อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ครูสาวเข้าแจ้งความ ถูกครูหนุ่มโพสต์ภาพขณะมีเซ็กส์ลง FB

ครูสาวอัตราจ้าง แจ้งความให้เอาผิดครูหนุ่มกำแพงเพชร หลังถูกโพสต์ภาพขณะร่วมเพศลงเฟซบุ๊ค

วันนี้(6ม.ค.) นางสาว ก. (นามสมมติ) อายุ 25ปี ครูอัตราจ้างโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณูโลกได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก หลังจากเมื่อวันที่ 5ม.ค. ที่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความกับตำรวจให้เอาผิด นาย ข. (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ข้าราชการครู สพม.41 ช่วยราชการโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ อ.ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร หลังได้นำภาพอนาจารของตนมาเผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ค เพื่อข่มขู่และประจานให้ตนเสื่อมเสีย

558000000161105

นางสาว ก. เปิดเผยว่า  เมื่อวันที่ 4 ม.ค.58 มีผู้ใช้ชื่อตนบนเฟซบุ๊ค จากนั้นผู้ที่สร้างเฟซบุ๊คดังกล่าวได้โพสต์ภาพขณะที่ตนอยู่บนเตียงกับผู้ชายคนหนึ่งในโรงแรมแห่งหนึ่งจำนวน 11 ภาพ ภายในภาพเผยให้เห็นใบหน้าของตนอย่างชัดเจน ซึ่งอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แต่ไม่เห็นใบหน้าของชายที่ร่วมหลับนอนด้วย เมื่อเพื่อนของตนได้เห็นภาพจึงแจ้งให้ตนทราบ พร้อมแคปภาพดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน

หลังจากที่เฟซบุ๊คดังกล่าวได้โพสต์ภาพอนาจารของตนไปเพียง 2 ช.ม. ก็ได้ปิดตัวลง แต่ตนรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก จึงแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดผู้ชายคนนี้ และจะไปร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรที่ศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลกและกำแพงเพชร เพื่อให้ช่วยเหลือเอาผิด

ทั้งนี้ ครูสาวได้ให้การว่า รู้จักกับครูหนุ่มดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊คของกลุ่มเพื่อน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา จากนั้นก็ได้คบหาดูใจกันเรื่อยมา ถึงขั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง และมีอยู่ช่วงหนึ่งขณะที่มีความสัมพันธ์กันในสถานที่แห่งหนึ่ง ตนได้ใช้มือถือถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ จากนั้นก็คบกันต่อได้สักระยะกับพบว่าครูหนุ่มมีครอบครัวและมีลูก 2 คนแล้ว ซึ่งทางภรรยาของครูหนุ่มก็เคยมาพูดคุยกับตน ตนก็จำต้องแยกทาง

หลังจากที่ได้เลิกลากันตนได้เข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อนจะกลับไปเป็นครูอัตราจ้างที่พิษณูโลก แต่ชายคนนี้ก็ยังคงพยายามติดต่อกลับมา แต่ตนไม่อยากยุ่งจึงบอกว่ามีแฟนใหม่ไปแล้วให้เลิกติดต่อกันอีก ชายคนดังกล่าวยังตื้อไม่เลิก ได้เปิดเฟซบุ๊คชื่อ  “เมียน้อยร้อยเล่มเกวียน” และส่งข้อความมาข่มขู่ และยังมีการด่าเพื่อนที่ตนอ้างว่าเป็นแฟนใหม่พร้อมโพสต์ภาพโป๊อนาจารไปให้เพื่อนของตนดูทางเฟซบุ๊ค

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเชื่อว่าผู้ที่นำภาพอนาจารของตนมาเผยแพร่เป็นครูคนดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะคนที่มีภาพดังกล่าวมีเพียงตนที่เคยถ่ายคลิปไว้ และตนเองก็ไม่ทราบว่าเขานำภาพจากเครื่องโทรศัพท์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

558000000161103

558000000161104

558000000161106

558000000161107

558000000161108

MThai News

: , , , ,
อ่านแล้ว : 67825 ครั้ง




 

Create Date : 07 มกราคม 2558    
Last Update : 7 มกราคม 2558 9:36:27 น.
Counter : 2217 Pageviews.  

