อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

สพฐ...ออกข้อปฏิบัตรการให้การบ้าน "ห้ามเยอะ"และ"ห้ามยาก "

สพฐ.ออกข้อปฏิบัติการให้การบ้าน "ห้ามเยอะ" และ "ห้ามยาก"


หลังจากมีข่าวแพร่หลายในโลกออนไลน์ว่า มีธรุกิจรับข้างทำการบ้าน ซึ่งถือเป็นความไม่เหมาะสมต่อคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ล่าสุดสนง. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ได้ออกส่งแนวปฏิบัติการให้การบ้าน กำชับไปยังสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ทุกแห่งและขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการตามอย่างเคร่งครัดตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ 4 ข้อ ดังนี้

1.ให้ครูพิจารณามอบหมายการบ้านให้นักเรียนอย่างเหมาะสม ไม่ยากเกินไป ไม่มากเกินไป ควรมอบหมายให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มมากขึ้น เช่น โครงงานต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสทำงานแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้ในแง่มุมต่างๆ ซึ่งจะสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตจริงมากกว่า


2.ให้ผู้บริหารสถานศึกษานิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอน และการให้การบ้านของครูให้เหมาะสม และหากพบว่านักเรียนมีการลอกหรือจ้างทำการบ้านกันจริง ให้พิจารณาโทษตามระเบียบที่สถานศึกษากำหนดอย่างจริงจัง

3.ให้ผู้บริหารสถานศึกษาจัดให้มีการสอนเสริมแก่นักเรียนนอกเวลาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและใช้เวลาว่างตามความเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนได้ช้ากว่าเพื่อน หรืออาจจัดให้มี คลินิกเพื่อนช่วยเพื่อนเรียน หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่จะช่วยนักเรียนให้ได้บรรลุผลตามหลักสูตร


4.ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำชับผู้บริหารสถานศึกษาให้ติดตามสอดส่องการให้การบ้านของนักเรียนอย่างใกล้ชิด 



โดยเลขาธิการ กพฐ. เปิดเผยว่า แนวปฏิบัติที่กำหนดออกมา กลั่นกรองมาจากข้อเสนอแนะของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวมทั้งความเห็นของบุคคลต่างๆ ในสังคม เพื่อแก้ไขการรับจ้างทำการบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และจะมีผลต่อการทำลายคุณภาพการศึกษาของประเทศในอนาคตด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก :: shows.voicetv.co.th




 

Create Date : 01 กันยายน 2557    
Last Update : 1 กันยายน 2557 4:19:08 น.
Counter : 1130 Pageviews.  

ชีสเค้กมะม่วง

ชีสเค้กมะม่วง

ชีสเค้กมะม่วง

ส่วนผสมทำส่วนของฐานชีสเค้ก

  • แครกเกอร์บดละเอียด
  • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เนยสดละลาย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ

วิธีทำฐาน

  1. นำแครกเกอร์ที่บดจนละเอียดมาใส่อ่างผสมเทเนยละลายน้ำตาลทรายและเกลือลงไป ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน แล้วนำไปใส่พิมพ์ขนาดต่างๆ ที่เตียมไว้ เกลี่ยและกดให้แน่นและเสมือกัน และนำเข้าตู้เย็นพักไว้

ส่วนผสมของตัวชีสเค้ก

  • ครีมชีส 300 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง (อุณภูมิห้อง)
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • นมจืด ๓/๔ ถ้วยตวง
  • เจลาติน ๗ กรัม
  • วานิลลา ๑ ช้อนชา
  • มะม่วงสุกหั่นเต๋า

วิธีทำครีมชีส

  1. ตีครีมชีสด้วยความเร็วปานกลางจนเนียนและใส่น้ำตาลทรายตามลงไปตีจนน้ำตาลละลายจนหมด
  2. ใส่ไข่ลงไปตีให้เข้ากัน กลิ่นวานิลา นมจืด เจลาติน(ที่ตุ๋นละลายจากน้ำอุ่นแล้ว) ตีช้าๆให้พอเข้ากัน เสร็จแล้วนำไปตั้งไฟคนให้ทุกอย่างละลายดีแล้วลงมาพักไว้สักพักนึงและวเนื้อเนื้อมะม่วงที่หั่นเตาคตุลกเคล้าเบาและนำไปใส่พิมพ์ที่กรุเครกเกอร์ นำเข้าตู้เย็นอีกครั้งให้ชีสเซ็ทตัว

