happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
7 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๘๕





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










“ดั่งดวงแก้ว ส่องสว่าง ทางสายงาม”
๖o พระอัจฉริยภาพ แบบอย่างชีวิตที่ เก่ง ดี มีสุข ของสมเด็จพระเทพฯ



สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ จัดงานเปิดตัวหนังสือ “ดั่งดวงแก้ว ส่องสว่าง ทางสายงาม” เขียนโดย มูลนิธิศาสตราจารย์ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพ-รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยรวบรวม ๖o พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเทพฯ แบบอย่างชีวิตที่ เก่ง ดี มีสุข เพื่อให้ผู้อ่านได้รับแรงบันดาลใจให้พากเพียรเรียนรู้และขยันอดทนทำการงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพราะพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างอันดีเยี่ยมในทุกด้านซึ่งล้วนสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กและเยาวชน รวมถึงบุคคลทั่วไปให้พากเพียรเรียนรู้และขยันอดทนทำการงานตามรอยพระยุคลบาท เพื่อฝึกฝนตนเองให้เป็นคนดีคนเก่งของครอบครัวและสังคมต่อไป






รศ.ดร.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ รองประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิศาสตราจารย์ ม.ล.ปิ่น มาลากุล ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ผู้ที่ทำงานอย่างใกล้ชิด) และ ผศ.ดร.สุกัญญา บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (พระสหาย) ร่วมเสวนาถึง ๖o พระอัจฉริยภาพสมเด็จพระเทพฯ แบบอย่างชีวิตที่เก่ง ดี มีสุข เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทย โดยมี สุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด กล่าวถึงความภูมิใจในการจัดพิมพ์หนังสือ ณ อาคารนานมีบุ๊คส์เฮาส์ (ซอยสุขุมวิท ๓๑)






สุวดี จงสถิตย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่า “ในโอกาสนี้ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ “ดั่งดวงแก้ว ส่องสว่าง ทางสายงาม” นับเป็นเกียรติประวัติและสิริพิพัฒน์มงคลยิ่งแก่ชาวนานมีบุ๊คส์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพและพระจริยวัตรอันงดงามในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีแล้ว ยังจะเป็นคู่มือในการดำเนินชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชน รวมถึงบุคคลทั่วไปได้ถือเป็นแบบอย่าง เนื้อหาในหนังสือล้วนสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กและเยาวชนได้พากเพียรเรียนรู้และขยันอดทนทำงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท และสามารถฝึกฝนตนเองให้เป็นคนดีคนเก่งที่มีความสุขของครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไปได้”






ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท กับ “ดั่งดวงแก้ว ส่องสว่าง ทางสายงาม” ราคาเล่มละ ๒๖๕ บาท จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ วางจำหน่ายที่ร้านแว่นแก้ว ร้านนานมีบุ๊คส์ช็อป และ ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสอบถามที่ Nanmeebooks Call Center 02-662-3000 กด 1 //www.nanmeebooks.com และwww.facebook.com/nanmeebooksfan



































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th






























พระฉายาลักษณ์และข้อมูลจาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ ๑ ก.พ. ๒๕๕๘













งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม ขอเชิญร่วมงาน “เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” ประจำปี ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๗-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นี้ ที่อุทยาน ร.๒ อำเภออัมพวา


นางอินทิรา วุฒิสมบูรณ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม (สมุทรสงคราม นครปฐม สมุทรสาคร) เปิดเผยว่า มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (มูลนิธิ ร.๒) ร่วมกับจังหวัดสมุทรสงคราม กรมศิลปากร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน






ร่วมกันจัดงาน “เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย” ในระหว่างวันที่ ๗-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ อุทยาน ร.๒ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ และสนองในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงพระราชทานศิลปวัฒนธรรมไว้เป็นมรดกแก่ชาติจนได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ซึ่งในวันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลาประมาณ ๑๕.oo น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานงาน จึงขอเรียนเชิญทุกท่านเฝ้าทูลละอองพระบาทร่วมกัน






โดยภายในอุทยาน ร.๒ นอกจากจะได้ชมพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติ ร.๒ พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตไทยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตชาวอัมพวา พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ในวรรณคดี และการจัดสวนที่สวยงามแล้ว ภายในงานยังจะได้ชมการจัดนิทรรศการ กิจกรรมต่าง ๆ การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งเรื่องราววิถีชีวิตของชาวสมุทรสงครามที่น่าสนใจ ได้แก่


- นิทรรศการพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของ ร.๒

- วิจิตรมณเฑียร กิจกรรมตามพระราชดำริ ประกวดวาดภาพ “ดอกไม้งามในอุทยานฯ ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

- นิทรรศการด้านจิตรกรรมไทย ประติมากรรมไทย หัตถศิลป์ เครื่องโลหะ รูปพรรณและอัญมณี โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ (เพาะช่าง)

- โครงการรักการอ่าน

- อุทยานไม้มงคล (ต้นไม้ตามพระนามสมเด็จพระเทพฯ) เช่น ม่วงเทพรัตน จำปีสิรินธร เป็นต้น

- เรื่องของขนม เช่น สาธิตการทำขนมไทย ทองพลุ ม้าฮ่อ มะปรางริ้ว ขนมพื้นบ้านชาวอัมพวา เป็นต้น

- การออกร้าน จิตรลดา จิปาถะ ร้านภัทรพัฒน์ ร้านกาชาดสมุทรสงคราม ผลิตภัณฑ์โอทอป

- ตลาดน้ำอุทยานฯ

- การแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้านจากกลุ่มศิลปินแห่งชาติ ได้แก่ ละครชาตรี จากคณะครูทองใบ เรืองนนท์ การแสดงหุ่นกระบอกจากคณะชูเชิดชำนาญศิลป์ สมุทรสงคราม






ที่สำคัญขอเชิญชมการแสดงนาฏศิลป์ตามบทพระราชนิพนธ์ ได้แก่ ละครใน “เรื่องอิเหนา” ตอน อิเหนาหลงจินตะหรา และที่พลาดไม่ได้คือ การแสดงโขนกลางแจ้งจากกรมศิลปากรและสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เรื่องรามเกียรติ์ ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ โดยผู้ที่สนใจชมการแสดงในรอบวันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ สามารถติดต่อซื้อบัตรเข้าชมที่มูลนิธิ ร.๒ โทร. o-๒๖๒๘-๗๒๑๗, o-๒๒๘๑-๗๔๓๕ ในราคา ๕oo บาท ๓oo บาท และ ๕o บาท สำหรับรอบวันอาทิตย์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เปิดให้เข้าชมฟรี






สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยาน ร.๒ โทร. o-๓๔๗๕-๑๓๗๖ หรือ ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม โทร.o-๓๔๗๕-๒๘๔๗-๘ e-mail : tatsmsk@tat.or.th หรือ TAT Call Center 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














5 Question Forms



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ขอเชิญชมนิทรรศการ "5 Question Forms" ซึ่งเป็นนิทรรศการของคณาจารย์ภาควิชาประติมากรรม คณะศิลปะวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ๕ ท่าน ประกอบด้วย

- รศ. ฉายณภา เลปาจารย์
- อาจารย์จีระชน บุญมาก
- อาจารย์นที ทับทิมทอง
- อาจารย์วิสุทธิ์ ยิ้มประเสริฐ
- อาจารย์สุวิทย์ มาประจวบ


ทั้ง ๕ ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละท่านต่างมีผลงานในพื้นที่สาธารณะ การแสดงนิทรรศการ รางวัลเกียรติยศ รวมถึงแนวคิดในการสร้างสรรค์ที่แตกต่างกัน ด้วยความหลากหลายอันลงตัวนี้ จึงรวมตัวนำเสนอนิทรรศการเพื่อนำเสนอแนวคิดและมุมมองสู่สังคมผ่านรูปทรงทางประติมากรรมใน ๕ แนวทาง


นิทรรศการเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ ๔ - ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (ปิดวันจันทร์ - อังคาร) ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องนิทรรศการ ๕ - ๘ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลป์แห่งชาติ) ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ โดยจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๐๐ น.



















