อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

14 ที่ท่องเทื่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย


 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
14 ที่เที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

หลายคนคงจะเคยได้ยินกับคำพูดที่ว่า "ยิ่งสูง ยิ่งหนาว" แต่วันนี้กระปุกดอทคอมขอพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวกับสถานที่ซึ่งต้องบอกว่า "ยิ่งไกล ยิ่งท้าทาย" จากเว็บไซต์ buzzfeed ซึ่งแต่ละที่นั้นอยู่ไกลกันคนละซีกโลกกับบ้านเราเลย แต่ขอบอกว่ายิ่งไกลก็ยิ่งสวยนะคะ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่าจะสวยงามสักแค่ไหน ถ้าอย่างนั้นมาดูกันเลยจ้า

1. Ittoqqortoormiit, กรีนแลนด์ (Ittoqqortoormiit, Greenland)


 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           นับเป็นสถานที่สุดท้าทายสำหรับ Ittoqqortoormiit บนเกาะกรีนแลนด์ ที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก และยังเป็นดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของโลกอีกด้วย พื้นที่ส่วนใหญ่ของ Ittoqqortoormiit ยังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและมีธารน้ำแข็งอยู่รอบด้าน มันจึงเป็นสถานที่ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านแต่ก็แฝงไปด้วยความหนาวเย็น หากใครคิดจะมาเยือนก็อย่าลืมที่จะฟิตร่างกายให้พร้อมนะคะ

2. ลองเยียร์เบียน, หมู่เกาะสฟาลบาร์ (Longyearbyen, Svalbard)

  14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           ลองเยียร์เบียน ตั้งอยู่บนหมู่เกาะสฟาลบาร์ ซึ่งเป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก และเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนอร์เวย์ จุดเด่นของลองเยียร์เบียน คือ มันเป็นเมืองที่อาชญากรรมแทบจะเป็นศูนย์ เพราะผู้คนต่างอยู่อย่างเป็นมิตรและรักในความสงบ มันจึงเป็นดินแดนในฝันของหลายคน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นที่พักต่างอากาศสำหรับนักท่องเที่ยวได้ดีอีกด้วย

3. Adak, อลาสก้า, สหรัฐอเมริกา (Adak, Alaska, USA)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก alaskaoutdoorstelevision

           Adak ตั้งอยู่ในรัฐอลาสก้า จากการสำรวจพบว่ามีบ้านเรือนตั้งอยู่เพียง 326 หลังคาเรือน จึงเป็นพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งเมืองแห่งนี้ยังเคยถูกใช้เป็นฐานทัพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ส่วนบรรยากาศโดยรอบของ Adak เต็มไปด้วยทุ่งกว้าง ภูเขา และน้ำทะเล จึงนับเป็นอีกสถานที่คลาสสิกที่น่ามาเยือนสักครั้ง

4. อดัมทาวน์, หมู่เกาะพิตแคร์น (Adamstown, Pitcairn Islands)

14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร อย่าง อดัมทาวน์ บนหมู่เกาะพิตแคร์น เป็นสถานที่งดงามไปด้วยน้ำทะเลกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแปซิฟิก และยังมีบ้านตั้งอยู่บนแนวเขาลดหลั่นกันลงมากว่า 50 หลัง ที่สำคัญเพิ่งจะมีไฟฟ้าเข้าถึง และก็เป็นที่น่าเสียดายที่คุณไม่สามารถพักบนเกาะแห่งนี้ได้เพราะมันไม่มีที่พัก ดังนั้น คุณจำเป็นต้องนอนพักบนเรือค่ะ

5. เกาะอีสเตอร์ (Easter Island)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           เกาะอีสเตอร์ ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งตัวเกาะนั้นอยู่ห่างจากฝั่งหลายพันกิโลเมตร จึงเรียกได้ว่าเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวที่สุดเกาะหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับจุดเด่นของเกาะอีสเตอร์ คือ หินสลักรูปคนขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า โมอาย (Moai) และยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าโมอายถูกสร้างขึ้นเพื่ออะไร และนี่ถือเป็นปริศนาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสสักครั้ง