10 ข้อดีของฟองนํ้า ที่มากกว่าแค่ใช้ล้างจาน

หากเอ่ยถึง ฟองน้ำ หลายบ้านอาจจะรู้สึกว่ามีไว้เพื่อใช้ล้างจานเพียงอย่างเดียว แต่ที่จริงแล้วด้วยรูปทรงที่ยืดหยุ่นและคุณสมบัติที่หลากหลาย ฟองน้ำล้างจาน จึงสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด ซึ่งในวันนี้กระปุกดอทคอมจะขอนำข้อดีของฟองน้ำ มาเสิร์ฟให้ได้ทำความรู้จักกันถึงที่ รับรองว่าบางอย่างอาจจะเป็นประโยชน์ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้


1. กำจัดขุยบนเสื้อผ้า

เสื้อกันหนาวแบบไหมพรม หรือเสื้อผ้าบางชนิด หากผ่านการใช้งานไปนาน ๆ มักจะมีขุยเกิดขึ้น แลดูไม่สวยเลย ก็สามารถใช้ฟองน้ำในการกำจัดขุยนั้นออกได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำมาถูเบา ๆ ลงบนเนื้อผ้า เพื่อขัดเอาขุยเหล่านั้นออกไป จากนั้นตามด้วยอุปกรณ์ตัดขุยผ้าอีกครั้งเพื่อความเรียบร้อย

2. กักเก็บน้ำให้ต้นไม้ดูงาม

ด้วยคุณสมบัติของฟองน้ำที่สามารถอุ้มน้ำได้ จะช่วยกักเก็บน้ำส่วนเกินจากการรดน้ำต้นไม้ได้ และยังจะช่วยรักษารากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ แม้ว่าจะลืมรดน้ำก็ตาม เพียงแค่ใส่ฟองน้ำไว้ในกระถางใต้ต้นไม้ เท่านี้ต้นไม้ก็จะดูไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป แต่ควรเน้นเฉพาะต้นไม้ที่ต้องการน้ำมากเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เฉาตายได้นะจ๊ะ


3. กำจัดขนสัตว์เลี้ยงในพรม

ฟองน้ำชื้น ๆ เป็นอุปกรณ์ยอดเยี่ยมสำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ เพราะว่ามีคุณสมบัติในการดึงดูดขนสัตว์ตัวก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในพรมออกมาได้ โดยนำฟองน้ำชุบน้ำซับลงไปบนพรมให้ขนสัตว์ติดออกมา หรือจะใช้เครื่องดูดฝุ่นซ้ำอีกรอบก็ได้

4. แก้ปัญหาน้ำหยด

หลายคนเจอปัญหาน้ำหยดน้ำรั่วซึมจากตู้เย็นบ้าง หรือตามรอยหลังคารั่วบ้าง ฟองน้ำก็ใช้ประโยชน์ในกรณีนี้ได้เช่นกัน โดยแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการนำฟองน้ำไปซับน้ำแล้วบิดทิ้งลงถัง แล้วค่อยนำไปเททิ้งทีเดียวเมื่อเต็มถัง แค่นี้ก็ช่วยทุ่นเวลาไปได้แล้ว แถมยังไม่ต้องใช้ผ้าขี้ริ้ว หรืออดีตเสื้อตัวโปรดมาเช็ดด้วย

5. ห่อหุ้มสิ่งของป้องกันแตก

หากคุณกำลังจะย้ายสิ่งของหรือจัดเก็บสิ่งของที่บอบบาง ง่ายต่อการแตกหัก ก็อย่าลืมที่จะบุฟองน้ำรองสิ่งของเหล่านั้นไม่ให้แตกด้วย โดยอาจจะนำมายัดไว้ตามมุมของกล่องเพื่อกันกระแทก หรือถ้าไม่กลัวเปลืองก็ใช้ห่อไว้รอบ ๆ สิ่งของที่กลัวแตกได้เลย

