกทางผลงานศิลปะ ที่บอกเล่าถึงความสัมพันธ์และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับวิถีชีวิตด้วยความงามทางศิลปะ ผ่านความคิด ความรู้สึก ความเข้าใจในธรรมะ และความงามของธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อมที่ประทับใจ สิ่งดังกล่าวแสดงออกผ่านผลงานศิลปะประเภทจิตรกรรม ในชื่อนิทรรศการ “ ศิลปะ ธรรมะ ธรรมชาติ ” อีกทั้งการได้รับประสบการณ์จริงในกระบวนการจัดแสดงผลงานศิลปะดังกล่าวนี้ คือ ความรู้ ความเข้าใจไปสู่ชั้นเรียน


นิทรรศการ : ศิลปะ ธรรมะ ธรรมชาติ ( Art Dharma Naturally )
ศิลปิน : ธนิตย์ เพียรมณีวงศ์, วรกฤต ปริเมธาชัย
วันที่ : ๒o มีนาคม – ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘
สถานที่ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๒๑๘-๓๗o๙















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














เมื่อช้างสานชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาน



เป็นเวลากว่า ๑o ปีที่ศิลปินสาวร่างเล็ก ยุรี เกนสาคู ได้ก้าวเข้าสู่วงการศิลปะ และสามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นศิลปินที่ยังชีพโดยการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างแท้จริง


ด้วยความสามารถในการพลิกแพลง ทดลองกับเทคนิคและวัสดุที่หลากหลาย ผสมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แฝงไปด้วยอารมณ์ขัน งานของยุรีจึงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งในกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกใจสีสันของตัวละครที่โลดแล่นอยู่บนเฟรม ไปจนถึงกลุ่มนักสะสมรุ่นใหญ่ที่เล็งเห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตออกมาเป็นงานศิลปะที่ละเอียดลออ


ผลงานของยุรีถูกนำเสนอผลงานสู่เวทีนานาชาติมากมายไม่ว่าจะเป็น Kuandu Biennale ที่ไต้หวัน เป็นศิลปินพำนักให้กับ Yokohama Art Museum หรือ Moscow Biennale for Young Artist ที่รัสเซียเมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ผลงานของยุรียังถูกซื้อไว้เป็นส่วนหนึ่งใน permanent collection ของ Mori Art Museum, Singapore Art Museum รวมไปถึง Art Basel Hong Kong 2015 ในเดือนมีนาคมนี้ ที่จัดได้ว่าเป็นงานแสดงศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยคัดเลือกจากแกลเลอรี่ชั้นนำกว่า ๒oo แห่งทั่วโลก


“เมื่อช้างสานชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาน” ผลงานชิ้นใหม่ของยุรี พูดถึงเหล่าสรรพสัตว์ในป่า เมื่อเหล่าสัตว์ใหญ่ต่างต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ทำให้สัตว์น้อยต้องพลอยรับผลกระทบไปเป็นทอด ๆ ไม่ต่างจากสภาพสังคมไทยที่ขัดแย้งขึ้นทุกที เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ความไม่ลงรอยกันจะต้องส่งผลถึงกันไปเป็นทอด ๆ – ตัวงานสร้างสรรค์ขึ้นจากสีอะคริลิกบนผ้าใบขนาดใหญ่สามชิ้นต่อกันยาว ๘ เมตร แต่งเติมด้วยเทคนิคตัดปะลงบนพื้นผิวงานอีกหลายชนิด


ติดตามชมผลงาน “เมื่อช้างสานชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาน” ได้ที่บูธ 1C13 100 ต้นสนแกลเลอรี่ ที่แผนก Insight ในงาน Art Basel Hong Kong 2015 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center (HKCEC) วันที่ ๑๕ – ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (ฮามิช) o๘๖-๘๘๔-๖๒๕๔ / o๒-๖๘๔-๑๕๒๗ อีเมล info@100tonsongallery.com



