อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
กินอย่างไรเมื่อมีโรคกระเพราะ

แต่ก่อนนี้ถ้าใครเป็น โรคกระเพาะ ถือว่าโชคร้ายเพราะเป็นแล้วรักษาหายยาก แต่เมื่อรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว โรคกระเพาะ รักษาไม่ยาก และปัจจุบันโรคกระเพาะสามารถรักษาให้หายได้ภายในเวลา  2-4 สัปดาห์ด้วยยาปฎิชีวนะและยาลดกรดเป็นหลัก

160621907

สาเหตุของ โรคกระเพาะ

ก่อนนี้ความเครียด กินอาหารผิดเวลาอยู่เป็นนิจ และอาหารรสเผ็ดจัดจะถูกจัดเป็นสาเหตุสำคัญของโรคกระเพาะ แต่ปัจจุบันวงการแพทย์ปะจักษ์กันดีกว่าตัวสาเหตุที่แท้จริงคือเชื้อแบคทีเรีย ที่มีลักษณะเหมือนเกลียวจุกคอร์ก ชื่อว่าเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร  เรียกย่อๆว่าเอช.ไพโลไร (H.pylori)เป็นตัวที่ทำให้กระเพาะเป็นแผลอักเสบ

นอกจากเชื้อแบคทีเรียที่ว่ายังมีสาเหตุรองอื่นๆของโรคกระเพาะ คือการใช้ยาแก้ปวดประเภทแอสไพริน หรือยาประเภทสเตียรอยด์ซึ่งใช้รักษาโรคข้ออักเสบหรือยาประเภทต้านการอักเสบเรียกย่อๆว่า “เอ็นเสดส์” (NSAIDS) = Nonsteroidal anti-imflamatory) การใช้ยานี้เสมอๆอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคกระเพาะในคนที่ติดเชื้อเอช.ไพโลไรได้ นอกจากนี้ผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็จะเพิ่มความเสี่ยงโรคกระเพาะ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่เพิ่มปริมาณกรดและความเข้มข้นของกรดในกระเพาะ และในคนที่เป็นโรคอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมเลิกบุหรี่ก็จะทำให้การรักษาได้ผลน้อย

โภชนบำบัดสำหรับ โรคกระเพาะ

สมัยก่อนเมื่อยังไม่ทราบสาเหตุของโรคกระเพาะ อาหารที่ใช้รักษาโรคกระเพาะคือ ซิปปี้ไดเอ็ท (Sippy diet) ซึ่งใช้นมและอาหารประเภทครีมเป็นหลัก ซึ่งแพทย์สมัยนั้นเชื่อว่าจะช่วยเคลือบแผลในกระเพาะหรือลำไส้ แต่ปัจจุบันพบว่าอาหารดังกล่าวกลับทำให้อาการโรคกระเพาะแย่ลง เนื่องจากแคลเซียมในนมกระตุ้นการหลั่งของกรดทำให้แผลในกระเพาะหายช้าเข้าไปอีก

ปัจจุบันอาหารไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะช่วยรักษาโรคกระเพาะ แต่จะใช้ยาเป็นหลัก อาหารจะเป็นปัจจัยเสริมที่ใช้รักษาร่วมกับยาเพื่อลดอาการ

หลักโภชนบำบัดในปัจจุบัน คือ การกินอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่อย่างสมดุล เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน เพื่อช่วยรักษาเนื้อเยื่อแผลในกระเพาะให้หายเร็วขึ้น และเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการหลั่งของกรดมากเกินไป มีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับนิสัยการบริโภคที่ผู้มีปัญหาโรคกระเพาะต้องปรับเปลี่ยนดังนี้