6. Supai รัฐแอริโซนา, สหรัฐอเมริกา (Supai, Arizona, USA)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           Supai เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใน Havasu Canyon และเป็นที่ซึ่งไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใด ๆ รวมทั้งถนนหนทางด้วย ซึ่งหากอยากมาเยือนคุณจำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์หรือไม่ก็เดินเท้าข้ามภูเขาในระยะทางกว่า 8 ไมล์ และอย่าลืมที่จะเตรียมน้ำดื่มหรืออาหารมาด้วย เพราะที่นี่ตั้งอยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำและอาหาร และแน่นอนว่าพวกเขาใช้ลาเป็นพาหนะสำหรับขนของ รวมทั้งยังใช้จดหมายในการติดต่อสื่อสารกันด้วย

7. Oymyakon, ประเทศรัสเซีย (Oymyakon, Russia)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           เป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความหนาวเหน็บ สำหรับ Oymyakon ที่วัดใจผู้มาเยือนไม่น้อย โดยเฉพาะในหน้าหนาว อุณหภูมิของที่นี่จะติดลบถึง 60 องศาฟาเรนไฮต์เลยทีเดียว ส่วนในฤดูร้อนก็ยังคงหนาวเย็นเช่นกัน แถมยังเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ อีกด้วย จึงนับเป็นสถานที่ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งตลอดปี หากใครอยากมาพิชิตก็ต้องทบทวนกันดี ๆ เพราะอากาศที่หนาวจัดแบบนี้ถ้าไม่แข็งแรงจริงก็คงอยู่ไม่ได้

8. ลา รินโคนาดา, ประเทศเปรู (La Rinconada, Peru)

  14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก sometimes-interesting

           ลา รินโคนาดา เป็นถือเป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก และมันยังถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาที่มีแนวสลับซับซ้อนกัน จึงเป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงาม และแม้ว่าประชากรส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพขุดทอง แต่พวกเขาก็อยู่อย่างยากลำบากเนื่องจากขาดแคลนน้ำและอาหาร คุณจึงต้องวางแผนให้ดีหากอยากไปเยือน ลา รินโคนาดา

9. เอดินเบิร์ก ออฟ เดอะ เซเว่นซี (Edinburgh of the Seven Seas)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก worldtraveler55

           เอดินเบิร์ก ออฟ เดอะ เซเว่นซี เพิ่งมีคนเข้ามาสร้างถิ่นฐานในปี ค.ศ. 1816 โดยมีประชากรเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น และมันยังเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าห่างไกลจากชายฝั่งมากที่สุด โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งเซนต์เฮเลนาซึ่งเป็นชายฝั่งที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ถึง 2,173 กิโลเมตร เลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายหากคุณจะไปเยือนดินแดนแห่งนี้

10. แบร์โรว์, รัฐอลาสก้า, สหรัฐอเมริกา (Barrow, Alaska, USA)

  14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก climate.gov

           นับเป็นสถานที่ซึ่งเข้าถึงได้ยากทีเดียว สำหรับเมืองแบร์โรว์ ในรัฐอลาสก้า เพราะนอกจากมันจะอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรแล้ว มันยังมีอากาศที่หนาวเย็นสุด ๆ โดยในหน้าหนาวอุณหภูมิจะติดลบถึง 100 องศาฟาเรนไฮต์ นอกจากนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ยังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอีกด้วย จึงนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับผู้มาเยือน

11. หมู่บ้าน Bantam, หมู่เกาะโคโคส (Bantam Village, Cocos (Keeling) Islands)