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














วาเลนไทน์ ไปเดทกับ “ศิลปะ" กันมั้ย



ได้ฤกษ์ตรงกับ วันหวาน ๆ ของชาวโลก ไม่ว่าจะเป็นฤกษ์ดีหรือฤกษ์สะดวก แต่เหล่านี้ คือตัวอย่างนิทรรศการศิลปะที่เปิดให้เข้าชมเป็นวันแรก ตรงกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ดังนั้น ใครที่ยังคิดไม่ออกว่า “วาเลนไทน์” นี้ จะพาคนรักไปเดทที่ไหน ควงกันไปชมงานศิลปะสิจ๊ะ


นอกจากจะเป็นโปรแกรมออกเดทที่แสนประหยัด กว่าแพคเกจใดๆที่พยายามนำเสนอยั่วใจคุณและคนรักในช่วงนี้ นิทรรศการยังเปิดเข้าชมฟรี!!!และยังจะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับศิลปินเจ้าของผลงานอีกด้วย


Voice of Kolkata : เงี่ยหูฟังโกลกาตา นิทรรศการภาพถ่ายของช่างภาพกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเดินทางไกลไปยังเมืองโกลกาตา (Kolkata) ประเทศอินเดีย จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ – ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ร้านหนังสือเดินทาง (Passport Bookshop) ถ.พระสุเมรุ


วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ เวลา ๑๕.oo น. เชิญร่วมงานเปิดนิทรรศการและ ชมสไลด์ ตลอดขนฟังประสบการณ์การเดินทางของช่างภาพเจ้าของผลงาน






ภาพถ่ายสัตว์ป่า ผลงาน มล. ปริญญากร วรวรรณ



เป็นงานแสดงภาพถ่ายอีกงานที่จัดแสดงให้ชมในร้านหนังสือ สำหรับนิทรรศการภาพถ่ายสัตว์ป่า ผลงาน มล. ปริญญากร วรวรรณ


"ผมไม่ค่อยไปพูดที่ไหน งานสัปดาห์หนังสือก็ไม่ได้ไปนานมากแล้ว ผมไม่ชอบอะไรที่ดูวุ่นวาย ร้านหนังสือเล็ก ๆ นี่ Booktopia น่าจะเป็นที่แรกที่ผมมาพูดในรอบหลายปี"


นอกจากนิทรรศการ จะเปิดแสดงให้ชมตั้งแต่เที่ยงวัน-เที่ยงคืน ของวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๘ เพื่อบอกย้ำว่าวันนี้ควรเป็น วันแห่งความรักโลก,ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและสรรพสิ่ง


มล.เชน ยังจะมาพูดคุยเกี่ยวกับผลงาน และมีคนอื่นๆมาร่วมแจม อาทิ เช็ค- สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ และ ซัน - มาโนช พุฒตาล ตั้งแต่เวลา ๑๖.oo น.เป็นต้นไป ณ B o o k t o p i a ร้านหนังสือทางเลือกในจังหวัด อุทัยธานี ซึ่งมีนักเขียนอย่าง วิรัตน์ โตอารีย์มิตร เป็นเจ้าของ






เสน่ห์ธรรมชาติ เสน่ห์ปทุมมา เสน่หาเวียงพิงค์ ๒๕๕๘



ภาพเขียนสีอะคลีลิคบนผ้าใบ ถ่ายทอดความงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวล้านนา เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้และปลูกฝังอนุรักษ์ความเป็นชาวล้านนาให้คงอยู่ โดยนำเอาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมมาประยุกต์เข้ากับวิถีชีวิตธรรมชาติในยุคปัจจุบันให้ดูมีชีวิตสมจริงเพื่อเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้เกิดจิตสำนึกในวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี และใฝ่หาในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามการเจริญเติบโตของโลกปัจจุบัน


เสน่ห์ธรรมชาติ เสน่ห์ปทุมมา เสน่หาเวียงพิงค์ ๒๕๕๘ (The Nature Lanna the Charm of The North…The Northern Sensation) โดย เจ สุรเสน ศิลปินชาว จ.จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งใช้ชีวิตและทำงานเป็นศิลปินอิสระอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ – ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














