happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
1 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๕๘





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










จิตรกรรมไทย ๒ จิตภาพ


โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญชมงานแสดงนิทรรศการศิลปะ “จิตรกรรมไทย ๒ จินตภาพ” โดย ธนพล จุลกะเศียน และ ณัฐ ดิสวัฒน์ ณ บริเวณสกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑o.oo น. ถึง ๒o.oo น. โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพส่วนหนึ่งจะร่วมสบทบทุนให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ


นิทรรศการฯ ครั้งนี้ นำเสนอผลงานจิตรกรรมของ ธนพล จุลกะเศียน และ ณัฐ ดิสวัฒน์ สองศิลปิน ผู้เชี่ยวชาญการใช้เทคนิคสีอะครีลิคบนผ้าใบ ได้นำเสนอความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนา ผ่านการรับรู้ทางอารมณ์ ความจำ ความฝัน การสร้างมโน-ภาพ สื่อสารผ่านผลงานจิตรกรรมของพวกเขากว่า ๓o ภาพ ที่มีความปราณีตงดงาม ให้ดำรงตามแบบแผนดั้งเดิมและผสมผสานวิธีการปัจจุบัน เพื่อสืบทอดความศรัทธาที่งดงามของศิลปะไทยต่อไป


ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลงานหรือเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ สกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. o๒-๑oo-๑๒๓๔ ต่อ ๖๗๘๖, ๖๗๕๔ หรือ ๖๗๕๕















ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














ครั้งแรกกับดนตรีเฉลิมพระเกียรติในหลวง


เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมชื่นชมความสามารถของนักดนตรีเยาวชนรุ่นใหม่ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดบทเพลงพระราชนิพนธ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โปร มูซิกา จูเนียร์ คอนเสิร์ต” โดยเยาวชน ๒o คนที่ผ่านการคัดเลือกจาก โครงการโปร มูซิกา จูเนียร์ แคมป์ร่วมแสดงกับวงโปร มูซิกา ซึ่งได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ องคมนตรี พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช เป็นผู้อำนวยเพลง ณ พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ พระราชวังพญาไท


โต้โผใหญ่ จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงชักชวนเพื่อนพ้องน้องพี่และคนเลิฟ ๆ ไปร่วมชมคอนเสิร์ตนี้อย่างคับคั่ง อาทิ วาปี - ท่านผู้หญิงเหมือนจิต ภิรมย์ภักดี,พล.ท.นพ.สุปรีชา โมกขะเวส, ม.ล.ชโยทิต กฤดากร, ท่านผู้หญิงอรนุช - ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา, ท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา, ณัฐวรรณ ทีปสุวรรณ ดร.ทัศนา นาควัชร นลินี ปรัชญานนท์ "บิ๋ง" นันทมาลี ภิรมย์ภักดี, ศรีล-ทิพธิดา สุขุม เป็นต้น


สำหรับบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่บรรเลงในการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โปร มูซิกา จูเนียร์ คอนเสิร์ต” ทั้งหมด ๑๖ บทเพลง อย่าง แผ่นดินของเรา, อาทิตย์อับแสง, คำหวาน, ยามค่ำ, ค่ำแล้ว, ใกล้รุ่ง, ราชนาวิกโยธิน, ลมหนาว, แว่ว, ไร้จันทร์ ไร้เดือน, ในดวงใจ นิรันดร์, เกาะในฝัน, ภิรมย์รัก, เตือนใจ, แสงเดือน และ Can’t You Ever See


หลังจากการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “โปร มูซิกา จูเนียร์ คอนเสิร์ต” เสร็จสิ้น คณะอำนวยการโครงการและบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ องคมนตรี พลเรือเอก หม่อมหลวง อัศนี ปราโมช มอบเกียรติบัตรให้กับเยาวชนนักดนตรีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โครงการโปรมูซิกา จูเนียร์ แคมป์ ทั้ง ๒o คน โครงการโปร มูซิกา จูเนียร์ แคมป์ เป็นหนึ่งกิจกรรมของโครงการผลิตสื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ชุด “คีตราชา” ที่ได้รับการสนับสนุนโดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านดนตรีให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยปีนี้เป็นวาระครบ ๕o ปีที่สถาบันการดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายประกาศนียบัตรเกียรติคุณชั้นสูงให้ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ ลำดับที่ ๒๓ ปรากฏพระนามจารึกไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕o๗ อีกทั้งเพื่อเผยแพร่พระปรีชาสามารถทางด้านดนตรีให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ได้เรียนรู้บทเพลงพระราชนิพนธ์ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่จะนำไปเป็นแบบอย่างและสนับสนุนผู้สนใจศึกษาทางด้านดนตรีต่อไป







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net















ลอยกระทงตามประทีปที่ศูยน์ศิลปาชีพบางไทร


ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมเฉลิมฉลองและสืบสานประเพณีลอยกระทงตามประทีป ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ศิลปาชีพรังสรรค์ อัศจรรย์เพ็ญเดือน ๑๒" ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๕-๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร


โดยเนรมิตงานเทศกาลลอยกระทง ให้เป็นค่ำคืนอันแสนอัศจรรย์ ตระการตากับศูนย์รวมงานศิลป์อันวิจิตรทรงคุณค่า เพลิดเพลินกับประเพณีวัฒนธรรมไทยอันงดงามแต่โบราณ พร้อมชมความบันเทิงและตื่นตาจากการแสดงหลากหลายรูปแบบ เต็มอิ่มกับสินค้าและอาหารเลิศรสจากตลาดน้ำ ตลาดบก และร่วมให้กำลังใจผู้เข้าประกวดนางนพมาศ หนูน้อยนพมาศ และอื่นๆ อีกมากมาย






ภายในงานเทศกาลลอยกระทง ของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ นี้ ประกอบด้วย ๒ ส่วนหลัก คือ ๑) "อัศจรรย์งานศิลป์ สร้างแรงบันดาลใจ" จัดส่วนของพระตำหนักในศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ให้เป็นโซนนิทรรศการแสดงผลงานศิลปหัตถกรรม โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ เครื่องเคลือบพอร์ซเลน งานศิลปะจากภูมิปัญญาไทย โดยศิลปินของศูนย์ศิลปาชีพฯ ซึ่งไปกวาดรางวัลระดับโลกมาแล้ว และเครื่องเบญจรงค์อันหรูหราวิจิตร ซึ่งถือว่าทรงคุณค่ายิ่งประหนึ่งอัญมณีแห่งศิลปะไทย


และ ๒) "อัศจรรย์แห่งวิถีไทย" ย้อนยุคไปสู่วิถีชีวิตไทยดั้งเดิม เที่ยวชมตลาดน้ำ ตลาดบก ชมการแสดงเพลงเรือ และเพลิดเพลินกับการแสดงของวงดนตรีและการประกวดต่าง ๆ พร้อมร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงตามประทีป






นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี และรองประธานกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กล่าวถึง งานเทศกาลลอยกระทงตามประทีป จัดโดยศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ว่า "การจัดงานเทศกาลลอยกระทงตามประทีป ของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ นี้ ได้จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี


โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีลอยกระทงตามแบบโบราณราชประเพณีอันดีงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงส่งเสริมเหล่าช่างฝีมือของศูนย์ศิลปาชีพให้ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าของไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าชม และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ให้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาติ"