14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย

           หมู่บ้าน Bantam ตั้งอยู่บนหมู่เกาะโคโคสหรือเกาะคีลิ่ง ซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของประเทศออสเตรเลียตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 มันเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ โดยมีบ้านตั้งอยู่ประมาณ 600 หลังคาเรือน และแน่นอนว่าทิวทัศน์บนเกาะแห่งนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง การได้เหยียบย่ำลงบนหาดทรายละเอียดสีขาวบวกกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่จะเดินทางมาเยือน

12. ทอร์สเฮาน์, หมู่เกาะแฟโร (Torshavn, Faroe Islands)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก royalcaribbean

           ทอร์สเฮาน์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะแฟโร และอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศไอซ์แลนด์และประเทศนอร์เวย์ และมันยังเป็นเกาะที่เหมาะกับคนรักสัตว์สุด ๆ โดยคุณจะพบกับสัตว์น่ารัก ๆ มากมายที่หาดูไม่ได้ในที่อื่น ว่ากันว่าที่ทอร์สเฮาน์มีจำนวนแกะมากกว่าจำนวนประชากรมนุษย์ซะอีก นอกจากนี้ยังมีวิวรอบด้านที่สวยงามท่ามกลางการโอบล้อมด้วยขุนเขาและสายน้ำ แถมยังอากาศดีด้วยนะ

13. Medog หรือ Motuo, ประเทศจีน (Medog (Motuo) County, China)

14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก english.cntv.cn

           Medog หรือ Motuo เป็นมณฑลในทิเบตที่มีความอุดมสมบูรณ์เรื่องธรรมชาติ โดยมีบ้านเรือนกว่า 12,000 หลังคาเรือน และยังเป็นเมืองที่เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย และแม้การเดินทางจะยากลำบากเนื่องจากอยู่ไกลจากถนนหนทาง แต่ก็คุ้มค่าแก่การมาเยือนไม่น้อย และเป็นข่าวดีเมื่อทางการจีนได้สร้างทางหลวงแห่งใหม่เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเมืองอื่น ๆ ของจีนด้วย

14. Iqaluit, นูวานุต, ประเทศแคนาดา (Iqaluit, Nunavut, Canada)

 14 ที่ท่องเที่ยวอันไกลโพ้น เปี่ยมไปด้วยความท้าทาย
ภาพจาก otromundoesposible.net

           สถานที่สุดท้ายที่ท้าทายนักท่องเที่ยวไม่น้อย คือ Iqaluit ในประเทศแคนาดา ซึ่งถือเป็นดินแดนที่มีขนาดเล็กที่สุดของประเทศด้วย และประชากรส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวพื้นเมืองที่มีภาษาถิ่นและวัฒนธรรม รวมทั้งเอกลักษณ์ต่าง ๆ ประจำถิ่น มันจึงเป็นที่ซึ่งเหมาะแก่การเรียนรู้วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่หลากหลาย และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักเลย เพราะใน Iqaluit มีโรงแรมหลายแห่งให้คุณได้เข้าพักสบาย ๆ ค่ะ

และนี่ก็เป็น 14 สถานที่อันไกลโพ้นที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นแม้จะเดินทางไม่สะดวกและเข้าถึงยากแต่ก็น่าลองไปเยือนสักครั้ง การได้เห็นอะไรใหม่ ๆ หรือได้เรียนรู้ที่เที่ยวใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่รักการท่องเที่ยว...จริงไหม





 

Create Date : 24 สิงหาคม 2557    
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 6:10:45 น.
Counter : 1892 Pageviews.  

สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์


สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

รู้หรือเปล่าว่าสีแดงมีผลกระทบต่อสมองอย่างที่คาดไม่ถึง ไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของสีแดงกันหน่อย

          สีสันมีผลต่อเราในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ความรู้สึก ความคิด หรือแม้แต่การกระทำ บางสีอาจจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ หรือบางสีอาจจะทำให้คุณรู้สึกเศร้า นั่นก็เพราะแต่ละสีนั้นสามารถส่งผลกระทบที่แตกต่างกันต่อสมอง อย่างเช่นที่เว็บไซต์ health.com ได้นำเสนอเรื่องของสีแดงเอาไว้ ซึ่งสีแดงนั้นได้แสดงผลกระทบต่อสมองที่น่าอัศจรรย์มากเลยทีเดียวล่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่าสมองของเราจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นสีแดงแรงฤทธิ์


สีแดงทำให้คุณดูน่าสนใจมากขึ้น

          ผู้ชายมักมองว่าผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าสีแดงนั้นน่าสนใจและน่าปรารถนาเช่นกันเดียวกับผู้หญิงก็ชอบผู้ชายที่อยู่ในชุดสีแดงเช่นกัน ในการวิจัยล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางจิตวิทยาอย่าง Personality and Social Psychology Bulletin ซึ่งได้วิจัยว่าสีสันจะมีผลกระทบอื่น ๆ ต่อการรับรู้ของผู้หญิงหรือไม่ โดยการให้ดูรูปผู้หญิงที่สวมใส่ชุดในสีต่าง ๆ และพบว่าผู้เข้าร่วมในการศึกษาวิจัยนั้นต่างประเมินว่าผู้หญิงในรูปที่สวมชุดสีแดงน่าจะมีความสนใจเรื่องเพศมากกว่าผู้หญิงในชุดสีอื่น ๆ

แต่ในการวิจัยนั้น Adam Pazda นักสังคมจิตวิทยา ได้ตั้งข้อสงสัยว่าถึงแม้ว่ากลุ่มผู้หญิงที่มองภาพผู้หญิงในชุดสีแดงจะมีปฏิกิริยากับสีแดงมากกว่าสีอื่น ๆ แต่พวกเธอกลับไม่รู้เลยว่าสีแดงนั้นมีผลกระทบต่อพวกเธอ จากการวิจัยนี้จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าทำไมเมื่อไปคุณไปงานปาร์ตี้ในชุดสีแดงสดคุณจึงกลายเป็นที่สนใจของคนอื่น ๆ

แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบใส่เสื้อผ้าสีแดงล่ะก็อาจจะเปลี่ยนเป็นทาลิปสติกสีแดง หรือปัดแก้มให้มีสีแดงระเรื่อก็ได้ เพราะจากการศึกษาของดอกเตอร์ Ian Stephen อาจารย์ประจำวิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแม็คควารีในซิดนีย์ ออสเตรเลีย พบว่าคนที่มีแก้มสีแดงระเรื่อนั้นทำให้ดูเหมือนเป็นคนสุขภาพดีและทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้


ดึงความเป็นนักกีฬาในตัวคุณออกมา

          มีการศึกษาในปี 2005 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature เปิดเผยว่า ทีมที่สวมชุดสีแดงในการแข่งขันกีฬามักจะมีชัยชนะมากกว่าทีมสีน้ำเงิน ขณะที่นักวิจัยชาวอังกฤษได้พบว่าในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกบางชนิดนั้นในกรณีที่นักกีฬามีปัจจัยอื่น ๆ ที่เท่าเทียมกัน นักกีฬาที่อยู่ในชุดสีแดงมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่านักกีฬาที่อยู่ในชุดสีอื่นและยังให้ความรู้สึกว่าเหนือกว่าในการแข่งขัน ซึ่งการวิจัยเบื้องต้นจากมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ยังได้บอกอีกว่าสีแดงนั้นจะทำให้เรารู้สึกมีพลังมากขึ้นอีกด้วย