“เฮียมาตาม” ไปดู “มะนุด”



“งานของผมถ้าคนมาดูแล้วยิ้มได้ ผมก็มีความสุขมากแล้วครับ” ศิลปินหนุ่ม เอ่ยปากบอกถึงความไม่คาดหวังอะไรจากผู้ชมไปมากกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่ได้เห็นงานของเขา แค่เมื่อแรกทักทายกัน มองใบหน้าตลกๆที่กำลังเปื้อนยิ้มนั้น และทำให้นึกไปถึงใบหน้าของศิลปินรุ่นพี่ของเขาอีกคนหนึ่ง เมื่อเขาเฉลยออกมา เราก็พลันยิ้มออกแล้วล่ะ เพราะหลายคนก็มักจะบอกกับเขาแบบนี้ นับตั้งแต่อาจารย์ที่คณะในช่วงที่เขายังเป็นนักศึกษา รวมถึงคนอื่น ๆ ในปัจจุบัน


***ไม่ “มนุษย์” แต่ “มะนุด”


“เหมือนพี่คามิน (เลิศชัยประเสิรฐ) ใช่ไหมครับ” (ยิ้ม)


สกล เมธาคำ หรือ เฮียมาตาม เจ้าของภาพวาดเทคนิคดรออิ้ง ผสมการวาด ให้เกิดเป็นภาพตัวการ์ตูนหลากหลายบุคลิก อีกทั้งมีสีสันและรูปแบบ คล้ายงานป็อปอาร์ต เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ก่อนจะพูดถึงผลงานของตัวเอง ซึ่งนำมาจัดแสดง ณ ร้าน HOF EAT&ART ว่าภาพตัวการ์ตูนเหล่านี้ เป็นภาพยั่วล้อพฤติกรรมของคนหลากหลายประเภทที่ตนพบเจอมาในชีวิตจริง ไม่แตกต่างไปจากผลงานสไตล์ป็อปอาร์ตของ แอนดี้ วาร์ฮอล์ ที่พยายามประชดประชันสังคมในบางแง่มุม


“แต่แทนที่จะเขียนเป็นภาพใบหน้าจริงๆของคนเหล่านั้น ผมออกแบบใบหน้าขึ้นมาใหม่ เหมือนเป็นการเซ็นเซอร์ใบหน้าของพวกเขาทิ้งไป แต่จับจังหวะของบุคลิก หน้าตา ของพวกเขาที่ผมได้สัมผัสมาใช้สร้างองค์ประกอบ แล้วเขียนเป็นภาพออกมา”


ตัวอย่างเช่น ภาพ “มนุษย์ป้า” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากป้าคนหนึ่งที่พบบนสะพานลอย “ป้าผู้ไม่สนใจไยดีว่าร่มกันแดดจะไปทิ่มลูกตาคนอื่น”


“ผมโดนเรื่องร่มบ่อยมาก ก็เลยนึกอยากจะเขียนออกมาสักหน่อย ว่ามนุษย์ป้าที่ผมเคยสัมผัสมาเป็นยังไง คนเราพออายุสูงขึ้น เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ที่นำมาเขียน ไม่ใช่เพราะผมโกรธป้าหรอกนะครับ แค่คิดว่าหลายคนน่าจะเคยเจอคนแบบนี้ และต้องการให้คนมาดูภาพแล้วยิ้ม หรือหัวเราะเท่านั้น”


