happy memories
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙๖





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










ครั้งแรก 'สุนทราภรณ์' ที่ยุโรป กับบทเพลงพระราชนิพนธ์



ร่วมแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เม.ย.นี้ และเป็นการเผยแพร่เพลงพระราชนิพนธ์ในต่างแดน กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มูลนิธิสุนทราภรณ์ ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น จัดการแสดงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในลักษณะกิจกรรมต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ มี.ค.นี้ ที่ราชอาณาจักรเบลเยียม สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสมาพันธรัฐสวิส ซึ่งไฮไลต์ในแต่ละประเทศจะได้รับฟังเพลงพระราชนิพนธ์โดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ และฟังการบรรยายหลักปรัชาญาเศรษฐกิจพอเพียง โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล


เสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยว่า จะพาวงดนตรีสุนทราภรณ์ลัดฟ้าไปแสดงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ที่ยุโรปครั้งแรก งานนี้เป็นการแสดงศักยภาพของนักดนตรีไทยให้เป็นที่ประจักษ์อย่างแพร่หลาย ในวันที่ ๑๕ มี.ค. ที่เบลเยียม จัดพิธีทำบุญตักบาตรและถวายพระพรชัยมงคล และการบรรยายแก่ชุมชนไทยเกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่วัดธัมมปทีป วันที่ ๑๗ มี.ค. การแสดงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์โดยวงสุนทราภรณ์ ณ กรุงบรัสเซลส์ เชิญผู้เข้าร่วมประมาณ ๔oo คน ชุมชนไทย ๓oo คน






ถัดมาที่เยอรมนี วันที่ ๒o มี.ค. การแสดงดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ ณ เบอร์ลิน ฮอลล์ กรุงเบอร์ลิน ผู้เข้าร่วม ๓oo คน วันที่ ๒๑ มี.ค. การบรรยายหลักเศรษฐกิจพอเพียงระหว่างการประชุมสหวิทยากรนักเรียนไทยในเยอรมนี ประจำปี ๒๕๕๘ จากนั้นวันที่ ๒๒ มี.ค. ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษ และมีการแสดงเพลงพระราชนิพนธ์ ณ โรงละคร Volkshaus Zurich ในนครซูริกและเมืองบาเซิล นักเรียนไทยในซูริกแสดงรำถวายพระพรพร้อมอ่านบทกลอนเฉลิมพระเกียรติ เชิญผู้เข้าร่วม ๘oo คน เป็นชุมชนไทยกว่า ๗oo คน โดยทั้ง ๓ ประเทศจัดนิทรรศการเคลื่อนที่เกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยสร้างความปรองดองของชุมชนไทยในต่างแดน



>



ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การแสดงดนตรีครั้งนี้ร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ปัจจุบันทั้ง ๓ ประเทศได้มีชุมชนคนไทยจำนวนมาก จะเป็นกิจกรรมที่มอบความสุขให้คนไทยในต่างแดน และนำวัฒนธรรมมาขับเคลื่อนเชิงการทูตอย่างนุ่มนวล ช่วยสร้างสัมพันธไมตรีที่ดี โดยวงสุนทราภรณ์ วงดนตรีสำคัญของชาติ ทำการแสดงต่อเนื่อง ที่สำคัญยังเป็นการเผยแพร่ให้คนไทยและต่างประเทศได้ประจักษ์ถึงงานอมตะของครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้ก่อตั้งวงดนตรีสุนทราภรณ์ เป็นศิลปินไทยคนแรกที่ยูเนสโกยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาวัฒนธรรมดนตรีไทยสากล ในปี ๒๕๕๒ กิจกรรมในยุโรปนี้แสดงให้เห็นถึงไทยเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม


วงสุนทราภรณ์จะบรรเลงเพลงใดบ้างให้นักร้องรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ขึ้นเวทีร้องเพลง ดร.สรจักร เกษมสุวรรณ ที่ปรึกษามูลนิธิสุนทราภรณ์ เผยว่า เมื่อปี ๒๕๕๓ ครบ ๑oo ปีชาตกาล ครูเอื้อ สุนทรสนาน วธ.ร่วมกับมูลนิธิสุนทราภรณ์ พาวงสุนทราภรณ์ไปบรรเลงที่ลอสแอนเจลิสและลาสเวกัส ปีต่อมา กต.พาไปชิคาโก แสดงคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ในหลวง ส่วนที่เบลเยียม เยอรมนี และสวิส ภาครัฐและภาคเอกชนอย่าง บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด สนับสนุนกิจกรรมทั้ง ๓ รายการ






"เป็นครั้งแรกที่วงสุนทราภรณ์จะบรรเลงเพลงเทิดพระเกียรติ "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร" ซึ่ง วธ.มอบหมายให้วงสุนทราภรณ์แต่งขึ้นเป็นพิเศษฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ และจะอัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ รัก มาร้องให้ฟังกัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชนิพนธ์กลอนไว้เมื่อพระชนมายุ ๑๒ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กราบบังคมทูลขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์ทำนองเพลง เกิดเพลงแห่งความรัก" ที่ปรึกษามูลนิธิสุนทราภรณ์กล่าว


ดร.สรจักรทิ้งท้ายด้วยว่า เพลงพระราชนิพนธ์ที่ติดหูทุกคน อาทิ อาทิตย์อัสดง, ยิ้มสู้, ชะตาชีวิต, OH I SAY รวมถึงเพลงสุนทราภรณ์ที่มีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ และเพลงที่วงดนตรีต่างประเทศนิยมบรรเลง อย่าง ถอนสมอ, ขอให้เหมือนเดิม, เจ้าทุยอยู่ไหน รวมถึงเพลงพื้นบ้านดัดแปลง เหนือ อีสาน ใต้ เพลงลีลาส จังหวะต่าง ๆ ที่วงสุนทราภรณ์ประพันธ์ไว้จะโชว์ให้แฟนแต่ละประเทศได้ฟัง.