ไฮไลท์สำคัญของคืนวันลอยกระทง วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน จะมีพิธีเปิดงานเทศกาลลอยกระทง "ศิลปาชีพรังสรรค์ อัศจรรย์เพ็ญเดือน ๑๒" และ การแสดงสุดพิเศษชุด "พระราชพิธีจองเปรียง ลดชุด ลอยโคมลงน้ำ" เป็นพระราชพิธีที่จะกระทำในเดือนสิบสอง โดยมีขบวนแห่พระราชพิธีฯ อันงดงามตระการตา พร้อมพิธีชักโคมเพื่อบูชาพระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์ ตามแบบราชประเพณีโบราณ






นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานในวันนั้น จะได้พบกับมหกรรมคอนเสิร์ตจากศิลปินดาราชื่อดัง ภายใต้ธีมงาน "อัศจรรย์มหรสพศิลป์" ทั้งการประกวดนางนพมาศ การแสดงจากกรมศิลปากร รวมถึงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องดังอีกมากมาย โดยการแสดงบนเวทีใหญ่นี้ ตั้งแต่ ๑๗.oo-๒๔.oo น.และปิดท้ายด้วยการแสดงพลุสุดยิ่งใหญ่ตระการตา


นางสุดาสมร สุวรรณลาภเจริญ รองผู้อำนวยการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ฝ่ายงบประมาณ กล่าวถึงการจัดงานของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ในครั้งนี้ว่า"เป็นการจัดงานเทศกาลลอยกระทงตามประทีปที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยมีระยะเวลาจัดงานถึง ๕ วัน ตั้งแต่วันที่ ๕-๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗






และสำหรับรางวัลการประกวดต่างๆ ถือว่ายิ่งใหญ่และเป็นเกียรติสูงสุด เพราะผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดนางนพมาศ รวมถึงผู้ชนะเลิศการประกวดกระทง นอกจากจะได้รับเงินรางวัลแล้ว ก็จะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ส่วนผู้ที่ชนะเลิศการประกวดหนูน้อยนพมาศ จะได้รับถ้วยประทานจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ด้วย"


"อยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวงานเทศกาลลอยกระทงตามประทีป ที่ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ซึ่งในปีนี้ ทางศูนย์ศิลปาชีพฯ ได้เตรียมงานกันอย่างเต็มที่ ทุกคนจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศความงดงามของประเพณีลอยกระทงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอันสวยงาม สัมผัสบรรยากาศแบบวิถีไทย ที่รับรองว่าจะทำให้ทุกท่านสนุกสนานประทับใจ


นอกจากนี้นักท่องเที่ยวก็สามารถสนุกสนานไปกับการแสดงคอนเสิร์ต และร่วมกระทบไหล่ศิลปินนักร้องชื่อดังได้ทุกคืน" นางสุดาสมร กล่าวทิ้งท้าย






ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า ๑,ooo ไร่ ในอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมุ่งฝึกอบรมอาชีพที่เกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ ให้แก่เกษตรกร โดยมีครูศิลปาชีพผู้มีความชำนาญการมาสอน อาทิ การประดิษฐ์หัวโขน การจักสานไม้ไผ่ลายขิด การทำตุ๊กตาชาววัง การทำดอกไม้ขนมปัง การทำเครื่องเรือนไม้-เครื่องเรือนหวายการทอผ้าไหม ทอผ้าลายตีนจก รวมถึงงานเครื่องเคลือบดินเผา ฯลฯ


สอบถามรายละเอียดที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร โทรศัพท์ o-๓๕๓๖-๖๒๕๒-๔



ภาพและข้อมูลจากเวบ
sanook.com













๑๒o ปี ร.๗ ชมละครซ้อนหนัง ณ โรงมหรสพหลวง


เนื่องในโอกาส ๑๒o ปี พระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ ๑oo ปี การเสด็จนิวัตพระนคร ศาลาเฉลิมกรุงได้กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ “ละครซ้อนหนัง ณ โรงมหรสพหลวง” ขึ้นในวันเสาร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๔.oo น. ณ ศาลาเฉลิมกรุง


พบกับ “ละครซ้อนหนัง ณ โรงมหรสพหลวง” ร้อยเรียงเรื่องราวของโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้เป็นของขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยในโอกาสเฉลิมฉลอง พระนครครบรอบ ๑๕o ปี การเสด็จนิวัตพระนคร ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละคร บุญทอง หาญจางสิทธิ์ (ตี๋ ก่อนบ่าย) - รัชพล แย้มแสง (มิวสิค AF) พร้อมชมภาพยนตร์ดังในอดีตที่หาชมยาก อาทิ พันท้ายนรสิงห์, ธรณีกันแสง, ศึกบางระจัน, จุฬาตรีคูณ, สวรรค์มืด, แม่นาคพระโขนง, แผลเก่า, เงิน เงิน เงิน


ชมลีลาการพากย์จากนักพากย์ชื่อดังของเมืองไทย ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ พร้อมทีมพากย์พันธมิตร ชมละครซ้อนหนัง...ฟังเพลงดังอมตะจากภาพยนตร์ถ่ายทอดโดย นักร้องนักแสดงคุณภาพื่อดัง ทฤษฎี สหวงษ์ (ปอ) , นภัสกร มิตรเอม (ตั๊ก) , สุดา ชื่นบาน, วินัย พันธุ์รักษ์, ปกรณ์ พรพิสุทธิ์, กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ร่วมด้วยนักร้องรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานจาก “ศาลาเฉลิมกรุง สืบสานตำนานเพลง” พรทิพย์ พันตาวงษ์ (พลอย Mic Idol), กนกวรรณ อินทรพัฒน์, ภัทรานิษฐ์ เพฑูริยาเวทย์, บัณฑิต เทียนรัตน์, ศุภกิจ กัลยาณกุล, ชานนท์ บุตรพุ่ม, กตธิป อยู่สำราญ


วิจิตรตระการตาไปกับนาฏศิลป์ประกอบเพลงและการแสดงศิลปะป้องกันตัวจากคณะนักแสดงโขน~ศาลาเฉลิมกรุง สัมผัสอรรถรส กลิ่นอายในยุคสมัยรัชกาลที่ ๗ ฟังเพลงราตรีประดับดาวและโหมโรงคลื่นกระทบฝั่ง เพลงพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๗ บรรเลงดนตรี “สังคีตประยุกต์” โดย วงเฉลิมราชย์ – อ.วิรัช อยู่ถาวร - วงดนตรีไทยโรหิตาจล – อ.สุรพงศ์ โรหิตาจล ควบคุมการผลิตโดย ประดิษฐ์ สมดังเจตน์


เชิญชวนแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๗ เข้าร่วมสร้างบรรยากาศในงาน “ละครซ้อนหนัง ณ โรงมหรสพหลวง” รายได้จากการจัดงานสมทบทุนมูลนิธิศาลาเฉลิมกรุงเพื่อการอนุรักษ์โรงมหรสพหลวงและศิลปวัฒนธรรมไทย


บัตรราคา ๑,ooo บาท และ ๗oo บาท จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ศาลาเฉลิมกรุง โทร.o-๒๒๒๕-๘๗๕๗, o-๒๖๒๓-๘๑๔๘-๙ และไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
โทร. o-๒๒๖๒-๓๔๕๖ thaiticketmajor.com







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaiticketmajor.com
daraevent.com