นอกจากนี้ยังมีมนุษย์แบบอื่น ๆ อาทิ “มนุษย์มือปลาหมึก” ที่เวลาเมา ชอบเอามือไปยุ่มยามลวนลามผู้หญิง, “มนุษย์หัวหมอ” คนไม่รู้จักพอที่เวลาทำอะไรต้องได้มากกว่าคนอื่น, “มนุษย์พูดมาก” ชอบจับกลุ่มนินทา ที่เฮียฯ ออกแบบให้เป็นภาพตัวการ์ตูน ฟันชิด ฟันห่าง และดัดฟัน คละกันไป,”มนุษย์หน้าใหญ่”ที่ต้องลำบากกคอยแบกหน้าตัวเอง เมื่อไปเผลอใหญ่ใส่คนอื่น ก็จะถูกมือดัน รวมไปถึง “มนุษย์อวดเบ่ง” คนประเภทที่เฮียฯบอกว่าไม่ชอบมากที่สุดเมื่อต้องพบเจอ “เพราะเราเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน มีมือมีเท้าเหมือนกัน แค่คุณรวยกว่า ยศใหญ่กว่าแค่นั้นเหรอ ถึงต้องมาเบ่งใส่คนอื่น”


แต่เมื่อคนทุกประเภทเหล่านี้ มาอยู่ในภาพของเฮียฯ ที่ต้องการสื่อให้คนที่ดู รู้สึกขำ ๆ มากกว่าเคร่งเครียด


“มนุษย์” จึงถูกเปลี่ยนเป็น “มะนุด” เฉกเช่นคำพูดแซวกันในหมู่เพื่อน “ไอ้...มะนุดดด”






***ก่นด่าทำไม วาดไว้ขำดีกว่า***



การนำเรื่องราวของคนที่ได้พบเจอ และเป็นประเภทที่เราไม่ค่อยชอบมานำเสนอผ่านงานศิลปะ เฮียฯบอกว่า เป็นทางออกทีดีกว่าการก่นด่า


“ถ้าเราไปมัวด่าเขา หรือแอบด่า มันไม่มีประโยชน์ เอามาทำเป็นงานให้คนได้ดูได้ยิ้มดีกว่า เวลาดูเขาจะได้ตั้งคำถามว่า ทำไมศิลปินสื่อออกมาเป็นภาพแบบนี้ พอรู้แล้ว เข้าใจแล้ว จะได้ยิ้ม ได้หัวเราะ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ดูงานผมก็จะรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น”


นิสัยชอบสังเกตพฤติกรรมของผู้คน แล้วนำมาเขียนเป็นภาพแนวตลกร้าย เฮียฯ เป็นมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแล้ว


“แม้แต่เพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน พฤติกรรมบางอย่าง เขายังไม่ทันสังเกตเหมือนเรา เรามักจะเห็นก่อน ผมเรียนเอกเพ้นท์ติ้ง โทดรออิ้ง งานที่ทำในวิชาเอก เป็นงานที่นำเสนอภาพลักษณ์แฝงของสภาวะความกลัว เป็นภาพเขียนเทคนิคสีน้ำมัน ที่เป็นภาพของคนที่ดูตลก ออกท่าออกทาง ทั้งที่ภาพจริงที่ตาเราเห็นและนำมาเขียน คือภาพของคนที่กำลังกลัวสุดขีด แต่ครั้งนี้ผมนำงานดรออิ้งมาแสดง เพราะผมชอบ มันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายและมีความมันส์ในตัว”


เฮียฯชื่นชอบผลงานของศิลปิน ชาวออสเตรียผู้ล่วงลับ นามว่า Oskar Kokoschka ซึ่งงานของเขามักจะเป็นงานภาพพอร์เทรตและแลนด์สเคป ที่มีฝีแปรงที่รุนแรง เป็นภาพในแนวสำแดงอารมณ์ หรือ แนวเอ็กเพรสชั่นนิสม์ ดังนั้นเทคเจอร์และอารมณ์ในงานศิลปะของเฮียฯ จึงได้รับอิทธิพลมาจากงานของ Kokoschka ด้วย


“เขาเป็นอาจารย์ของอาจารย์ที่สอนวาดภาพให้กับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีครั้งหนึ่งที่เขาป่วยก่อนจะเสีย พระองค์ท่านก็เคยเสด็จไปเยี่ยม ผมเป็นที่เวลาชอบใครหรือชอบอะไรมาก ๆ จะชอบค้นคว้า ก็เลยรู้ข้อมูลตรงนี้ครับ”