ภาพและข้อมูลจาก
finearts.go.th














วธ.จัดมรดกศิลป์คืนถิ่นมาตุภูมิ โบราณวัตถุที่รับมอบจากอเมริกา



วันอังคารที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “มรดกศิลป์คืนถิ่นมาตุภูมิ : โบราณวัตถุรับมอบจากสหรัฐอเมริกา” โดยมีนายบวรเวท รุ่งรุจีอธิบดีกรมศิลปากรเป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งกำหนดจัดแสดงให้ประชาชนเข้าชม ระหว่างวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ – ๑ มีนาคม ๒๕๕๘
ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร







































ภาพและข้อมูลจาก
FB กลุ่มเผยแพร่ฯ​ กรมศิลปากร














ไกลกังวล เดอะมิวสิคัล



จบไปอย่างสวยงามประทับใจ สำหรับละครเพลงเฉลิมพระเกียรติ “ไกลกังวล มิวสิคัล ออน เดอะบีช” ที่ริมชายหาดหัวหินสวนหลวงราชินี อ.หัวหินจ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้ชมฟรี วันที่ ๒๘ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


งานครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ ๒ หลังจากเว้นไป ๑ ปี ซึ่งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งภาคเอกชนได้จัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ในปี ๒๕๕๘


ปีนี้มีการเปลี่ยนตัวผู้แสดงบางส่วน โดยมี อาร์ เดอะสตาร์ มัดหมี่ พิมดาว รอง เค้ามูลคดี เบน ชลาทิศ กลม นพพล ลูกหว้า พิจิก ลูกแก้ว เดอะวอยซ์ และนักแสดงสมทบนับร้อยคน มาร่วมถ่ายทอดอารมณ์






ผศ.พรรณศักดิ์ สุขี ผู้กำกับการแสดง ได้สร้างเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่ โดยอิงกับความเป็นจริง ผสมผสานกับศาสตร์ทางละครเวที ทำให้เรื่องออกมามีหลายรสชาติสนุกสนาน และสอดแทรกสิ่งที่เป็นแกนสำคัญของเรื่องได้อย่างลงตัว ไม่ดูโดดจากเรื่อง


เริ่มกันที่ฉากการแสดงที่สวยงามจนหลายคนอยากจะให้เก็บไว้เป็นนิทรรศการถาวรประจำหาดหัวหิน (แต่เป็นไปไม่ได้เพราะฉากต่าง ๆ ทำมาจากวัสดุชั่วคราว ที่จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา) ทราบมาว่า สถานที่ตั้งฉากและเวทีนั้น เดิมเป็นสวนสาธารณะที่เนรมิตเป็นฉากโรงแรมหรูสไตล์ย้อนยุค “บ้านเกลียวคลื่น” กับบ้านหลังน้อยอีกหลังหนึ่ง โดยมีลานกิจกรรมตรงกลาง ที่มองเห็นทะเลอยู่ด้านหลัง มีต้นมะพร้าวจริง ๆ เรียงราย ซึ่งหลายคนแยกแยะไม่ออกว่า สิ่งไหนคือ ฉาก สิ่งไหนคือ ของที่มีอยู่เดิม ต้องชื่นชมฝ่ายฉากที่ทำได้ยอดเยี่ยมมาก (ออกแบบโดย รัฐกิจ ก้อนเชื้อรัตน์) และสิ่งที่สร้างอารมณ์ร่วมได้ดีไม่แพ้กันคือ ระบบแสงที่ลงตัว และวงดนตรีบรรเลงสด ประพันธ์และกำกับดนตรีโดย ระพีเดช กุลบุศย์






ชาวหัวหินอาจจะตกใจว่า สถานที่แสดงและที่นั่งคนดูนั้น เคยมีต้นไม้ร่มรื่น แต่ต้นไม้หลายต้นได้หายไป ซึ่งทีมงานเบื้องหลังได้เล่าให้ฟังว่า ได้ย้ายไปฝากไว้ในศูนย์ดูแลต้นไม้ และจะยกกลับมาคืนที่เดิมทุกต้นเมื่อจบการแสดงแล้ว


ด้วยความที่เป็นละครกลางแจ้ง ระบบเสียงในรอบแถลงข่าวและรอบต่อ ๆ มา จึงค่อนข้างมีปัญหา ไมโครโฟนดับ และมีเสียงรบกวนตลอดเวลา แต่ชื่นชมความฉลาดของนักแสดงบางคนที่เมื่อทราบว่า ไมโครโฟนของนักแสดงร่วมไม่มีเสียง ก็เข้าประชิดตัวเพื่อให้ใช้ไมค์ร่วมกันได้






แม้ว่าปัญหาเรื่องระบบเสียงจะทำให้ผู้ชมเสียอรรถรสไปบ้าง แต่สิ่งที่เป็นแก่นสารที่ต้องการนำเสนอนั้น ได้ถูกส่งตรงมาถึงผู้ชมอย่างครบถ้วน นั่นคือ ฉากที่ทำให้ผู้ชมได้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงสร้างวังไกลกังวลขึ้นมา (ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์) เพื่อพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จแปรพระราชฐานมายังวังไกลกังวลเป็นประจำ ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี ๒๔๗๖ โดยไม่ได้เสด็จกลับมาอีกเลย


ในละครเพลงได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ ผ่านปากของคุณตา (รอง เค้ามูลคดี ซึ่งบทนี้เมื่อสองปีที่แล้ว นำแสดงโดย ญาณี ตราโมท ) ซึ่งในท้องเรื่อง คุณตาได้เล่าเรื่องให้รุ้ง (มัดหมี่) กับฝนหลวง (อาร์) ซึ่งคุณรองได้ใช้เสียงและอารมณ์ในการบรรยายได้อย่างสุดยอด ทำให้ฉากนี้ คนดูจำนวนมากหลั่งน้ำตา ซึ่งผมเองก็น้ำตาคลอในฉากเดียวกันนี้ เหมือนกันกับการแสดงครั้งที่แล้ว โดยเฉพาะเพลง “ราตรีประดับดาว” เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๗ แว่วดังขึ้น หลายคนขนลุก หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตา






และพระราชวังไกลกังวลนี้ ยังเป็นสถานที่ที่ิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับ สมเด็จพระราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาหลังจากพระราชพิธีอภิเษกสมรส ซึ่งถือว่า เป็นสถานที่ “ฮันนีมูน” ของทั้งสองพระองค์ด้วย


คราวที่แล้ว หลังจบการแสดง ผมได้เดินปะปนกับชาวบ้านที่มาชม ได้ยินบางคนพูดว่า อยู่หัวหินแต่ไม่เคยรู้เลยว่า ที่นี่เป็นสถานที่มีความหมายลึกซึ้งและมีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ยิ่งนัก ใครที่พลาด ไปแล้ว ไม่แน่ใจว่า “ไกลกังวล มิวสิคัล ออน เดอะบีช” ปีหน้า ยังจะมีให้ชมกันเป็นครั้งที่ ๓ หรือไม่



