อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

พับแขนเสื้อเชิ้ต ที่ถูกต้องตามหลัก ความชิด

วันนี้มีเทคนิคมาฝากสาวๆ Women Mthai กันจ้า เชื่อว่าหลายคนคงใช้วิธีการ พับแขนเสื้อเชิ้ต แบบผิดวิธีกันมาตลอดใช่ไหม คือ เริ่มพับตั้งแต่ปลายแขนแล้วก็พับทบขึ้นมาเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ แต่รู้ไหม ว่ามีเทคนิคที่ใช้กันแบบสากลและเค้าบอกว่าเป็นวิธีการ พับแขนเสื้อเชิ้ต ที่ถูกต้องและยังเพิ่มลูกเล่นความชิค ให้กับ เสื้อเชิ้ตตัวเก่งของสาวอีกด้วยล่ะ เอ้า!! รอช้าอยู่ใย ดูกันเลยจ้า แล้วก็อย่าลืมเก็บไปไว้ใช้กันด้วยนะจ๊ะ

พับแขนเสื้อเชิ้ต

พับแขนเสื้อเชิ้ตพับแขนเสื้อเชิ้ตพับแขนเสื้อเชิ้ตพับแขนเสื้อเชิ้ตsleeveshirt-5sleeveshirt-6

เรื่องโดย Women Mthai Team

ที่มาภาพจาก lindseykubly




 

Create Date : 17 กันยายน 2557    
Last Update : 17 กันยายน 2557 9:56:00 น.
Counter : 2111 Pageviews.  

ชั่วโมงบิน ไอคิว และการเรืยนรุ้

ชั่วโมงบิน ไอคิว และการเรียนรู้     

คำว่าชั่วโมงบินเป็นคำที่นักบินใช้บอกระดับประสบการณ์และความสามารถนะครับ ผู้ที่มีชั่วโมงบินสูงก็จะมีประสบการณ์มาก ตัดสินใจได้ดี มีทักษะ กระบวนการคิด และการตัดสินใจที่เด็ดขาดและเฉียบคม ทั้งนี้เพราะการบินมีความรับผิดชอบสูงมาก ทั้งต่อตนเอง ผู้โดยสาร ทรัพย์สินรวมถึงตัวเครื่องบินด้วย

คำว่าชั่วโมงบินนำมาใช้ในกิจการหรือกิจกรรมอื่นๆ ด้วย โดยมีความหมายเชิงเปรียบเทียบเพื่อบอกถึงระดับประสบการณ์ของการทำกิจกรรมนั้นๆ ในที่นี้ ผมจะพูดถึงชั่วโมงบินของเด็กในการฝึกฝนตนเองครับ

มีงานวิจัยที่สำคัญมากชิ้นหนึ่ง ริเริ่มโดย ลูอิส เทอร์แมน (Lewis Terman) เมื่อปี ค.ศ.1921 โดยมีสมมติฐานว่า ความสำเร็จในชีวิตแปรผันตามไอคิว หมายความว่าไอคิวยิ่งสูง ความสำเร็จในชีวิต การมีผลงานโดดเด่น ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลก ก็ควรจะสูงตามไปด้วย การวิจัยเริ่มจากการคัดเลือกเด็กที่มีไอคิวสูงมาจำนวนหนึ่งและติดตามความก้าวหน้าและสัมฤทธิผลทางการเรียน ติดตามยาวนานจนกระทั่งเด็กโตเป็นผู้ใหญ่มีอาชีพการงาน จนถึงขั้นที่เป็นจุดสูงสุดในชีวิตของคนกลุ่มนั้น เรียกว่าทำวิจัยจนกระทั่งตัว เทอร์แมน เสียชีวิตแล้วลูกและหลานของเขาต้องมานั่งทำงานวิจัยต่อกันเลยทีเดียว กลุ่มตัวอย่างไอคิวสูงเหล่านี้ได้รับการขนานนามว่า กลุ่มเทอร์ไมต์ (Termites)

1

ลูอิส เทอร์แมน

ผลออกมาขำๆคือว่า จากเด็กกว่า 1,500 คนที่มีไอคิวเกิน 140 มีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จระดับสูง แต่ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จเข้าขั้นปรมาจารย์หรือเข้าขั้นเปลี่ยนแปลงโลกใดๆ เลย ที่ขำที่สุดคือ นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลชื่อ ดร.วิลเลี่ยม ช็อคลี่ย์(William Shockley) ได้รับรางวัลโนเบลในปี ค.ศ.1956 เรื่องการประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์ เป็นผู้ที่ เทอร์แมน ระบุว่าไม่ใช่อัจฉริยะ จึงคัดชื่อออกจากการวิจัยครับ