***มีโอกาสก็ต้องวิ่งเข้าหา***



หลังจากที่เรียนจบจากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ไปราว ๓ ปี นิทรรศการศิลปะครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงเดี่ยวครั้งแรกของเฮียฯ เป็นโอกาสที่ศิลปินรุ่นใหม่คนหนึ่งพยายามวิ่งเข้าหา และเป็นโอกาสสำหรับคนที่สนใจไปชม


“มะนุด” นิทรรศการศิลปะ โดย สกล เมธาคำ หรือ เฮียมาตาม ณ ร้าน HOF EAT&ART ชั้น ๒ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร


“คนเรียนศิลปะทุกคน ล้วนอยากแสดงออก เพื่อให้คนรับรู้ว่าเราคิดอะไร เราทำอะไร พอมีโอกาสก็ต้องวิ่งเข้าหา ผมเอางานมาให้พี่ณัฐดู (เจ้าของร้านอาหารกึ่งแกลเลอรี่ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ช่างศิลป์) ถามว่า พี่ครับ ผมขอเอางานมาแสดงที่นี่ได้ไหม พี่ณัฐเค้าก็เลยบอกว่า ได้เลย เพราะพี่เค้าชอบที่งานของผมดูมันส์ดี”


วันเปิดนิทรรศการ นอกจากมีเพื่อน ๆ มาร่วมแสดงความยินดีมากมาย อาจารย์ของเขา อำฤทธิ์ ชูสุวรรณ คณบดี คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ซึ่งถูกเชิญมาเป็นประธานเปิดนิทรรศการ ยังได้กล่าวแสดงความชื่นชม พร้อมให้กำลังใจด้วยอารมณ์ขันว่า


“อาจารย์ดีใจที่เธอยังทำงานศิลปะอยู่ นักศึกษาแต่ละรุ่น สมมุติว่ามี ๑oo คนที่จบออกมา มีสัก ๑ คน ที่ยังทำงานศิลปะเหมือนเธอ ถือว่าเยี่ยมมากแล้ว อย่างไรก็ตามเวลาทำงานศิลปะ อยากให้คำนึงถึงเรื่องการสร้างสรรค์เป็นหลัก อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องเงิน เพราะอาจารย์ทำงานศิลปะมา จนตอนนี้จะอายุ ๖o ปีแล้ว ก็ยังคิดไม่ออก”


ไม่ว่าจะพูดจริงหรือล้อเล่น แต่ลูกศิษย์ทุกคนที่ได้ฟัง ก็อดจะยิ้มและหัวเราะปนอารมณ์ขมขื่นไปไม่ได้



































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














BLUE & WHITE



อีก ๓ วันเท่านั้น ครั้งแรก ครั้งนี้ ก่อนใคร ๆ กับครูต้องการ ท่องไปในโลกของ ขาว-คราม งามหรู BLUE & WHITE อันสวยสง่างดงามด้วยสีจากกลีบดอกไม้สีฟ้าครามงามสดสวย
ชวนมาลองวาดลายครามดู


ไม่น่าเชื่อว่าสีจากอัญชันเพียงอย่างเดียวจะสร้างสรรภาพสวย ๆ ได้มากมาย เราจะมาลองใช้สีอัญชันวาดลวดลายจากแพทเทิร์นลายครามที่มีมาตั้งแต่โบราณกัน รับรองว่าทุกคนจะสามารถสร้างสรรภาพสวยจี๊ดออกมาได้ไม่ว่าคุณจะวาดรูปไม่เป็นเลย มันง่ายมากอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ


มาลองดูกันว่า 50 shades of blue จะสร้างสรรอะไรได้บ้าง


ปฏิบัติการ
วันเสาร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.oo-๑๖.oo น.
ณ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครเรียนด่วน
ได้ที่ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้
โทร. o๒-๖๖๙-๓๖๓๓-๔ ทุกวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo - ๑๘.oo