การแสดงหุ่นไทย ภูมิสร้างสรรค์ในเทศกาลหุ่นโลก


ในโอกาสที่ประเทศไทยได้จัดเทศกาลหุ่นโลก กรุงเทพฯ ๒o๑๔ (Harmony World Puppet Carnival in Bangkok, Thailand 2014 ในวันที่ ๑-๑o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ด้วยมีคณะหุ่นนานาชาติ ๑๖๖ คณะ จาก ๘o ประเทศทั่วโลกมาร่วมงานมากที่สุด อาทิตย์นี้ได้ตามรอยหาหุ่นกระบอกไทย ก่อนไปรู้จักกับหุ่นนานาหลากหลายชาติที่ได้เดินทางเข้ามาแสดงเต็มท้องสนามหลวงและสถานที่แสดงในกรุงเทพฯ การแสดงหุ่นนั้นนับเป็นศิลปะเฉพาะซึ่งเกิดขึ้นในทุกชาติ สำหรับประเทศไทยนั้นได้มีการเล่นหุ่นมาตั้งแต่ครั้งอยุธยาแล้ว ปัจจุบันได้มีการพัฒนาหุ่นและการเล่นอย่างละครจากหุ่นกระบอกไทย มาเป็นหุ่นรูปแบบต่าง ๆ มากมาย และมีชื่อเสียงรู้จักหุ่นละครเล็ก หนังใหญ่ หุ่นชักสาย หุ่นคน เป็นต้น





ลักษณะหุ่นไม้ของไทย





หุ่นกระบอกไทย



สำหรับประวัติการสร้างหุ่นกระบอกไทยนั้นหม่อมราชวงศ์เถาะได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงให้ตัวหุ่นกระบอกนั้นประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๔ ส่วน ได้แก่ ศีรษะหุ่นลำตัว มือ เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับซึ่งมีส่วนที่เลียนแบบอวัยวะของคนคือศีรษะและมือทั้งสองข้างเท่านั้น ลำตัวหุ่นทำด้วยกระบอกไม้ไผ่ทั้งปล้องที่สอดตรงเข้าไปเป็นลำคอ ส่วนศีรษะและลำตัวหุ่นนั้นถอดออกจากกันได้ เมื่อไม่ใช้แสดงแล้วก็สามารถถอดออกและเก็บไว้แยกกัน โดยถอดส่วนศีรษะเก็บตั้งไว้บนแท่นตั้งศีรษะหุ่นกระบอก ลำตัว ที่เป็นกระบอกไม้ไผ่เมื่อถอดออกแล้ว ก็แยกเก็บไว้ต่างหาก ตัวเสื้อของหุ่นนั้นเย็บเป็นถุงใส่เป็นเสื้อที่มีมือติดอยู่ทั้งสองข้างและพับเก็บใส่หีบ ศีรษะหุ่นทำด้วยไม้เนื้อเบาทั้งแท่ง เช่น ไม้ทองหลาง ไม้โมก ไม้สักทองไม้ที่ใช้ทำศีรษะหุ่นเป็นไม้เนื้อดีไม่มีตาไม้ แล้วช่างจะแกะเป็นศีรษะ ทำหน้าตาตามตัวละครที่กำหนด และทำลำคอที่คว้านเป็นรูกว้างสำหรับต่อเข้ากับกระบอกไม้ที่เป็นลำตัว แล้วใช้ถุงเย็บเป็นเสื้อผ้าแต่งคลุมทับประดับอย่างตัวละคร โดยมีพิธีไหว้ครู พิธีเบิกเนตรหุ่นเช่นเดียวกับหัวโขน





หุ่นจีน





หุ่นละครเล็ก



ดังนั้นการสร้างตัวหุ่นกระบอกไทยจึงเป็นเทคนิคโบราณที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องถือเป็นภูมิปัญญาของการสร้างสิ่งบันเทิงสำหรับแผ่นดิน หุ่นกระบอกนั้นใช้จับลำตัวด้านในเชิดและเชิดส่วนที่เป็นมือแกะด้วยไม้หรือทำเป็นหนังตัดเป็นรูปมือมีนิ้ว โดยดัดให้อ่อนอย่างมือละคร มือขวาของหุ่นตัวพระจะกำอาวุธไว้เสมอ จึงเจาะรูตรงกลางไว้สำหรับเสียบอาวุธที่เปลี่ยนได้ตามเนื้อเรื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องในวรรณคดีโบราณ ถ้าไม่จับอาวุธก็จะปล่อยให้กำมืออยู่เช่นนั้น มือซ้ายเป็นรูปมือแบตั้งวงรำ ถ้าเป็นมือตัวนางแล้วจะตั้งวงรำทั้งสองข้าง โดยมือทั้งสองข้างนั้นจะติดผ้าคลุมหุ่นกับเรียวไม้ไผ่เล็ก ๆ ๒ อัน เรียกตะเกียบแขน ใช้สำหรับเชิดท่าทางให้มือทั้งสองร่ายรำ ซึ่งมีการบรรเลงปี่พาทย์ขับร้องอย่างแสดงละคร





หุ่นกระบอกน้ำเวียดนาม





หุ่นอินโด-ชวา



ปีนี้สมาพันธ์หุ่นโลกได้ให้ประเทศไทยรับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลหุ่นโลกเพื่อสร้างคุณค่าทางวัฒนธรรม ทำให้มีคณะนักแสดงหุ่นจากประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป แอฟริกา อเมริกา เอเชีย และอาเซียน ต่างพากันนำเอาศิลปะการแสดงหุ่นเข้ามาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่อกันเพื่อการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศทั่วโลก โดยมีการแสดงหุ่นรูปแบบต่าง ๆ ของไทยอีก ๕o คณะประกาศการสร้างสรรค์ผลงานรวมอยู่ด้วย นับว่ามากที่สุดจากที่เคยจัดเทศกาลหุ่นโลกมาแล้ว เรื่องนี้นายนิมิตร พิพิธกุล ประธานมูลนิธิหุ่นสายเสมา ศิลปะเพื่อสังคม ผู้ร่วมจัดงานคนหนึ่งได้เน้นว่า





หุ่นอิหร่าน





หุ่นเวเนซุเอลา



การแสดงหุ่นครั้งนี้เป็นงานของแต่ละคณะแต่ละประเทศที่มีเสน่ห์และสีสันที่แตกต่างกัน ซึ่งมีหุ่นที่น่าสนใจหลายชุดจากโซนอเมริกา ยุโรป แอฟริกา เอเชีย อาเซียน ล้วนแต่มีความโดดเด่นในด้านศิลปะเชิดหุ่นตามแบบเฉพาะของชนชาติ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ชาวต่างชาตินั้นได้ชมการแสดงหุ่นของไทยที่มีอยู่ครบทุกประเภท ทั้งหุ่นพื้นบ้าน หุ่นไทยประเพณี และหุ่นไทยร่วมสมัย ที่สามารถแยกย่อยได้อีกเป็นหุ่นหลวง หุ่นกระบอก หุ่นละครเล็กหุ่นสาย หุ่นมือ หุ่นหัวโตหนังตะลุง หนังใหญ่ ฯลฯ นอกจากนี้ยังจัดนิทรรศการที่หอศิลป์ร่วมสมัย และการจัดประชุมวิชาการเสวนาเกี่ยวกับหุ่นด้วย...นับเป็นภูมิสร้างสรรค์การแสดงหุ่นระดับโลกที่น่าสนใจยิ่ง





หุ่นสเปน





หุ่นเมียนมาร์





หุ่นเอสโตเนีย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com
finearts.go.th














อ.วานิช โปตะวนิช ศิลปินร่วมสมัยไทย
เจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาดนตรี ประจำปี ๒๕๕๗