ส่วนผสมของหน้าชีสเค้ก

  • มะม่วงสุก บดละเอียดแล้วคั้นเอากากออก 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • ผงเจลลี่ 3 กรัม

วิธีทำ

  1. คั้นมะม่วงสุกกรองเอากากออก เอาน้ำมะม่วงผสมกับน้ำตาลทรายและน้ำมะนาว ขนให้เข้ากัน เทผงเจลลี่ลงไปคนพอให้ละลายแต่ยังไม่ละลายจนหมดต้องนำขึ้นไปตั้งไฟคนไปเรื่อยๆจนไม่มีเม็ดเจลลี่หลงเหลืออยู่จากนั้นปิดไฟลงมาพักไว้ก่อน
  2. เทใส่ชีสที่แช่จนแข็งตัวเมื่อสักครู่(ต้องแน่ใจว่าแข็งตัวแล้วจริง)ใสไปจนหมดแล้วนำไปแช่ตู้เย็นอีกสักครั้งนึ่ง ทุกอย่างเซ็ทตัวดีแล้วแค่นี้ก็ตัดเสิร์ฟได้เลย




 

Create Date : 01 กันยายน 2557    
Last Update : 1 กันยายน 2557 4:08:06 น.
Counter : 1886 Pageviews.  

ทําบุญด้วยถังเหลือง ไม่ใช่สังฆทาน

ทำบุญด้วยถังเหลือง ไม่ใช่สังฆทาน
30-07-2014 เข้าชมแล้ว: 342
หลายท่านเวลาพูดถึงคำว่า "สังฆทาน" คงจะต้องนึกถึง ถังพลาสติกสีเหลือง ที่บรรจุสิ่งของต่าง ๆ เอาไว้ เมื่อเราซื้อเสร็จแล้วเราก็นำไปถวายพระท่าน .. จนกระทั่งกลายเป็น สัญชาตญาณในการทำบุญไปแล้วว่า การถวายสังฆทานคือการ ถังเหลือง และอาจจะไม่ได้พิเคราะห์ว่า จริง ๆ แล้ว สังฆทาน นั้นมีความหมายจริง ๆ ว่าอย่างไร



อันที่จริงสังฆทานหมายถึง ทานอะไรก็ตามที่เราถวายแด่ วัด หมู่ภิกษุ หรือ พระภิกษุ โดยที่ มิได้มีการเจาะจงรูปว่าจะถวายให้กับพระรูปใด โดยมีรูปแบบที่ต่าง ๆ กัน แน่นอนที่สุดว่าพระไตรปิฎกย่อมมิได้มีการระบุ รูปแบบของ "สังฆทาน" ว่าจะต้องเป็นถังเหลืองแน่นอน เพราะสมัยพุทธกาลนั้น โลกเรายังหลอมพลาสติก ออกมาเป็นรูปถังแบบที่เห็นกันไม่ได้ แต่ด้วยความสะดวก ทำให้ รูปแบบที่เราเห็นกลายมาเป็น ภาพจำที่พุทธศาสนิกชนมีไว้ในใจเมื่อต้องการจะเข้าวัดทำบุญ

หลายครั้ง สาธุชนก็ ซื้อถังเหลืองไปถวาย โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าสิ่งที่มีอยู่ในถังเหลืองดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง ก็คงด้วยความที่โลกเรานี้ วิ่งเร็ว ฆราวาสก็ต้องวิ่งให้ทัน เลยทำอะไรที่ด่วน ๆ สำเร็จรูปก่อน และไม่ได้พิถีพิถันเท่าไหร่ ที่สุดคือ สิ่งของที่อยู่ในถังเหลือง จากบางเจ้านั้น ต่ำกว่ามาตรฐาน และสักแต่ใส่ ๆ เข้าไปแบบไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพ และการค้าที่เป็นธรรม

แต่ที่ผ่านมา พระคุณเจ้าคงไม่ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพราะ หลายรูปคงคิดว่า หากว่าจะพูดไปก็คงจะเป็นเหมือนการเรียกร้องสิ่งของจากญาติ โยมผู้มีศรัทธา ทั้ง ๆ ที่สังคมก็อาจจะรู้สึก อีหลักอีเหลื่อกันประมาณหนึ่งอยู่แล้ว