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้














เดือนแห่งคอนเสิร์ตหวาน



เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก บรรยากาศจึงอบอวลด้วยความรัก ช่วงเดือนนี้จึงมีคอนเสิร์ตที่เกี่ยวกับความหวาน ความรัก ให้ชมกันถึงสองงาน


งานแรกคือ คอนเสิร์ต “เทศกาลหวานเพลงรัก” จัดโดย มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในวันเสาร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นี้ รอบ ๑๔.oo น.รอบเดียวที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย


ความพิเศษของงานนี้ คือ ผู้ชมจะได้เต็มอิ่มกับเพลงรักอมตะจาก ๑๔ ศิลปินในดวงใจที่หลายคนห่างหายจากเวทีไปนาน โดยจะจัดให้แสดงทั้งเดี่ยวและคู่ ถึง ๗ คู่


คู่แรกเป็นศิลปินแห่งชาติ สุเทพ วงศ์กำแหง กับ สวลี ผกาพันธุ์ ที่ขึ้นเวทีทีไรก็สร้างความสุขให้คนดูได้ทุกครั้งกับเสียงที่ยังคงความไพเราะกับมุกพูดคุยสนุกสนาน คู่ต่อมา จะเป็นนักร้องคุณภาพจากเวทีประกวดระดับประเทศในอดีต นั่นคือ พี่ต้น สุชาติ ชวางกูร กับ จุ๋ม นรีกระจ่าง คันธมาส โดยทั้งคู่จะมีเพลงคู่และแถมด้วยเพลงเดี่ยวที่เคยสร้างชื่อ คือ “ภวังค์รัก” กับ “รักฉันวันละนิด” (สมัยเป็นนรีกระจ่าง coco jazz)


แฟนๆ ที่ฟังเพลงมาตั้งแต่ยุคเพลงโฟลคซองดังๆ คงจะจำ โอ ชัยรัตน์ เทียบเทียม เจ้าของเสียงเพลง “น่ารัก”ได้ งานนี้ จะได้ฟังเพลงชูวับ ชูวับ (ชื่อเพลง “เธอที่รัก”) เพลงเอกในภาพยนตร์ไทยเรื่อง “รักอุตลุต” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒o ด้วย งานนี้พี่โอจะควงคู่มากับสาว ก้อย พรพิมล ธรรมสาร ร้องเพลงคู่หวานด้วยกันด้วย


อีกคู่แท้ (ในการขับร้องเพลง ไม่ใช่คู่ชีวิต) คือ อ๊อด โอภาส ทศพร กับ อิ๋ว พิมพ์โพยม เรืองโรจน์ ที่เคยร้องคู่กันในชุด “รวมดาว” อันลือลั่นราว ๓o ปีที่ผ่านมา จะกลับมาย้อนบรรยากาศรวมดาวอีกครั้ง รับรองได้ว่า บทเพลงที่ขับร้อง ผู้ชมร้องตามได้แน่ ๆ


นอกจากนี้ ยังมีศิลปินรุ่นใหม่กับรุ่นพี่ ขึ้นเวทีด้วยกัน เริ่มจากสุเมธ องอาจ จะมาคู่กับ อุ้ย รวิวรรณ จินดา (งานนี้ แฟน ๆ จะได้ฟังเพลงดังในอดีต “พี่ชายที่แสนดี”ด้วย ) และยังมีคู่ของ จี๊ป วสุ แสงสิงแก้ว กับ บีม จารุวรรณ บุญญารักษ์ นักร้องสาวเจ้าของรางวัล "คมชัดลึกอวอร์ส" และ อาร์ท พลกฤษณ์ ถมยา กับ ลูกหว้า พิจิกา จิตตะปุตตะ