2

รางวัลโนเบลปี ค.ศ.1956 มอบให้แก่ ช็อคลี่ย์ บาร์ดีน

และเบรตเทน สำหรับการประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์

มีงานวิจัยที่สำรวจผู้คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างเช่น ไอน์สไตน์ โมสาร์ท ดาวินชี่ จอร์แดน เบคแคม ฯลฯ ปรากฏว่าปัจจัยอันหนึ่งที่มีนัยสำคัญคือ "จำนวนชั่วโมงในการฝึกฝน" ครับ ในหนังสือ Outliers (สัมฤทธิ์พิศวง) ของ Malcolm Gladwell ระบุตัวเลข10,000 ชั่วโมงที่ส่งผลให้ เดอะบีทเทิล บิล เกตส์ ประสบความสำเร็จสูงสุดระดับโลกในอาชีพของตัวเอง แกลดเวลล์ ยังสรุปต่ออีกนิดนึงว่า ไอคิวสำคัญบ้างตอนเริ่มต้น แต่ทุกคนที่มีระดับไอคิวปรกติ สามารถฝึกฝนและพัฒนาตนเองจนกระทั่งกลายเป็นบุคคลสำคัญได้

สรุปง่ายๆ ว่า สิ่งสำคัญกว่าไอคิวก็คือชั่วโมงในการฝึกฝนครับ ยิ่งฝึกมากยิ่งได้มากครับ

อ่านเพิ่มเติมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทดลองของเทอร์แมน

//www.psychologytoday.com/blog/beautiful-minds/200909/the-truth-about-the-termites

ประวัติของ วิลเลียม ช็อคลี่ย์

//en.wikipedia.org/wiki/William_Shockley

กฎ 10,000 ชั่วโมง

//gladwell.com/outliers/the-10000-hour-rule/





 

Create Date : 17 กันยายน 2557    
Last Update : 17 กันยายน 2557 9:48:30 น.
Counter : 1953 Pageviews.  

4 วิธีผ่อนคลายแบบผิด ๆ ที่เรามักทําจนเคยชิน

    4 วิธีผ่อนคลายแบบผิด ๆ ที่เรามักทำจนเคยชิน


    4 วิธีผ่อนคลายแบบผิด ๆ ที่เรามักทำจนเคยชิน

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

       มาดูวิธีการผ่อนคลายแบบผิด ๆ ที่นอกจากจะไม่ใช่วิธีพักผ่อนที่ดีแล้ว ยังไม่ทำให้หายจากความเครียดได้อีกด้วย

              เวลาที่เรารู้สึกเหนื่อย หรือรู้สึกเครียด ก็คงจะอยากผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ กันใช่ไหมคะ แต่รู้หรือไม่ว่าการผ่านคลายบางชนิด เป็นการพักผ่อนที่ผิดวิธีที่ไม่สามารถช่วยทำให้สมองหรือร่างกายที่พบเจอกับความเครียดมาตลอดทั้งวันผ่อนคลายลงได้ แถมจะยังทำให้เครียดยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย แต่ว่าจะเป็นวิธีไหนบ้างนั้น เราไปดูการผ่อนคลายแบบผิด ๆ นี้ ที่เว็บไซต์ huffingtonpost.com ยกตัวอย่างเอาไว้กันเลยค่ะ

    เล่นโทรศัพท์มือถือ

              ไทม์ไลน์ทวิตเตอร์ นิวส์ฟีดเฟซบุ๊ก หรือการแจ้งเตือนจากโปรแกรมต่าง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ช่วยผ่อนคลายได้ เพราะมีการวิจัยพบว่าคนเราจะเช็กโทรศัพท์ประมาณทุก ๆ 6 นาที ซึ่งนั่นไม่ได้เข้าใกล้การพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย คราวหน้าถ้าอยากพักผ่อน อยู่ให้ห่างโทรศัพท์จะดีกว่า แต่ถ้าหากคุณพยายามแล้วก็ยังทำไม่ได้ ก็ได้เวลาที่จะปาโทรศัพท์ทิ้งได้แล้วค่ะ