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














สองเท้าฉุดสองล้อ แลวิถีเมืองพระธาตุ



เทรนด์ช้า ๆ เนิบ ๆ และไม่ก่อมลพิษกำลังได้รับความสนใจจากผู้ถวิลหาความสุขที่ไม่ยึดเกี่ยวกับสิ่งโก้หรู ซึ่งไปได้ดีกับวิถีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จึงไม่แปลกหากเดี๋ยวนี้จะพบเห็นกลุ่มนักปั่นไม่ว่าจะฉายเดี่ยว เป็นคู่ หรือคาราวานหลายสิบคันพากันปั่นลัดเลาะไปทั่วทุกตรอกซอกซอยสุดแต่ขนาดพาหนะและแรงถีบจะพาไปถึง เช่นเดียวกับงานปลุกวิถีปั่นที่สายการบิน "นกแอร์" แม่งานใหญ่ ประสานพลังกับการท่องเที่ยวจังหวัดนครพนม อีกทั้งชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพนครพนม จัดกิจกรรม "ทัวร์ ออฟ แฮปปี้เนสส์ ปั่น ชิล ชิล ชมวิว ๒ ฝั่งโขง สุขที่สุดที่นครพนม" แวะบ้านชมวัดอันน่ารื่นรมย์ด้วยสองเท้าฉุดสองล้อ


นครพนมเป็นเมืองจักรยานมาแต่เดิม การท่องเที่ยวเชิงจักรยานจึงเป็นการกระตุ้นให้ผู้พิสมัยการใช้ชีวิตช้า ๆ สามารถร่วมกันปั่นจักรยานได้ ด้วยสภาพภูมิศาสตร์มีถนนเลียบแม่น้ำที่ยาวที่สุดราว ๕o กม.ตั้งแต่อ.บ้านแพงไล่ไปจนถึงอ.ธาตุพนม ซึ่งขณะนี้สิ่งที่จังหวัดกำลังเร่งส่งเสริมคือการทำเส้นทางจักรยานขึ้นใหม่เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยบางอำเภอเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมอย่างอ.ท่าอุเทนมีการเชื่อมทางจักรยานมาถึงอ.เมืองต่อไปยังอ.ธาตุพนม โดยเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระธาตุแต่ละพระธาตุสามารถเชื่อมถึงกันได้ สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของจังหวัดที่เป็นเมืองที่มีพระธาตุมากที่สุดในประเทศ






แขกบ้านที่ไปเยือนถิ่นพระธาตุกว่าครึ่งมีจุดหมายเพื่อสักการะ "พระธาตุพนม" อายุราว ๒,๕oo ปี ธารินทร์ พันธุมัย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัด เล่าตำนานเกี่ยวกับพระธาตุได้อย่างสนใจว่าครั้งอดีตพระเกจิแต่ละเมืองทำหน้าที่อัญเชิญพระธาตุมา ต้องเป็นคนมีบุญญาบารมีเท่านั้นถึงจะทำได้ ความจริงนครพนมมีถึง ๑๔ พระธาตุนอกเหนือจากพระธาตุพนมอันเลื่องชื่อ เช่น พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร เป็นต้น เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อุดมไปด้วยพระบรมสารีริกธาตุ ในคติความเชื่อที่ว่าเป็น "เมืองแห่งพระโคตมโคดม" มีคำทำนายว่าพระพุทธศาสนาจะเจริญในดินแดนยุคพระโคตมโคดมซึ่งก็คือที่นี่ นครพนมจึงมีอีกชื่อว่า "ศรีโคตรบูรณ์" หรือเมืองแห่งพระโคตมนั่นเอง


"นครพนมมีเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงเดินทางมาเยือนไม่ขาด โดยเฉพาะเวียดนาม ลาว สำหรับคนลาวจะเป็นกลุ่มเล็กๆ ส่วนเวียดนามพอประมาณเพราะรัฐบาลเขายังไม่ส่งเสริมให้คนเดินทางเที่ยวนอกบ้าน จะเป็นลักษณะเดินทางมาเยี่ยมญาติ มาซื้อของแล้วกลับไป เนื่องจากเมื่อก่อนนครพนมเป็นเมืองหลักในการอพยพหนีภัยสงครามเวียดนาม ตั้งแต่มุกดาหารยังไม่แยกตัวออกไปจะเห็นว่ามีชายแดนยาวมาก ๒oo กว่ากิโลเมตร จากนั้นจึงกระจายตัวไปอยู่ตามสกลนคร อุดรธานี หนองคาย มหาสารคาม ซึ่งสมัยสงครามนครพมอยู่กึ่งกลางระหว่างเวียดนามเหนือกับใต้พอดี ทำให้วัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบเวียดนาม และฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมละแวกนี้แทรกซึมไปทุกหย่อมหญ้า" กูรูเรื่องประวัติศาสตร์สองฝั่งโขง เล่าที่มาที่ไปอย่างเป็นเหตุเป็นผล






พูดถึงเสน่ห์วิถีจักรยานปั่นแลวัฒนธรรมริมฝั่งโขง ไกด์กิตติมศักดิ์ บอกว่า แต่ละพระธาตุส่วนใหญ่อยู่ริมแม่น้ำโขง อีกทั้งบ้านเรือนชุมชน ประเพณีวัฒนธรรมก็ผูกพันกับสายน้ำ คนโบราณใช้แม่น้ำเป็นถนน มาถึงยุคที่ถนนทำหน้าที่แทนสายน้ำ การปั่นจักรยานเลียบโขงจึงได้พบเจอกับชุมชมเก่าอันเปี่ยมด้วยวิถีชีวิตเรียบง่าย เช้า ๆ ชาวบ้านตื่นขึ้นมารดน้ำแปลงผักที่ปลูกริมโขง ตกสายจับจ่ายตลาดอินโดจีน มีวัดไทยและวัดฝรั่งเรียงรายตลอดแนว อย่าง วัดพระธาตุนคร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันเสาร์ วัดโอกาส มีพระติ้ว-พระเทียม อีกหนึ่งพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครพนม โบสถ์วัดนักบุญอันนา ที่สร้างขึ้นปี ๑๙๒๖ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนานาชาติที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ อีกทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อย่าง พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯ หลังเก่า สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสที่เก็บรวบรวบวัตถุหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัด


นอกจากการปั่นช้า ๆ เนิบ ๆ จะเข้ากับบุคลิกของเมืองแห่งขุนเขาแล้ว กิจกรรมทางวัฒนธรรมล่าสุดที่ชาวนครพนมกำลังรื้อฟื้นขึ้นมาคือ ประเพณีทอดผ้าป่าทางน้ำถวายองค์พระธาตุที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา ซึ่งปีที่แล้วเพิ่งมีการรื้อฟื้นขึ้นมา และคาดว่าจะปักหมุดถาวรในปฏิทินท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้วย เอาเป็นว่าถ้าอยากสัมผัสชีวิตริมโขงก็ฟิตร่างกายให้พร้อมเพราะเที่ยวนี้มีเพียงสองเท้าประสานสองล้อเท่านั้น