พระบรมฉายาลักษณ์ท พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
tnamcot.com
culture.go.th
บล็อกคุณพัชชา














“Birds & Blooms” no. 2


คูคูคู คู่เขาคู คูขัน มั่นฉันรัก
คูคูคู คู่จิตปัก รักตราตรึง ซึ้งใจหวาม
คูคูคู คู่ไปไหน ฉันจะโผย ผินบินตาม
คูคูคู คู่ใต้ฟ้า ครามเคียงคู คู่เขาคู ... คูคูคู คู่เขาคู คูขัน มั่นฉันรัก

สกุล อินทกุล
๖ มีค ๒๕๕๘


Workshop ใส ๆ ใจคนรักงานปักฝัน หมู่มวลปักษา และบุษบานานา
“Birds & Blooms” no. 2
นกเขา กับเบิร์ดออฟพาราไดส์ / พฤ. ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๘
๑o.oo-๑๘.oo น. ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้



ภาคสองของ BIRDS & BLOOMS series โดยครูอ๋าย นิรมิตาจารย์ ครูงานปักผ้าร่วมสมัย
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ และสกุล อินทกุล ขอเชิญคุณ ๆ ร่วมเดินทางไปในโลกแห่งหมู่มวลปักษา และบุษบานานา ผ่านมุมมองของครูอ๋าย นพเก้า เนตรบุตร ผู้จะพาคุณ ๆ เดินทางไปบนเส้นทางสายดอกไม้ที่รื่นภิรมย์ด้วยนกน้อยนานาพันธุ์ ผ่านด้ายฝ้าย แพรไหม ไข่มุก ลูกปัดแก้ว และผ้าลายลูกไม้หวาน เย็บ ๆ ปัก ๆ ถัก ๆ ร้อย ๆ นิรมิต ด้ายฝ้าย แพรไหม ไข่มุก และลูกปัดแก้วอันสวยงาม ให้แปรเปลี่ยนเป็นงานปักที่เปี่ยมล้นด้วยจินตนาการ และรสนิยม


ท่องไปในโลกของหมู่มวลปักษา และบุษบานานา ใน BIRDS & BLOOMS series งานปักผ้านกและดอกไม้ที่ครูอ๋ายที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดเที่ยวไปในโลกแห่งจินตนาการของมู่มวลปักษา และบุษบานานา บนผืนผ้า และแพรไหม กับใจที่แสนสวยงาม โดยมีครูอ๋าย ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัว ณ สถานที่ที่วิเศษสุด พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ หนึ่งเดียวในโลก ที่เดียวเท่านั้น
สนใจขอรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนเรียนได้ที่ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้
โทร. o๒-๖๖๙-๓๖๓๓-๔ วันอังคารถึงวันอาทิตย์ ๑o.oo น. ถึง ๑๘.oo น.







ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์














ประชุมการระดมความคิดเห็นขับเคลื่อนพัฒนา
และการให้บริการ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่



หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอเชิญท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแสดงความคิดเห็นของการจัดประชุมการระดมความคิดเห็นขับเคลื่อนพัฒนา และการให้บริการ หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เกิดประโยนข์ สูงสุดต่อชุมชน ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุค CMUartcenter














“น้องกาโม่” ด.ช.วัย ๑o ขวบ ผู้รับเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็น “หุ่นยนต์”



เพิ่งทดลองมาเป็นสัปดาห์แรก ก็เนื้อหอมชนิดเก้าอี้ไม่ว่าง มีคนทุกเพศทุกวัยสลับกันมาเป็นแบบให้นั่งวาดอยู่ไม่ขาด เพราะใคร ๆ ก็อยากรู้ว่า หน้าตาเยี่ยงเราถ้าต้องกลายเป็น Robot ในจินตนาการของเด็กจะเป็นอย่างไร จนคุณพ่อและคุณแม่ที่ตามมาเป็นกำลังใจต้องขอเว้นช่วงให้ศิลปินสมัครเล่นตัวน้อยได้หยุดพักบ้างสัก ๑๕ นาที


สำหรับ น้องกาโม่ หรือ ด.ช.นัทพล โกมลารชุน วัย ๑o ขวบ ผู้รับเปลี่ยนมนุษย์เป็นหุ่นยนต์ ด้วยปากกาหนึ่งด้าม และกระดาษเพียงแผ่น บางคนอาจพอคุ้นหน้าน้องกาโม่มาบ้าง เพราะก่อนหน้านี้เคยไปนั่งเปิดหมวกวาดภาพอยู่ที่งาน Thailand Animator ที่โรงภาพยนตร์สกาลา มาก่อน และในงาน “ตลาดนัดดำเนินสนุก” ของโรงเรียนสาธิต จุฬาฯ ที่น้องกาโม่กำลังเรียนอยู่