จนที่สุด พระอภิชาติ ปุณณฺจันฺโท ท่านได้อัดคลิป เปิดถังเหลืองและอธิบายให้เห็นถึงความด้อยคุณภาพของสิ่งที่อยู่ในถังเหลือง (ที่ปกติจะห่อด้วยพลาสติกเป็นอย่างดีและไม่มีโยมกล้าแกะออกมาตรวจก่อน) ทำให้ได้เห็นว่า คุณภาพและปริมาณของ สิ่งที่อยู่ในถังนั้น มันน้อยและแย่อย่างไม่น่าเชื่อ คงยากที่จะอรรถาธิบายเอาในนี้  แต่เอาเป็นว่า เทียบระหว่างราคากับความคาดหวังที่ผู้ทำบุญจะได้จากการถวายสังฆทานแล้ว มันต่างกันมากเหลือเกิน

พระอภิชาติ ได้บอกว่า เรื่องแบบนี้ พระภิกษุพบกันมาหลายรูปแล้ว แต่ส่วนใหญ่คงจะไม่บอก เพราะเห็นว่า อาจจะโดนตำหนิว่า เรียกร้อง แต่หากว่าไม่มีใครมาเรียกร้อง ที่สุดแล้ว ผู้ค้าถังเหลืองที่เอากำไรเกินควร ก็จะทำกันต่อไปโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ สำหรับพระภิกษุท่านคงไม่ได้ลำบากอะไรเพราะด้วยความศรัทธาของชาวพุทธในทุกพื้นที่ ท่านก็ดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขอยู่แล้ว

เรื่องการถวายสังฆทานถังเหลืองนั้น พระอาจารย์อภิชาติบอกว่า คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้

แน่นอนครับว่ามีร้านสังฆภัณฑ์ที่ดีมีจริยธรรมจำนวนมากมาย ที่ทำการค้าอย่างเป็นธรรมตรงไปตรงมา แต่การที่ยังมีผู้ค้าส่วนน้อย ทำให้เป็นประเด็นที่น่าขบคิดมาก ๆ ด้วย

ประเด็นที่น่าคิดคือ ระหว่างที่เราเตรียมการที่จะทำบุญ เรามีความพิถีพิถันกับการทำบุญเพียงใด หรือว่า เราคิดเพียงแต่ว่า วันนี้อยากจะทำบุญ จากนั้นก็เอาเงินไปซื้อถังเหลืองหน้าวัด (เพื่อประหยัดเวลา) โดยไม่ได้คำนึงว่า พระท่านจะได้รับอะไรได้ใช้หรือไม่

เรื่องความพิถีพิถันในการทำบุญ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามครับ การเตรียมการทำบุญด้วยจิตที่นิ่ง มีสติ ไม่เร่งร้อน ไม่รีบร้อน ย่อมเป็นการฝึกสติ และการนึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณและพระสังฆคุณ ได้อย่างมีคุณค่า มากกว่าการทำบุญแบบไม่มีสติ รีบร้อน คิดว่า วันนี้ไม่สบายใจแล้วก็อยากทำบุญ รีบ ๆ เอาเงินจ่ายให้กับร้านที่ตั้งอยู่หน้าวัด

จริง ๆ แล้วการทำบุญไม่ว่าจะรูปแบบใดก็คือการ ลด อัตตาของตนเอง นำเอาส่วนที่ตนเองมีเกินกว่าจำเป็น สละให้กับผู้อื่น ถวายให้กับพระศาสนา แต่การทำบุญที่มีจิตอันประณีต บรรจง พิถีพิถัน จากจิตประภัสสร ที่มิได้มีความเร่งร้อน จนลืมปัจจุบันขณะ ย่อมมีกุศลเหนือกว่า การทำบุญเพียงแค่ การรีบ ๆ จ่ายเงิน ถ้าทำอย่างนั้นก็ฟังดูคล้าย ๆ กับการซื้อใบไถ่บาป อันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน คริสตศาสนจักร จนกลายมาเป็นต้นกำเนิด ของนิกายโปรเตสแตนต์โดย มาร์ติน ลูเธอร์ เมื่อหลายร้อยปีก่อน ที่ คริสตศาสนิกชน ซื้อใบไถ่บาป เพียงเพื่อลบบาปที่ตนเองทำมากกว่า เพราะความรักเพื่อนมนุษย์ อย่างบริสุทธิ์ใจ