  • กินอาหาร เป็นเวลา กินน้อยๆวันละ4 ถึง 5 มื้อไม่กินจุบจิบโดยเฉพาะก่อนนอน เพราะทุกครั้งที่อาหารตกถึงท้องจะกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ
  • ปริมาณอาหาร ไม่กินอิ่มมากเกินไป มิฉะนั้นจะมีกรดหลั่งออกมามากเกินควร
  • เลี่ยงการดื่มนมบ่อยๆ นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาการย่อยน้ำตาลในนม (แลคโตส) อาจเกิดอาการท้องอืด มีแกส ปวดท้อง ท้องเสียได้เพราะระบบย่อยขาดเอ็นไซม์แลคเตสซึ่งใช้ย่อยน้ำตาลนม
  • ระวังการใช้เครื่องเทศรสเผ็ดจัด เช่น พริกต่างๆ กินเท่าที่ระบบย่อยของตัวเองจะรับได้โดยไม่เกิดอาการ ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะบอกได้
  • กินอาหารที่มีกากใยสูง เช่นผัก ผลไม้ และธัญพืช โดยเฉพาะใยอาหารประเภทละลายน้ำ เช่น กล้วย มะละกอ แอปเปิล ซึ่งมีใยอาหารชนิดเพคตินมาก ช่วยป้องกันโรคกระเพาะและมะเร็งในกระเพาะอาหาร  นักวิจัยพบว่าในกล้วยมีสารชนิดหนึ่งซึ่งช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลในกระเพาะอาหารทำให้กระเพาะแข็งแรงขึ้น ทนต่อกรดได้ดี
  • กินผักใบเขียวจัดให้มากขึ้น เนื่องจากผักใบเขียวจัดมีวิตามินเคสูง ช่วยให้แผลในกระเพาะหายเร็วขึ้น ป้องกันเลือดออกในกระเพาะ ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร มีข้อมูลรายงานว่าผู้ที่มีโรคกระเพาะมักพบการขาดวิตามินเค ผักสีเขียวจัดบางชนิดเช่นบร็อคโคลี มีสารซัลโฟราเฟน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อนๆ นักวิจัยพบว่าสารสะกัดซัลโฟราเฟน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะเชื้อเอช.ไพโลไร และอาจป้องกันมะเร็งได้
  • ผักผลไม้ที่มีเบตาแคโรทีนสูง เช่น แครอท ฟักทอง ผักใบเขียวจัด แคนตาลูป ช่วยป้องกันเยื่อบุกระเพาะและลำไส้ เร่งให้แผลหายเร็วขึ้น การกินผักผลไม้ยังช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ซึ่งช่วยให้แผลในกระเพาะหายเร็วและป้องกันการติดเชื้อ
  • เลี่ยงกาแฟ รวมทั้งชนิดไม่มีคาเฟอีน เนื่องจากกาแฟกระตุ้นการหลั่งกรดและอาจทำให้อาหารไม่ย่อย  ชาอาจจะพอรับได้สำหรับบางคนแต่ก็ยังมีส่วนกระตุ้นการหลั่งกรดอยู่ดี แม้จะน้อยกว่ากาแฟก็ตาม
  • เลี่ยงน้ำส้มน้ำมะนาวถ้าทำให้ไม่สบายท้อง เนื่องจากกรดไหลย้อนกลับทางทำให้เกิดอาการแสบร้อนในลิ้นปี่
  • เลี่ยงอาหารทอด อาหารเค็มและน้ำอัดลม
  • เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อนจัด ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการ ทำให้ไม่สบายท้องได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเบียร์และไวน์เพราะจะทำให้กระเพาะหลั่งกรดได้มากขึ้น
  • งดบุหรี่
  • เคี้ยวช้าๆในเวลากินไม่เร่งรีบ
  • ควรสังเกตตัวเองว่าอาหารชนิดใดที่ก่อให้เกิดปัญหาในระบบย่อย เพราะการตอบสนองต่ออาหารในแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม้แต่อาหารชนิดเดียวกันถ้ากินคนละเวลาร่างกายก็จะตอบสนองต่างกัน
  • หลีกเลี่ยงความเครียด ถึงแม้ความเครียดจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ แต่อาจเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้อาการโรคกระเพาะเลวร้ายลงไปอีก โดยทำให้หายช้า166220023

ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ยาลดกรดมากเกินควร เนื่องจากกรดในกระเพาะจะช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหารเช่นเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก แคลเซียม วิดามินบี 12 ลดการเจริญของเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะ แบคทีเรียในอาหารเมื่อตกถึงกระเพาะจะถูกกรดทำลาย จึงช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ก่อสารเกิดมะเร็ง การใช้ยาลดกรดมากจึงไม่ดีต่อระบบย่อย

สรุปแล้ว หลักใหญ่ก็คือการมีโภชนาการดี กินอาหารให้หลากหลาย เป็นเวลาสม่ำเสมอ ไม่เร่งรีบในการกิน ระวังอาหารที่กระตุ้นการหลั่งกรดมากเกินควร อย่าทำตัวเป็นคนช่างเครียด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินยาตามแพทย์สั่งโรคกระเพาะก็จะหายได้

ตัวอย่างเมนูอาหารโรคกระเพาะ

  • เช้า         น้ำแอ๊ปเปิ้ล 180 ซีซี/ขนมปังโฮวีท 2 แผ่น/เนยเทียม 2 ช้อนชา/แยม 1 ช้อนโต๊ะ/นมถั่วเหลือง/ชาเขียว
  • ว่างเช้า     แอ๊ปเปิ้ล 1 ผลเล็ก/ขนมปังกรอบจืด 4 แผ่นเล็ก/นมขาดไขมัน 120 ซี.ซี.
  • เที่ยง       ซุปบร็อคโคลี 1 ถ้วยเล็ก/ข้าวโพดต้ม 1/2 ถ้วยตวง/ข้าวสวย 1-2 ทัพพี/ปลาซาบะย่าง (ชิ้นขนาดกล่องไพ่)/กะหล่ำ/
    แครอทต้มสุก 1/2 ถ้วยตวง/แตงโม/น้ำ
  • ว่างบ่าย    กล้วยหอม 1 ผลเล็ก  ไอศครีมโยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 สกูป
  • เย็น         สลัดผัก 1 ถ้วยตวง + น้ำสลัดไขมันต่ำ/เนื้ออกไก่อบ 1/2 อก/ข้าวซ้อมมือ 1/2 ถ้วยตวง คลุกเนยเทียม 1 ช้อนชา/
    ขนมปังดินเนอร์โรล 1 ชิ้น/หน่อไม้ฝรั่งลวก 1/2 ถ้วยตวง/แคนตาลูป 1/4ลูก/น้ำ

ขอบคุณที่มาจาก : นิตยสาร Health&Cuisine พฤษภาคม, Issue 28




Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 17 กันยายน 2557 9:58:11 น. 1 comments
Counter : 1249 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 3773459 วันที่: 27 มีนาคม 2560 เวลา:14:50:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.