ล่าสุดวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา น้องกาโม่ มานั่งรับวาดภาพที่ “ตลาดนัดศิลปะ” ด้านหน้า หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน นอกจากมานั่งรับวาดภาพ ทั้งประเภท วาดภาพคนที่เป็นแบบให้เป็นหุ่นยนต์ และ วาดภาพคนที่เป็นแบบให้เหมือนตัวเองบ้างไม่เหมือนบ้าง น้องกาโม่ยังมีผลงานภาพวาดหุ่นยนต์ตามสไตล์ของตนเองที่พิมพ์ลงบนผ้าใบ ตลอดจนเสื้อยืด และโปสการ์ด มาวางจำหน่ายด้วย


“หุ่นยนต์เป็นอะไรที่เท่ห์ดี และมีรายละเอียดที่เราสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อวาดอะไรได้เยอะครับ”


คือคำตอบส่วนหนึ่งของคำถามที่ว่า ทำไมเด็กชายจึงชอบวาดภาพหุ่นยนต์นักหนา และกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในภาพวาดของตนเองไปแล้ว ไม่ใช่เพราะได้เห็นหุ่นยนต์ครั้งแรกแล้วประทับใจจนอยากจะวาด แต่เป็นเพราะวันหนึ่งเมื่อลองฝึกวาดภาพหุ่นยนต์ในสไตล์ตัวเองขึ้นมาดูเล่น ๆ พลันเกิดหลงรัก


“เผลอ ๆ ตัวแรกที่วาดยังไม่ใช่หุ่นยนต์ด้วยครับ แต่มันคล้าย ๆ ครับ”






นอกจากนี้การรับวาดภาพคนที่มานั่งเป็นแบบให้เป็นหุ่นยนต์ น้องกาโม่บอกว่า สนุกตรงที่ทุกครั้งที่วาด เราได้วาดคนอื่นพร้อมกับวาดสิ่งที่เราชอบไปในคราวเดียวกัน


“เพราะถ้ารับวาดภาพคนเฉย ๆ มันก็ไม่ใช่ตัวผม สู้ผมวาดภาพคนอื่นและวาดสิ่งที่ผมชอบวาดด้วยจะดีกว่า ผมก็เลยรับวาดภาพคนให้เป็นหุ่นยนต์ครับ”


เด็กชายบอกวิธีการวาดภาพคนที่เป็นแบบให้เป็นหุ่นยนต์ในสไตล์ตัวเองว่า


“ตอนแรกเลย ให้เราดูหน้าและผม ของคนที่เป็นแบบเป็นสำคัญ แล้วก็วาดตา วาดจมูก ดูซิว่าคนที่เราวาด เขาจมูกใหญ่หรือเล็ก และตัวเขามีอะไรที่เป็นจุดเด่น แล้วใช้ตรงนั้นเป็นจุดสำคัญของรูปที่วาด แต่สำคัญคือ ดูโครงหน้าก่อน พอได้ปุ๊บก็ค่อยๆเติมรายละเอียดอื่น ๆ อย่างพวกตัวน๊อตอะไรต่าง ๆ ที่มีในหุ่นยนต์ เวลาวาดภาพแต่ละคน ผมไม่รู้หรอกว่าจะวาดอะไรใส่เข้าไป แต่พอเราค่อยๆเลื่อนมือไป เราจะรู้สึกเองว่าควรจะวาดอะไรดี”






เพราะบางครั้งเด็กชายอาจจะหยิบที่เป็นประสบการณ์หรืออยู่ในความทรงจำของตนเองในวันนั้นมาวาดเติมลงไปในภาพ เช่น เวลาไปเห็นข้าวของต่างๆที่กองอยู่ในอู่ซ่อมรถ หรือแม้แต่จินตนาการส่วนตัวที่ตนเองมีต่อสิ่งที่เป็นแบบให้วาด ตัวอย่างเช่น เวลาวาดภาพจากภาพต้นฉบับ ของศิลปินคนอื่น แทนที่จะวาดเพื่อให้เหมือนภาพต้นฉบับมากที่สุด เด็กชายจะสนุกมากกว่า ถ้าได้ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพวาดในสไตล์ตัวเอง ที่มีความเป็นหุ่นยนต์ผสมอยู่ด้วย


“ปู่ม่านย่าม่าน” ใน “ภาพกระซิบรัก” ที่โด่งดังของ จ. น่าน ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ถูกจินตนาการของเด็กชายทำให้กลายเป็นภาพที่ใครได้เห็นเป็นต้องอมยิ้ม


“ผมอยากลองวาดภาพนี้ แต่ไม่อยากวาดให้เหมือนภาพต้นแบบ ในภาพต้นแบบปู่ม่านกำลังกระซิบรักย่าม่าน แต่ในความรู้สึก ผมรู้สึกว่าย่าม่านไม่ได้ยินหรือเปล่า ผมเลยวาดภาพปู่ม่าน ให้เป็นคนกำลังซ่อมย่าม่านซึ่งเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่กำลังเสียอยู่”






สิ่งที่ทำให้น้องกาโม่ชอบวาดภาพก็เพราะตรงนี้นี่เอง ตรงที่ชอบอะไร และกำลังจินตนาการถึงอะไร ก็สามารถวาดออกมาเป็นภาพได้ และได้ให้คำแนะนำเพื่อน ๆ ที่อยากจะวาดภาพและสามารถนำเสนอในสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมา ด้วยว่า


