อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

เครื่องสําอางสําหรับผุ้ชาย ใช้ของผุ้หญิงได้หรือไม่?

เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ใช้ของผู้หญิงได้หรือไม่?

Written by yrprincess on . Posted in ทั่วไป, วิทยาศาสตร์, สุขภาพ, อื่น, เคมี

          ปัจจุบันจะพบว่ามีการโฆษณาขายเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายมากขึ้น และผู้ชายจะเข้ารับบริการเสริมความงามตามร้านตกแต่งทรงผม ทำสีผม นวดหน้า ดูดสิวเสี้ยน นวดตัวรวมทั้งการทำ ‘สปา’ ทั้งหลายไม่น้อยหน้าผู้หญิง ความจริงผู้ชายก็มีสิทธิ์มีผิวสะอาด ผิวสวย และชะลอแก่เช่นเดียวกับผู้หญิง ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า แชมพูสระผม ครีมบำรุงผิวทั้งหลายและอื่นๆ ทั้งหญิงและชายจะซื้อใช้กันได้ สินค้าเหล่านี้ไม่ควรจะมีเพศ เพราะพื้นฐานและลักษณะโครงสร้างของผิวหนังเหมือนกัน อาจจะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่ปัจจุบันเครื่องสำอางจะเพิ่มประเภทให้ผู้ชายเลือกซื้อ เป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิต เช่น ครีมโฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชาย ครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ชาย ครีมกันแดดสำหรับผู้ชาย แชมพูสระผมสำหรับผู้ชาย บทความฉบับนี้จึงอยากจะให้ความรู้เพิ่มเติมกับผู้บริโภคถึงความแตกต่างของผิวหนังระหว่างชายหญิงว่าต่างกันมากน้อยเพียงไร สารมารถใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันได้หรือไม่

menaregirli118255-1_l


สรีระของผิวหนัง: ความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

ผู้หญิงและผู้ชายมีความแตกต่างในทางสรีระวิทยาอันเนื่องมาจากพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศ ผิวหนังก็เช่นกัน ผิวหนังของผู้หญิงจะบางละเอียดกว่าผู้ชายแต่จะมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังหนากว่า ในขณะที่ผู้ชายจะมีชั้นผิวหนังหนากว่าผู้หญิงตลอดตั้งแต่ช่วงอายุ 5 ถึง 90 ปี ความหนาแน่นของคอลลาเจนของชั้นผิวหนังซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงจะค่อยๆบางลงเมื่ออายุมากขึ้น สำหรับผู้ชายจะโชคดีกว่าผู้หญิงตรงที่ คอลลาเจนในผู้ชายจะเสื่อมช้ากว่าจนถึงอายุ 90ปี ในขณะที่คอลลาเจนในผู้หญิงจะเสื่อมอย่างรวดเร็วในช่วงวัยหมดประจำเดือนประมาณอายุ 45 ปีเป็นต้นไป ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าในวัยเดียวกัน ผู้หญิงจึงแก่เร็วกว่า ผิวหนังเหี่ยวเร็วกว่าผู้ชาย ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงเมื่อลดน้อยลงในวัยทอง ทำให้ผิวหน้าและผิวหนังแห้งเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคุณสมบัติของผิวหนังในการปกป้องความชุ่มชื้นของผิวหนังไม่มีความแตกต่างกันในชายและหญิง

          สิ่งที่แตกต่างชัดเจนอีกประการหนึ่งคือ ผิวหนังผู้ชายจะมีไขมันหลั่งออกมาจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังมากกว่า ทำให้ผิวหนังมันกว่าตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงอายุประมาณ 69ปี และเป็นเหตุให้ผิวหน้าผู้ชายมีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายกว่าและมากกว่าในผู้หญิง ในผู้หญิง ผิวหนังจะสูญเสียความชุ่มชื้นเนื่องจากการหลั่งของไขมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังหมดประจำเดือนในขณะที่วัยทองของผู้ชายผิวหนังยังอยู่ในสภาพดีแม้จะไม่เต่งตึงเท่าวัยหนุ่มแต่ก็ไม่เสื่อมอย่างรวดเร็วเช่นในผู้หญิง