ทำให้คุณกินน้อยลง

          ในการศึกษาปี 2012 ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Appetite เปิดเผยว่าผู้ที่เข้าร่วมในการศึกษาจะกินอาหารจากจานสีแดงน้อยกว่าสีฟ้าหรือขาว และจะดื่มจากแก้วที่มีสีแดงน้อยกว่าแก้วสีฟ้า ซึ่งดอกเตอร์ Oliver Genschow นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเกนต์ในเบลเยี่ยมเผยให้ทราบว่า โดยทั่วไปแล้วสีแดงมีความเกี่ยวข้องกับคำว่า หยุด หรือ อันตราย ซึ่งเมื่อนำไปใช้กับภาชนะใส่อาหารแล้วจะทำให้คนรู้สึกอยากจะหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดนั้น แต่อย่างไรก้ตามก็ยังไม่มีผลพิสูจน์ว่าสีแดงนั้นจะทำให้เราหลีกเลี่ยงการกินอาหารได้ตลอดไปค่ะ

สีแดงกับสมอง ความเชื่อมโยงอันน่าอัศจรรย์ที่คุณไม่เคยรู้


ทำให้คุณได้เปรียบในการทำงาน

          ผลจากการศึกษาในปี 2012 ในวารสารการวิจัย Journal of Hospitality & Tourism Research พบว่าพนักงานเสิร์ฟที่สวมชุดสีแดงมักจะได้ทิปจากลูกค้าผู้ชายดีกว่าลูกค้าที่เป็นผู้หญิง นั่นเป็นเพราะสีแดงมีข้อดีที่ทำให้คุณเป็นจุดเด่นและได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้ผู้นำชนกลุ่มน้อย Nancy Pelosi และนักการเมืองหญิงที่ทรงอิทธิพลส่วนใหญ่ก็ต่างสวมชุดสีแดง ซึ่งดอกเตอร์ Stephen ได้กล่าวว่านี่เป็นหลักฐานที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าภาพลักษณ์ของคนเรานั้นมีผลต่อทัศนคติของผู้อื่นทั้งต่อตัวบุคคลและผลงาน ดังนั้น ถ้าอยากรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจและดูมีพลังในที่ทำงานล่ะก็ การสวมเสื้อหรือชุดสีแดงก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยได้ค่ะ

ทราบกันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่า สีแดงมีผลกระทบที่ดีและน่าอัศจรรย์มากเพียงใด ใครที่ชื่นชอบสีแดงอยู่แล้ว ก็ลองนำความรู้ดี ๆ  เหล่านี้ไปดัดแปลงใช้กันดูล่ะ ได้ผลอย่างไรก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2557    
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 5:57:54 น.
Counter : 1090 Pageviews.  

วิธีทํา มิลด์เชค รสนมเย็น

สวัสดีค่ะวันนี้มากับเมนูหวานๆ อย่าง มิลค์เชค สูตรพิเศษทำแสนง่ายไม่ยุ่งยากและวัตถุดิบที่มีในบ้านเรา ไม่ต้องไปหาซื้อให้วุ่นวายอีกต่อไป กับสูตร มิลค์เชค รสนมเย็น จะง่ายแค่ไหนไปดูกัน

มิลค์เชค

มิลค์เชค รสนมเย็น

วัตถุดิบ

  • นมจืด 1 กล่อง 225 มิลลิลิตร
  • น้ำแดงเข้มข้นกลิ่นสละ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ มิลค์เชค รสนมเย็น

  1. นำนมจืดที่บรรจุแบบกล่อง 1 กล่องแช่ช่องฟรีซจนแข็งทั้งกล่อง
  2. เมื่อนมที่กล่องแช่ช่องฟรีชแข็งแล้ว นำนมกล่องมาล้างน้ำอีกทีหนึ่งเพื่อให้นมไม่แข็งเกินไป
  3. ตัดฝากล่องนม เทนมใส่ชามผสม มันยังแข็งเป็นก้อนอยู่ให้เอาส้อมหรือช้อนมาขูดนมให้เป็นเกร็ดน้ำแข็งละเอียด
  4. เมื่อขูดนมให้เป็นเกร็ดน้ำแข็งหมดแล้ว นำน้ำแดงเติมลงไป 1 ช้อนโต๊ะ หรือใครต้องการความหวานก็เพิ่มลงไปอีกได้ไม่ว่ากัน

แค่นี้ก็ได้ Milkshake ที่ทำเองที่บ้านไม่ยุ่งยากเลยหรือใครอยากทานรสชาติอื่นก็ดัดแปลงไปจากนี้ได้ไม่ว่ากันค่ะ

มิลค์เชค

สูตรและรูปภาพจาก macroart.net




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2557    
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 6:00:47 น.
Counter : 1861 Pageviews.  