“ง่าย ๆ เลยครับ ให้ดูว่าตัวเองชอบอะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ่นยนต์เหมือนผมก็ได้ อาจจะเป็นรถ หรือเป็นสัตว์ต่าง ๆ ก็ได้ ฝึกวาดสิ่งที่ตัวเองชอบให้มากที่สุด แล้วผลงานจะออกมาดี”















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th













“เออร์เบินอีสต์” (Urbaneast)



“คอตโต้ คิวเรียส” จัดนิทรรศการ “เออร์เบินอีสต์” (Urbaneast) นำแนวคิดเออร์เบินอีสต์มาเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างงานฝีมือและแนวทางการออกแบบสมัยใหม่ที่มีต้นแบบเป็นศิลปะดั้งเดิมของตะวันออก โดยแสดงให้เห็นว่าศิลปหัตถกรรมมีบทบาทในการผลักดันให้โลกของการออกแบบวิวัฒนาการต่อไปได้อย่างไร


นิทรรศการชุดนี้จะพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับแรงบันดาลใจจากศิลปะเก่าแก่ของโลกตะวันออก ผ่านเทคนิคการนำเสนอที่ทันสมัยจาก Triangle Display บริเวณด้านหน้า เข้าสู่โซน Curious Box ด้านในที่จะบอกเล่าความเป็นมาของ Shippo และ Asanoha ซึ่งเป็นลวดลายเรขาคณิตยอดนิยมของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต ด้วยการใช้เทคโนโลยีมัลติมีเดีย ลวดลายทั้ง ๒ จึงกลับมามีชีวิตชีวาและกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในงานออกแบบยุคใหม่ แล้วพบกับบทสรุปจากแรงบันดาลใจที่คอตโต้ได้พัฒนาออกมาเป็นห้องน้ำคอลเลคชั่นเออร์เบินอีสต์


ผลงานที่นำคุณค่าทางศิลปะแบบดั้งเดิมกลับมาผสมผสานกับงานออกแบบร่วมสมัยได้อย่างโดดเด่น ผู้สนใจเข้าชมได้ที่คอตโต้ คิวเรียส ชั้น ๓ สยามสแควร์ วัน เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่บัดนี้ถึง ๓o พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๑.oo – ๒๑.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
positioningmag.com
propertychannelnews.com














Kids Workshop 2015



Kids Workshop 2015 "Dino Fun Park"

ตั้งแต่วันที่ ๖ - ๑๕ มี.ค. ๒๕๕๘

ณ เดอะ พรอมานาด ไลฟ์สไตล์มอลล์

เดอะ พรอมานาด ไลฟ์สไตล์มอลล์ เนรมิตพื้นที่ให้เป็นดินแดนแห่งสัตว์โลกล้านปี เพื่อจัดกิจกรรม “ไดโน ฟัน พาร์ค” (Dino Fun Park) ต้อนรับปิดเทอมให้น้อง ๆ หนู ๆ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์สุดตื่นเต้นกับเหล่าไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่าง ๆ ตื่นตากับโครงกระดูกไดโนเสาร์ขนาด ๕ เมตร และไดโนเสาร์คอยาวสูงเท่าตึก ๒ ชั้น สนุกกับบ่อขุดขนาด ๖ เมตร ที่เปิดโอกาสให้น้อง ๆ กลายเป็นนักขุดตัวน้อยค้นหาซากฟอสซิลและขุมทรัพย์มากมาย และร่วมผจญภัยไปกับกิจกรรมสนุก ๆ อาทิ การฉายภาพยนตร์สัตว์โลกล้านปี, มุมระบายสีไดโนเสาร์ของหนู เป็นต้น ตั้งแต่วันที่ ๖ – ๑๗ มีนาคมนี้

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : โทร o๒-๙๔๗-๕ooo ต่อ ๗























ภาพและข้อมูลจาก
thailandexhibition.com














อมตะ อาร์ต อวอร์ด



มูลนิธิอมตะ เชิญชวนศิลปินไทย ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดศิลปกรรม “อมตะ อาร์ต อวอร์ด” ครั้งที่ ๖ ภายใต้หัวข้อ “อมตะเนรมิตศิลป์” ชิงเงินรางวัลกว่า ๑,ooo,ooo บาท


ประเภทของผลงานมี ๒ ประเภท คือ

๑. ประเภทจิตรกรรม ไม่จำกัดเทคนิค และกรรมวิธีการสร้างสรรค์ / จำกัดขนาดด้านกว้าง หรือด้านยาว ไม่เกิน ๒ เมตร รวมทั้งกรอบ

๒. ประเภทประติมากรรมไม่จำกัดเทคนิค กรรมวิธีการสร้างสรรค์ ต้องเป็นวัสดุคงทนแข็งแรง เช่น ทองเหลือง, เรซิ่น, ไม้ ฯลฯ เป็นต้น ประติมากรรมแบบลอยตัว ( Round Relief ) ขนาดไม่เกิน ๑oo x ๑oo x ๑oo เซ็นติเมตร ไม่รวมฐาน


ประติมากรรมแบบลอยตัว ( Round Relief ) ดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการขยาย เป็นประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ได้ โดยใช้วัสดุถาวรตามที่ประติมากรกำหนด เพื่อติดตั้งในจุดที่เหมาะสมที่ อมตะนครได้


