ผมเป็นเด็กในอยู่สองปี ตั้งแต่มัธยม ๑ ถึง ๒ พ่อก็ลาออกจากราชการ มาอยู่กรุงเทพฯ กินบำนาญเฉยๆ ข้าราชการบำนาญตอนนั้นไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็ได้ กินบำนาญอย่างเดียวก็เหลือใช้แล้ว เพราะเงินบำนาญ ห้าร้อยกว่าบาท สมัยนั้นซื้อรถยนต์เล็กๆ ได้คันหนึ่งสบายๆ
บ้านหลังใหญ่ขนาดสองชั้น สามห้องนอน มีระเบียงกว้างรอบบ้าน ปลูกได้ในราคาเพียงสามพันบาทอยู่บนที่ดิน พื้นที่ร่วมสามไร่ ราคาเพียงสองพันกว่าบาท เดี๋ยวนี้ บ้านหลังนั้นก็ยังอยู่ราคาเป็นล้านเข้าไปแล้ว
ผมเรียนเก่งสอบได้ที่หนึ่งทุกเดือน ทั้งสอบซ้อมและสอบประจำเทอม และสอบไล่
เวลาประกาศผลการสอบ ทางโรงเรียนจะเปิดห้องประชุมใหญ่ รวมเด็กนักเรียนแต่ละแผนก ซึ่งแบ่งเป็นแผนกอังกฤษ และฝรั่งเศส เข้าห้องประชุม แล้วก็จะอ่านประกาศผลการสอบของแต่ละชั้น เรียกนักเรียนออกไปเข้าแถว เรียงตามลำดับที่หนึ่ง-สอง-สามเรียงกันไปจนถึงที่สุดท้าย
ถึงชั้นของผมผมไม่ต้องฟังเสียงเรียก เตรียมตัวไปยืนหัวแถวได้เลย
ที่หนึ่งทุกครั้ง
ขอโทษที่ออกจะคุยไปหน่อยมันเก่ง ไม่รู้จะทำยังไง
วันไหนที่ประกาศผลการสอบ ตกบ่าย อาจารย์ใหญ่ ที่เป็นบราเดอร์ใหญ่เหมือนกัน จะต้องเรียกผมให้เข้าไปหาในห้องทำงานของแก แล้วแกก็เอาผมเข้าไปกอด ชมเชย
หนวดเคราแกยุ่มย่ามแล้วก็เหม็น ทั้งกลิ่นยาเส้นและกลิ่นเสื้อผ้า ผมก็ต้องทนเอา เพราะกอดจูบแล้วแกก็เปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบเอาสตางค์ออกมาสลึงหนึ่ง ใส่ในมือผม แล้วตบหัว ชมเชยว่าเรียนเก่ง
เงินสลึงหนึ่งในสมัยนั้นมันมากเกินไปที่ผมจะเอาไปใช้อะไร และยิ่งอยู่กินนอนด้วยแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะใช้ นอกจากซิ้อขนม และสมุด ดินสอ เครื่องเขียนที่มีแขกมันเอามาตั้งขายในโรงเรียน แล้วก็ถั่วมันๆ แจกเพื่อนๆ ก็เท่านั้น
ที่เหลือก็เก็บใส่กระเป๋า บางทีมันก็ตกหาย
สวัสดีจ้า
ติดตามอ่านจ้า..