เช้าวันหนึ่งผมกำลังนำนักเรียนออกกำลังท่ามือเปล่า อยู่ที่สถานหน้าโรงเรียน ผู้กองเต็ม มาตรวจอีก ท่านชอบตรวจแถวของผม แล้วก็สั่งหยุด เรียกผมให้เข้าไปหาอีก พาเดินไปท้ายแถว ชี้ให้ดูนักเรียนคนหนึ่ง สวมรองเท้ากีฬา แต่ไม่ได้เอาส้นเท้าเข้าไปในรองเท้า คงใส่พับเท้าลงไปบนขอบท้ายของรองเท้า
เธอมาดูซินี่ ทำไมปล่อยให้นักเรียนสวมรองเท้าไม่เรียบร้อย หือ นัยน์ตาลุกโปน เอาเรื่อง
ผมก็ชิดเท้ารายงานอีก
เวลานี้ เป็นเวลาออกกำลังท่ามือเปล่าครับ และมีเวลาเพียงสิบนาทีถ้าผมจะตรวจเครื่องแต่งตัวของนักเรียนให้เรียบร้อยทั้งสี่สิบคน ก็คงต้องเสียเวลาร่วมสิบนาที และผมเห็นว่า เวลาสิบนาทีนี้เป็นเวลาที่มุ่งหมายให้นักเรียนออกกำลังกายไม่ใช่ตรวจตราความเรียบร้อยของเครื่องแต่งตัวครับ
ผู้กองเต็ม นิ่งไปอีก ไม่รู้จะเอายังไงกับผม เดินผละออกไปที่อื่น
อยู่มาวันหนึ่ง ผมถูกผู้กอง วิโรจน์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผม เรียกตัวไปพบที่กองร้อย
เฮ้ย ผู้กอง เต็ม เขามาพูดกับอั๊วว่า ผมของลื้อมันยาวผิดคนอื่นเขา เขาไม่รู้จะทำยังไงกับลื้อ เพราะเคยวัดมาแล้ว ไม่เกินสี่เซ็นต์ เขาให้อั๊วจัดการกับลื้อ ไม่ยังงั้นเขาจะส่งลื้อกลับคืนอั๊ว ไปตัดเสียเถอะวะ เราเป็นผู้ช่วยผู้บังคับหมวด ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างนักเรียน อย่าไปรวนเขาอีก
โดนเข้าไม้นี้ผมก็ต้องยอม
ผมไม่กลัวน้ำร้อน ผมกลัวน้ำเย็น
ผมก็ไปตัดผมกับช่างโรงรียนตามกำหนด ตัดให้เป็นไปตามข้อบังคับ ตามที่ผู้กอง วิโรจน์ สั่ง
ผมนับถือคนคนนี้
วันที่ผมตัดผมเรียบร้อยเดินขึ้นโรง พวกนักเรียนหัวเราะกันลั่นโรงนอน เขาเพิ่งเคยเห็นผู้ช่วยฯตัดผมสั้นวันนั้นเอง หน้าตาผมมันคงดูแปลกๆ เขาไม่เคยเห็นมานานแล้ว
เวลาเข้าห้องเรียนไอ้พวกเพื่อนๆ มันก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ รวมทั้งอาจารย์แทบทุกท่านด้วยเป็นความแปลกตาโดยทั่วหน้ากัน
เหตุการณ์ก็เป็นปกติผู้กอง เต็ม ไม่มาตอแยกับผมอีก
ติดตามอ่านจ้า