กำหนดส่งผลงาน ๑๘ – ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ อมตะคาสเซิ่ล ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ : o๙๕-๙๕๙-๖๓o๑
E-mail : amataart@gmail.com
//www.amatafoundation.org
//www.facebook.com/Amata.Foundation



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุค artbangkok Thailand














นิทรรศการ “Essential Eames: ต้นแบบงานดีไซน์แห่งศตวรรษที่ ๒o”



นิทรรศการ “Essential Eames: ต้นแบบงานดีไซน์แห่งศตวรรษที่ ๒o” โดย ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ กรุงเทพ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒o มีนาคม - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องนิทรรศการ ๒ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ กรุงเทพฯ : TCDC


นิทรรศการ “Essential Eames: ต้นแบบงานดีไซน์แห่งศตวรรษที่ ๒o”
เวลา: ๒o มีนาคม - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ | ๑o.๓o – ๒๑.oo น.
สถานที่: ห้องนิทรรศการ 2 TCDC
“บทบาทของดีไซเนอร์ เปรียบได้กับเจ้าบ้านที่รู้ใจและเข้าถึงความต้องการของแขกผู้มาเยือน” – ชาร์ลส อีมส์


หลังจากที่ Herman Miller แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังระดับโลกประสบความสำเร็จในการจัดแสดงนิทรรศการสัญจรภายใต้ชื่อ Essential Eames: Icons of 20th Century Design มาแล้วอย่างท่วมท้นจากฮ่องกง จาร์การ์ต้า โตเกียว เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ ปีนี้ เตรียมมาเยือนและจัดแสดงที่ประเทศไทย ภายใต้การร่วมมือระหว่าง TCDC และบริษัท ชนินทร์ ลิฟวิ่ง จำกัด


TCDC ร่วมกับ Herman Miller และ Chanintr Living นำเสนอนิทรรศการสัญจรด้านดีไซน์ Essential Eames: Icons of 20th Century Design ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณ ปรัชญา ไอเดียและการสร้างสรรค์ของ Charles และ Ray Eames คู่สามี-ภรรยาดีไซเนอร์ชั้นครู ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับตำนาน ผู้ซึ่งฝากผลงานโมเดิร์นดีไซน์ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนร่วมสมัย และเป็นส่วนหนึ่งของผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่ยุคทศวรรษ ๑๙๕o เป็นต้นมา โดยนิทรรศการนำเสนอจากข้อมูลของหนังสือ An Eames Primer ที่เขียนโดย Eames Demetrios หลานชายของ Charles และ Ray ซึ่งได้รับคำนิยมจากหนังสือพิมพ์ The Washington Post ว่า “..เป็นผู้ที่ทำให้วิถีการนั่งของศษวรรตที่ ๒o เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง”


ภายในนิทรรศการแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟ ตั้งแต่ผลงานด้านการออกแบบ สถาปัตยกรรม เฟอร์นิเจอร์ นิทรรศการ ภาพยนตร์ ของเล่น ไปจนถึงแนวคิดและปรัชญา โดยผู้เข้าชมจะได้เห็นรูปภาพ งานสเก็ตช์ ตลอดจนผลงานชิ้นไอคอนที่เป็นที่นิยมของนักสะสม และชิ้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยได้รวบรวมมาจากหอจดหมายเหตุของเฮอร์แมน มิลเลอร์ เช่น เก้าอี้ดีไซน์เฉพาะสำหรับโป๊ป จอห์น พอลล์ ที่ ๒ เก้าอี้ Shell ที่ผลิตจากวัสดุไฟเบอร์กลาสแบบวินเทจ และผลงานดีไซน์อื่นๆ อีกกว่า ๙o ชิ้น พร้อมภาพยนตร์ที่น่าสนใจกว่า ๑๒๕ เรื่อง ที่สร้างสรรค์โดยชาร์ลสและเรย์ อีมส์ รวมทั้งเรื่อง ‘Glimpses of the U.S.A’ และ ‘Powers of Ten’ ด้วย


เข้าชมฟรี
สอบถามข้อมูลได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ TCDC โทร. o๒-๖๖๔-๘๔๔๘ ต่อ ๒๑๓, ๒๑๔ (ปิดวันจันทร์)



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














นิทรรศการภาพถ่าย "๕๕ ปี แค่รัก.... รักษ์ไทยผ่านเลนส์ อ.ส.ท."


55 YEARS JUST LOVE, LOVE THAILAND THRU AOR SOR TOR EYES"

ในโอกาสครบรอบ ๕๕ ปี อ.ส.ท.

จัดแสดงงานระหว่างวันที่วันที่ ๑๔ มีนาคม -๑๔ เมษายน ๒๕๕๘

ณ โรงแรมเรโทรเอซิส : RetrOasis Hotel



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














นิทรรศการภาพถ่าย "สุดท้าย และ พบ : Lost And Found"


ผลงานโดย สิทธิพร บรรจงเพชร (Sitthiporn Banjongpetch)

จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม -๑o เมษายน ๒๕๕๘

ณ Pongnoi Community Art Space : โป่งน้อยคอมมูนิตีอาร์ตสเปช











ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














นิทรรศการ “Michael Shaowanasai presents………”



นิทรรศการ “Michael Shaowanasai presents………” ผลงานโดย ไมเคิล เชาวนาศัย (Michael Shaowanasai) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๖ มีนาคม - ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ ณ Adler Subhashok Gallery : แอดเลอร์ ศุภโชค แกลอรี่


