ปีใหม่เทื่ยวไหนดี 2558 ใครที่หาที่เทื่ยวกันครับ
ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
จะเข้าสู่ "ปีใหม่ 2558" ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองที่หลาย ๆ คนรอคอยแล้ว เพราะปีใหม่ 2558 มีวันหยุดพักผ่อนยาว ๆ หลายวัน ทำให้หลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนาบ้าง ไปเที่ยวต่างจังหวัดต่าง ๆ บ้าง แต่เอ...แล้วคนที่ยังไม่รู้ว่าปีใหม่เที่ยวไหนดีล่ะ...เอาอย่างไรดีกับวันหยุดปีใหม่ยาว ๆ แบบนี้ดีล่ะ แหม ! ไม่ต้องคิดเยอะไปคะ เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมได้หยิบเอาที่เที่ยวปีใหม่ 2558 หลากหลายสไตล์มาแนะนำกัน จะขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปทัวร์อีสาน หรือเที่ยวชิล ๆ ที่คนไม่เยอะเราก็มีมาบอกกัน โดยเริ่มที่...
ไหว้พระ 9 วัด
ยังคงได้รับความนิยมเสมอ สำหรับการเดินทางไปไหว้พระขอพรในช่วงปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งวันนี้เราได้หยิบเอาสถานที่ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี และไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคล
ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี
1. วัดป่าพฤกษ์ เป็นวัดที่รัชกาลที่ 5 ทรงแวะทอดกฐินในช่วงประพาสต้น ร.ศ. 123 ตามคำบอกเล่าของคนโบราณ ที่วิหารจึงมีตราครุฑ และยังเป็นวัดต้นกำเนิดหลวงพ่อวัดเนียนน้อย เกจิชื่อดังของสุพรรณบุรี นอกจากนี้บริเวณรอบโบสถ์จะมีระฆังโบราณแขวนอยู่จำนวน 88 ใบ ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรจึงนิยมตีระฆังรอบโบสถ์เพื่อเสริมสิริมงคล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด คือ หลวงพ่อแสง ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี ส่วนใครที่อยากร่วมประเพณีตักบาตรกลางน้ำก็มาได้เป็นประจำทุกปี
2. วัดสวนหงส์ เป็นวัดเก่าแก่ในสุพรรณบุรี โดยมีอายุกว่า 200 ปี ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่การสักการะหลวงพ่อปลื้ม พระประจำวัดสวนหงส์ที่มรณภาพไปกว่า 12 ปี แต่สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยและได้บรรจุอยู่ในโลงแก้ว นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นของหลวงพ่อปลื้มตั้งอยู่หน้าโลงแก้ว ซึ่งต้องบอกว่ามีลักษณะเสมือนจริงมาก ด้านประเพณีที่น่าสนใจของวัดสวนหงส์ ได้แก่ ประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานเป็นประจำทุกปี ณ แม่น้ำท่าจีน บริเวณหน้าวัดสวนหงส์
3. วัดลานคา สักการะรอยพระพุทธบาทจำลองไม้ตะเคียนอายุกว่า 1,000 ปี พร้อมเดินข้ามสะพานแขวนข้ามแม่น้ำสุพรรณบุรีแวะเยี่ยมชมตลาดร้อยปีเก้าห้อง กินอาหารพื้นบ้าน เลือกซื้อของที่ระลึก และของฝากมากมาย
4. วัดบ้านสูตร วัดที่มีอุโบสถเป็นไม้สักทั้งหลัง และมีชาวบ้านคอยดูแล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา จึงเป็นอีกวัดริมน้ำที่ไม่ควรพลาดในการมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
5. วัดน้อย วัดในตำนานที่พลาดไม่ได้หากมาเยือนสุพรรณบุรี เพราะเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อเนียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของพระมหาเกจิอาจารย์ของเมืองสุพรรณ และมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่เนียมเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระและทรงวิทยาคม สำเร็จวาโยกสิณ มีอภิญญาแก่กล้า หยั่งรู้เหตุการณ์ทั้งในอดีตและอนาคต กระทั่งหลวงพ่อเหน่ง วัดคลองมะดัน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง มาฝากตัวขอเป็นศิษย์
6. วัดบางยี่หน วัดในตำนานประพาสต้น ร.ศ. 123 ของรัชกาลที่ 5 ทรงแวะเสวยอาหารเย็นและทรงเรียกวัดนี้ว่า "วัดแป๊ะซะ" เนื่องจากชาวบ้านนิยมถวายปลาช่อนแป๊ะซะให้พระองค์เสวย