          ผลของฮอร์โมนเพศชาย ‘แอนโดรเจน’ต่อการเจริญเติบโตและการหลุดร่วงของเส้นผม จะพบว่าผู้ชายมักจะมีปัญหาผมร่วงผมบางอันเนื่องมาจากฮอร์โมนแอนโดรเจน ในขณะที่ผู้หญิงจะมีผมดกผมหนาอันเนื่องมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจน

ความแตกต่างระหว่างเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายและผู้หญิง

          โครงสร้างหลักของผิวหนังมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงจะไม่แตกต่างกันแม้ว่าจะแตกต่างกันในรายละเอียดอันเนื่องมาจากพันธุกรรมทางเพศและฮอร์โมนเพศดังที่กล่าวไปข้างต้น องค์ประกอบในเครื่องสำอางสำหรับทำความสะอาดผิว แชมพูสระผม ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ครีมลบเลือนริ้วรอยแห่งวัยซึ่งผสมสารคอลลาเจน วิตามินอี และอื่นๆ ก็ยังคงอยู่ในหลักการเดียวกัน เพื่อบำรุง ซ่อมแซม และปกป้องผิวหนัง ครีมโฟมล้างหน้าไม่ว่าจะสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ต้องประกอบด้วยสารทำความสะอาด ดังนั้นหลักการตลาดในการประชาสัมพันธ์เครื่องสำอางสำหรับผู้ชายจึงมักเน้นหนักที่ภาพลักษณ์สินค้าความเป็นผู้ชาย เช่น กลิ่นน้ำหอมผู้ชาย ภาชนะบรรจุสีหนักแน่น และตรอกย้ำคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่ ‘การแก้ไขจุดบกพร่อง’ (Corrective cosmetics) มากกว่าเครื่องสำอางทั่วไป เพื่อเป็นการดึงจุดขายของสินค้าแยกจากเครื่องสำอางผู้หญิง แต่ตามข้อเท็จจริงในสูตรตำรับและในหลักวิชาการแล้วไม่มีความแตกต่างสำหรับเครื่องสำอาง

           โดยสรุปแล้ว ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไม่ควรจะมีเพศ ควรจะใช้ได้ทั้งชายและหญิง ให้คุณประโยชน์เท่ากันในชายและหญิง ผู้ชายที่ดูแลผิวพรรณให้สะอาดตั้งแต่ผิวหน้าจรดปลายเท้าได้ รวมถึงเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน ย่อมจะดูดีแน่นนอนเมื่อเทียบกับผู้ชายที่ผิวหนังแลดูหยาบกร้าน ขาดการบำรุงหรือขาดการดูแล เป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำไปที่ผู้ชายในยุคปัจจุบันจะหันมาเอาใจใส่ผิวพรรณร่างกายตนเองมากขึ้นกว่าในอดีต

preimgresize (1)

ขอขอบคุณบทความจาก

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ใช้ของผู้หญิงได้หรือไม่?

บทความโดย: รศ.ดร.ภญ.พิมลพรรณ พิทยานุกุล ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

//www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/171





 

Create Date : 21 สิงหาคม 2557    
Last Update : 21 สิงหาคม 2557 4:53:48 น.
Counter : 1940 Pageviews.  

คิดสักนิด ก่อน ปรุงรสอาหาร

ทุกคนมีรสชาติอาหารที่ถูกปากเป็นของตัวเอง บางคนชอบรสหวาน บางคนชอบรสเค็ม บางคนชอบรสเผ็ด บางคนชอบรสเปรี้ยว หรือบางคนก็ไม่ชอบ ปรุงรส สั่งอะไรมาทาน รสชาติอย่างไหนก็ทานอย่างนั้นเลย ซึ่งรู้ไหมคะ..ว่ารสชาติอาหารต่างๆ นั้นมีข้อดี ข้อเสีย กับร่างกายเหมือนกัน