สามปีแห่งการรอคอย... วันนี้ ไมเคิล เชาวนาศัย กลับมาทวงความเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง กับนิทรรศการตเดี่ยว “Michael Shaowanasai presents………” ณ แอดเลอร์ ศุภโชค แกลอรี่
ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม - ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘


ผลงานในชุดนี้ถูกนำเสนอในสไตล์ส่วนตัวแบบ ไมเคิล เชาวนาศัย ซึ่งมีทั้งภาพวาด งานประติมากรรม รวมไปถึงศิลปะจัดวาง ซึ่งศิลปินตั้งใจที่จะเชิญชวน ให้ทุกท่านได้มามีส่วนร่วมในการค้นหาตัวตน ผ่านมุมมองของศิลปิน ซึ่งปัจจุบันได้เดินทางมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว


“มันเป็นดั่งไอเดียที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี เป็นการคัดสรรสิ่งต่างๆที่ดูเหมือนจะไม่ลงตัวกันในตอนแรก แต่ในท้ายที่สุด มันกลับสามารถที่จะอยู่ด้วยกันได้เมื่ออยู่ในบริบทที่แตกต่างไป”


หากมองดูอย่างผิวเผิน ผลงานในชุดนี้ของ ไมเคิล เชาวนาศัย อาจดูเป็นเพียงผลงานที่หมกมุ่นกับเรื่องเพศ หากแต่ในความเป็นจริงนั้น ไมเคิลกำลังท้าทายคนบางกลุ่มในสังคมอยู่ สังคมที่ยึดถือและต่อต้านการแสดงออกทางเพศอารมณ์ และความต้องการจากจิตใต้สำนึกของมนุษย์ และเชื้อเชิญให้ทุกท่านได้มองลึกลงไป ถึงสิ่งที่ศิลปินต้องการจะสะท้อนกลับมา เพื่อให้เราได้ตระหนักว่า คุณค่าของของสิ่งหนึ่งนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนต่างหาก


“เวลาได้สั่งสอนให้ผมมองดูทุกสิ่งรอบตัวด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไป” ไมเคิลกล่าว


“มันน่าทึ่งมากเมื่อคุณลองมองสิ่งของหรือเหตุการณ์น่าเบื่อเดิมๆรอบตัวให้ดีอีกครั้ง และคุณจะพบว่าความอัศจรรย์มีอยู่รอบๆตัวคุณนี่แหละ ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องเหนือธรรมชาติหรืออะไรทำนองนั้น ผมหมายถึงเรื่อง่าย ๆ ในชีวิต หรือสิ่งง่ายๆที่มันเกิดขึ้นต่างหาก มันเหมือนกับว่าผมได้เรียนรู้อีกครั้ง เหมือนกับว่าได้กลับไปอ่านวรรณกรรมจาก Joyce หรือ Lee อีกครั้งและค้นพบว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น ทุกอย่างมันกลับเข้าใจง่ายและมีเหตุผลขึ้นมาทันที”


นิทรรศการที่ขี้เล่น ท้าทาย และไร้ซึ่งข้อจำกัด “Michael Shaowanasai Presents………”
จะเปิดให้ชมพร้อมกันวันที่ ๖ มีนาคม จนถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๘ นี้







ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














ศิลปะหัตถกรรมอันงดงามแห่งโทโฮขุ ญี่ปุ่น



อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะไทย โดย อ.ดร.วรนันท์ โสวรรณี นำนักศึกษาในกระบวนวิชา Exhibition and Presentation of Art and Culture ทำการออกแบบและติดตั้งการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน “Beautiful Handicrafts of Tohoku , Japan – ศิลปะหัตถกรรมอันงดงามแห่งโทโฮขุ ญี่ปุ่น” จัดโดย Japan Foundation จัดแสดงระหว่างวันที่ ๗ มี.ค.-๓o เม.ย. ๒๕๕๘ ณ TCDC เชียงใหม่ อันเป็นการบูรณาการการให้บริการวิชาการแก่สังคมกับการเรียนการสอน



ภาพและข้อมูลจาก
finearts.cmu.ac.th














ย้อนยุค ๒ ล้อรุ่งเรืองใน 'เฮือนรถถีบ'



"ของเก่า" คำสั้น ๆ ที่สามารถกระตุ้นความอยากรู้เรื่องราวการเดินทางของวัตถุหนึ่งได้มากมายมหาศาล จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันสิ่งของที่ผ่านระยะเวลามาเนิ่นนานจะยังเป็นที่ต้องการ และถวิลหาของใครหลายคนเพียงเพราะต้องการเก็บเรื่องราวอันทรงคุณค่าที่ฝังเอาไว้ทุกรายละเอียด เรื่องเก่า ๆ ในวันนี้จึงขออิงกระแสพาหนะสองล้ออย่าง "จักรยาน" ที่ยังครองใจมนุษย์มาหลายยุคสมัย ปัจจุบันเราใช้งานในการเดินทาง ออกกำลังกาย และพักผ่อนหย่อนใจ แต่ในอดีตก่อนยุค ๔ ล้อจะรุ่งเรือง จักรยานมีบทบาทในสังคมในหลายสถานการณ์ ตามที่เราได้มีโอกาสมาศึกษากันใน "เฮือนรถถีบ" พิพิธภัณฑ์ขนานย่อม ที่รวบรวมจักรยานเก่าไว้หลายรุ่น ใจกลางเสน่ห์ชุมชนวินเทจของ ถ.เจ้าฟ้า อ.เวียงสา จ.น่าน และเปิดรับผู้ที่สนใจศึกษาจริงจังให้เข้ามาชมเท่านั้น