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














๒o ปี ศิลปินรักษ์ผืนป่าตะวันตก



บ้านขุนทอง พยุหะคีรี นครสวรรค์ เป็นที่รวมตัว รวมหัว รวมใจ รวมความคิด ของคนรักศิลปะ รักธรรมชาติ รักป่า รักสัตว์ รักชีวิต รักที่จะคิดจะสร้าง จะรักษา


“ประกอบ อินชูพงศ์” ยังคงอยู่ที่นี่ เพื่อนสนิทมิตรสหาย พี่น้องศิลปินคนรักป่า คนทำงานอนุรักษ์ นักกิจกรรม คนเล็กคนน้อย ยังแวะเวียนพบปะสนทนา ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมเดินทาง ทั้งภายนอก ภายใน ไกลออกไป ลึกเข้าไป ผ่านมา ๒o ปีแล้ว


กิจกรรมหลากหลาย ขับเคลื่อนผ่านโครงการต่าง ๆ ปลูกจิตสำนึก สร้างความเคลื่อนไหวทางความคิด บนวิถีแห่งศิลปะ, ดนตรี, วรรณกรรม


ที่สายตาผมมองเห็น ศิลปินกลุ่มหนึ่ง ดั่งพี่น้องคล้องใจด้วยสายสัมพันธ์ มีวันเวลาที่ได้พบกัน ปะทะสังสรรค์ทางความคิด ความรู้ ความรู้สึก ตื้นลึกหนาบาง ปะทะคารมคมคำ ปะทะลวดลายดนตรี ปะทะฝีแปรง ฝีไม้ลายมือ ลายเส้น ลายสี จนลายสืออักษร เคียงบ่า กระทบไหล่ กระทบแก้ว บนเสื่อสาด บนลานหญ้า บนเก้าอี้โต๊ะกลม ในห้องกว้าง ในห้องแคบ รอบกองไฟ กลางผืนป่า


ประกอบ อินชูพงศ์ และบ้านขุนทอง ยังตั้งมั่นอยู่ที่เดิม เหล่าศิลปินยังเคลื่อนไหวโบยบิน “อย่างอิสระ” ฟ้ายังกว้าง ทางยังไกล ถึงเวลาอันควรก็แวะเวียนมา ยามที่มีกิจและมีกรรม กิจที่ต้องร่วมปฏิบัติ กรรมที่ต้องร่วมก่อ การรวมตัวที่ดูเหมือนหลวม ๆ ก็จะกระชับแนบแน่น หัวสมองและหัวใจที่ต่างคนต่างคิด ต่างรู้ ต่างรู้สึก ก็มารวมพลังกันในยามที่ผืนป่าต้องการการปกป้อง ข้อมูล ความรู้ทั้งหลายก็ถูกนำมาหลอมรวมเป็นความ “รู้เขารู้เรา” เป็นยุทธวิธีต่อสู้ต่อไป เหมือนว่าศิลปินรวมตัวเฉพาะกิจ แต่หัวใจนั้นรวมกันอยู่แล้ว เสมอมาเสมอไป ตลอดมาตลอดไป


ในวะระ ๒o ปี ศิลปินรักษ์ผืนป่าฯ การรวมพลังครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง เสาร์ที่ ๓๑ มกราคม ที่บ้านขุนทอง อำเภอพยุหะคีรี นครสวรรค์


“คอนเสิร์ต ๒o ปี ศิลปินรักษ์ผืนป่าตะวันตก” คือชื่องาน ศิลปะ ดนตรี กวี มุ่งมั่นสร้างสรรค์บนเส้นทางอนุรักษ์พบ หงา-หว่อง คาราวาน, ตุ๊ แครีออน, คีตาญชลีและวง บางลำพูแบนด์ ตลอดจนเพื่อนพ้องน้องพี่ศิลปินมากมาย"


ขอเชิญคนรักดนตรี กวี ศิลปะ รัก ป่า พบปะ สนทนา ดื่มด่ำมิตรไมตรี พบกันที่บ้านขุนทอง ตั้งแต่เวลา เย็นย่ำ พลบค่ำ ยันดึก อาจอยู่ยาวไปยันฟ้าสาง ตามอัธยาศัย


บันทึกไว้ด้วยใจรัก "สติ ปัญญาคืออาวุธ จิตใจบริสุทธิ์ดุจคันศร สายธนูคือศรัทธาอันสุนทร ศิลปะ แน่นอนคือลูกธนู "


"ศิลปินรักษ์ผืนป่าตะวันตก" ยังยืนหยัดผ่านห้วงเวลาสองศวรรษอย่างมั่นคง



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net


























ภาพและข้อมูลจาก นสพ. MAGZ โพสต์ทูเดย์ ๔ ก.พ. ๒๕๕๗













Art Market เปิดพื้นที่ยกระดับศิลปินไทย



วันที่ ๓ ม.ค. นายชาย นครชัย ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย(สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) เปิดเผยว่า ตามที่สศร. ได้เปิดพื้นที่เรียนรู้เป็นกิจกรรม Art Marketหรือ”ตลาดนัดศิลปะ” บริเวณริมทางเท้าหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนินในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ของเดือน เพื่อส่งเสริม เผยแพร่แลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมไทย สร้างความรู้ความเข้าใจในงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปนั้น เท่าที่ประเมินเบื้องต้น พบว่า มีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และจากการเก็บข้อมูลในส่วนศิลปิน และ ผู้นำสินค้ามาจำหน่าย พบว่า ตลาดนัดศิลปะช่วยให้ศิลปินสามารถนำผลผลิตมาจำหน่ายได้ถึง ๘o% ช่วยสร้างรายได้ให้ศิลปินรุ่นใหม่ และยังสร้างแรงจูงใจในการพัฒนางานศิลปะ ขณะเดียวกันยังทำให้กลุ่มผู้สนใจงานศิลปะได้มารวมตัวกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์และถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่กลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งจะส่งเสริมให้เด็กใช้เวลาว่างอย่างเป็นประโยชน์แทนการใช้เวลาไปเล่นเกมหรือทำสิ่งที่ไม่ก่อประโยชน์


นายชาย กล่าวต่อไปว่า สศร.จะทำการประเมินผลตลาดนัดศิลปะเป็นรายสัปดาห์ เพื่อยกระดับหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ให้เป็นพื้นที่บริการทางศิลปะอย่างครบวงจรและเต็มรูปแบบตามมาตรฐานสากล ซึ่งเริ่มจากการผลักดันให้มีการสร้างภัณฑารักษ์และคณะกรรมการดูแลบริหารจัดการหอศิลป์โดยในปี ๒๕๕๘ นี้ได้วางแผนปรับภาพลักษณ์ภายในหอศิลป์ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้และจัดกิจกรรมเติมเต็มพื้นที่ ได้แก่ การจัดซื้อเครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อให้บริการด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างรวมทั้งจัดซื้อเครื่องพิมพ์ภาพวู้ดคัท ตั้งแต่ขนาดใหญ่สุด ๑.๕x๓ เมตร และขนาดพกพา ๓๕x๖๕ ซ.ม.เพื่อให้เยาวชนไทยได้สัมผัสและทดลองใช้งานเครื่องพิมพ์ของจริง รวมถึงพัฒนากระบวนการทำงานศิลปะเพื่อให้บริการแก่ศิลปินทั่วไปในการสร้างงานศิลปะภาพพิมพ์มากขึ้นนอกจากนี้ก็จะปรับปรุงพื้นที่ให้บริการใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดเวิร์คช้อปงานด้านศิลปะในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น