หมี เซียะ สาวสองพันปี วัย 60....

หมี เซียะ ดาราสาวชาวฮ่องกง ในช่วงยุคทศวรรษที่ 70 และ 80 เธอมีชื่อเสียงโด่งดังมาก หลายๆน่าจะรู้จักเธอคนนี้ในบทบาทของนางเอก  อึ้งย้ง จากหนังจีนเรื่อง มังกรหยก หลังจากนั้นเธอได้แสดงละครโทรทัศน์กำลังภายอีกหลายเรื่อง จนได้รับฉายาว่า ราชินีภาพยนตร์กำลังภายใน

หมี เซียะ

      หมี เซียะ อายุ 58 ปีแล้วจ้า เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1955 ตอนนี้ใกล้เลขหกเข้าไปทุกที แต่ใบหน้ากลับขัดแย้งกับอายุของเธอแบบสุดๆ ถ้าเทียบกับผู้หญิงวัยเดียวกัน บอกได้คำเดียวว่า เธอสวยชนะเลิศ ทั้งเรียวแขนและต้นขายังเฟิร์มเปีะ ไม่มีเหี่ยวหย่อนยาน 

หมี เซียะ

      ล่าสุดเธอได้โพสรูปของตัวเองลงในเว็บไซด์ของจีนที่ชื่อว่า weibo ในชุดว่ายน้ำอวดหุ่นเพรียว ให้แฟนๆได้เห็นกัน เมื่อภาพนี้ได้แพร่ออกไป บรรดาแฟนคลับที่เห็นก็ถึงกับอึ้งกันไปเลย เพราะเธอยังดูเด็กมาก ถ้าบอกว่าอายุสามสิบกว่าก็ยังเชื่อ ตอนนี้เธอได้รับฉายาใหม่ไปแล้วว่า สาวสวยสองพันปี อยากรู้จริงๆเลยว่าแม่นางไปกินอะไรมาถึงได้คงความสาวสวยแบบนี่เนี่ย!

หมี เซียะ

ถ้าทายอายุจากใบหน้า คุณคิดว่าเธออายุเท่าไร?

หมี เซียะ

 เรียบเรียงโดย Women mthai Team




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2557    
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 5:55:34 น.
Counter : 1484 Pageviews.  

เทคโนโลยี่ใหม่ช่วยให้เราเข้าใจคลอเรสเตอรอลได้ดียี่งขึ้น

เทคโนโลยีใหม่ช่วยให้เราเข้าใจคลอเรสเตอรอลได้ดียิ่งขึ้น

Written by faceoffact on . Posted in ชีววิทยา, วิทยาศาสตร์, สุขภาพ, โรคภัยไข้เจ็บ

images

ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดย University of Copenhagen ทำให้เราสามารถศึกษาเซลล์ลงไปในรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น การค้นพบเพิ่งถูกตีพิมพ์ลงไปในในวารสาร Journal of Biological Chemistry ซึ่งในระยะยาวแล้วอาจจะทำให้การรักษาโรคคลอเรสเตอรอลสูงนั้นดีขึ้นกว่าเดิมได้ 