โกดังไม้เล็ก ๆ ถูกตั้งไว้ในบริเวณบ้านของครอบครัว "เต็งไตรัตน์" มีพื้นที่ด้านหน้ากว้างขวาง ส่วนด้านในเต็มไปด้วยจักรยานโบราณนับร้อยคัน ดูแลโดยลูกหลานของตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมให้ข้อมูลกับนักปั่นรุ่นเก่าและใหม่อย่างเป็นกันเอง โดยปัจจุบัน สุพจน์ เต็งไตรัตน์ เจ้าของอาณาจักรรถถีบเป็นผู้เผยแพร่ความรู้หลัก และในชีวิตประจำวันตัวเขาเองก็ยังใช้จักรยานระบบไร้โซ่อายุมากกว่า ๕o ปีอยู่ พร้อมบอกว่ายังมีจักรยานโบราณอีกหลายคันที่ยังใช้ได้ดี แม้เวลาจะผ่านมานานเพราะได้รับการดูแลอย่างดีมาตั้งแต่รุ่นคุณย่าสมัยเปิดร้านจักรยานอยู่ใน อ.เมืองน่าน เมื่อประมาณ ๖o ปีก่อน






สุพจน์ เล่าว่า การขนส่งรถจักรยานจากกรุงเทพฯ มาขายที่ภาคเหนือในสมัยก่อน จะเป็นการส่งมาแบบชิ้นส่วนย่อย ทางร้านของครอบครัวจึงลงมือประกอบชิ้นส่วนก่อนขาย ตั้งแต่สานซี่ล้อจักรยาน ขึ้นโครงรถ ลูกหลานที่เกิดในครอบครัวนี้จึงคุ้นเคยกับอะไหล่รถจักรยานเหมือนเป็นของเล่นชนิดหนึ่งที่พ่อแม่สรรหามาให้ลูกเล่นอย่างดี แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปจักรยานยนต์เริ่มเข้ามาแทนที่ทางร้านต้องเก็บอะไหล่แล้วหันมาขายรถจักรยานยนต์ตามยุคสมัย กระทั่งเดือนสิงหาคม ๒๕๔๙ จ.น่าน เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงได้รื้ออะไหล่ชิ้นส่วนจักรยาน ที่เก็บไว้จนเกือบจะลืมเลือนมาทำความสะอาดอีกครั้ง หลายชิ้นยังสภาพดีและมีเรื่องราวให้รำลึกถึงมากมาย จึงเกิดแรงบันดาลใจรวบรวมจักรยานโบราณที่ส่วนมากส่งตรงมาจากยุโรป มีอยู่หลายรุ่น หลายยี่ห้อ รวบไว้เป็นอนุสรณ์ชีวิตและพร้อมให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาหาความรู้ต่อไป


ราเลย์ กาเชีย โรบินฮูด ฟิลิปส์ นิวฮัทสัน...ฯลฯ แต่ละแบรนด์ถูกวางเรียงตามขนาดล้อตั้งแต่ใหญ่สุดอย่าง Hochrad 1880 จักรยานล้อหน้าโตใช้กลไกเดินหน้าด้วยเพลาเล็ก ๆ มีหลายเหตุผลที่กำลังถกเถียงว่าทำไมจึงมีจักรยานล้อโตในสมัยก่อน เด็กๆ ที่เขามาชมมักจะบอกว่าเป็นการโชว์ในสวนสนุก ส่วนผู้ใหญ่บอกว่ายิ่งเส้นรอบวงมากเวลาปั่น ๑ รอบก็ไปได้ไกล และอยู่สูงได้เห็นทิวทัศน์ จนมีชาวอังกฤษคนหนึ่งได้มาเยี่ยมเยือนมาที่นี้และได้แลกเปลี่ยนในมุมของบ้านเมืองตัวเองว่าสมัยก่อนตอนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ จะมีเจ้าหน้าที่ปั่นจักรยานล้อโตคอยจุดไฟหน้าบ้านแต่ละบ้าน และไฟถนน จะได้ไม่ต้องปีนหลาย ๆ ครั้ง






อีกหนึ่งชิ้นที่หาดูยากคือจักรยานดับเพลิง Fire man 1905 ใช้ในประเทศอังกฤษเพื่อดับไฟในซอกซอยที่เข้าถึงยาก โดยตัวรถทำจากเหล็กทาสีแดง มีไซเรน ขวาน และสายยางขดอยู่กลางตัวรถ โดยเมื่อถึงจุดเกิดเหตุก็ต่อสายกับท่อส่งน้ำใกล้ๆ ได้ทันที คันนี้ถูกประมูลนำมาให้คนไทยได้เห็นกันในสภาพสมบูรณ์เละยังใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ กับจักรยานพับได้รุ่นแรกโดยประเทศอังกฤษ ทหารพลร่มจะพับจักรยานมัดติดที่อกขณะโดดร่ม เมื่อถึงภาคพื้นก็ไขน็อตหางปลาสองตัวต่อกันที่โครงรถก็ใช้งานได้ ส่วนประเทศญี่ปุ่นในยุคสงครามก็ไม่น้อยหน้าได้ผลิตจักรยานที่มีน้ำหนักเบา โครงบางเพื่อขนส่งได้สะดวกซึ่งในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็สามารถหาชมได้เช่นกัน