6. ซับน้ำฝน

เมื่อหุบร่มหลังกลับมาจากเจอฝนนอกบ้านแล้ว ยังต้องมาเจอปัญหากับน้ำฝนที่หยดจากร่มอีก ให้นำฟองน้ำมาเจาะรูให้พอดีกับหัวแหลม ๆ ของร่ม แล้วนำด้านหัวร่มเสียบลงไปในฟองน้ำ จะช่วยซับน้ำฝนไม่ให้หยดเลอะบ้านได้แบบสบาย ๆ

7. ล้างเล็บแบบทันใจ

ล้างเล็บวิธีธรรมดาอาจจะเสียเวลาเกินไป มาลองใช้วิธีที่รวดเร็วกว่านั้นดู โดยนำฟองน้ำมาม้วนแล้วยัดลงไปในขวดแก้ว จากนั้นเทน้ำยาล้างเล็บลงไปให้ชุ่ม หลักการใช้งานไม่มีอะไรมากแค่นำนิ้วสอดเข้าไปแล้วหมุนให้ทั่วในจุดที่ต้องการล้างเล็บ เท่านี้เล็บของเราก็สะอาดปราศจากสีทาเล็บแบบง่าย ๆ เลย

8. ป้องกันรอยขีดข่วน

ก่อนที่คุณจะนำแจกันใบหรูหราไปวางบนโต๊ะ แนะนำให้นำฟองน้ำชิ้นเล็ก ๆ ไปติดไว้ที่ฐานเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน อีกทั้งยังช่วยกันกระแทกทั้งแจกันและโต๊ะไม่ให้เกิดร่องรอยกวนใจได้

9. อุดช่องไม่ให้แอร์ออก

เคยเปิดแอร์แล้วรู้สึกไม่ค่อยเย็นไหมคะ นั่นอาจเป็นเพราะสาเหตุที่มีจุดใดของบ้านปิดไม่สนิท เช่น ช่องระบายอากาศ หรือช่องหน้าต่างเป็นต้น ลองนำฟองน้ำขนาดพอเหมาะมาอุดช่องเหล่านั้นไว้ เพื่อไม่ให้อากาศเย็นไหลออกไปได้ แค่นี้แอร์ก็เย็นฉ่ำขึ้นแล้ว

10. ทำเล็บเท้าง่าย ๆ ได้เอง

ผู้หญิงหลายคนที่รักษาความงามของเล็บเท้า มักจะพบกับปัญหา เวลาทาเล็บเท้าด้วยตัวเองทีไรสีเลอะจนเบื่อหน่ายทุกที หายห่วงได้เลยถ้าบ้านคุณมีฟองน้ำ นำมาตัดแล้วสอดไว้ระหว่างนิ้วเท้าก่อนทาสีเล็บ และค่อย ๆ บรรจงทา จากนั้นปล่อยให้แห้ง ก็สวยได้ไม่ต้องง้อร้านทำเล็บเลย

ขอบคุณที่มาจาก กระปุก.คอม




 

Create Date : 07 มกราคม 2558    
Last Update : 7 มกราคม 2558 9:24:57 น.
Counter : 2494 Pageviews.  

เค้กไมโครเวฟ 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทําง่ายๆ ใน 1 นาที


เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Gemma Stafford สมาชิกเว็บไซต์ยูทูปดอทคอม

เกาะกระแสเมนูไมโครเวฟง่าย ๆ ด้วย 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ เชื่อไหมว่า ทำง่ายมาก ๆ ใช้เวลาแค่ 1 นาที เป็นอันเสร็จ ได้เค้ก 5 แบบ 5 รสชาติ เจ๋งสุด ๆ