    ไม่อยู่ในที่เงียบ ๆ

              หลายคนอาจจะคิดว่าการผ่อนคลายที่ดีคือการไปเที่ยวในที่ที่มีผู้คนเยอะ ๆ หรือมีเสียงดังจอแจ อย่างเช่น การดูคอนเสิร์ต ไปเที่ยวกลางคืน หรือเดินห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ทั้งที่จริงแล้วการผ่อนคลายที่ดีที่สุดก็คือการอยู่เฉย ๆ ในที่เงียบ ๆ ซึ่งความเงียบนี่ละที่จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะโฟกัสกับสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นและช่วยทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น

    4 วิธีผ่อนคลายแบบผิด ๆ ที่เรามักทำจนเคยชิน

    อ่านหนังสือในแท็บเล็ต

              ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือก่อนนอน การอ่านหนังสือก็เป็นวิธีผ่อนคลายที่ดีวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่ควรอ่านหนังสือจากแท็บเล็ต เพราะมันจะไม่ได้ช่วยให้คุณผ่อนคลายลง เพราะมีการศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็นว่าแสงสีน้ำเงินที่มากจากจอแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์นั้นจะไปรบการต่อการหลับตาของเราและทำให้เรานอนหลับได้ยากมากขึ้นแถมยังทำให้ฝันร้ายอีกด้วย ดังนั้นคราวหน้าถ้าอยากอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลายลองหาหนังสือสักเล่มมาอ่านแทนดีกว่าค่ะ

    คิดมากเกินไป

              ในช่วงเวลาพักผ่อน เป็นเวลาที่จะควรจะหยุดพัก เลิกคิดถึงเรื่องต่าง ๆ บางคนถึงแม้ว่าจะกำลังผ่อนคลายอยู่ แต่ในหัวกลับคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณเลิกคิดมากหรอกน่า แต่จะกลับทำให้คุณเครียดมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากต้องการพักผ่อนจริง ๆ ก็เลิกคิดซะ หรือถ้าเลิกคิดไม่ได้ก็ให้คิดอะไรในแง่บวกให้มากเข้า ก็จะช่วยทำให้มีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ

    การพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายสมองและร่างกายเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะร่างกายของเราทุกคนมีขีดจำกัด หากเราเคร่งเครียดกับการงานและการเรียนมากเกินไปจนไม่พักผ่อนก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจได้ ดังนั้นถ้าหากมีโอกาส หากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลายความเครียดระหว่างการทำงานบ้างนะคะ แล้วก็ควรจะเลือกให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงวิธีผิด ๆ แบบที่บอกกันไปแล้วด้วยนะคะ เพื่อที่งานที่ทำจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ




 

Create Date : 16 กันยายน 2557    
Last Update : 16 กันยายน 2557 8:05:28 น.
Counter : 1125 Pageviews.  

จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก

จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก



จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก
จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก szhk.com

ครูสอนศิลปะจีนสุดโหด ใช้หนังสือตีศีรษะเด็กจนเลือดอาบ กะโหลกแตก ไร้เหตุผล

            เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า เกิดเหตุสุดช็อกขึ้นในมณฑลส่านซีของจีน เมื่อครูสอนศิลปะชาวจีนได้ใช้หนังสือตีศีรษะนักเรียน 4 ราย จนได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลอาบ และหนึ่งในนั้นถึงกับกะโหลกแตกเลยทีเดียว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเมืองอันกัง ซึ่งมีนักเรียนเพียง 22 คนเท่านั้น นายเล่ย หมิ่งฉิง ครูสอนศิลปะของโรงเรียนได้เรียกเด็กชาย 4 คน (ทั้งหมดอายุไม่ถึง 7 ขวบ)เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา จากนั้นได้ใช้หนังสือทุบตีศีรษะของเด็ก ๆ กลุ่มนี้อย่างแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้เด็ก ๆ ได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลอาบที่ศีรษะ ก่อนที่นายเล่ยจะหนีออกจากที่เกิดเหตุไปโดยไม่ไยดีเด็ก ๆ ที่ได้รับบาดเจ็บเลย