"ผมได้กำชับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการปรับปรุงหอศิลป์ร่วมสมัยให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อรองรับกับการจัดงานนิทรรศการศิลปะตามแผนปี ๒๕๕๘ รวมทั้งจะมีการเพิ่มกิจกรรมแลกเปลี่ยนศิลปะไทยกับศิลปะประเทศอาเซียนเพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้เรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และสังคม ของประเทศสมาชิกอาเซียนผ่านงานศิลปะ"ผอ.สศร. กล่าว



ภาพและข้อมูลจาก
dailynews.co.th














'เส้นทางรัก' หนังโรแมนติก เต็มเปี่ยมด้วยวัฒนธรรมไทย



เรื่องราวของแม็กซ์ กราฟฟิก หนุ่มชาวอเมริกันที่ตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเดินทางตามรอยอินสตาแกรมชื่อ LOVE EN ROUTE เพราะประทับใจภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและโดดเด่น จนต้องการเป็นเพื่อนกับเจ้าของภาพ ทั้งสองพบเจอกันบนเส้นทางสุดโรแมนติกในไทย ตกลงเป็นพรหมลิขิตใช่ไหม ต้องติดตามชมในภาพยนตร์เส้นทางรัก (#LOVE EN ROUTE) ภาพยนตร์แห่งชาติที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ดำเนินการผลิตอย่างตั้งใจ


ต้องบอกว่านานๆ ทีจะได้มีโอกาสเห็นภาพยนตร์สารคดีรักแสนหวาน ใช้ฉากสวยๆ เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์วัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวของไทย แล้วในฉากยังมี เจมส์-อเล็กซานเดอร์ แม็กกี้ มาเป็นพระเอกที่สร้างรอยยิ้ม และนางเอกวัยรุ่น เพชร-นารา เอื้อทวีกุล โดดมารับเล่นบท ”พิม” นักเขียนสาวชาวไทย เจ้าของอินสตาแกรม LOVE EN ROUTE กำกับการแสดงโดย ณธีวัชร์ วงศ์จริยวัตร ผู้กำกับหนังชื่อดัง


วีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวด้วยรอยยิ้มในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เส้นทางรัก (#LOVE EN ROUTE) ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ วธ.จัดสร้างภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลิตภาพยนตร์ ได้แก่ สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กะทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ชื่อเรื่อง เส้นทางรัก (#LOVE EN ROTE) มีเนื้อหานำเสนอความโดดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวของไทย เน้นความเป็นไทยในการดำเนินเรื่อง โดยได้คัดเลือกสถานที่ถ่ายทำใน จ.เชียงใหม่, ลำปาง, สุโขทัย, ตรัง และกรุงเทพมหานคร โดยเน้นฉากใน จ.ตรัง ตั้งแต่เกาะลิบง เกาะมุก เกาะไหง เกาะกระดาน เป็น ๑ ใน ๑๒ เมืองต้องห้ามพลาด ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเปิดตัวในปีนี้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ภาพยนตร์นี้ทั้งน่าเที่ยวและตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


รมว.วัฒนธรรมกล่าวว่า วธ.ได้ตั้งเป้าหมายที่จะนำเสนอผ่านสื่อทุกรูปแบบในช่องทางต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวสถานที่ในประเทศไทย ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากสายการบินต่าง ๆ เพื่อร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวในเส้นทางการบิน ได้แก่ สายการบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย ขณะเดียวกันจะประสานงานไปยังระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟไทย สถานีขนส่งรถทัวร์ เครือข่ายโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึงเตรียมนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเผยแพร่ในเทศกาลหนังเมืองคาน ประเทศฝรั่งเศส เดือน พ.ค. จากนั้นจะร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ไทยในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จำนวน ๒๘.๓๖ ล้านคน ในช่วงต้นปี ๒๕๕๘ ก่อให้เกิดการสร้างรายได้มากกว่า ๑.๒๙ ล้านล้านบาท ประชาชนสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์เรื่องเส้นทางรักได้ที่ //www.m-culture.go.th


“ในการประชุม ครม.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้และชื่นชอบมาก จากนั้นนำไปเปิดเผยแพร่ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ขณะนี้มียอดผู้เข้าชมในยูทูบหลายหมื่นคน กระแสตอบรับดีมาก ดังนั้น วธ.จึงเตรียมจัดสร้างภาค ๒ เน้นเรื่องราววิถีชีวิต ประเพณี และศรัทธาในศาสนา พระเอก-นางเอก พาไหว้พระ ๙ วัด เที่ยวปีใหม่ไทย ปีใหม่จีน รวมถึงไปดูภูมิปัญญาท้องถิ่น สะท้อนประเพณีอันดีงาม และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของไทย ตามแผนจะมีภาค ๓ จะเสนอเนื้อหาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินเรื่องผ่านงานพระราชพิธีสำคัญ และเที่ยวชมโครงการในพระราชดำริทั่วประเทศไทย” นายวีระเผยให้ความสำคัญกับการผลิตภาพยนตร์นำเสนอวิถีไทยมาก


ด้านณธีวัชร์ วงศ์จริยวัตร ผู้กำกับการแสดงคุณภาพ กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่อง ”เส้นทางรัก” ตัวละครจะพาผู้ชมไปพบกับสถานที่พิเศษและน่าจดจำของแหล่งท่องเที่ยวในไทย รวมถึงเสน่ห์ของวิถีไทย เรื่องนี้ตั้งใจสื่อสารกับวัยรุ่นและใช้อินสตาแกรมผูกเรื่อง ทำให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการใช้โซเชียลมีเดียติดต่อสื่อสาร เพราะมีความรวดเร็ว ทันสมัย อัพเดตชีวิตกันและกันได้เสมอ


“หนังสารคดีส่งเสริมการท่องเที่ยวนี้ ทุกฉากถ่ายทำใหม่ทั้งหมด หนังภาคแรกจะพาไปรู้จักและตกหลุมรักประเทศไทย จากนั้นฝากให้ติดตามเรื่องราวของทั้งสอง เพราะจะยังคงดำเนินต่อไปในภาค ๒ หนังเน้นวิถีชีวิตของผู้คนที่มีความสุข แม็กซ์ พระเอก จะคิดถึงพิม และโหยหาประเทศไทยในฐานะที่เป็นเมืองแห่งความสุข ฉากเสนอวัด ศาสนสถาน ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม รวมถึงสีสันประเพณีสงกรานต์ที่มีความสุขและความหมาย" ผู้กำกับชื่อดังมั่นใจทั้งภาค ๑ ที่หาชมได้แล้ว และภาค ๒ เตรียมผลิต จะคุ้มค่าและโรแมนติกมาก นอกจากนี้จะมีเซอร์ไพรส์อีกด้วย.