Kitchen-3

รสเค็ม

หลายคนชื่นชอบรสชาติเค็ม ถึงแม้จะรู้กันดีอยู่แล้วว่า ความเค็มที่มากเกินไปจะเป็นปัญหาต่อสุขภาพ ซึ่งอาหารไทยหลายชนิดมีส่วนผสมของเกลือในปริมาณสูง โดยความเค็มยังแอบซุกซ่อนอยู่ในอาหารสำเร็จรูปอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นขนมอบกรอบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ผักดอง และซอสต่างๆ รวมไปถึงอาหารตามธรรมชาติบางอย่างก็ยังมีโซเดียมสูง เช่น อาหารทะเลและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ หมายความว่า เวลาที่เราจะรับประทานอะไรก็ควรต้องระมัดระวังใน การ ปรุงรส พอสมควร มิฉะนั้นอาจสุ่มเสี่ยงต่อโรคภัยที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมสูงเกิน

สำหรับโทษของการกินเค็มจัดคือ ทำให้เป็นโรคไต ความดันโลหิตสูง แต่ความอันตรายยังไม่หมดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะความเค็มยังอาจก่อให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ โรคหัวใจ อาการบวม หัวใจวาย ริดสีดวง ไมเกรน และภาวะกระดูกบาง ซึ่งถ้าเราทานเกลือให้น้อยลงจะส่งผลให้การทำงานของอินซูลินดีขึ้น

รสหวาน

เมื่อพูดถึงความหวาน น้ำตาลก็คือสิ่งที่หลายคนนึกถึง ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานต่อร่างกายในทันทีที่กินเข้าไป ส่งผลให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในความหวานก็ควรระวังไว้สักนิด เพราะหวานมากไปก็ทำให้อ้วน เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไปจนก่อให้เกิดไขมันสะสม

นอกจากนี้ อาหารรสหวานยังเป็นอันตรายสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะเมื่อรับประทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขาดความสมดุล ตับอ่อนผลิตอินซูลินออกมามากกว่าปกติเพื่อกำจัดปริมาณน้ำตาลในเลือด ยิ่งคนเป็นเบาหวานกินหวานมากเท่าไรก็จะยิ่งให้ตับอ่อนทำงานหนัก และเป็นอันตรายมากเท่านั้น

รสเปรี้ยว

รสเปรี้ยวมีคุณสมบัติสำคัญในการกระตุ้นตับและถุงน้ำดี ให้ปล่อยน้ำย่อยช่วยในการดูดซึมอาหารของร่างกาย ฟอกเลือด เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับเสมหะ และแก้เลือดออกตามไรฟัน ซึ่งการรับรสเปรี้ยวจากธรรมชาติอย่าง มะนาว มะกรูด มะขาม มะม่วงดิบ หรือสับปะรด นับว่าไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากนัก

แต่ถ้าเป็นความเปรี้ยวที่มาจากสารสังเคราะห์อย่าง น้ำส้มสายชู หากบริโภคมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นเดียวกันกัน โดยโรคที่มากับอาหารรสเปรี้ยวคือ ท้องเสีย ร้อนใน ระบบน้ำเหลืองในร่างกายมีปัญหา และกระดูกผุ

รสเผ็ด

ทั้งความเผ็ดที่มาจากพริก หรือสมุนไพร เช่น กานพลู ยี่หร่า กระเทียม หัวหอม และพริก ซึ่งความเผ็ดนี่เองที่จะช่วยให้การทำงานของปอดและลำไส้ใหญ่เป็นไปตามปกติ แต่ถ้าบริโภคมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคกรดในกระเพาะอาหารที่ทำให้นักกินเผ็ดมักมีอาการท้องขึ้นและอึดอัด

นอกจากนี้ รสชาติอันเผ็ดร้อนจนเกินไปยังสามารถก่อให้เกิดสิว เพราะความเผ็ดจะทำให้ต่อมไขมันทั่วร่างกายทำงานหนักกว่าปกติทำให้เกิดสิวได้ง่าย และที่สำคัญอาหารรสเผ็ดยังมีฤทธิ์กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้หัวใจทำงานหนัก ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารรสเผ็ดจึงมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจโดยไม่รู้ตัว