7. วัดตะค่า (วัดแก้วตะเคียนทอง) เป็นอีกวัดในตำนานประพาสต้น ร.ศ. 127 ของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมอบปัจจัยจำนวนเงิน 80 บาท เพื่อบูรณะวิหาร และทรงมอบบาตร, ปิ่นโต, เรือ, ตาลปัตร, ที่ย้อมจีวร พร้อมกันนี้เจ้าอาวาสยังยินดีที่จะเล่าขานประวัติความเป็นมาของวัดและการได้มาซึ่งสิ่งของต่าง ๆ นอกจากนี้ต้องมาสักการะหลวงพ่อแสง พระซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงให้ความนับถือและให้หลวงพ่อเป็นผู้อาบน้ำมนต์ให้พระองค์ด้วย
8. วัดเจ้าขาว สักการะวิหารอันเก่าแก่ซึ่งมีอายุกว่า 250 ปี และเจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรีจากคำบอกเล่าของหลวงพ่อแผน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนั่งกระเช้าให้อาหารปลากลางแม่น้ำสุพรรณบุรี และคุณยังจะได้เห็นการสัญจรไป-มาของผู้คนที่ใช้กระเช้าเป็นเส้นทางเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ
9. วัดสุขเกษม เป็นวัดปิดท้ายในโครงการไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สักการะหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรหรือบนบานสานกล่าวให้ค้าขายร่ำรวย หรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานก้าวหน้า และหากสำเร็จก็จะจัดหนังกลางแปลงมาถวายหลวงพ่อเป็นประจำ
ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคล
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นพระอารามหลวงและเป็นที่รู้จักของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงามทั้งพระอุโบสถภายนอกและภายใน อีกทั้งระเบียงรอบวัดยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์อีกด้วย และไฮไลท์เด็ดก็อยู่ที่ พระแก้วมรกต ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ให้ได้สักการะกัน ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดเก่าแก่หน้าบันของวิหารวัดป่าเลไลยก์มีเครื่องหมายพระมหามกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ บอกให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังทรงผนวชอยู่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงมาปฏิสังขรณ์ ที่วัดแห่งนี้ประชาชนนิยมมานมัสการ "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ สูง 23.46 เมตร รอบองค์ 11.20 เมตร ภายในองค์พระพุทธรูปเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลายจำนวน 36 องค์ หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง
วัดห้วยมงคล ใครที่อยากไปสักการะ หลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร ฐานสูง 3 ชั้น ก็สามารถเดินทางมาได้ที่วัดห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังมีรูปสลักหลวงพ่อทวดแกะจากไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ให้ประชาชนได้สักการะบริเวณรอบ ๆ องค์พระ และเมื่อขึ้นไปด้านบนยังสามารถมองเห็นทิวเขาล้อมรอบและเห็นเทือกเขาตะนาวศรีกั้นพรมแดนไทย-พม่าอีกด้วย
วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เยียวยาอาการเจ็บป่วย ตามประวัติเล่าว่า เป็นพระพุทธรูปปาฏิหาริย์ลอยทวนน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่เดิมเป็นพระพุทธรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงว่าจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะดังที่เห็นในปัจจุบัน
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ซึ่งมีผู้คนเคารพนับถือมากราบไหว้สักการะมากในปัจจุบัน ในช่วงหลังมีผู้นำรูปถ่ายเมื่อครั้งมีชีวิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ในท่านับลูกประคำไปจัดสร้างเป็นรูปหล่อและรูปเหมือนเพื่อสักการบูชาจนเป็นที่แพร่หลาย และเป็นเอกลักษณ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์จนถึงปัจจุบัน ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่โตมากมาย และความศักดิ์สิทธิ์ของท่านทำให้หลายวัดพร้อมใจกันหล่อรูปเหมือนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เช่น วิหารสมเด็จโต มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา, สมเด็จโตองค์ใหญ่ปางเทศนาธรรม วัดโบสถ์ จังหวัดปทุมธานี และสมเด็จโตองค์ใหญ่ วัดตาลเจ็ดยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ใครอยู่ใกล้ที่ไหนก็ไปสักการะหลวงพ่อโตได้ที่นั่นค่ะ (ข้อมูลจาก watrakang)
วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร เป็นวัดที่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ละสังขาร ภายในอาคารจึงมีอัฐิธาตุของพระหลวงปู่มั่น และภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต สร้างด้วยกระเบื้องดินเผา และมีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่นในท่านั่งสมาธิ และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว ยกฐานสูงพื้นปูด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งตู้แสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ โดยหลวงปู่มั่นเป็นพระที่ยึดมั่นในปฏิมาธุดงค์กรรมฐานเป็นวัตร กระทั่งได้ย้ายจากการธุดงค์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส และมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เดิมชื่อพระพุทธเจ้าพนัญเชิง (พระเจ้าพะแนงเชิง) แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์นี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทองปางมารวิชัยลงรักปิดทอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตรและสูง 19.13 เมตร เบื้องหน้ามีตาลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสาวกที่ทำด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่เบื้องซ้ายและขวา อาจนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน
พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเชื่อกันว่าหากมาสักการะและอธิษฐานขอพรพระธาตุดอยสุเทพจะมีแต่ความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้ และสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพแล้ว ก็คือ การสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่ประดิษฐานอยู่ตรงเชิงดอยสุเทพเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุ เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้และประเทศไทย เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนชาวใต้ มีพระบรมธาตุเจดีย์อันยิ่งใหญ่ที่มีส่วนยอดเจดีย์เป็นทองคำเป็นภาพสะท้อนแห่งความศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อการสร้างพระบรมธาตุ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย) ทั้งนี้ผู้มาเยือนที่นี่นิยมนำผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วย
วัดบ้านแหลม หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อบ้านแหลม มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วไป
เที่ยวตลาดน้ำ
ใครที่อยากใช้วันหยุดยาวชิล ๆ แบบกินไปเที่ยวไปก็มากันได้ที่ตลาดน้ำ เรียกว่าใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่น นอกจากของกินอร่อย ๆ แล้ว คุณยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนกับสายน้ำอีกด้วย
1. ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา
ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาวไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งรวบรวมความหลากหลายทั้งทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทั้ง 4 ภาคไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่า ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
2. ตลาดน้ำอัมพวา