ช่วงนี้คนไทยเข้าวัดทำบุญกัน เลยอยากจะฝากกันไว้ครับว่า บุญมากหรือบุญน้อย มิได้อยู่ที่จำนวนครั้งที่ทำบุญ มิได้อยู่ที่จำนวนเงินที่ทำบุญ หากอยู่ที่จิตใจที่จะสละออกซึ่งสิ่งที่เกินจำเป็น เพื่อผู้อ่านที่ต้องการความช่วยเหลือ ตกทุกข์ได้ยาก หรือเพื่อทำนุบำรุงพระศาสนา รวมถึง อยู่ที่จิตที่หลีกหนีจากความวุ่นวาย ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือภาวะจิตที่ขุ่นมัว แล้วก้าวสู่ภาวะจิตที่สุขสงบ หนีออกจากอัตตาตนเอง ความอยากมีอยากเป็น ความไม่อยากมีไม่อยากเป็น มากกว่า.

ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน

ขอบคุณ เดลินิวส์




 

Create Date : 01 กันยายน 2557    
Last Update : 1 กันยายน 2557 3:54:50 น.
Counter : 2544 Pageviews.  

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว ( วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว ในอำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ หรือ วัดล้านขวด วัดนี้มีดีที่ขวดตามชื่อ เพราะก่อร่างสร้างตัวด้วยขวดหันไปทางไหนก็เจอแต่ขวด มีขวดหลากสีนับล้านใบที่ชาวบ้านร่วมกันหามาให้วัดเพื่อสร้างเป็นอาคาร ศาลาต่างๆ ที่เด่นสุดในวัด ก็คือ ศาลาฐานสโมสรมหาเจดีย์แก้ว ที่ตกแต่งด้วยขวดแก้วทั้งหลัง วิจิตรงดงามทั้งภายในและภายนอก

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ

วัดแห่งนี้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2527 ขวดทั้งหมดที่นำมาสร้างสิ่งต่างๆ ในวัดมีจำนวนมากถึง 1,500,000 ขวด เริ่มตั้งแต่ทางเข้าวัดทั้งกำแพงซุ้ม ประตูโบสถ์ ศาลา หอระฆัง กุฏิ เมรุ หรือแม้แต่ห้องน้ำ ก็ยังถูกตบแต่งด้วยขวดเช่นกัน นอกจากความงดงามของสิ่งก่อสร้างจากขวด ยังมีภาพพุทธประวัติที่นำฝาขวดมาปะๆ ต่อๆ กันจนได้ภาพที่น่าชื่นชม ชวนให้ผู้คนต้องเหลียวมอง

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษวัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ

ความงามจากขวดทั้งหมดเป็นความคิดของ ท่านพระครูวิเวกธรรมาจารย์ หรือหลวงปู่หลอด ที่ชาวบ้านเรียกกัน ท่านกล่าวว่าการใช้ขวดนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังมีแง่คิดแฝงเป็นนัยว่า ขวดนั้นใสยาม เมื่อกระทบแสงแดดจะเปล่งประกาย ดุจแสงธรรมที่เจิดจรัส นั่นเอง

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษวัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) แห่ง จังหวัดศรีสะเกษ


View Larger Map

ข้อมูลและภาพ : odditycentral.com / pichappy
เรียบเรียงโดย Travel MThai




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2557    
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 6:43:29 น.
Counter : 1918 Pageviews.  

ลูกชิ้นปลาเรืองแสง เกิดจากอะไร?

