จุดกําเนิดของ nanoscienen
ในปัจจุบันมักจะได้ยินคำว่า "นาโน" กันหนาหู วิทยาศาสตร์นาโนหรือ nanoscience คือการศึกษาวัสดุหรือโครงสร้างของสสารในระดับนาโนเมตรหรือ 10-9 เมตร (เล็กกว่าความยาว 1 มิลลิเมตร 1 ล้านเท่า) nanoscience หรือ nanotechnology ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่นในทางการแพทย์ อุตสาหกรรม แม้กระทั่งในชีวิตประจำวันของเราก็มี nanoscience เข้ามาเกี่ยวข้องเช่นผงซักฟอกที่ใช้กันอยู่ในท้องตลาดก็มีการผสมอนุภาคเงินที่เล็กในระดับนาโนเมตรเพื่อใช้กำจัดแบคทีเรีย (จริงๆ นอกจากผสมในผงซักฟอกแล้วก็ยังใช้ในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ) แม้ว่าจะให้ความรู้สึกว่าเป็นสาขาวิจัยใหม่เพิ่งเฟื่องฟู แต่ถ้าจะนับกันจริงๆ จังๆ nanoscience น่าจะมีอายุประมาณเกือบๆ 170 ปีแล้ว ว่ากันว่า nanoscience ออกสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกในปี ค.ศ. 1847 ด้วยฝีมือของกระทาชายนายนี้ซึ่งไม่มีใครไม่รู้จัก "ไมเคิล ฟาราเดย์" นอกจากจะฝากผลงานเกี่ยวกับไฟฟ้าและแม่เหล็กเอาไว้มากมายเช่น กฎของฟาราเดย์ กรงฟาราเดย์ ฯลฯ อดีตลูกจ้างในร้านเย็บเล่มหนังสือที่เรียนด้วยตัวเองจนกลายมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังพรสวรรค์มหาศาลรายนี้ยังถูกใคร ๆ ให้เครดิตว่าเป็นผู้ให้กำเนิด nanoscience อีกด้วย ไมเคิล ฟาราเดย์ "บิดาแห่ง nanoscience" [1] ภาพตัวอย่างของ "อนุภาคนาโน" (อนุภาคซิลิกา) [2] งานวิจัยของฟาราเดย์ที่ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น "บิดาแห่ง nanoscience" นั้นเกี่ยวกับ "gold sol" หรือสารละลายที่มีตัวถูกละลายคืออนุภาคทองคำขนาดเล็ก สารละลายนี้เป็นที่รู้กันในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ว่าถ้าผสมในเครื่องแก้วจะทำให้เครื่องแก้วมีสีแดงอมม่วงที่เรียกกันว่า "สีม่วงของแคสเซียส" เครื่องแก้วที่มีสารละลายทองคำผสมอยู่เรียกกันว่า "เครื่องแก้วแครนเบอรี่" บ้าง (เพราะมีสีเดียวกับแครนเบอรี่) "เครื่องแก้วสีทับทิม" บ้าง ฟาราเดย์เป็นคนแรกที่ค้นพบว่า "สี" ของสารละลาย "gold sol" นี้ขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาคทองคำ ถ้าขนาดของอนุภาคทองคำเปลี่ยน สีของสารละลายก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกันดังในภาพด้านล่าง เครื่องแก้ว "สีม่วงของแคสเซียส" [3] สีของสารละลายขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาคทองคำขนาดเล็ก [4] ฟาราเดย์แสดงปาฐกถาเกี่ยวกับ "gold sol" ในชื่อเรื่องว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและแสง" (หนึ่งในผู้ที่เข้าฟังปาฐกถาของฟาราเดย์คือเจ้าชายอัลเบิร์ต สวามีของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย) ฟาราเดย์เป็นคนแรกที่ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างสีของสารละลายและขนาดของตัวถูกละลายแต่เขาก็ไม่ได้อธิบายว่าทำไมการเปลี่ยนขนาดของอนุภาคตัวถูกละลายทำให้สีของสารละลายเปลี่ยนไป ในภายหลัง กุสตาฟ มี (Gustav Mie) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมันจึงได้อธิบายปรากฎการณ์นี้โดยใช้ทฤษฎีการกระเจิงแสงและการดูดกลืนแสงโดยอนุภาคทรงกลม ว่ากันว่า "อนุภาคนาโน (nanoparticles)"ที่ถูกศึกษาอย่างเป็นทางการอนุภาคแรก(ในโลก)ก็คืออนุภาคทองคำของฟาราเดย์ ในปัจจุบันอนุภาคทองคำขนาดเล็กที่ฟาราเดย์และนักวิทยาศาสตร์มากหน้าหลายตาเคยศึกษาวิจัยได้ถูกนำมาใช้ในทางเภสัชกรรมและการแพทย์อย่างแพร่หลายเช่นใช้ในการขนส่งยาภายในร่างกาย (drug delivery) การตรวจมะเร็ง (tumor detection) และยีนบำบัด (gene therapy) เครดิตภาพ [1] //en.wikipedia.org/wiki/Michael_Faraday#mediaviewer/File:Faraday-Millikan-Gale-1913.jpg [2]//en.wikipedia.org/wiki/Nanoparticle#mediaviewer/File:Mesoporous_Silica_Nanoparticle.jpg [3] //en.wikipedia.org/wiki/Cranberry_glass#mediaviewer/File:Vintage_cranberry_glass.jpg [4] //en.wikipedia.org/wiki/Colloidal_gold#mediaviewer/File:Gold255.jpg
Create Date : 15 กันยายน 2557 |
Last Update : 15 กันยายน 2557 9:32:46 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3073 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่า
เรื่องนี้อีกหน่อยคงพัฒนายิ่งึ้นกว่านี้อีกเยอะเลย
ขอบคุณมากๆค่า