ภาพจาก ททท. ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในสมุทรสงคราม จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์หลัก คือ ที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ การล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน ทำให้ร้านที่จำหน่ายสินค้าในตลาดน้ำส่วนใหญ่จะมีบริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์รวมอยู่ด้วย ส่วนสินค้าที่ขึ้นชื่อของที่แห่งนี่จะเป็นอาหาร ของฝาก ของที่ระลึกที่มีทั้งแบบพายเรือมาขายอยู่ในลำคลอง และแบบเปิดร้านอยู่บนฝั่งก็มี การได้ลองชม-ชิมอาหารพื้นบ้านที่หลากหลาย
3. ตลาดน้ำคลองลัดมะยม
ใครที่ชอบกินไปเที่ยวไปก็มาได้ที่นี่เลยเพราะตลาดน้ำคลองลัดมะยมมีอาหารรสดีรสเด็ดให้ได้ลิ้มลองกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นของคาวของหวานหรืออาหารพื้นบ้านแบบโบราณที่นี่ก็มีหมด นอกจากนี้ยังมีบริการนั่งเรือล่องไปตามคลองลัดมะยมเพื่อสัมผัสชีวิตริมฝากฝั่งคลองกันด้วย
4. ตลาดน้ำขวัญเรียม
เป็นหนึ่งในตลาดน้ำที่เกิดขึ้นเพื่อย้อนรอยวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนริมคลองแสนแสบ จำลองวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน ด้วยความสามัคคีของคนในชุมชน ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากคุณจะเพลิดเพลินไปกับของกินมากมายแล้ว ยังมีกิจกรรมและการแสดงให้ได้ชมกันอีกด้วย ได้แก่ การแสดงการละเล่นของไทย ที่เวทีริมน้ำ, การล่องเรือสัมผัสชีวิตชุมชน พร้อมไกด์ตัวน้อยที่จะมาเล่าความเป็นมาของตลาดน้ำขวัญเรียม, การจัดแสดงสัตว์บกและสัตว์น้ำ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับเมนูอร่อยที่หลากหลายอีกด้วย
5. ตลาดน้ำอโยธยา
ใครที่ชอบช้อปปิ้ง ก็อย่าลืมแวะเวียนเลือกซื้อเลือกหาสินค้าดีไซน์แปลก ๆ ประเภทงาน Handmade ซึ่งที่นี่ทั้งพ่อค้าและแม่ขายต่างต้องแต่งกายแบบย้อนยุค คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทย ๆ ที่เรียบง่าย นับเป็นจุดศูนย์รวมนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ และทัศนียภาพอันงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยอีกด้วย
เที่ยวดอย
หนาวทั้งที...ใครไม่ไปกางเต็นท์รับลมหนาวบนยอดดอยนี่ถือว่าเชยสุด ๆ ที่สำคัญประเทศไทยเรายังมีดอยสวย ๆ อยู่หลายแห่ง อีกทั้งธรรมชาติที่สมบูรณ์ รวมทั้งการเดินทางที่ต้องใช้พละกำลังไม่น้อย ถือเป็นการท่องเที่ยวรับปีใหม่แบบลุย ๆ
1. ดอยอินทนนท์
คำว่าสูงสุดแดนสยามบนยอดดอยอินทนนท์คงเป็นสิ่งที่เชื้อเชิญให้ทุกคนใฝ่ฝันอยากมาเยือนที่นี่สักครั้ง ซึ่งก่อนที่คุณจะเดินทางมาถึงยอดดอยก็จะพบกับวิวอันสวยงาม อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวริมสองข้างทาง ได้แก่ พระมหาธาตุเจดีย์ธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุจดีย์นภพลภูมิสิริ, กิ่วแม่ปาน, สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์, น้ำตกน้ำตกวชิรธาร เรียกว่าน่าสนใจมากทีเดียว
2. ดอยอ่างขาง
ประมาณปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยเบ่งบานเป็นสีชมพูสองข้างทาง มันจึงถือเป็นเส้นทางสายโรแมนติกที่เหมาะแก่การมาสวีทของคู่รัก นอกจากนี้ยังมีสถานีเกษตรหลวงอ่างขางให้คุณได้เข้าไปเรียนรู้และชมความสวยงามของดอกไม้และพืชผักนานาชนิดด้วย
3. ดอยเชียงดาว
ดอยเชียงดาว เป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบ ๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือ ทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบ นอกจากนี้ยังมีอากาศเย็นสบาย ลมแรง และมีธรรมชาติสมบูรณ์ด้วย
4. ดอยผ้าห่มปก
ดอยผ้าห่มปก อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย จากยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ทะเลหมอก และถนนบนสันเขา ขนานกับชายแดนไทย-พม่า ซึ่งถือเป็นถนนที่สร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงระหว่างประเทศ นอกจากนี้คุณยังจะได้พบกับสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ได้แก่ ผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล, ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก, นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง, นกเดินดงคอแดง ,นกเดินดงดำปีกเทา ฯลฯ