          ใครที่ชอบทำอาหารง่าย ๆ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งกับเมนูขนมไมโครเวฟสุดง่ายที่เรานำมาฝากในวันนี้ถึง 5 สูตร 5 รสชาติด้วยกัน ทั้ง "เค้กวานิลลาที่ฟรุ้งฟริ้งด้วยเกล็ดน้ำตาลหลากสีสัน" หรือจะรักสุขภาพด้วย "เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตแบบไร้แป้ง" ต่อด้วยเค้กสีสันจัดจ้านอย่าง "เค้กเรดเวลเว็ท"ตามมาติด ๆ กับ "เค้กแอปเปิลครัมเบิล" หอม ๆ กรุบกรอบ และตบท้ายด้วย "เค้กสีรุ้ง" คัลเลอร์ฟูลสุด ๆ ซึ่งใครที่แค่เห็นภาพคงไม่เชื่อหรอกว่า บรรดาเค้กทั้งหมดนี้ใช้เวลาอบเพียง 1 นาทีเท่านั้น และยังสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ ในแก้วกาแฟ แต่มีข้อแม้เล็กน้อยคือ สูตรทั้งหมดนี้ใช้กับเตาไมโครเวฟขนาด 1,100 วัตต์ ถ้าบ้านใครใช้ไมโครเวฟต่างไปจากที่มีก็ลองเพิ่ม-ลดเวลาในการทำกันดู แต่เชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน


1. เค้กวานิลลาผสมเกล็ดน้ำตาลฟรุ้งฟริ้ง (Funfetti Mug Cake)

เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)

เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ (60 กรัม)

น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย (50 กรัม)

นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 1 ฟอง

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

แป้งเค้ก 1 ถ้วย (150 กรัม)

ผงฟู 2 ช้อนชา

เกลือป่น เล็กน้อย

เกล็ดน้ำตาลหลากสี ตามชอบ

วิธีทำ

1. ใส่เนยจืดลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 20-30 วินาที นำออกจาเตา

2. ใส่น้ำตาลทราย ไข่ไก่ นมสด และกลิ่นวานิลลาลงไป ใช้ส้อมตีผสมให้เข้ากัน

3. ใส่แป้ง ผงฟู และเกลือป่นลงไป ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว

4. ใส่เกล็ดน้ำตาลหลากสีลงไป คนให้เข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วย

5. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50 วินาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา แต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ


2. เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตไร้แป้ง ไร้กลูเตน (Gluten-Free Chocolate Banana Mug Cake)

เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)

กล้วยหอม 1 ลูก

เนยถั่ว 1/4 ถ้วย (4 ช้อนโต๊ะ)

ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 1 ฟอง

น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ

กล้วยหอมฝานเป็นแว่นสำหรับแต่ง

วิธีทำ

1. บดกล้วยหอมในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) ด้วยส้อมให้ละเอียด

2. ใส่เนยถั่ว น้ำตาลทราย และไข่ไก่ลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวและน้ำตาลทรายละลาย

3. เติมผงโกโก้ลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวอีกครั้ง แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วย

4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา แต่งด้วยกล้วยหอมฝานเป็นแว่น ๆ พร้อมเสิร์ฟ



3. เค้กเรดเวลเว็ท (Red Velvet Mug Cake)

เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง

ส่วนผสม (สำหรับ 1ถ้วย)

น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

ไข่ไก่ 1 ฟอง

สีผสมอาหารสีแดง 1/2 ช้อนชา

บัตเตอร์มิลค์ (ซาวร์ครีมหรือโยเกิร์ต) 3 ช้อนโต๊ะ

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

แป้งเค้ก 4 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 4 1/2 ช้อนโต๊ะ

ผงฟู 1/8 ช้อนชา

ผงโกโก้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่น เล็กน้อย

ผงอบเชย เล็กน้อย

ครีมชีสฟรอสติ้งสำหรับแต่ง

วิธีทำ

1. ใส่น้ำมันพืช ไข่ไก่ สีผสมอาหารสีแดง และกลิ่นวานิลลาลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) ตีผสมเข้าด้วยกัน

2. เติมแป้งเค้ก น้ำตาลทราย ผงฟู ผงโกโก้ เกลือป่น และผงอบเชย ฃลงไป ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50 วินาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา พักไว้จนเย็นก่อนแต่งด้วยครีมชีสให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ


4. แอปเปิลครัมเบิลเค้ก (Apple Crumble Mug Cake)

เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง

ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)

แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายแดงป่น 1 ช้อนโตะพูน

ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา

ผงฟู 1/8 ช้อนชา

ซอสแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ

นมสด 1/2 ช้อนโต๊ะ

กลิ่นวานิลลา 1/8 ช้อนชา

ไอศกรีมวานิลลา (หรือรสชาติอื่นตามชอบ)

ซอสคาราเมล สำหรับราด

ส่วนผสม ครัมเบิล

เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

แป้งเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายแดงป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ใส่แป้งเค้ก น้ำตาลทรายแดง ผงอบเชย และผงฟูลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) คนผสมเข้าด้วยกัน

2. เติมซอสแอปเปิลลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เตรียมไว้

3. ทำครัมเบิลโดยใส่เนยสดลงในอ่างผสม ตามด้วยแป้ง และน้ำตาลทรายแดง ใช้ส้อมคนผสมให้เข้ากันเป็นเม็ดทราย ตักใส่ลงในถ้วยเค้ก

4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนขึ้นฟู นำออกจากเตา เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม และซอสคาราเมล



5. เค้กสายรุ้ง (Rainbow Mug Cake)

เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)

เนยสด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม

น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย (100 กรัม)

ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 2 ฟอง

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย (110 กรัม)

ผงฟู 1/2 ช้อนชา

เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา

เกลือป่น เล็กน้อย

สีผสมอาหารสีแดง, สีเหลือง, สีส้ม, สีเขียว และสีฟ้า

ครีมชีสฟรอสติ้ง สำหรับแต่ง

วิธีทำ

1. ตีผสมเนยสดที่นิ่มแล้วกับน้ำตาลทรายในอ่างผสมด้วยตะหร้อมือจนเป็นเนื้อครีม (ประมาณ 3 นาที) จากนั้นตอกไข่ไก่ใส่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

2. ใส่แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นลงไปคนผสมพอเข้ากัน จากนั้นตักแบ่งส่วนผสมเป็น 5 ถ้วย

3. หยดสีผสมอาหารแต่ละสีประมาณ 2 หยดลงในถ้วยส่วนผสมแป้งแต่ละถ้วย คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน

4. ใช้ปลายช้อนตักส่วนผสมเค้กแต่ละสีใส่ลงในถ้วยสำหรับเข้าไมโครเวฟ โดยตักใส่สลับสีสลับชั้นให้เป็นลายหินอ่อนให้สวยงามทั้ง 4 ถ้วย

5. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนเค้กขึ้นฟู นำออกจากเตา แต่งด้วยครีมชีสฟรอสติ้งให้สวยงาม

เจ๋งสุด ๆ ถ้าต่อไปนี้ทำเค้กได้ง่าย ๆ แบบนี้ก็อ้วนกันพอดีสินะ แต่อย่าไปแคร์ ! อุปสรรคมีไว้พุ่งชนเนอะจริงไหม ? อิอิ




 

Create Date : 05 มกราคม 2558    
Last Update : 5 มกราคม 2558 9:10:24 น.
Counter : 2062 Pageviews.  

ปอดทะลุ เกิดจากอะไรกันแน่

ปอดทะลุ หมายถึง ภาวะที่มีลมรั่วออกจากถุงลม (alveoli) เข้าไปขังอยู่ในช่องหุ้มปอด (pleural cavity) ลมที่รั่วจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และดันให้เนื้อปอดแฟบลง ทำให้มีอาการหายใจลำบาก และอาจเกิดภาวะช็อกถึงตายได้ เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อยนัก