ภาพและข้อมูลจาก
thaipost.net














G1 Contemporary Curated by H Gallery



H Gallery พื้นที่แสดงผลงานศิลปะชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย สร้างสรรค์แกลอรี่แสดงงานศิลป์สไตล์ ‘Fine Art’ แห่งล่าสุดใจบนทำเลที่ตั้งของศูนย์การค้าเกษร ย่านดาวน์ทาวน์ รวมถึงการถ่ายทอดรสนิยมผ่านภาพลักษณ์การตกแต่งสถานที่แบบมีระดับ


H Gallery นำเสอนนิทรรศการครั้งแรกของ วิลล์ โคลส ศิลปินชาวอังกฤษผ่านตัวตนในอดีตของเขาภาพใต้ชื่อ Disquiet ผลงานที่บอกเล่าความจริงในคราบลวงซึ่งพบเจอได้บนท้องถนนกรุงลอนในย่านแบบเดียวกับที่โคลสเติบโตมา และกระตุ้นให้เกิดอุปลักษณ์ของสิ่งที่คุ้นเคยในแบบที่แปลกออกไป


เสมือนเป็นจุดนัดพบที่เชื่อมความสร้างสรรค์ที่มีรสนิยมระหว่างศิลปิน ผลงานศิลปะ และนักสะสม เข้าไว้ด้วยกัน โดยนำเสนอผ่านนิทรรศการที่นำเสนอมุมมองในมิติใหม่ผ่านศิลปินไทยและระดับอินเตอร์ อาทิ สมบูรณ์ หอมเทียนทอง มิตร ใจอินทร์ รวมถึง วิลล์ โคลส ศิลปินชาวอังกฤษที่นำเสนอภาพเขียนในนิทรรศการ Disquiet ภาพเขียนเชิงมโนทัศน์ที่ซับซ้อนด้วยปริศนาเรื่องราวของภาพลวงตา


H Gallery เปิดให้ผู้ที่รักศิลปะได้เข้าสัมผัสความหมายที่แฝงไว้ในบริบทต่าง ๆ ที่ศิลปินต้องการสะท้อนผ่านแนวคิดในผลงานแต่ละชิ้น ได้ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเกษร ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๒o.oo ไปต้นไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย



















ภาพและข้อมูลจาก
loptimumthailand.com














Drawing Out the Best in Me



Drawing out the best in me (ดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวฉันออกมา ) นิทรรศการภาพวาดดรออิ้ง จาก Elysha Rei ศิลปินสาวชาวออสเตรเรีย และเคยเป็นศิลปินในพำนักของ Sam Rit Resideency อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่หยุดพักการทำงานตัดกระดาษที่ชื่นชอบกลับมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยเทคนิคดรออิ้งอีกครั้ง โดยนำเอาใบหน้าคนรวมถึงวัฒนธรรมที่เธอได้ไปสัมผัสพบเจอจากสถานที่ต่าง ๆ มาถ่ายทอดเรื่องราว ลงในผลงานที่มีลักษณะเฉพาะตัว


สามารถร่วมรับชมนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในเมืองไทยของเธอได้ที่ Use Space ซอยสามเสน ๑๘ ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑o๓oo สอบถามเพิ่มเติม โทร. o๘๑-๔๕๘-o๑๑๖ https://www.facebook.com/UseSpaceBkk ตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม – ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เปิดงานวันศุกร์ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. เปิดให้เข้าชม อังคาร-อาทิตย์ ๑o.oo น.-๑๗.oo น. ปิดวันจันทร์


ดึงสิ่งที่ดีที่สุดในตัวฉันออกมา โดย เอลิช่า เร (Elysha Rei) ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการกำหนดเวลา รางวัลทางศิลปะที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทำให้ฉันได้กลับไปยังสื่อกลางของการวาดภาพที่หายไปนาน และการหยุดพักจากงานตัดกระดาษที่ทำอยู่ประจำของฉัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ฉันรู้สึกกระหายที่จะทำงานสร้างสรรค์ ซึ่งฉันก็มัวแต่พลักความคิดเกี่ยวกับความชอบของการเคลื่อนไหว การศึกษาและโครงงานต่าง ๆ ออกไปอยู่นั่น จนในที่สุดตอนนี้ฉันก็ได้ข้อแก้ตัวที่สุดเฟอร์เฟคที่จะหันมาทำงานศิลปะอีกครั้งหนึ่ง


ฉันวาดใบหน้าของผู้หญิง โดยใช้หน้าของฉันเป็นแบบเอง แต่ก็ยังไม่ได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง การใช้หน้าของฉันเป็นแบบเองเนี่ยเป็นอะไรที่สะดวกมาก เพราะว่าฉันสามารถมองหน้าตัวเองเมื่อไรก็ได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับความงามแบบญี่ปุ่นตามประวัติของฉัน ฉันรู้อยู่แล้วว่า ทรงผมแบบไมโกะ เกอิชา จะต้องเข้ากับใบหน้านี้ได้อย่างเหมาะเจาะที่สุด ส่วนนกพิราบบนศีรษะของเธอนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากครอบครัวของนกที่อาศัยอยู่แถวบ้านของฉัน การติดนกเข้าไปอยู่ในก้อนผมของเธอนั้นมันช่างทำให้งานชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์ที่สุด


ไม่กี่วันถัดมา ฉันก็เริ่มที่จะวาดอีกครั้ง - อีกครั้งหนึ่งกับการจัดเตรียมใบหน้า, เครื่องประดับศีรษะและตัวนก ซึ่งคราวนี้จะไม่มีการกำหนดเวลา มีเพียงแต่การยกย่องสัญชาตญาณล้วน ๆ ที่นำไปยังความคิดที่มองเห็นได้ ซึ่งติดอยู่ทางด้านหลังในหัวของฉันมานานเกินไปแล้ว ภาพวาดที่สองก็ใช้ใบหน้าของฉันอีกเช่นกัน แต่เน้นไปในส่วนของรายละเอียดมากขี้นในครั้งนี้ ฉันเริ่มที่จะมีความซื่อสัตย์กับลักษณะบนใบหน้าของฉันมากขี้นมาอีกนิด เพราะเช่นนั้นเอง จึงเกิดเป็นภาพวาดที่นำฉันให้เข้าไปใกล้กับความคล้ายคลึงที่แท้จริงมากยิ่งขี้นไปอีก และแล้วก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนทางอันยาวนานถึงหนึ่งเดือนในการสร้างชุดผลงาน ซึ่งแสดงออกมาให้เห็นถึงหนึ่งในช่วงเวลาตลอด ๒๗ ปีของฉันอย่างเป็นรูปเป็นร่างและมีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด


ฉันค้นพบความรักที่หายไปนานของความเรียบง่ายในการใช้ดินสอและกระดาษ มันเป็นสื่อกลางที่ฉันลงมือทำอย่างชัดเจนตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนสอนศิลปะ เพราะสามารถลบและเขียนขี้นมาใหม่ได้ ฉันพบว่า ฉันคงจะกลัวที่จะผิดหวังในการวาดภาพมากเกินไป จึงกลับรักความท้าทายในการทำเครื่องหมายอย่างถาวรด้วยปากกาหรือการตัดกระดาษมากยิ่งขี้น


แต่บางอย่างเกี่ยวกับความสามารถในการวาดโครงร่าง ไปจนถึงรายละเอียด และการวาดภาพขี้นมาใหม่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ ในขณะนี้ สำหรับช่วงที่ดีในหนึ่งทศวรรษที่ฉันได้สร้างรูปแบบให้กับตัวเองในการปล่อยตัวปล่อยใจไปบนการตัดสินใจอันแน่วแน่ ซึ่งยากที่จะเปลี่ยนกลับในชีวิตของฉัน (เช่นเดียวกับการตัดกระดาษ) และตอนนี้ฉันรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับโอกาสที่มุ่งเน้นไปยังสิ่งที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเท และอาจจะต้องมีการขัดเกลาและให้คำจำกัดความใหม่ได้เช่นกัน