นักวิจัยจากทางมหาวิทยาลัยได้ศึกษาโปรตีนสำคัญตัวหนึ่งที่เรียกว่า LDLR โดยใช้เทคนิคล้ำสมัยเข้าช่วย ซึ่งโปรตีนดังกล่าวนั้นมีบทบาทสำคัญในการดูดคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดี หรือ LDL ได้ กุญแจสำคัญของการค้นพบต่างๆเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บและเรื่องสุขภาพต่างๆนั้นไม่ได้อยู่แต่ใน DNA เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โปรตีนที่ถูกเข้ารหัสด้วยพันธุกรรมนั้นก็มีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน  แม้แต่น้ำตาลที่ติดอยู่กับโปรตีนที่มอบลักษณะพิเศษและทำหน้าสำคัญต่างๆในร่างกาย ซึ่งนักวิจัยได้ศึกษาว่า LDLR นั้นถูกเสริมแต่งด้วยโมเลกุลน้ำตาลอย่างไร

“ก่อนหน้านี้เราไม่มีวิธีการง่ายๆที่จะศึกษาสถานที่ๆกระบวนการเสริมแต่งของโมเลกุลน้ำตาลเกิดขึ้นในร่างกายเลย เนื่องจากว่าน้ำตาลนั้นมีความซับซ้อนมาก อีกทั้งยังปรากฏตัวได้ในหลายรูปแบบด้วย ซึ่งเมื่อกำจัดโปรตีน Cosmc ซึ่งจำเป็นต่อการปรับเปลี่ยนกระบวนการดังกล่าวออกไปแล้ว เราก็ได้สร้างเซลล์ที่มีกระบวนการเสริมแต่งด้วยน้ำตาลแบบง่ายๆ และเรียกมันว่า SimpleCells ซึ่งเทคนิคนี้ได้ทำให้เราเห็นกระบวนการเสริมแต่งด้วยน้ำตาลมากกว่าที่เคยเห็นถึง 20 เท่า” NisBorbye Pedersan จาก University of Copenhagen กล่าว

หนึ่งการค้นพบที่น่าสนใจนั้นก็คือการค้นพบว่าเอนไซม์ตัวไหนจากทั้งหมด 20 ตัวที่มีความคล้ายคลึงกันมากนั้นเป็นตัวทำให้เกิดกระบวน O-glycosylation ซึ่งโมเลกุลของน้ำตาล GalNAc  จะไปจับตัวเข้ากับกรดอมิโน serine และ threonine “จนถึงตอนนี้ เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมร่างกายของเราถึงได้สร้างเอนไซม์ที่เหมือนกันมากๆขึ้นมาถึง 20 ตัว ซึ่งเราก็ได้รู้แล้วว่ามีเพียงหนึ่งในทั้งหมดนั้นเท่านั้นที่ดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการเสริมแต่งด้วยน้ำตาลเหล่านี้  ซึ่งก็คือ GalNAc-T11 นั่นเอง

ตอนนี้ นักวิจัยก็กำลังทำงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ชี้ให้เห็นว่าการมีกระบวนการเสริมแต่งของน้ำตาลหรือไม่มีนั้นจะไปส่งผลกระทบของการทำงานของโปรตีน LDLR หรือไม่ ซึ่งผลลัพธ์ใหม่นั้นอาจจะมีผลต่อการรักษาโรคคลอเรสเตอรอลสูงก็เป็นไปได้  “เรากำลังศึกษาอยู่ว่ากระบวนการเสริมแต่งของน้ำตาลนั้นจะส่งผลต่อความสามารถของโปรตีนปลายประสาทในการยึดและกำจัดคลอเรสเตอรอลออกจากเลือดหรือไม่ ซึ่งเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าโปรตีนปลายประสาท LDLR นั้นมีบทบาทสำคัญในระดับโมเลกุลในการกำจัดคลอเรสตอรอลที่ไม่ดีและดูแลสุขภาพของเรา ซึ่งการเข้าใจกระบวนการดังกล่าวนั้นจะมีค่ามาก ซึ่งมันอาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิธีการรักษาระดับคลอเรสเตอรอลในเลือดที่สูงได้” Nis Borbye Pedersen กล่าว

ที่มา : //www.sciencedaily.com/releases/2014/08/140814124646.htm




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2557    
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 5:43:45 น.
Counter : 1532 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.