164193255

สาเหตุของ ปอดทะลุ

อาจเกิดจากการได้รับบาดเจ็บเรียกว่า ปอดทะลุ จากการบาดเจ็บ (traumatic pneumothorax) เช่น ถูกยิง ถูกแทง รถชน เป็นต้น หรืออยู่ดี ๆ อาจเกิดขึ้นเองก็ได้ เรียกว่า ปอดทะลุ ที่เกิดขึ้นเอง (spontaneous pneumothorax) เกิดขึ้น เพราะมีการแตกของถุงลมที่ผิดปกติ มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคถุงลมพอง  นอกจากนี้ยังอาจพบในคนที่เป็น โรคหืด , ปอดอักเสบ , ภาวะมีหนองในช่องปอด , วัณโรคปอด  เป็นต้น บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้ มักพบในคนที่สูบบุหรี่  ถ้ารูรั่วไม่มาก อาจไม่มีอาการรุนแรง และหายได้เองภายในไม่กี่วัน  แต่ถ้ามีลมรั่วออกมามาก มักจะทำให้เกิดอาการหอบรุนแรง หากช่วยเหลือไม่ทันอาจตายได้

อาการของ ปอดทะลุ

มีอาการแสดงได้หลายอย่าง ขึ้นกับขนาดของรูที่รั่ว และสภาพของผู้ป่วย บางคนอาจรู้สึกเจ็บหน้าอกแปล๊บขึ้นมาทันทีทันใด และอาจเจ็บร้าวไปที่ไหล่ หรือแขนข้างเดียวกัน แล้วต่อมารู้สึกหายใจหอบ บางคนอาจมีอาการไอแห้ง ๆ ร่วมด้วย บางคนอาจเพียงแต่รู้สึกแน่นอึดอัดในหน้าอก หรือเจ็บหน้าอกเป็นครั้งคราว คล้ายกับอาการของเยื่อหุ้มปอดอักเสบ  เมื่อปล่อยไว้หลายวัน ถ้าลมยังรั่วออกมาเรื่อย ๆ จนทำให้ปอดข้างหนึ่งแฟบ ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการหอบมาก ชีพจรเต้นเร็ว และความดันต่ำ

สิ่งตรวจพบ

หน้าอกข้างที่เจ็บเคาะโปร่งกว่าอีกข้างหนึ่ง ใช้เครื่องฟังที่ปอด จะไม่ได้ยินเสียงหายใจ หรือได้ยินค่อยมาก หลอดลมใหญ่อาจเบี้ยวไปด้านตรงข้าม

อาการแทรกซ้อน

ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (acute pulmonary failure) หรือเกิดภาวะช็อกได้

การรักษาอาการ ปอดทะลุ

1. หากสงสัย ให้รีบส่งโรงพยาบาล อาจต้องเอกซเรย์ดูให้แน่ใจ หรือใช้เข็มต่อกับกระบอกฉีดยาเจาะที่ช่องใต้ซี่โครงซี่ที่ 2 (โดยฉีดยาชาก่อน) ถ้าพบมีลมดันเข้าไปในกระบอกฉีดยา แสดงว่ามีลมในช่องหุ้มปอดจริง ก็จะทำการเจาะระบายเอาลมออก  หากพบมีสาเหตุชัดเจน ก็จะให้การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุร่วมด้วย

2. ในรายที่มีอาการหอบมาก และพบว่าหลอดลมใหญ่ถูกดันให้เบี้ยวไปด้านตรงข้าม แต่ไม่สามารถส่งโรงพยาบาลได้ ให้ทำการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยใช้เข็มต่อเข้ากับสายน้ำเกลือให้แน่น ปล่อยปลายสายน้ำเกลืออีกปลายหนึ่งจุ่มไว้ในขวดหรืออ่างใส่น้ำ มีระดับน้ำสูง 15-20 ซม. แล้วแทงเข็มเข้าที่ช่องใต้ซี่โครงที่ 2 พอ ให้ทะลุผนังหน้าอก  จะพบมีฟองอากาศผุดให้เห็น แล้วให้รีบนำส่งโรงพยาบาล คอยระวังอย่าให้ปลายสาย น้ำเกลือโผล่พ้นระดับน้ำเป็นอันขาด เมื่อเห็นว่าฟองอากาศออกน้อย และอาการดีขึ้นแล้ว อาจเอาเข็มออกได้

ข้อแนะนำ

ผู้ป่วยที่มีภาวะ ปอดทะลุ เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อรักษาหายแล้ว ประมาณ 50% อาจมีอาการกำเริบ
ซ้ำได้อีก และถ้ามีประวัติสูบบุหรี่ ควรงดสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันมิให้มีการกำเริบซ้ำ

อาการเจ็บแปล๊บในหน้าอกเวลาหายใจเข้า อาจเป็นยื่อหุ้มปอดอักเสบ หรือ ปอดทะลุ ก็ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก : //www.thailabonline.com




 

Create Date : 05 มกราคม 2558    
Last Update : 5 มกราคม 2558 9:05:36 น.
Counter : 827 Pageviews.  