            หลังเกิดเหตุไม่นานนัก นายหวัง ฉิน ครูใหญ่ของโรงเรียน ก็ได้เดินผ่านห้องทำงานของนายเล่ยและได้ยินเสียงเด็ก ๆ ร้องไห้ จึงเดินเข้าไปดู ซึ่งภาพที่เห็นก็ทำให้เขาถึงกับผงะ เมื่อพบเด็กชายทั้ง 4 ราย อยู่ในสภาพเลือดไหลอาบศีรษะ นอนเรียงรายอยู่บนพื้น ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เขาจึงรีบนำตัวเด็ก ๆ ส่งโรงพยาบาล โดยแพทย์พบว่าเด็กชายคนหนึ่งมีอาการหนักกว่าเพื่อน เขาถูกครูใช้หนังสือทุบตีถึงขั้นกะโหลกแตกเลยทีเดียว

ด้านนายหวัง ฉิน เปิดเผยว่า "ผมไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุให้นายเล่ยต้องลงมือกับเด็ก ๆ เช่นนี้ เขาเองเป็นครูที่แสนดีมาโดยตลอด และไม่เคยมีสัญญาณของความรุนแรงมาก่อนเลย โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนแค่ 22 คน ผมช็อกมากที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตอนนี้ทางโรงเรียนเป็นห่วงเด็ก ๆ มาก และจะพูดคุยกับพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

            อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาสืบสวนคดีนี้แล้ว โดยเชื่อว่านายเล่ยน่าจะหนีเข้าไปซ่อนตัวในป่านอกเมือง ส่วนการสอบสวนเด็ก ๆ เบื้องต้น พบว่าก่อนเกิดเหตุนายเล่ยเรียกพวกเขามาที่ห้องทำงาน จากนั้นก็ลงมือทุบตีเลย เด็ก ๆ เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนายเล่ยต้องทำกับพวกเขาเช่นนี้


จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก

จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก

จีนล่าครูโหด ใช้หนังสือตบหัวลูกศิษย์เลือดอาบ-กะโหลกแตก






 

Create Date : 16 กันยายน 2557    
Last Update : 16 กันยายน 2557 8:02:05 น.
Counter : 1096 Pageviews.  

เรื่อง ของความคาว


          ในการป้องกันตัวจากความเค็มของน้ำทะเล เซลล์ในร่างกายของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลล้วนเต็มไปด้วยกรดอะมิโนและสารประกอบเอมีน หนึ่งในนั้นคือ ไตรเมทิลามีนออกไซด์ (Trimethylamine oxide) หรือเรียกในชื่อย่อว่า TMAO โดยเมื่อปลาหรือสัตว์ทะเลตาย ก็จะถูกเอนไซม์ของแบคทีเรียทำการย่อยเนื้อ และในส่วนกล้ามเนื้อของปลาที่ประกอบไปด้วย ไตรเมทิลามีน ออกไซด์นี้ จะย่อยสลายกลายเป็น ไตรเมทิลามีน (Trimethylamine) ซึ่งมีกลิ่นเหม็นคาว ดังที่เราได้กลิ่นคาวปลากันนั่นเอง

โครงสร้างสามมิติของ trimethylamine N-oxide

วิธีกำจัดกลิ่นคาวปลาบนตัวปลา

-  ถ้าคุณเพิ่งซื้อปลามาได้สักวันสองวัน และเนื้อปลายังแน่นอยู่ (ลองใช้นิ้วจิ้มดูเบาๆ) คุณสามารถลดกลิ่นคาวปลาได้ด้วยการแช่ในน้ำนมประมาณ 20 นาที เคซีน (casein) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีอยู่ถึง 80% ในนมจะสร้างพันธะเคมีกับไตรเมทิลามีนจึงช่วยชะเอากลิ่นคาวนั้นละลายออกไปกับน้ำนมได้

-  น้ำมะนาวหรือสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด(เช่นเดียวกับน้ำส้มสายชู) เพราะกรดซึ่งจะเป็นประจุลบในน้ำจะช่วยให้ไตรเอทิลามีนเป็นประจุบวกและละลายน้ำได้ดียิ่งขึ้น แต่การแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู กรณีนี้ใช้น้ำปริมาณเยอะและน้ำส้มสายชูเพียงนิดเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ให้รสชาติของปลาเปลี่ยนไป

-  ผงฟูก็สามารถช่วยลดกลิ่นคาวได้เช่นเดียวกับในกรณีของน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชู

-  การล้างด้วยน้ำก๊อกที่แสนจะธรรมดา อันที่จริงก็ช่วยลดกลิ่นคาวได้เช่นเดียวกัน แต่กรณีนี้ ปลาอาจจะเสียรสชาติไปบ้าง