เมื่อกล่าวถึงสุดยอดรางวัลเกียรติคุณของศิลปินในเมืองไทย เราอาจนึกถึงเพียงแค่รางวัลศิลปินแห่งชาติ หากแต่ว่านั่นคงยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะมีอีกหนึ่งรางวัลทรงเกียรติที่มอบให้แก่ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง คือ รางวัลศิลปาธร ซึ่งมอบโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อการส่งเสริม สนับสนุน และเชิดชูเกียรติศิลปินร่วมสมัย ผู้มีอายุตั้งแต่ ๓o-๕o ปี โดยแบ่งเป็น ๕ สาขา คือ สาขาทัศนศิลป์ สาขาวรรณศิลป์ สาขาดนตรี สาขาภาพยนตร์ และสาขาศิลปะการแสดง


สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๗ นี้ อาจารย์วานิช โปตะวานิช อาจารย์ประจำแขนงวิชาการแสดงดนตรี วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับรางวัลศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งถือเป็นอาจารย์อีกหนึ่งท่านในวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ต่อจาก ผศ.ดร.เด่น อยู่ประเสริฐ คณบดีวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต เจ้าของรางวัลรางวัลศิลปินศิลปาธร ประจำปี ๒๕๕๒


โดยผลงานที่ผ่านมาของ อาจารย์วานิช โปตะวานิช ได้รับการยกย่องและเป็นที่นิยมในฐานะนักเรียบเรียงเสียงประสาน สำหรับเพลงประกอบภาพยนตร์ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนศิลปินระดับโลก หรือในฐานะนักประพันธ์เพลง ผู้รังสรรค์บทเพลงมากมายที่ได้รับความนิยมให้แก่วงโยธวาทิตและวงออเคสตร้า อาทิ เพลง King of Peace เพลงราชดำเนิน และเพลง Deep Impression ที่ดึงเอกลักษณ์จากเพลงไทยเดิมโดยประยุกต์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งถูกนำไปบรรเลงอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงในฐานะผู้อำนวยเพลง (Conductor) แห่งวง Bangkok Symphony Orchestra และวง RSU Symphony Orchestra


"ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง ผมมองว่าการศึกษาด้านดนตรีในบ้านเรานั้น มีความก้าวไกลและมีความจริงจังขึ้นมากกว่าในสมัยก่อน โดยส่วนตัวแล้วในสิ่งที่ผมได้เคยทำในมิติของการเรียนการสอน คงจะไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก คงจะทำในทุก ๆ อย่างเหมือนที่เคยได้ทำ แต่ก็หวังไว้ว่ารางวัลศิลปาธรจะเป็นใบเบิกทางให้กับเราได้ทำอะไรให้กับการศึกษาด้านดนตรีหรือพัฒนาวงการได้มากขึ้น เช่น การจัดแคมป์ดนตรี การจัดเวิร์คช็อป รวมทั้งการเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้แสดงออก เพื่อผลักดันวงการดนตรีในเมืองไทยให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น"


ว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่ศิลปินศิลปาธรสองคนอยู่ร่วมกันได้ที่ ม.รังสิต แล้วจะเป็นอย่างไรเมื่อวงการการศึกษาด้านดนตรีในเมืองไทย ตกอยู่ภายใต้การนำของเสือแห่งวงการเพลง ทั้ง ๒ ท่านนี้....



ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
bangkoksymphony.org














ส่งวัฒนธรรมอาหารสู่ชาวโลก


"ศาลาไทย" หรือ ไทย พาวิลเลี่ยน ในงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ผ่าน ๆ มา มักออกแบบให้มีสถาปัตยกรรมไทยประเพณี รูปทรงปราสาท ราชวัง หรืออย่างน้อยต้องมีหน้าบัน ช่อฟ้า ใบระกา และลวดลายไทย แต่ในงาน "มหกรรมโลก มิลาน ๒o๑๕" ที่ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม ถึง ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ดูเหมือนหลายอย่างได้ถูกตีความต่างออกไป จากอาคารจัดแสดงทรงไทยแปรเปลี่ยนเป็นงานออกแบบเชิงสัญลักษณ์ตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานปีนี้ที่ว่า "อาหารหล่อเลี้ยงโลก พลังงานหล่อเลี้ยงชีวิต" โดยเน้นเนื้อหาเรื่องความมั่งคั่ง มั่นคง ด้านการเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนชาวโลกของไทย


ล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม่งานใหญ่ได้อุ่นเครื่องด้วยการจัดงานนิทรรศการจำลองอาคารแสดงประเทศไทย โดยเนรมิตลานสกายฮอลล์ ชั้น ๓ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นศาลาไทยขนาดย่อม โดย โอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า งานนี้ถือเป็นเกียรติภูมิของประเทศ ไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหาร มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นในเชิงประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต กระทรวงเกษตรฯ จึงได้คัดเลือกหัวข้อหลักการเข้าร่วมงานคือ “Nourishing and Delighting the World : การเลี้ยงดูโลกอย่างยั่งยืน” ด้วยพัฒนาการอย่างต่อเนื่องยาวนาน และศักยภาพ ในการเป็นแหล่งและ “ครัวของโลก” ผลิตอาหารที่มีคุณภาพ รวมทั้งการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและเอกลักษณ์ไทย เพื่อสรรค์สร้างผลผลิต “ไทยแลนด์แบรนด์” อาหารเลี้ยงดูผู้คนทั่วโลก ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องศักยภาพในการผลิตอาหารที่ได้มาตรฐานระดับโลก ทั้งรสชาติ บรรจุภัณฑ์หีบห่อ ทั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานวันชาติไทย ในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ ด้วย






แม้ว่ารูปทรงศาลาไทยหนนี้จะดูผิดแผกไป ทว่าในความต่างนั้นสื่อถึงความเป็นไทยได้อย่างลึกซึ้ง แค่ร่างแบบก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้สื่อท้องถิ่นในอิตาลี จนกระพือข่าวว่าเป็นหนึ่งในจำนวนหลายสิบอาคารที่มีความน่าสนใจที่สุดของเวิลด์ เอ็กซโปปีนี้ เกี่ยวกับแรงบันดาลใจ สมิตร โอบายะวาทย์ หัวหน้าคณะออกแบบอาคารแสดงประเทศไทย เล่าว่า งานสถาปัตยกรรมจะต้องสื่อถึงสิ่งสำคัญ คือ สะท้อนความคิดหลักของงานให้มีความเป็นไทย และสะท้อนถึงผู้ผลิตอาหาร อันได้แก่ ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ จึงทำให้เกิดแนวคิดในการออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่ลงลึกถึงวิถีชีวิตคนไทยจริง ๆ


"จุดนำสายตาที่เห็นแล้วต้องสะดุดคือรูปทรงหมวกสานโปรง ๆ กึ่งกลางอาคาร ได้แรงบันดาลใจจาก “งอบ” สัญลักษณ์แห่งวิถีการเกษตรไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น แต่หากนับตั้งแต่ทางเข้าจะเห็น “พญานาค ๕ เศียร” สัญลักษณ์แห่งความเชื่อเกี่ยวกับน้ำ ซึ่งคนไทยใช้ในพิธีกรรม และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย และนาคยังเป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ในการทำการเกษตร มีพิธีซึ่งเกี่ยวกับน้ำมากมาย และแรงบันดาลใจสุดท้ายมาจาก “ฐานเจดีย์” สัญลักษณ์แห่งความศรัทธา รูปแบบของงานสถาปัตยกรรมไทยประเพณี ที่มีแบบแผนแต่นำมาใช้รูปแบบที่ลดทอนรายละเอียด โดยบริเวณรอบอาคารยังแสดงนาข้าวจำลอง มีสาธิตการเก็บเกี่ยวข้าวโดยชาวนา เชื่อว่าจะสร้างความตื่นตาให้ชาวต่างชาติได้แน่นอน" หัวหน้าทีมออกแบบ เผย