สิ่งที่มาคู่กับตัวรถถีบคือการตกแต่ง ที่ทางครอบครัวยังพยายามรวบรวมเก็บเอาไว้ ทั้งการติดธงชาติและธงไตรรงค์ข้าง ๆ แฮนด์ที่นิยมมากในสมัยก่อน ค่านิยมคล้ายรถเก๋งติดสปอยเลอร์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีตะเกียงที่ใช้พลังงานจากแก๊สก้อนอะเซตทีลีน ด้วยกระบวนการปล่อยนำลงมาที่ก้อนแก๊สให้ระเหิดออกมาเป็นไฟส่องทาง และยังมีรถในยุคนิยมมีกล่องอเนกประสงค์ใช้เก็บของด้านท้าย และยังมีแผ่นโฆษณาของรถจักรยานทั้งไทยและต่างประเทศให้ชมทั่วทั้งอาคารแสดงอีกด้วย


เรื่องราวการเดินทางของสองล้อถีบยังมีอีกมาก พร้อมให้ผู้รักจักรยานเข้ามาศึกษา โดยที่นี่เน้นย้ำเสมอว่า "ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว" ที่แวะเวียนมาได้ทุกเมื่อ แต่ยินดีให้ผู้ที่สนใจจริง ๆ สามารถรวมกลุ่มหรือติดต่อขอเข้าชมแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องจักรยานได้เต็มที่ โดยจะเปิดให้เข้าชมในเวลา ๙.oo-๑๑.oo น. และ ๑๔.oo-๑๖.๓o น. โทรติดต่อสอบถามได้ที่ o-๕๔๗๘-๑๓๕๙



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














หอมไกล


นิทรรศการ "หอมไกล : Pleasing Scent"

ผลงานโดย ห่มสวรรค์ อู่ม่านทรัพย์ (มณตรี มุงคุณ : Montree Moungkun)

จัดแสดงระหว่างวันที่ ๖-๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘

ณ ห้องนิทรรศการ ๕ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com












Mana, 2011
ขนาด สูง ๔o x กว้าง ๓o ซม.




วาดภาพด้วยด้ายเส้นเดียว



เคยลองหัดเสก็ชท์ภาพเหมือนคนบ้างมั้ย ถ้าเคยคงรู้ซึ้งถึงความยากลำบากในการวางสัดส่วน รูปทรงและแสงเงา โดยเฉพาะต้องถ่ายทอดอารมณ์ สะท้อนตัวตนของแบบอออกมาให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าเป็นงานยาก แต่นี่เหมือนเพิ่มความท้าทายมากไปอีกขั้น ด้วยการถักทอภาพคนจากเส้นด้าย ที่สำคัญเป็นการเดินด้ายเส้นเดียว


ด้ายเส้นเดียวถูกร้อยไปมาบนจุดเข็มหมุดที่วางไว้บนโครงใบหน้า ผลที่ได้ก็คือภาพเหมือนคนที่มีลวดลายพื้นผิวที่แปลกตาคล้ายกับภาพภาพถ่ายเพิ่มเอฟเฟคอะไรแบบนั้น จะท้าทายแค่ไหนกับการลอกเลียนความสมจริงด้วยวิธีการแปลกใหม่ คำตอบมีอยู่ในคำถามและที่ตัวผลงานเองแล้วชัดเจน ฝีมือของ Kumi Yamashita ศิลปินชาวญี่ปุ่นที่ใช้วัสดุเพียงสามอย่างคือ แผ่นกระดานพื้นขาว, หลักปัดหมุด, และเส้นด้าย


ภาพที่เห็นนี้มีชื่อว่า "Mana" ซึ่งอยู่ในชุดภาพที่เรียกว่า " Constellation" ที่ได้รับเลือกให้แสดงในงาน Outwin Boochever Portrait Competition ที่แกเลอรี่ภาพเหมือนแห่งชาติ ‘the national Portrait gallery ภายในพิพิธภัณฑ์ Smithsonian เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นับเป็นสุดยอดผลงานอีกชิ้นในสไตล์งาน ของYamashita ที่อาจเรียกได้ว่าภาพเหมือนจริงแห่งแสงเงา













Cy, 2011
ขนาด สูง ๔๖ x กว้าง ๓๖ ซม.










Erik, 2007
ขนาด สูง ๔๖ x กว้าง ๓๖ ซม.






Mana no. 2, 2013
ขนาด สูง ๓๙ x กว้าง ๓o.๕ ซม.






Sachi, 2013
ขนาด สูง ๔๖ x กว้าง ๓๓ซม.










Kumi Yamashita



ผลงานอื่น คลิกเข้าไปชมภาพใหญ่เต็มตาได้ที่นี่ค่ะ Mind-Blowing Shadow











ผลงานอื่นจากเวบ kumiyamashita.com





"RUBBING"





"WARP & WEFT"



ภาพและข้อมูลจาก
portfolios.net
twistedsifter.com
เฟซบุค Kumi Yamashita studio




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 17 มีนาคม 2558
Last Update : 17 มีนาคม 2558 23:55:53 น. 0 comments
Counter : 1091 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.