ปวดหลัง จากการขับรถ ทํางัยดี

หลายคนคงเป็นเหมือนกัน นั่นก็คืออาการ ปวดหลัง จากการขับรถ เพราะสมัยนี้รถบนท้องถนนก็มากขึ้น ทำให้ช่วงเวลาที่เราต้องขับรถเดินทางทั้งไปและกลับบ้านนั้น ยาวนานขึ้น ส่งผลให้มีความรู้สึก ปวดหลัง ขึ้นมา หรืออาจจะเป็นอาการปวดจากการขับรถทางไกลไปต่างจังหวัด เราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร…

139593840(1)

1. ไม่ควรให้ร่างกายค้างอยู่ท่าเดียวนานๆ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมา หรือหากจำเป็นต้องอยู่ท่าเดิมนานๆ นั้นควรจะอยู่ในท่าที่เรารู้สึกสบาย

2. ไม่ควรให้หลังของเรานั้น อยู่ในท่าโค้งหรือมีการบิดตัว เพราะท่าแบบนี้ กล้ามเนื้อและเอ็นด้านหลังจะถูกยืดนานๆ หมอนรองกระดูกสันหลังจะมีแรงกดมากกว่าในท่านั่งหลังตรงหรือท่ายืนตรง เพราะฉะนั้นการนั่งควรยืดหลังให้ตรง

3. สำหรับคอ ไม่ควรก้มหรือเงยมากเกินไป เพราะจะทำให้ส่วนบ่าและไหล่ ทำงานหนักมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงอาการปวด

4. ควรพักผ่อนสายตาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าและลดอาการเครียด เนื่องจากความเมื่อยล้าของสายและความเครียดนั้นมีผลต่ออาการเกร็งของกล้ามเนื้อ

การปรับเบาะขณะขับรถควรปรับให้เหมาะสมและตรวจดูความเหมาะสมของอุปกรณ์เหล่านี้ ทุกครั้งก่อนขับรถ โดยอาศัยหลักการดังต่อไปนี้

1. ปรับระยะนั่งใกล้ ไกล

โดยให้ขาเหยียบคันเร่งพอดีและสามารถขยับเท้ามาเหยียบเบรกได้ง่ายและรวดเร็ว และระยะห่างนี้ต้องไม่ทำให้เข่าและสะโพกงอมากนัก เพราะการงอมากของเข่าและสะโพกจะทำให้กระดูกข้อเท้าลำบากทำให้ต้องยกขาเมื่อต้องขยับเท้าไปมา ขณะเดียวกันการเหยียดขามากไปจะทำให้ตัวและขาอยู่ในรูปคล้ายตัวแอล ซึ่งมีผลต่อการเหยียบเบรกและคันเร่งเช่นกัน คือแรงจะลดลง เพราะสามารถใช้ปลายเท้าเหยียบได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แรงจากเข่าและสะโพกได้ ร่างกายที่อยู่ในรูปตัวแอล จะมีผลทำให้หลังส่วนล่างโค้งมาก และเส้นประสาทสันหลังและขาตึงตัวมาก จะมีผลเสียคือ กล้ามเนื้อล้าง่าย ด้านหน้าของหมอนรองกระดูกมีแรงกดมากทำให้หมอนรองกระดูกมีโอกาสปลิ้นไปด้าน หลังสูง ท่านั่งนี้จึงทำให้เกิดอาการ ปวดหลัง ได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงท่านั่งนี้ ที่เราอาจพบได้บ่อยในผู้ที่ใช้เก๋งเตี้ยๆ