ชุดภาพวาดเป็นสิ่งแรกที่ช่วยบรรเทาจินตนาการของฉันเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับนกเหล่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับจินตนาการภาพปลาตามปกติของฉัน ฉันค้นพบว่า พวกมันเป็นความสุขที่ได้วาดภาพ รูปร่างของพวกมันมีเส้นเป็นเหมือนของเหลวและมีส่วนโค้ง ประกอบกับความท้าทายของการหยิบยกในรายละเอียดอย่างซับซ้อนภายในขนของพวกมัน แต่พวกมันยังเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพอีกด้วย พวกมันเกือบทั้งหมดมีความสามารถในการบิน พวกมันเป็นตัวแทนของสภาพจิตใจที่ฉันปรารถนาเช่นเดียวกับลักษณะสำคัญที่มองเห็นได้


ฉันย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านที่มีฟาร์มปลูกข้าวเล็ก ๆ ในชนบทในช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ที่เคยว่างร้างมานานกาลครั้งหนึ่งซึ่งฉันพักพิงอยู่นั้น บัดนี้พร้อมที่จะเปิดให้เข้าพักอีกครั้ง ด้วยการปลูกต้นไม้และพืชพันธุ์ใหม่ ๆ และการนำน้ำและถังหมักขยะมาใช้ จึงมีนกหลายหลายสายพันธุ์เข้ามาอยู่อาศัยในฐานะเพื่อนบ้านของเราอีกด้วย ต่างก็เข้ามาทำรังอยู่ใต้หลังคาของโรงเก็บของแสนลับขนาดใหญ่ของเรา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นรังของครอบครัวนกพิราบและนกกระจอกที่บินเข้าออกรังของมันแล้ว


ในระหว่างการพักผ่อนจากการวาดภาพอย่างจริงจังของฉัน ฉันกลับพบว่า ตัวเองกำลังเฝ้าสังเกตอย่างตั้งอกตั้งใจว่า ชีวิตของนกประเภทไหนที่เข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณเดียวกันกับฉันด้วย ฉันเริ่มที่จะเฝ้าดูนกในช่วงระหว่างเวลาเข้าเรียนในตอนเช้าและตอนบ่าย โดยเฝ้ามองดูทุ่งข้าวและการปรากฎตัวเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ของบรรดานกทั้งหลายที่บินจากต้นนี้ไปต้นนั้น ฉันจะพยายามที่จดจำรูปร่างลักษณะทางกายภาพของนก แล้วไปค้นหาชื่อของพวกมัน ซึ่งดูเหมือนว่า มีนกกะปูด นกกางเขนบ้าน นกกระเรียน นกและไก่กลุ่มเล็ก ๆ อยู่มากมายในหมู่บ้านแห่งนี้ โดยทั้งหมดนี้ได้กลายมาเป็นหัวข้อที่สำคัญในองค์ประกอบการภาพวาดในแต่ละวันของฉัน


เครื่องประดับศีรษะในแต่ละภาพวาดถูกนำมาวิจัยในตอนแรกจากมรดกทางญี่ปุ่นของฉันโดยใช้ทรงผมแบบไมโกะ เกอิชา และหมวกนักรบซามูไร ทันทีที่ก้าวออกมาจากความเคยชินเดิม ๆ ที่ทำอยู่ของฉัน ฉันก็เริ่มค้นหาแรงบันดาลใจจากการออกแบบของไทย, อินเดีย, ยูเครนและการออกแบบในยุคสมัยกลาง เครื่องประดับศีรษะแต่ละอันที่เลือกไว้มีส่วนสำคัญมากในการทำให้ส่วนที่ขาดหายไปขององค์ประกอบเสร็จสมบูรณ์ และต้องมีการกระตุ้นที่มองเห็นได้


การนำทุกองค์ประกอบภาพที่มองเห็นได้เหล่านี้มาใช้ ฉันจบลงด้วยการหมกมุ่นตัวเองอยู่กับในรูปแบบการวาดภาพในแต่ละวัน โดยเริ่มต้นทุกวัน ณ เวลา ๙ นาฬิกา ด้วยการวาดใบหน้าแล้วตามด้วยเครื่องประดับศีรษะ ต่อด้วยนก และสิ้นสุดลงในตอนเที่ยงวัน ซึ่งฉันรู้สึกพึงพอใจกับชิ้นงานที่ทำเสร็จในครึ่งวันนี้ สูญญากาศของพลังงานความคิดสร้างสรรค์นั้นช่างเสพติดและสุขสบาย มันช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลที่เข้ามาอยู่ภายในจิตวิญญาณที่เกี่ยวกับปัญหาหลายอย่างของฉัน มันได้ให้ช่องทางสำหรับฉันที่จะเชื่อมต่อการเดินทางในการแสดงความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ดังที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนบนภาพวาดด้วยเช่นกัน รูปลำตัวของแต่ละภาพวาดวาดขี้นโดยปราศจากเสื้อผ้า ปล่อยให้เห็นร่องรอยของความเปลือยเปล่าในรูปแบบเงาของท่อนบนและไหล่เปลือย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าก่อนว่า ฉันได้ปลุกความรู้สึกอันเปราะบางที่เปิดเผยให้เห็นถึงผิวเปลือยและอารมณ์สด ๆ จากภาพแต่ละภาพ ฉันรู้สึกสบายใจมากขี้นเรื่อย ๆ ที่จะเผชิญหน้ากับตัวตนของฉันเอง ซึ่งต่อมาก็ได้แปลไปเป็นผลงานทางดินสอบนกระดาษ ภาพวาดนี้ได้กลายมาเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเดินทางไกลเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง ซึ่งฉันได้ทำหายไว้ที่ไหนสักแห่งในระหว่างหัวใจที่แตกสลายและสภาพจิตใจที่หายไป


สำหรับภาพวาดสุดท้ายในชุดซีรีย์นี้ โดยรวมแล้วมีความยากมากที่สุดที่จะทำให้เสร็จสมบูรณ์ - สาเหตุหลักเป็นเพราะฉันรู้อยู่แล้วว่า มันจะเป็นการวาดครั้งสุดท้าย โดยปราศจากสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวของเครื่องประดับศีรษะอันสวยงาม ตัวฉันเองได้เข้ามาอยู่ในสภาพทางอารมณ์ที่เป็นปัจจุบันมากที่สุดของฉัน ผมของฉันถูกตัดออกสั้นหลังจากการแวะไปที่ร้านทำผมอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อ ๓ เดือนก่อนหน้านี้ ฉันวาดใบหน้าเสร็จก่อนเป็นอันดับแรกและยังไม่มั่นใจว่า ควรจะใช้นกตัวไหนประดับบนศีรษะของเธอ ฉันทิ้งภาพวาดไว้ค้างคืน


วันรุ่งขึ้นฉันรู้เลยว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้กระบรวนการการระบายทางอารมณ์นี้สำเร็จก็คือ การกลับไปการวาดภาพในครั้งแรก และกลับไปยังนกพิราบ - นกที่วาดไว้ในครั้งแรก ในลักษณะที่เกาะอยู่บนหัวที่เปลือยเปล่า ปีกที่กางออกและพร้อมที่จะบินออกไป และแล้วการวาดภาพครั้งที่ ๑o และครั้งสุดท้ายของฉันในชุดนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ฉันได้กู้คืนความเชื่อของตัวเองที่ฉันคิดว่า ฉันได้ทำมันหายไปในความกลัวของอดีตที่ผ่านมาและความวิตกกังวลของอนาคต ฉันยังรู้สึกได้ถึง ความรู้สึกโล่งอกที่ล้นหลามและความผิดหวังที่ดูเหมือนจะจบสิ้นแล้ว แต่ฉันก็พอใจในสิ่งที่สร้างขึ้นมา ภาพวาดชุดซีรี่ย์นี้ได้ดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวฉันออกมา ฉันไม่เคยรู้สึกพร้อมอย่างนี้มาก่อนสำหรับบทถัดไปในงานศิลปะและในชีวิตของฉัน



