ภายในอาคารพื้นที่ใช้สอย ๓,ooo ตารางเมตร อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่นำเสนอผ่าน "วิชวลเอฟเฟค" หรือการสร้างภาพสามมิติด้วยคอมพิวเตอร์ผสมผสานการถ่ายทำภาพยนตร์ในระบบดิจิทัลเพื่อให้ได้ภาพที่มีความสมจริง ซึ่ง อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ตัวแทนกิจกรรมร่วมค้า เวิร์คไร้ท์ ผู้รับผิดชอบ เล่าว่า ได้ผนึกกำลังกับบริษัทเวิร์คพอยท์ จำกัด (มหาชน) ช่วยกันตกผลึกแนวความคิดเนื้อหาหลักของงานออกมาเป็นนิทรรศการ ๕ โซน ได้แก่ โซน เอ " หลากรสชาติ หลายวิถี...ชีวิตไทย" นำเสนอวัฒนธรรมการกินอันหลากหลายของคนไทย ซึ่งทั้งหมดสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาในการเลือกสรรทรัพย์ในดิน สินในน้ำ ถัดมาโซนบี "รากฐานแห่งคุณภาพ" จากภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์อาหารไทยสู่การแปรรูป การเก็บรักษา เทคโนโลยีการถนอม และบรรจุหีบห่อ เข้าสู่โซน ซี "ครัวไทยสู่ครัวโลก" อาหารไทยช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพอย่างยั่งยืน โซน ดี "สมดุลแห่งชีวิตที่ยั่งยืน" และโซน อี "กษัตริย์แห่งเกษตร" เล่าเรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นปราชญ์แห่งดินและน้ำ และพระราชทานโครงการตามแนวพระราชดำริกว่า ๔.ooo โครงการเพื่อเกษตรกรไทยจนทั่วโลกให้การยกย่อง






"ตอนนี้ตัวอาคารได้สร้างไปแล้วกว่าร้อยละ ๔o รวมถึงการคัดเลือกแอมบาสซาเดอร์จากหลายพันคนให้เหลือ ๔o คน มีการอบรมทั้งในเมืองไทยและที่อิตาลีตลอด ๑ เดือนก่อนงานจะเริ่ม เนื้อหาจะถูกย่อยให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย ไฮไลท์อยู่ที่ห้องครัวไทยสู่ครัวโลกทำเป็นวิชวลให้คนเข้าไปอยู่ในสายพานการผลิตอาหาร สร้างความมั่นใจว่าไทยมีมาตรฐานระดับโลก ที่แน่ ๆ มีส้มตำ, ผัดไท,ต้มยำกุ้ง และข้าวเหนียวมะม่วงมายั่วน้ำลาย พอออกจากห้องนี้ปุ๊บก็จะมีซูเปอร์มาร์เก็ตอาหารไทยคุณภาพส่งออกลักษณะเรดี้ทูคุ๊ก-ทูโก ให้ซื้อกลับไปลองทำเองที่บ้าน เชื่อว่าการลงทุนกว่า ๗oo ล้านบาท ตั้งเป้าผู้ชมรอบละ ๒oo คน รวมตลอดการจัดงานน่าจะถึง ๒ ล้านคน หรือแค่ร้อยละ ๑o ของคนเข้าชมงานทั้งหมดก็ประสบความสำเร็จแล้ว เป็นโอกาสของเกษตรกรไทย ผู้ผลิตอาหารจะได้สู่ชาวโลกอย่างยั่งยื่น" ผู้รับผิดชอบเนื้อหาของงาน แสดงความคาดหวัง


นอกจากนี้ ก่อนเข้าศาลาไทยยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยสวย ๆ เป็นการเรียกน้ำย่อย ไม่ว่าจะเป็น สีสันผีตาโขน, ส้มตำ, ประชันเปิงมางคอก และมวยไทย โดยนิทรรศการจำลองเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ thailandpavilionexpo2015.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














ค่านิยม ๑๒ ประการ ปลูกฝังผ่านมิติวัฒนธรรม


กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) นำมิติวัฒนธรรมเดินหน้าโครงการรณรงค์ค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ ตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ จัดกิจกรรมเร่งด่วน ๓ กิจกรรม เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมค่านิยมที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต คืนความสุขความมั่นคงให้กับประเทศโดยเร็ว จึงได้จัดแถลงข่าวโครงการอย่างเป็นทางการ ณ หอประชุมเล็ก ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ที่ผ่านมา


วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ประธานในการแถลงกล่าวว่า สืบเนื่องจากที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายด้านการศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ภายใต้แผนการบริหารราชการแผ่นดิน ๑๑ ด้าน โดยกระทรวงฯ ได้นำนโยบายที่ได้รับมอบหมายมาขับเคลื่อนดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่แก่คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนไทย ซึ่งได้น้อมนำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าด้วยความเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักสำคัญในการดำเนินงาน


"โดยเฉพาะนโยบายการสร้างค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดทำในครั้งนี้มุ่งหวังปลูกฝังค่านิยมที่ดีแก่เด็ก เกิดความรักและร่วมมือกันสืบสานวัฒนธรรม เพื่อความมั่นคงของชาติ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมไปถึงมีความเสียสละ ซื่อสัตย์ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม ตลอดจนร่วมกันรักษาวัฒนธรรม ประเพณีไทยอันงดงาม เติบโตเป็นพลเมือที่ดีของชาติต่อไปในอนาคต" วีระกล่าว


ด้าน ศาสตราจารย์อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยถึงรายละเอียดงานครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมากระทรวงวัฒนธรรมได้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ค่านิยมดังกล่าวอยู่แล้ว เช่น หนังสือ ๑o๘ วิธี มอบน้ำใจแก่กัน การสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยในสังคมไทย, เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อพ่อของเรา ภาพยนตร์เรื่อง "หมู่บ้านศีลห้าชาวประชาเป็นสุข" "การเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท" เป็นต้น ทั้งนี้ล้วนมุ่งหวังให้สังคมไทยมีความสงบสุขและเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยการจัดโครงการรณรงค์ค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ จะดำเนินการพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗ ประกอบด้วย ๓ กิจกรรม ได้แก่ ๑. การประกวดดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้านเพื่อความมั่นคงของชาติ ๒. การประกวดเรียงความหัวข้อ "หนึ่งในค่านิยม เพื่อสังคมยั่งยืน" และ ๓. การประกวดบทละครเสริมสร้างค่านิยม


"ซึ่งผลการประกวดของทั้ง ๓ ประเภทนี้ จะแล้วเสร็จสิ้นเดือนธันวาคมนี้ โดยการประกวดดนตรีไทยและดนตรีพื้นบ้าน ผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้มีโอกาสร่วมการแสดงในวาระต่าง ๆ เพื่อสืบสานศิลปวัฒนธรรมกับทางกระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งจะได้นำไปแสดงและเผยแพร่สาธารณะต่อไป" ปลัดกระทรวงฯ ชี้แจงโครงการ


ในส่วนของรายละเอียดแต่ละกิจกรรมได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิของแต่ละด้านมาร่วมให้ข้อมูล ดังนี้ สถาพร ศรีสัจจัง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านดนตรีพื้นฐาน กล่าวว่า เป็นการเปิดโอกาสในสถานบันการศึกษาทั่วประเทศที่ดำเนินการส่งเสริมสืบสานศิลปะการแสดงครั้งนี้ สามารถส่งทีมเข้าประกวดใน ๒ ระดับ คือ ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ประกอบด้วยกัน ๕ ประเภท คือ ๑. วงเครื่องสายผสมปี่พาทย์ ๒. วงอังกะลุง ๓. วงสะล้อ ๔. วงพิณ แคน โปงลาง และ ๕. วงดิเกร์ฮูลู ซึ่งนอกจากกำหนดบทเพลงบังคับแล้ว จะต้องมีการสร้างสรรค์บทเพลงขึ้นใหม่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นอัครศิลปิน และเนื้อหาที่เกี่ยวกับค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ ที่เป็นคำสอนต่างๆ สอดแทรกอยู่ด้วย