5. ดอยทูเล
ดอยทูเล เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ในช่วงหน้าหนาวกลางเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี ทุ่งหญ้าเขียวขจีจะเปลี่ยนเป็นทุ่งสีทองท่ามกลางทะเลหมอกและมีอากาศหนาวเย็น เหมาะสำหรับการกางเต็นท์นอนชมดา แต่ขอเตือนกันไว้ก่อนว่าใครที่คิดจะมาพิชิตดอยทูเลก็ต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงเพราะเส้นทางนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ เลย แต่หากว่าคุณพิชิตยอดดอยแล้วก็จะรู้ว่ามันคุ้มค่าจริง ๆ
เที่ยวทะเล
ฮิตตลอดกาลอยู่แล้วสำหรับทะเล ที่ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าหนาว หรือหน้าฝน ใคร ๆ ก็มาเที่ยวทะเลกันทั้งนั้น และหากว่าปีใหม่นี้คุณยังมีไม่โปรแกรมเที่ยวไหนก็ลองมาสำรวจทะเลสวย ๆ ที่เราแนะนำกันดีกว่า
1. เกาะล้าน
เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนกรุงที่มีเวลาเที่ยวน้อย แต่ความสวยงามก็ไม่น้อยหน้าทะเลในที่อื่น ๆ เลย พื้นที่ของเกาะมีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ที่สำคัญน้ำทะเลยังใสและสะอาดมากด้วย มันจึงเป็นสถานที่ซึ่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว โดยคุณสามารถดำน้ำชมปะการังหรือเล่นกีฬาทางน้ำได้แบบไม่รู้เบื่อเลย
2. เกาะนางยวน
เกาะนางยวน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ สันทรายสีขาวที่เชื่อมทั้งสามเกาะให้สามารถเดินไป-มาได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีทัศนียภาพโดยรอบที่งดงาม ชายหาดที่สวยงามและน้ำทะเลใสแจ๋วชวนแหวกว่ายเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่หลากหลายและสวยงาม หากมาเที่ยวที่นี่แล้วไม่ดำน้ำชมปะการังเรียกว่าพลาดจริง ๆ
3. เกาะตาชัย
เกาะตาชัย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพังงา และยังถือเป็นเกาะสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้ถึงฤดูกาลเปิดเกาะเนื่องจากจะมีการปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติถึง 6 เดือนด้วยกัน โดยคุณจะสัมผัสได้ถึงความขาวละเอียดและนุ่มเท้าของชายหาด อีกทั้งน้ำทะเลยังเป็นสีฟ้าใส เรียกว่าไม่เคยทำให้นักท่องเที่ยวต้องผิดหวังเลยจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์โลกน่ารักอย่างปูไก่ ซึ่งเป็นสัตว์หายากให้ได้ชมกันแบบใกล้ชิดด้วยค่ะ
4. เกาะกูด
เกาะกูด เป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายทางทิศตะวันออกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลตราด ลักษณะโดยทั่วไปของเกาะยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร สายน้ำ ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง แต่ที่ขึ้นชื่อบนเกาะกูด คือ น้ำตกคลองเจ้า จะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ส่วนทางฝั่งตะวันตกของเกาะตั้งแต่อ่าวตาติ้น, หาดคลองยายกี๋, แหลมหินดำ, หาดคลองเจ้า, หาดง่ามโข่, แหลมบางเบ้า, หาดอ่าวพร้าว ไปจนสุดปลายแหลมเทียน
5. หลีเป๊ะ
สมฉายา "มัลดีฟส์เมืองไทย" จริง ๆ สำหรับหลีเป๊ะซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ของจังหวัดสตูล มีลักษณะแบน ๆ คล้ายบูมเมอแรง บริเวณโดยรอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด โดยมีชายหาดหลัก ๆ อยู่ 3 หาดคือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา (บันดาหยา) อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน
Create Date : 15 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 15 ธันวาคม 2557 8:43:50 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2275 Pageviews. |
|
|