ภาพและข้อมูลจาก
FB UseSpace
FB นิทรรศการ














สีเกล็ดมุก วิจัยจุฬาฯ ศิลปะลดโลกร้อน



ปัจจุบันสังคมทั่วโลกได้ตระหนักถึงสภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการทำลายของมนุษย์ หรือปัจจัยต่าง ๆ จนทำให้หลายองค์ออกมารณรงค์จัดกิจกรรมและปลูกจิตสำนึกมากขึ้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเปลือกหอยแมลงภู่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้เช่นกัน เพราะในปีหนึ่ง ๆ มีประมาณเปลือกหอยจากโรงงานอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่เป็นขยะ ประมาณปีละ ๕ หมื่นตัน การลดปริมาณขยะจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน การแก้ปัญหาขยะด้วยการฝั่งกลบเป็นการสร้างปัญหามลพิษทางดินและปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน ล่าสุดเมื่อวันที่ ๓o มกราคม ๒๕๕๘ สาขาวิชาศิลปศึกษา ภาควิชาศิลปะ ดนตรีและนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดนวัตกรรมต่อยอดผลิตสีเกล็ดมุกจากเปลือกหอยแมลงภู่ช่วยโลกร้อน แถมยังเป็นวัตถุดิบที่ใช้ผสมสีนี้มาจากธรรมชาติทั้งหมดจะปลอดภัยแก่ผู้ใช้สี เพราะไม่มีฝุ่นไมกาที่เป็นแร่หิน


"รศ.ดร.ปุณณรัตน์ พิชญไพบูลย์" อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเปลือกหอยแมลงภู่มาวิจัย พัฒนาและแปรรูปเป็นเกล็ดประกายมุก ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการศึกษากระบวนการสกัดชั้นมุก ซึ่งผนึกอะรากอไนต์ที่มีอนุภาคเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบในอนุภาคระดับนาโนออกมาจากเปลือกหอยได้สำเร็จและยังคงความเหลือบมันของมุขไว้สวยงาม


จึงนำงานวิจัยนี้มาต่อยอดเป็น "สีเกล็ดมุก" เพื่อให้เกิดมูลค่าสื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เมื่อแสงตกกระทบจะเห็นเป็นเกล็ดระยิบระยับสวยงามและสามารถนำไปใช้สร้างสรรค์ภาพจิตรกรรมและงานศิลปหัตกรรมได้อย่างมีเอกลักษณ์ วัตถุดิบที่ใช้ผสมสีนี้มาจากธรรมชาติทั้งหมด จะปลอดภัยแก่ผู้ใช้สี เพราะไม่มีฝุ่นไมกาที่เป็นแร่หิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคปอด และได้ทีมวิจัยที่เป็นศิลปินนักวาดรูปมีชื่อเสียงมาทดลองใช้สีและนำความคิดเห็นมาปรับปรุงพัฒนา จนมีจุดเด่นของสีที่มีประกายมุกชัดเจนและคงทนยึดติดกระดาษ เนื้อสีละลายน้ำได้ดี ผลงานชิ้นนี้จึงได้รางวัลเหรียญทองจากการประกวดสิ่งประดิษฐิ์นานาชาติ ครั้งที่ ๔๒ และได้รับรางวัลต่าง ๆ อีกมากมาย


"โดยขั้นแรกในการเริ่มกิจกรรมจะให้พี่ๆ จากครุศาสตร์ให้ความรู้น้อง ๆ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายประถม ว่า โลกร้อนได้อย่างไร ทำไมถึงต้องใช้สีเกล็ดมุกและสีเกล็ดมุกทำงานศิลปะ และสีที่ได้มาจากอะไร จากการค่อย ๆ สอนจะทำให้เด็กทราบถึงปัญหา เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมลดโลกร้อน รวมทั้งรักษาสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน หลังจากนั้นจึงจะให้เด็กเริ่มทดลองใช้สีที่ผลิตขึ้น ซึ่งการสอนเหล่านี้จะทำให้เด็กได้ในเรื่องการบูรณาการความรู้ด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กันด้วย" รศ.ดร.ปุณณรัตน์กล่าว


สมใจ จงรักษ์วิทย์" ประธานโครงการเสริมศักยภาพทางด้านศิลปะ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝ่ายประถม กล่าวว่า คณะครุศาสตร์ได้นำสีเกล็ดมุกมาอธิบายให้ฟังถึงที่มาที่ไปของสี โดยวัตถุดิบหลักนั้นมาจากเปลือกหอยที่ไม่ใช้แล้ว นำกลับมาประดิษฐ์เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงได้ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้เด็กในสาธิตจุฬาฯ ก่อน โดยเริ่มจากเด็กกลุ่มเล็ก ประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่มีทักษะในการใช้สีและพู่กัน ซึ่งเบื้องต้นเด็กเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความวาวของสีที่ใช้ยังไม่มีขายในท้องตลาด ส่วนเด็กกลุ่มที่สองเริ่มกิจกรรมในภาคเรียนที่ผ่านมาแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการรณรงค์เรื่องของสิ่งแวดล้อม การให้ความรู้ในเรื่องโลกร้อน ทำให้เกิดความตระหนักและสรรค์สร้างภาพที่ใช้สีเกล็ดมุกออกมาได้อย่างสวยงาม แต่เด็กหลาย ๆ คนอยากให้สีนี้มีสีสันที่สดใสและเพิ่มความวาวของมุกให้มากขึ้น จะทำให้ผลงานออกมาสวยกว่าเดิม


"น้องตุ๋น" ด.ญ.ปุณนดา แพร่แสงเอี่ยม นักเรียนชั้น ป.๕/๑ ในโครงการเสริมศักยภาพทางด้านศิลปะ (Art Learning) โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย ฝ่ายประถม เล่าว่า จากการได้ทดลองใช้สีเกล็ดมุก รู้สึกว่างานออกมาสวยกว่าการใช้สีน้ำปกติหรือการโรยกากเพชรเทียมทั่วไป เพราะสีที่ใช้นี้จะเห็นได้ชัดว่ามีความมันวาวและไม่หลุดจากกระดาษได้ง่าย ก่อนที่พี่ ๆ จะให้วาดรูปจะสอนว่า สีนี้ทำมาจากหอยแมลงภู่ด้วยวิธีการสกัดอย่างไร ซึ่งยังทดลองการนำหอยมาผสมกับน้ำยาล้างจานเกิดระเบิด ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เป็นสาเหตุของสภาวะโลกร้อนและยังบอกสาเหตุว่า ทำไมเราจึงต้องนำหอยชนิดนี้มาผสมผสานกับสี จึงจะเริ่มให้ระบายสีในหัวข้อโลกร้อนในความคิดของหนู


"นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ไม่ใช่เพียงแต่เก็บขยะ ปลูกต้นไม้ แต่การนำขยะที่มาจากธรรมชาติมาดัดแปลงให้เกิดความสวยงามได้" น้องตุ๋น กล่าว



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2558 11:02:06 น. 0 comments
Counter : 2077 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.