เพราะฉะนั้นอาหารที่รสชาติจัดจ้านจนเกินไป อาจจะถูกปากเราในปัจจุบัน แต่ก็จะส่งผลเสียให้เราในอนาคตได้นะคะ ทางที่ดีก่อนที่เราจะปรุงอาหารตามรสชาติที่ชื่นชอบนั้น ลองหยุดคิดสักนิด หรือชิมก่อนปรุงสักหน่อย ลองทานอาหารที่ไม่ต้องปรุงมากจนเกินไป พยายามลดการปรุงอาหาร งดการทานอาหารแปรรูปต่างๆ และที่สำคัญอ่านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนบริโภคค่ะ

ขอบคุณที่มาจาก : //www.womanplusmagazine.com
ขอบคุณภาพจาก : //www.wanelo.com




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2557    
Last Update : 20 สิงหาคม 2557 5:16:22 น.
Counter : 1533 Pageviews.  

จริงหรือ ?? เหตุผลของกิจกรรม 5 สี่ง ที่ไม่ควรทําในชีวิตประจําวัน


จริงหรือ?? เหตุผลของกิจกรรม 5 สิ่ง ที่ไม่ควรทำในชีวิตประจำวัน

Written by yrprincess on . Posted in ทั่วไป, พักผ่อนหย่อนใจ, วิทยาศาสตร์, วิทย์ทั่วไป

         ยุคโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างทุกวันนี้ การรับ-ส่งข้อมูลนั้นอยู่แค่เพียงปลายนิ้วมือ แล้วข้อมูลที่เราได้รับมานั้นจะจริงหรือเท็จแค่ไหน ก่อนที่เราจะแชร์หรือส่งต่อๆกันไป ก็อย่าลืมใช้สติและปัญญาวิเคราะห์ทบทวนข้อเท็จจริง ก่อนที่ข้อมูลจะแพร่ออกไป แชร์เท่าไหร่ก็ไม่จบ แม้จะมีความจริงออกมาแล้วก็ตามที วิชาการ.คอมจึงขอนำเสนอข้อมูลที่ถูกส่งต่อมาจากแหล่งหนึ่ง และได้รับเกียรติจาก รศ.ดร. ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาวิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้เราได้ไตร่ตรองก่อนที่จะเชื่อกันค่ะ

A973E85E9C42B9464C11E157F06F2D

     พิสูจน์ความจริงโดย: ร.ดร. ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ผู้ร่วมจุดประกายการเรียนรู้

health mistake_resize

อ้างอิงจากเว็บไซต์ ณ วันที่ 19/08/2557

//www.menshealth.com/health/everyday-health-mistakes




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2557    
Last Update : 20 สิงหาคม 2557 5:09:17 น.
Counter : 1765 Pageviews.  

Apple Chips ของว่างง่ายๆ ได้ประโยชน์

Apple Chips ของว่างง่ายๆ ได้ประโยชน์



ระหว่างวันรู้สึกหิวกันไหมคะ จะทานอาหารหนักๆ ก็ยังไม่ถึงเวลา จะทานของว่างก็กลัวจะอ้วน วันนี้เรามาทำของว่างง่ายๆ ที่ได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน กับ Apple Chips ของว่างกรุบกรอบ ที่ดีกว่ามันฝรั่งทอดกรอบเป็นไหนๆ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน c และใยอาหาร อีกทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย เรามาดูส่วนผสมกันว่าต้องใช้อะไรบ้าง



อุปกรณ์

1.เตาอบ
2.ถาดสำหรับอบ
3.กระดาษไข หรือกระดาษรองอบ
4.มีด
5.เขียง

ส่วนผสม

1.แอปเปิ้ลเขียวหรือแดงตามชอบ
2.ผงชินนามอน หรืออบเชย
3.น้ำตาลไอซิ่ง

พร้อมแล้วลุย!