วิธีกำจัดกลิ่นคาวปลาที่ติดบนมือ

-  สบู่แสตนเลสถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี ด้วยคุณสมบัติการแลกเปลี่ยนประจุของสารที่ทำให้เกิดกลิ่นติดมือจนมีคุณสมบัติเป็นกลาง อาจจะต้องใช้เวลาถูกสัก 30 วินาทีผ่านน้ำไหลเย็น เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆ ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากจะใช้ดับกลิ่นคาวปลาบนมือคุณแล้ว เจ้าสบู่แสตนเลสยังใช้ได้ผลกับการกำจัดกลิ่นกระเทียม หัวหอม ทุเรียน ที่ติดมือได้อย่างดีทีเดียว เพราะกลิ่นเหล่านี้เกิดจากสารประกอบที่มีธาตุกำมะถัน (sulfer) กำมะถันเหล่านี้ สามารถสร้างพันธะทางเคมีกับผิวของสบู่ ทำให้สามารถกำจัดกลิ่นฉุนติดมือได้

-  ล้างมือด้วยน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชู หรือน้ำที่ผสมน้ำมะนาว โดยหลักการคล้ายกับการกำจัดกลิ่นคาวบนตัวปลา เพียงแต่ครั้งนี้คุณต้องมั่นใจว่าบนมือคุณไม่มีบาดแผล เพราะกรดจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้

-  หลังจากเตรียมปลาเพื่อทำอาหาร รีบล้างมือด้วยน้ำ และเทเกลือลงบนฝ่ามือโดยกะประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ขัดถูเบาๆไปมาให้ทั่ว จากนั้นล้างออก และเช่นเดียวกัน เกลืออาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองสำหรับบาดแผล และผิวแห้งได้

วิธีกำจัดกลิ่นคาวสำหรับอุปกรณ์ทำครัวและในห้องครัว

-  สำหรับจานชามหรือกระทะที่ใส่อาหารแล้วมีกลิ่นคาวติดมา ให้หั่นครึ่งมันฝรั่งแล้วโรยด้วยเกลือจากนั้นนำไปใส่ภาชนะที่มีกลิ่นคาว พร้อมทั้งปิดฝา ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นล้างให้สะอาด

-  อีกวิธีที่ได้ผล คือการต้มใบชาในภาชนะนั้นโดยตรงประมาณ 15 นาทีโดยประมาณ

-  สำหรับห้องครัว ใช้วิธีหั่นมะนาวเป็นสองซีกแล้วนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 10 นาที แล้วตั้งทิ้งไว้ ไอระเหยในน้ำจะช่วยทำให้กลิ่นคาวนั้นจากเดิมที่มีฤทธิ์เป็นเบส กลายเป็นกลาง ซึ่งทำให้กลิ่นคาวนั้นหายไป

-  สำหรับกลิ่นคาวที่ติดไมโครเวฟ ใช้วิธีหยดน้ำยาล้างจานลงบนผ้าเปียกๆ แล้ว อบประมาณ สองนาที อย่าตั้งให้ร้อนจนเกินไป ระวังผ้าไหม้นะคะ

-  กลิ่นคาวในช่องแช่แข็ง ใช้สารดับกลิ่นประเภทส้ม มะนาว แอ๊ปเปิ้ล ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการกำจัดกลิ่นคาวให้ออกไปจากช่องแช่แข็งของตู้เย็นคุณได้ทีนี้คุณก็แช่ไอศกรีม หรือน้ำหวาน ได้อย่างสบายใจไร้กลิ่นแล้ว

อ้างอิงจากเว็บไซต์ ณ วันที่ 10/9/57

//humantouchofchemistry.com/why-do-fish-smell-when-you-buy-them.htm

//www.downthecove.com/food-drink/getting-rid-of-fish-smells/

รูปภาพจาก

//upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/1d/Trimethylamine-N-oxide-3D-balls.png

//theambershow.net/wp-content/uploads//three-...

//unhappybride.files.wordpress.com/2011/06/fish.jpg

//www.klcbrands.com/blog/PrintArticle.aspx?ID=aaa27ea9-2920-48b2-9afa-0f4d85ef48f0

//ristorante-ramazzotti.com/wp-content/uploads/2013/11/fresh-fish.jpg





 

Create Date : 16 กันยายน 2557    
Last Update : 16 กันยายน 2557 7:57:05 น.
Counter : 4156 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.