ด้านผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาษาไทย ม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง กล่าวถึงการประกวดเรียงความ หัวข้อ "หนึ่งในค่านิยม เพื่อสังคมยั่งยืน" ว่า ได้กำหนดผู้เข้าแข่งขัน ๓ ประเภท คือ ประถมศึกษา, มัธยมศึกษา-ปวช. และอุดมศึกษา-ประชาชนทั่วไป จัดการประกวด ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับจังหวัดและระดับประเทศ (คัดเลือกผู้ชนะเลิศจากระดับจังหวัด/กรุงเทพฯ มาแข่งขันกัน) โดยเนื้อหาต้องเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้เด็กและผู้ใหญ่ปฏิบัติตามค่านิยมหลักข้อใดข้อหนึ่ง โดยต้องเขียนเรียงความด้วยลายมือของตนเองเท่านั้น และเป็นผลงานที่เขียนขึ้นใหม่ไม่ลอกเลียนแบบมา ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน ใช้ถ้อยคำสวนที่สละสลวย ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาไทย ชี้ให้เห็นคุณค่าและประโยชน์ของค่านิยม และที่สำคัญต้องสามารถกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตาม


และสุดท้ายการประกวดบทละครเสริมสร้างค่านิยม รศ.พรรัตน์ ดำรุง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการละคร กล่าวว่า บทละครในที่นี่กำหนดให้มีความยาวไม่เกิน ๒o นาที แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ มัธยมศึกษาและอุดมศึกษา-ประชาชนทั่วไป เป็นการส่งเสริมให้คนไทยได้ศึกษา ค้นคว้า คุณค่าสาระ พร้อมทั้งแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมตามยุคสมัย เสนอต่อสาธารณชนผ่านบทละคร มีเนื้อหาสาระมุ่งส่งเสริมค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ สื่อถึงความดีงามและจริยธรรมที่ควรยึดถือปฏิบัติ มีความคิดสร้างสรรค์ มีการสร้างสถานการณ์หรือปัญหาที่ผู้ชมไม่คาดคิด มีกลวิธีการเล่าที่แตกต่าง เช่น การใช้ดนตรี สื่อพื้นบ้าน หรือประยุกต์บทละครเพื่อการแสดงละครประกอบการร้องเพลง การส่งผลงานกำหนดให้ทีมละไม่เกิน ๕ คน


ขอเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมการประกวดได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด ส่วนกลางที่ สำนักส่งเสริมและเผยแพร่วัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม โทร. o-๒๒๔๗-oo๑๓ ต่อ ๑๓o๓, ๑๓๒๕, ๑๔o๙, ๑๔๑o ตามวันและเวลาราชการ หรือดาวน์โหลดข้อมูลได้ที่ culture.go.th



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
matichon.co.th










ShihiroA


Shihiro 1A



Shihiro 2A



Shihiro 3A



Shihiro 4A



Shihiro 5A













นิทรรศการ Art on the Coffee Table II


หากจะกล่าวถึงความสำเร็จในการทำงานหลากหลายแขนง ใช่หรือไม่ว่า ความเฉลียวฉลาด ขยันขันแข็ง มุมานะอย่างมั่นคงจริงจัง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จลุล่วงของผลงาน อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการคือความสัมพันธ์อันมีอัธยาศัยไมตรีระหว่างคู่สนทนา ความเป็นมิตร และความเข้าอกเข้าใจ ซึ่งบ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถค้นพบได้บนโต๊ะประชุมอันเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความขัดแย้งเชิงวิชาการอันเข้มแข็ง แต่จะปรากฏขึ้นท่ามกลางบทสนทนาบนโต๊ะกาแฟ


บรรยากาศของโต๊ะกาแฟอันเรียบง่าย หากทว่ามีศักยภาพที่จะคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งจนนำไปสู่ความสำเร็จในการสร้างสรรค์อันสัมฤทธิ์ผล นำมาซึ่งแนวความคิดของการจัดแสดงผลงานศิลปะในนิทรรศการ Art on the Coffee Table II: สายสัมพันธ์ที่แท้จริง ๒ เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะจากหลากหลายศิลปินบนโต๊ะกาแฟที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และอารมณ์ความรู้สึกแห่งสายสัมพันธ์


นิทรรศการ Art on the Coffee Table II: สายสัมพันธ์ที่แท้จริง ๒
จะจัดแสดงระหว่างวันที่ ๑ – ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ณ อาร์ต แกลเลอรี ในงานบ้านและสวนแฟร์ ๒o๑๔
อาคารชาเลนเจอร์ ๑ – ๓ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี



ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net














TIME : Gallery’s Printing and Drawing Collection


TIME : Gallery’s Printing and Drawing Collection
๒๕ ตุลาคม – ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ณ นำทอง แกลเลอรี อารีย์ (Numthong Gallery at Aree)
๗๒/๓​ ซ.อารีย์ ๕ (ฝั่งเหนือ) พหลโยธิน ๗, ถนนพหลโยธิน, กรุงเทพฯ / BTS : สถานี อารีย์ - ทางออกหมายเลข ๓


Time คือนิทรรศการที่รวบรวมผลงานศิลปะสะสมของนำทองแกลเลอรี ซึ่งจัดแสดงขึ้นในโอกาสที่แกลเลอรีดำเนินกิจการก้าวเข้าสู่ปีที่ ๑๘ ผลงานที่ถูกนำมาจัดแสดงนั้นเป็นผลงานประเภทภาพพิมพ์ (printing) และภาพลายเส้น (drawing) ของศิลปินที่มีชื่อเสียงรวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้ออกฝีไม้ลายมือกันในนิทรรศการชุดนี้


ชื่อของนิทรรศการครั้งนี้ “Time” มีความหมายและเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลา ซึ่งในมุมมองของนำทอง แซ่ตั้ง งานภาพพิมพ์เปรียบเสมือนเครื่องมือบันทึกชนิดหนึ่ง ที่สะท้อนจังหวะ เวลา สภาพสถานการณ์ อารมณ์ความรู้สึกและเหตุการณ์ของห้วงเวลานั้น ๆ ในขณะที่ผลงานภาพลายเส้นเองก็เป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่ศิลปินใช้บันทึกเรื่องราวต่างๆเช่นกัน หากแต่ “เส้น” ที่ไม่ได้เป็นแค่เพียงหนึ่งในทัศนธาตุขององค์ประกอบศิลป์ที่สามารถสัมผัสได้ด้วยตาแต่ “เส้น” แต่ละเส้นที่ศิลปินสร้างขึ้นถูกกลั่นกรองหลอมรวมมาจากประสบการณ์ของศิลปินซึ่งเป็นการบอกถึงห้วงเวลาของเหตุการณ์รวมถึงสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินที่มีต่อช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี


ผลงานสะสมในนิทรรศการดังกล่าวยังเป็นเหมือนภาพสะท้อนชีวิตและตัวตนของนำทอง แซ่ตั้งผู้ที่ดำเนินชีวิตคลุกคลีอยู่กับเส้นทางศิลปะมากว่า ๔o ปี พร้อมกันนี้ยังมีผลงานของศิลปินรับเชิญอย่าง นิติ วัตตุยา สมบูรณ์ หอมเทียนทอง คามิน เลิศชัยประเสริฐ นที อุตฤทธิ์ ไกรศักดิ์ จิรชัยสกุล กัญญา เจริญศุภกุล จิรัชยา พริบไหวและขวัญชัย ลิไชยกุล มาร่วมแสดงและถ่ายทอดห้วงเวลาด้วยผลงานภาพพิมพ์และลายเส้นในนิทรรศการดังกล่าวด้วย...