1.หั่นแอปเปิ้ลเป็นแว่นๆ ตามแนวขวาง เอาเมล็ดและก้านออกให้หมด





2.นำแอปเปิ้ลที่หั่วเรียบร้อยแล้วมาวางเรียงลงบนถาด โดยปูกระดาษไขรองถาดไว้ จากนั้นโรยหน้าด้วยผงชินนามิน และน้ำตาลไอซิ่ง เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ



3.นำเข้าเตาอบ ตั้งไฟที่ 225 degrees F ใช้เวลาประมาณ 2 ช.ม. ควรสังเกตุลักษณะของแอปเปิ้ลอยู่เสมอ และควรตั้งเวลาทุก 30 นาทีเพื่อพลิกด้าน ถ้าเริ่มรู้สึกว่าเหลืองกรอบแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้




5.นำออกจากเตาพักไว้ให้เย็น ค่อยเก้บใส่ภาชนะ พร้อมรับประทาน


ขอบคุณภาพจาก :: inhabitat.com




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2557    
Last Update : 19 สิงหาคม 2557 3:44:45 น.
Counter : 1838 Pageviews.  

5 มัลดีฟส์เมืองไทย ไม่ไปไม่รุ้ สวยจริงไรจริง

5 มัลดีฟส์เมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ สวยจริงไรจริง


5 มัลดีฟส์เมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ สวยจริงไรจริง

มัลดีฟส์ ดินแดนสวรรค์ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ด้วยต้องใช้งบประมาณค่อนข้างเยอะอาจทำให้ความฝันยังอีกยาว สำหรับนักท่องเที่ยวที่เก็บได้ไม่ครบสักทีแต่อยากไปสัมผัสบรรยากาศนั้นในเร็ววัน เราขอแนะนำ 5 มัลดีฟส์เมืองไทย งบน้อยก็เที่ยวได้ สวยงามคล้ายกันค่ะ


1.Lake Heaven Resort & Park (เลคเฮฟเว่นรีสอร์ทแอนด์ปาร์ค)


ที่อยู่ : ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี








Lake Heaven Resort & Park แพที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ท่ามกลางสายน้ำ แสงแดด ขุนเขา และการผจญภัย ที่ๆ คุณจะได้ค้นพบความสนุก ความสุขกับกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ ล่องเรือยอร์ช กินลมชม วิวระหว่างน่านน้ำทะเลสาบ สนุกกับเรือเร็วเจ็ทสกี เครื่องเล่นทางน้ำนานาชนิด รวมทั้งสนามฝึกขับ พร้อมเส้นทางท่องเที่ยวผจญภัยของรถ ATV และรถ BUGGY ที่จะพาคุณลุยไปสัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของชีวิต แพที่พักมีให้เลือกหลายแบบ เริ่มจากแพหลังเล็ก ไปจนถึงบ้านพักหลังใหญ่บนบก ที่พักได้มากถึง 15 ท่าน

เบอร์โทรศัพท์ : 0843876771,0843876773
เว็บไซต์ : www.lakeheaven.com 


2.เกาะหลีเป๊ะ (Koh Li Pe)


ที่อยู่ : อุทยานแห่งชาติตะรุเตา อ.เมืองสตูล จ.สตูล






เกาะหลีเป๊ะ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง มีชุมชนชาวเลอาศัยอยู่หลายครอบครัว ส่วนใหญ่มีอาชีพทำการประมง ในเดือน 6 และเดือน 12 ขึ้น 13-15 ค่ำ ตลอด 3 วัน 3 คืน ชาวบ้านที่มีเชื้อสายชาวเลจะมารวมกันที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อจะช่วยกันต่อเรือด้วยไม้ระกำ และประกอบพิธีลอยเรือ ด้วยเป็นความเชื่อว่าเป็นการเสี่ยงทายโชคชะตาในการประกอบอาชีพประมง 

บนเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้จะมีชายหาด อยู่ 3 แห่ง คือ

หาดพัทยา(บันดาหยา) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ เป็นหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ชายหาดยาวเป็นโค้งเว้ารูปครึ่งวงกลม หาดขาวสะอาดตลอดแนว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุด

หาดซันไรส์ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเกาะหลีเป๊ะ ร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวน้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนวหาด สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม มีบ้านเรือนชาวเลอาศัยอยู่กระจัดกระจายไม่หนาแน่น

หาดซันเซ็ท เป็นหาดที่มีขนาดเล็กที่สุดและมีที่พักอยู่น้อยกว่าหาดอื่นๆ เน้นบรรยากาศความเงียบสงบเป็นส่วนตัว

จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ ธรรมชาติของป่าปะการังรอบเกาะ เวิ้งอ่าวสวยงาม หาดทรายขาวละเอียด และอ่าวที่สวยงามคือ อ่าวพัทยา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงาน โทร. 0-7471-1055
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0-7472-1375
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7478-3485, 0-7472-8027-8 


3.เกาะตาชัย (Ta Chai Island)


ที่อยู่ : อ.คุระบุรี จ.พังงา






เกาะตาชัย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอยู่ไม่ไกลจาก หมู่เกาะสุรินทร์ มากนัก และถูกพบครั้งแรกโดยชายที่ชื่อ ตาชัย ทำให้ตั้งชื่อเกาะตามคนค้นพบว่า เกาะตาชัย เกาะตาชัย ถูกสำรวจพบมานานแล้ว แต่เพิ่งจะขึ้นตรงกับ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปยลโฉมความงามได้ไม่นาน 

ทำให้ตอนนี้บน เกาะตาชัย ยังไม่มีบ้านพักไว้คอยบริการ แต่ทางอุทยานฯ อนุญาตให้กางเต้นท์พักค้างคืนได้ มีห้องน้ำแยกชายหญิงเป็นสัดส่วน เป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่นัก มีแนวหาดทรายขาวสะอาดและมีจุดดำน้ำลึกหลายแห่ง บางแห่งมีกลุ่มปะการังใต้น้ำที่สวยงาม เต็มไปด้วยปะการังอ่อนหลากสีสัน ปัลปังหาพัดขนาดใหญ่ รวมถึงฝูงปลาหลากหลายชนิด 

โดย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ เกาะตาชัย กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากเดินทางไปชื่นชม คือ ชายหาดทรายขาวเม็ดละเอียด เนื้อนุ่ม ที่มีความยาวทอดตัวขนานไปกับผืนน้ำประมาณ 700 เมตร และการเดินป่าเข้าไปดู ปูไก่ ปูน้ำจืดที่ชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ มีลำตัวสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงิน เวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ ชอบออกหากินในช่วงกลางคืน รวมถึงเป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่ทอดตัวยาวขนานกับชายหาด ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย -

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว
เกาะตาชัยงดงามที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน จากนั้น เกาะตาชัย จะปิด 6 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 93 หมู่ 5 บ้านทับละมุ ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา 82210 โทรศัพท์ 0-7642-1365 สำนักงานบนฝั่ง โทรศัพท์ 0-7659-5045 


4.เกาะพยาม (Koh Phayam)


ที่อยู่ : ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง จ.ระนอง




เกาะพยามเป็นแหล่งปลูกมะม่วงหิมพานต์ หรือกาหยู ที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัด มีชายหาดขาวสะอาดทอดตัวเป็นแนวยาวไปตามตัวเกาะหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านชาวเลตั้งอยู่หลายสิบหลังคาเรือน นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะพยามยังมีเกาะอีกหลายแห่ง ซึ่งเป็นแหล่งตกปลา เช่น เกาะสินไห เกาะช้าง ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเช่าเหมาเรือจากปากน้ำระนอง ท่าเรือสะพานปลาได้เช่นเดียวกัน 

รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทางทะเล สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้  โทร. 0-2561-2918-21 



5.เกาะกูด (Koh Kood)


ที่อยู่ : ห่างจากชายฝั่งแหลมงอบประมาณ 82 กม. อ.เกาะกูด จ.ตราด










เกาะกูด เป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายในน่านน้ำทะเลตราด และใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะช้างในจังหวัดตราด มีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตร ลักษณะโดยทั่วไปของเกาะยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิด ลำธาร น้ำตก และมีชายหาดที่มีหาดทรายสวยงามและน้ำทะเลใส มีธรรมชาติสงบเงียบ 

การท่องเที่ยวบนเกาะกูดตามสถานที่ต่าง ๆ หากไม่ได้ซื้อแพ็กเกจทัวร์จากรีสอร์ทต่าง ๆ จะค่อนข้างลำบากในการเดินทาง เพราะไม่มีรถโดยสารวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวบนเกาะ


CR.//travel.edtguide.com/




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2557    
Last Update : 19 สิงหาคม 2557 3:37:36 น.
Counter : 1956 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.