จากกรณีที่มีการแชร์ภาพ ลูกชิ้นปลาเรืองแสง จากเฟสบุคของคุณ Mona Red โดยมีข้อความประกอบว่า  “ลูกชิ้นปลาเยาวราชค่ะ ซื้อมาจากในห้างราคาไม่แพงมาก เข้าตู้เย็นเก็บไว้ทำสุกี้ บังเอิญห้องครัวมืดเลยเห็นเรืองแสงสีเขียวออกมาจากลูกชิ้นเต็มไปหมดค่ะ (โชคดีที่ห้องครัวตอนนั้นมืดค่ะ เพราะฝนตก ถ้าเปิดไฟสว่างไม่เห็นสารเรืองแสงแล้วกินเข้าไป ตายหมู่ทั้งบ้านมั้งคะ) พอเปิดไฟแสงสีเขียวหายไปค่ะ ลูกชิ้นยังเย็นอยู่ค่ะ มี อย. นะคะ ยังไม่หมดอายุค่ะ เห็นมีคนแชร์เยอะ เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ กรมอนามัยเค้าว่ามีการสุ่มตรวจลูกชิ้นปลาในท้องตลาด พบว่ามีลูกชิ้นเรืองแสงเยอะ แล้วนำลูกชิ้นเรืองแสงไปตรวจ พบว่าส่วนหนึ่งมีสารบอแรกซ์ และอีกส่วนหนึ่งมีแบคทีเรียชนิดเรืองแสงอยู่ค่ะ มีคุณหมอท่านนึงเพิ่มมาว่ามีเชื้อราบางชนิดเรืองแสงค่ะ ชอบอากาศเย็นในตู้เย็นค่ะ ของจริงเรืองแสงน่ากลัวมากกว่าในรูปอีกนะคะ”

1

โดยคุณ Mona Red ได้โพสภาพลูกชิ้นที่เรืองแสงตอนดับไฟห้องครัว และลูกชิ้นในสภาพไฟปกติ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ภาพในตอนที่ห้องมืดนั้น ลูกชิ้นมีแสงสีเขียวๆออกมา แต่เมื่อเปิดไฟ ลูกชิ้นกลับมาสีขาวแบบปกติ

ลูกชิ้นปลาเรืองแสง

ลูกชิ้นปลาเรืองแสง

ลูกชิ้นปลาในแสงปกติ

ลูกชิ้นปลาในแสงปกติ

โดยกรณี ลูกชิ้นปลาเรืองแสง เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2553 โดยกองควบคุมอาหาร  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า การเกิด ลูกชิ้นปลาเรืองแสง เป็นไปได้ 3 กรณี คือ

กรณีที่ 1

การที่ลูกชิ้นเรืองแสงอาจเกิดจากการเจริญของจุลินทรีย์แบคทีเรียประเภท Photobacterium phosphoreum ซึ่งสามารถผลิตสารเรืองแสงได้ เช่น Pseudomonas sp., Pseudomonas fluorescens, Vibrio fischeri, Vibrio phosphoreum, Vibrio harveyi, Photobacterium luciferum

เป็นแบคทีเรียเหล่านี้พบได้ตามแหล่งน้ำทะเลในธรรมชาติ จึงอาจติดมากับปลาที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำลูกชิ้น แต่โดยปกติในกระบวนการผลิตลูกชิ้นต้องมีการผ่านความร้อน ลวกให้ลูกชิ้นสุก ซึ่งจะสามารถทำลายแบคทีเรียเหล่านี้ได้

แต่การที่เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้เจริญเติบโตบนลูกชิ้นปลาได้อีก จนทำให้เห็นการเรืองแสงปริมาณมากในที่มืดตามที่เป็นข่าวนั้น อาจเกิดจากการปนเปื้อนในกระบวนการผลิตภายหลังจากที่ลูกชิ้นผ่านความร้อนแล้ว  ประกอบกับการเก็บผลิตภัณฑ์ไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมในระหว่างการขนส่ง (ควรเก็บลูกชิ้นไว้ในอุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส) ทำให้จุลินทรีย์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเห็น ลูกชิ้นปลาเรืองแสง ได้

กรณีที่ 2

การเปลี่ยนสภาพสิ่งแวดล้อมและอาหารของปลา เช่น สภาวะน้ำทะเลที่เปลี่ยนไปทางอุณหภูมิ ความเค็ม และพีเอชที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อแพลงก์ตอน ในกลุ่มไดโนแฟลกเจลเลต  และเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ (Vibrio spp.) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวิบริโอ ฮาวีอาย (Vibrio harveyi)  ทำให้เกิดการเรืองแสงของน้ำ โดยในตอนกลางคืนจะมีการเรืองแสงเรื่อๆ บริเวณผิวหน้าน้ำเป็นลักษณะพรายน้ำ ทำให้ปลาที่กินอาหารและอยู่ในสภาวะแวดล้อมดังกล่าวสามารถเรืองแสงได้