เข้าชมได้ทุกวันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา ๑๑.oo - ๑๘.oo น. (เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ)















ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net














SCENES


นิทรรศการ “ซีน : SCENES” ผลงานโดย ริชารด์ มี๊ด (Richard Mead) จัดแสดงระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม ถึงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.๓o - ๒๑.๓o น ณ RMA institute : อาเอมเอ อินสติติว


จิตวิญญาณของกรุงเทพฯ ขึ้นอยู่กับผู้คนในเมือง ภาพแต่ละชิ้นในงานนิทรรศการบันทึกเรื่องราวของชีวิตในเมืองหลวง ย้ํา เตือนถึงความสมบูรณ์ ความแตกต่าง และความซับซ้อนในชีวิตประจําวันของคน SCENES เป็นการฉลองความเป็นคนไทย การแสดงออกซึ่งความมีน้ําใจและความมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ภาพวาดเหล่านี้ยังสะท้อนให้เห็นสัญญาที่เรามีไว้กับสภาวะแวดล้อม รอบตัว SCENES บอกเล่าเรื่องราวของชายชาวอังกฤษที่เฝ้ามองกรุงเทพฯ ภาพวาดที่มีสีสันสดใสเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสงสัย ที่จะขุดค้นสังคมที่เขาทั้งรู้น้อยและรู้มากเกินไป ภาพวาดชิ้นแรกได้รับการรังสรรค์ขึ้นในช่วงทศวรรษ ๑๙๘o ซึ่งเป็นช่วงที่เกิด การเปลี่ยนแปลงทางสังคมขนานใหญ่ ถ่ายทอดภาพผู้คนที่เข้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ จิตวิญญาณของการ เติบโตทางค้าแพร่กระจายไปทั่ว ภาพวาดแสดงให้เห็นความวุ่นวายของท้องถนน บาร์พัฒน์พงษ์และร้านอาหาร ขณะที่งานชิ้นใหม่ ๆ สะท้อนมุมมองที่กว้างกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดสุนัขที่พยายามปกป้องพื้นที่ของตัวเอง คนไข้และพนักงานผู้เร่งรีบในโรงพยาบาล หรือแม้แต่ร้านอาหารที่แสดงออกถึงความ ร่ํารวยที่เกิดขึ้นใหม่ ภาพวาดเหล่านี้สะท้อนยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในกรุงเทพฯ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความรู้สึก ของศิลปินที่เกิดจากการถูกบีบคั้น เร่งเร้าที่จะแสดงออกถึงสิ่งที่เขารับรู้


ประวัติศิลปิน

ริชาร์ด มี้ดได้เขียนภาพเรื่องราวชีวิตในกรุงเทพฯ มานาน กว่า ๓๕ ปี โดยผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนด้วยตนเอง งานนิทรรศการภาพเขียนนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ในประเทศไทย


ริชาร์ดเกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขามี ประสบการณ์ทํางานที่หลากหลายใน หลายประเทศ เขา เป็นทั้งครู อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิจัย นักออกแบบ ละครเวที นักเขียนนิยาย บทละครและตําราวิชาการ เขา ศึกษาพรรคการเมืองหลายพรรคและลงสมัครรับเลือกตั้ง ในปีพ.ศ. ๒๕๔o เขาเคยมีนิทรรศการเดี่ยวที่ Rupa Gallery ประเทศมาเลเซีย เมื่อมาอยู่ในประเทศไทย กิจกรรมทั้งหลายต้องสะดุดลงด้วยโรคทางสมองใน ปีพ.ศ. ๒๕๕๕ หลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาเพิ่มพลัง ในการทํางานพร้อมกับหันมาใช้สีอะคริลิกและขยาย ขอบเขตเนื้อหาในการวาดภาพ ตอนนี้เขาเกษียณจากงาน วิชาการและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ กับภรรยาและ ลูกชาย











ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com














แค้มป์ไฟดนตรี ๒o ปี มาลีฮวนน่า


จัดขึ้นติดต่อกันมาถึง ๕ ครั้งแล้วสำหรับแคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า "ไข่" มาลีฮวนน่า หรือ คฑาวุธ ทองไทย และสำหรับครั้งที่ ๖ ที่กำลังจะบังเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการครบรอบ ๒o ปี ของ "มาลีฮวนน่า" ทำให้เทศกาลดนตรีครั้งนี้เพิ่มความพิเศษที่เจ้าตัวเตรียมมาพิเศษกว่าทุกปี


“รูปแบบ จะมีการแสดงดนตรี ในช่วงกลางวันจะเป็นการแสดง ศิลปะ และวิถีชีวิตของชาว หุบกะพงที่เชื่อมกับสหกรณ์ชุมชน โครงการตามพระราชดำริของในหลวง เช่น การทำ ป่านศรนารายณ์, การทำปศุสัตว์จากการนำเสนอของมหาวิทยาลัยศิลปากร, งานโชว์งานศิลป์ ของเพราะช่าง ทำปูนปั้น การวาดรูป ภาพล้อ ภาพเหมือน การถ่ายรูป ซึ่งจะมีการประกวด เพื่อให้ทุกส่วนได้ขยับเดินไปด้วยกันซึ่งผมตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น"


"ไข่" มาลีฮวนน่า นิยามความตั้งใจของคอนเสิร์ตให้ผู้สื่อข่าวฟัง และในฐานะที่เป็นทั้งนักดนตรีและอาจารย์สอนศิลปะเข้าจึงใช้ดนตรีเข้ามานำทัพในครั้งนี้






“ผมใช้ดนตรีเป็นตัวนำเพื่อเชื่อม งานศิลปะ งานบทกวี และวัฒนธรรมให้กลมกลืนและเข้าถึงคนทุกกลุ่มงานนี้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ซึมซับพร้อม ๆ กับพ่อแม่ใช้ชีวิตร่วมกันในแคมป์ไฟดนตรีในครั้งนี้ได้ ผมจัดโซนให้เด็กได้เรียนรู้และทำงานศิลปะตามจินตนาการของตัวเอง ในขณะที่พ่อกับแม่สามารถฟังงานดนตรีผม ให้ความสำคัญในสถาบันครอบครัว”


ส่วนอีกความพิเศษหนึ่งคือการครบรอบ ๒o ปี มาลีฮวนน่า ที่ไข่ มาลีฮวนน่า ได้ออกอัลบั้ม "ยรรโฟล์ค ๒" ที่เขาใส่จิตวิญญาณของตัวเพลงและดนตรีในรูปแบบการร้องและเล่นดนตรีสดในห้องบันทึกเสียงทำให้มีความเป็นธรรมชาติของดนตรีมากกว่าเพลงในยุคปัจจุบันที่ฟังกัน