ในส่วนของ ลูกหว้า พิจิกา เธอเคยสะกดอารมณ์ผู้ชมด้วยน้ำเสียงกินใจ ในบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๗ “ราตรีประดับดาว” จากละคร “ไกลกังวล มิวสิคัล ออน เดอะ บีช”ที่ผ่านมาแล้ว และในคอนเสิร์ตนี้ ยังได้อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เพลง “รัก” มาขับร้องหมู่ด้วย รวมไปถึงบทเพลงที่มีแรงบันดาลใจมาจากบทพระราชนิพนธ์ ของรัชกาลที่ ๖ อาทิเพลง “สาส์นรัก” “สุริยัน จันทรา” “ดวงใจ“ และ “ความรัก”


สำหรับรายชื่อเพลงรัก ในคอนเสิร์ตนี้ อาทิ เพลง จงรัก ยามรัก ถ้าฉันจะรัก รักไม่รู้ดับ วอนรักสัญญารัก รักฉันนาน ๆ หวงรัก รักคุณเข้าแล้ว หวานรัก คนเรารักกันยาก พรหมลิขิตบุพเพสันนิวาส แต่ปางก่อน คู่มั่นคู่หมาย พ่อแง่แม่งอน บทเรียนก่อนวิวาห์ ดวงจันทร์ จูบเย้ยจันทร์ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นเพลงรักในหลากมิติและหลายอารมณ์เพลง ส่วนใหญ่จะไพเราะคุ้นหูและร้องตามกันได้เกือบทุกเพลงอยู่แล้ว


คอนเสิร์ตการกุศล “เทศกาลหวานเพลงรัก” บรรเลงดนตรีอย่างละเมียดละไม โดย วง”กาญจนะผลิน” ควบคุมวง โดย จิรวุฒิ กาญจนะผลิน ลองถามไถ่เรื่องบัตรกันได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา รายได้เพื่อการอนุรักษ์และบูรณะพระราชวังพญาไทครับ


ส่วนอีกคนงานหึ่งจะเป็นช่วงปลายเดือนนี้ วันเสาร์สุดท้ายของเดือน คือ ๒๘ กุมภันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.oo -๑๖.oo น.ใน อีกหนึ่งคอนเสิร์ตการกุศล ชื่อ "เพลงไทยไม่กลายพันธุ์ น้ำตาล ๓ รส" ที่หอประชุมเล็กศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ร่วมสนับสนุนงานโดย สสส. หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ


งานนี้ญาติเพลงทั้งหลายที่รักในเสียงเพลงจะได้พบกับศิลปินนักร้องดังหลายยุค รวมทั้งเพลงลูกทุ่งด้วย ตามชื่อคอนเสิร์ตน้ำตาลสามรส ซึ่งมีนักร้องนำ คือ สาวเสียงดีเจ้าของรางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทาน น้ำตาล น้ำเพชร ที่ร้องเพลงได้หลายแนวทั้งไทยสากล เธอจะมาขับร้องเพลง “นกขมิ้น” “ปรัศนีหัวใจ” “สายัณห์รัญจวน” และ “สาวเจียงชาย” และเพลงแนวไทยลูกทุ่ง กับบทเพลงยอดนิยม อย่าง “อีสาวทรานซิสเตอร์” “นักรบนิรนาม” และยังมีเพลงแนวอิสานสนุก ๆอีกด้วย แถมด้วยศิลปินรับเชิญ อาทิ ศิลปินแห่งชาติ ชินกร ไกรลาส และนคร ถนอมทรัพย์ รวมไปถึง วินัย พันธุรักษ์ สดใส ร่มโพธิ์ทอง และครูเพลง ว. วัชญาน์ สมพจนื สิงห์สุวรรณ ศรีสุภางค์ อินทร์ไทร นักร้องเยาวชนอีกมากมาย


ขอให้ทุกท่านดื่มด่ำและมีความสุขกับสองคอนเสิร์ตเพลงหวาน ในเดือนแห่งความรัก ฟังเพลงหวานมาก ๆ จิตใจชุ่มชื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาลในเส้นเลือดสูงครับ







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net


















ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสทูเดย์













ภาพและข้อมูลนสพ.กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ ๑๕ ก.พ. ๒๕๕๘



บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2558 14:40:32 น. 0 comments
Counter : 4489 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.