การเรืองแสงจากปัจจัยทั้งสองข้างต้น เป็นกลไกการเรืองแสงทางชีวภาพ โดยเกิดจากปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ภายใต้การควบคุมการทำงานของสารที่เรียกว่าเอนไซม์ลูซิเฟอเรส จะทำปฏิกิริยาเร่งการเปลี่ยนแปลงสารลูซิเฟอรินในสิ่งมีชีวิต ในสภาวะที่มีก๊าซออกซิเจนไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบปฏิกิริยาเผาไหม้ภายในเซลล์ เพื่อให้เกิดเป็นสารประกอบที่มีพลังงานสูง ATP และสารเรืองแสงซึ่งเป็นผลพลอยได้ (By product) จากปฏิกิริยาดังกล่าว

FMNH2 (luciferase ) + O2 + RCHO  ——–>  FMN +RCOOH + H2O + Light

กรณีที่ 3

การเติมสารเคมีบางชนิด เช่น

  • สารที่มีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบ เช่น วัตถุเจือปนอาหารประเภทฟอสเฟต ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดความชุ่มชื้น และทำให้เกิดความนุ่มเหนียว ทำให้ผิวลูกชิ้นมันวาว ปริมาณที่อนุญาตให้ใช้ไม่เกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
  • สารฟอกขาว เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์, โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในอาหาร

ถ้ารับประทานลูกชิ้นที่มีสารไม่ปลอดภัย  จะเกิดอาการอย่างไร ?

กรณีเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถผลิตสารเรืองแสงได้ ซึ่งแสดงถึงสุขลักษณะในการผลิตและเก็บรักษา ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคชนิดอื่นๆด้วย การรับประทานจึงอาจมีอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง ลำไส้อักเสบ เป็นต้น

กรณีที่เกิดจากสารเคมีที่ใช้ในการผลิต เช่น สารฟอกขาว จะก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ หรือหากมีการเติมสารในกลุ่มฟอตเฟตเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด ในระดับที่สูงเกินไปจะก่อให้เกิดอาหารผิดปกติที่ไต

ความปลอดภัย ถ้าประชาชนจะเลือกซื้อลูกชิ้นมารับประทาน ควรสังเกตฉลากอย่างไร ?

ข้อแนะนำในการเลือกซื้อ/บริโภคลูกชิ้นปลา มีดังนี้

  1. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีการจัดเก็บอย่างเหมาะสม ต้องมีการแสดงฉลากต่อผู้บริโภค ประกอบด้วย ชื่ออาหาร เลขสารบบอาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้แบ่งบรรจุ ปริมาณสุทธิ วัน เดือน และปีที่ผลิต หรือวัน เดือน และปีที่หมดอายุการบริโภค หากแสดงฉลากไม่ถูกต้องตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง จัดเป็นการกระทำฝ่าฝืนประกาศซึ่งออกตามมาตรา 6(10) โทษตามมาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
  2. ควรเลือกซื้อลูกชิ้นปลาที่มีการบรรจุแบบในภาชะที่สะอาดไม่ฉีกขาด
  3. ลักษณะภายนอกของลูกชิ้นปลาที่ดี มีดังนี้
    • ไม่หยุ่นหรือกรอบจนเกินไป
    • ไม่มีเมือกหรือจุดสี
    • มีสีและกลิ่นตามธรรมชาติ
  4. หลังจากการซื้อควรมีการควบคุมอุณหภูมิในระหว่างการเก็บรักษาไม่เกิน 4 องศา
  5. ก่อนการรับประทาน ควรให้ความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึง
  6. หลังจากให้ความร้อนแล้วไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมงก่อนการรับประทาน

ขอบคุณข้อมูลจาก : กองควบคุมอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ขอบคุณภาพจาก : รายการเรื่องเล่าเช้านี้




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2557    
Last Update : 31 สิงหาคม 2557 6:39:40 น.
Counter : 1674 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.