“เพลงในอัลบั้มส่วนใหญ่มักจะมีการร้องเรียบเรียงทำดนตรีในห้องอัด แต่สำหรับ "ยรรโฟล์ค 2" ผมคิดแตกต่างออกไปเพราะสภาพสังคมปัจจุบัน คนโหยหาความเป็นธรรมชาติมากขึ้น การฟังงานดนตรี ก็อยากจะฟังฟิวส์แบบร้องสดเล่นสด เพราะให้อารมณ์และความรู้สึกอีกแบบ ชุด นี้ก็รวมสุดยอดของศิลปินเพลงเพื่อชีวิตที่อยู่ในความทรงจำ เป็นปรมาจารย์ทางดนตรีก็ว่าได้มาร่วมกันทำงานในอัลบั้มชุดนี้ อย่าง อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี, น้อย คาราวาน, น้าหว่อง คาราวาน หรือ มงคล อุทก, อี๊ด ฟุตบาท และปิ๊กเปรียว, บี๋ คณาคำ, ภิญโญ รุ่งสมัย มาร่วมอ่านคำกลอนก่อนเข้าบทเพลง และยังมี จิระนันท์ พิตรปรีชา มาร่วมงานในชุดนี้ด้วยจากเพลง คนปากบารา"


ส่วนความตั้งใจอีกอย่างของ ไข่ มาลีฮวนน่า ในอัลบั้มฉลอง ๒o ปีมาลีฮวนน่า "ยรรโฟล์ค ๒" คือความเป็นโฟล์คร่วมสมัยในมุมมองที่หลากหลายของผู้คนและสังคม


“ยังคงเป็นแนวโฟล์คแบบร่วมสมัย เช่น ใช้กีตาร์โปร่ง ๑๒ สายโดยเนื้อหาของแต่ละเพลงจะบอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตในมุมมองที่หลากหลายของผู้คนและสังคม อาทิ บทเพลงเกี่ยวกับบ้านเมือง, บทเพลงแนวอุดมคติ, บทเพลงเกี่ยวกับความรัก, บทเพลงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม, บทเพลงเกี่ยวกับปรัชญาและบทกวี รวมทั้งมีบทเพลงที่พูดถึงวิถีชีวิตของการออกเล หรือ การออกทะเลตามวิถีทำประมงของคนใต้อีกด้วย โดยในอัลบั้มชุดนี้ มีทั้งเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่ และเพลงเก่าที่ถูกคัดสรรกลับมาร้องเล่นใหม่กันสด ๆ ในห้องอัดกับนักดนตรี และศิลปินระดับปรมาจารย์”






สำหรับคอนเสิร์ตแคมป์ไฟดนตรี ๒o ปี มาลีฮวนน่า งานเพลงดนตรีกวี ศิลปะ จัดขึ้นติดต่อกันเป็นครั้งที่ ๖ แล้วโดยในปีนี้ จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ สิลปะสถาน ไร่โฮมปาร์คหุบกะพง จ.เพชรบุรี ตั้งแต่เวลา ๑๓.oo-๖.oo น. (หกโมงเย็นถึงหกโมงเช้า) บัตรราคาเดียว ๑,๒oo บาท พร้อมสถานที่กางเต็นท์ ผูกเปลฟรี สอบถามซื้อบัตรได้ที่ บริษัทมาลีฮวนน่าอาร์ตเรคคอร์ด จำกัด โทร. o-๒๕๔๘-o๔๕๒, o๘-๕๓๗๓-๔๖๑๖ หรือ maleehuana-artrecord.com โดยมีศิลปินรับเชิญ อาทิ สีเผือก คนด่านเกวียน อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี อี๊ด ฟุตบาท แฟมมิลี่ โป่ง-ป๊อป หินเหล็กไฟ "ป้าง" นครินทร์ กิ่งศักดิ์ ดวงจันทร์ สุวรรณี บี๋ คณาคำ คนชนบท



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














A 4 เปลี่ยนโลก กระแสการรณรงค์เพื่อโลกสร้างสรรค์.


ท่านคงไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เห็นรอบกาย ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม เทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์สถาปัตยกรรม การออกแบบเมือง หรือแม้กระทั่งวรรณกรรมดนตรี วรรณคดี และอื่น ๆ อีกมากมายเป็นล้าน ๆ อย่างที่สร้างสรรค์ ต่างได้ผ่านการคิด การขีดเขียน ผ่านปัญญาและปลายมือ บนกระดาษแค่แผ่นเดียว ตั้งแต่ก่อนมีคอมพิวเตอร์จนถึงปัจจุบัน แม้มีซอฟต์แวร์และฮาร์ตแวร์อันทันสมัย มนุษย์ก็ยังต้องใช้กระดาษ แผ่นแรกจุดเริ่มต้นแห่งความคิด ทักษะจากมือสู่การสร้างสรรค์จินตนาการอันยิ่งใหญ่เหลือคณานับ พลังแห่งกระดาษหมายถึงการสร้างคุณค่าจากอากาศธาตุที่ไม่มีอะไรเลยว่างเปล่าให้มีอะไรต่อมิอะไร คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ คุณค่าอยู่ที่การสร้างสรรค์อะไรดี ๆ ให้โลกใบเล็กใบนี้






ในรายวิชา การใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ Creative Living ได้จัดทำโครงการ โดยนักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์และคณะโบราณคดีชั้นปีที่ ๑ และปีอื่น ๆ บางส่วนภายใต้ชื่อ A4 เปลี่ยนโลก โดยมีการแสดงออกด้วยการสร้างสรรค์จากกระดาษ A4 แผ่นเดียว สามารถเป็นอะไรได้มากมาย โดยนักศึกษา ๒oo คนจะต้องมีผลงานของตัวเองจัดแสดง ตลอดจนรายวิชานี้ได้สร้างโปรแกรมให้นักศึกษาฝึกการทำกิจกรรมแคมเปญทางการตลาดและสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างกระแสกระตุ้นให้คนไทยคิดสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่ชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะการเพิ่มมูลค่าทางปัญญาผ่านการทดลองปฏิบัติจริงให้เห็นเป็นตัวอย่าง






การสร้างกระแสครั้งนี้จะเป็นการรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักรู้ถึงวิธีการเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบด้วยศิลปะแม้ต้นทุนน้อย ปัจจัยต่าง ๆ อาจดูด้อย แต่เมื่อคุณคิดให้รอบคอบละเอียดถี่ถ้วน สิ่งที่ทำก็จะมีมูลค่ามากเกินจินตนาการนักศึกษาจะร่วมจัดนิทรรศการโครงการนี้ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่สวนแก้วมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ มาร่วมฟังร่วมแสดงออกและรณรงค์ด้วยกันนะครับ







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














Genii Loci


นำเสนอผลงานศิลปะอันผสมผสานระหว่างประติมากรรม สถาปัตยกรรม และการออกแบบที่สอดแทรกมิติทางวัฒนธรรมแบบพื้นถิ่นของไทย ด้วยแรงบันดาลใจเกี่ยวกับวัฏจักรแห่งชีวิต เรือนร่าง การเติบโตล้มตาย และความทรงจำที่แฝงซ่อนอยู่ในวัตถุเครื่องใช้อันมีประวัติศาสตร์ของผู้คน ภายใต้ประเด็นของคำว่า Genii Loci ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาโรมัน หมายถึง วิญญาณที่คอยปกปักรักษาสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ผลงานทั้งหมดสร้างสรรค์โดย รัฐ เปลี่ยนสุข ศิลปินมากความสามารถผู้มีบทบาทเป็นทั้งนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ สถาปนิก อินทีเรียดีไซเนอร์ คอลัมนิสต์ ฯลฯ


นิทรรศการ : Genii Loci
ศิลปิน : รัฐ เปลี่ยนสุข
วันที่ : ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๗ ธันวาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : ARDEL’s Third Place Gallery
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๔๒๒-๒o๙๒
อีเมล : ardelgallery@gmail.com, ardelworkshop@gmail.com











ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2557 8:54:19 น. 0 comments
Counter : 3467 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.