2. การปรับความเอียงของเบาะพิงหลัง

จะมีความสัมพันธ์กับการปรับใกล้ไกล มุมการมอง และการจับพวงมาลัย คือเมื่อปรับขาให้พอดี ตัวอาจจะห่างไป ทำให้ต้องปรับเบาะพิงชันขึ้นมา แต่การปรับเบาะชันขึ้นมาอาจมีผลทำให้หลังและขาเป็นรูปคล้ายตัวแอลดังข้อ 1 แต่ก็มีข้อดีเมื่อตัวตั้งตรงคือ ทำให้ไม่ต้องงอคอมากนัก บ่าและคอจึงไม่เมื่อย ดังนั้นความเอียงของเบาะควรอยู่ในระดับที่เมื่อขับรถแล้ว ไม่มีความรู้สึกว่าต้องใช้แรงในการยกคอและศีรษะขึ้นมาตั้งตรง

3. ปรับการเอียงของเบาะนั่ง

มีความจำเป็นอีกเช่นกัน เพราะหากเบาะนั่งให้มีการชันตัวมาก จะมีผลทำให้เกิดการกดของด้านหน้าของเบาะต่อด้านหลังเข่าของผู้ขับขี่ ซึ่งด้านหลังเข่านี้ มีหลอดเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก หากมีการกดทับจะทำให้เกิดอาการชา และอ่อนแรงของขาได้ ดังนั้นควรปรับให้เบาะด้านหน้าสูงพอที่ระรับน้ำหนักขาได้ โดยที่ขาไม่ลอยสูงจากเบาะ แบบลักษณะเข่าชัน และเมื่อขับรถและมีการกดคันเร่งค้างนานๆ ด้านหน้าของเบาะต้องไม่กดหลังเข่า

4. ปรับความสูงต่ำของเบาะ

โดยเฉพาะรถใหม่ๆ มักจะสามารถปรับได้ หลายๆ คนอาจมองว่าไม่เกิดประโยชน์ เพราะตัวสูงอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ตัวสูงก็ต้องใช้ เพราะถ้าเบาะเตี้ยจะทำให้ต้องปรับเบาะรถห่างจากพวงมาลัยมากขึ้นส่งผลต่อการ งอของหลัง การปรับเบาะรถให้สูงขึ้นจะมีผลทำให้ท่านั่งขับรถคล้ายกับการนั่งเก้าอี้มาก ขึ้น ดังเห็นได้จากรถตู้หรือรถ MPV ที่มักต้องนั่งขับในท่าหลังตรงๆ และแน่นอนท่านี้ศีรษะและคอก็จะอยู่ในแนวตรง ไม่จำเป็นต้องงอคอขึ้นมา และในผู้ที่ตัวไม่สูง ก็สามารถ ปรับความสูงของเบาะเพื่อให้เหยียบถนัดขึ้น

5. ปรับมุมของพวงมาลัย จะขึ้นอยู่กับการปรับเบาะต่างๆ ด้วย

ให้ปรับทุกอย่างเสร็จแล้วค่อยมาปรับพวงมาลัย แต่ถ้าปรับพวงมาลัยสุดแล้วยังรู้สึกไม่พอดี ต้องปรับจากข้อ 1 ถึง 4 ใหม่อีกครั้ง ตำแหน่งและระยะการจับพวงมาลัยมีความสำคัญมาก เพราะมีผลต่อการควบคุม พวงมาลัยของรถทำให้บังคับรถได้ง่ายหรือยากได้ ระยะและระดับที่เหมาะสมคือ ระยะที่เมื่อวางมือแล้ว สามารถหมุนพวงมาลัยได้คล่อง ไม่มีการติดขัดหรือมีความรู้สึกว่าต้องเอื้อม ขณะเดียว กัน กล้ามเนื้อบ่าและไหล่ต้องไม่เกร็งเพื่อที่จะถือแขนให้อยู่กับพวงมาลัยนานๆ

6. การปรับระยะพวงมาลัยเข้าใกล้หรือไกล

รถรุ่นใหม่ๆ อาจสามารถปรับระยะใกล้ หรือไกลของพวงมาลัยได้ คือเราสามารถดึงพวงมาลัยเข้าใกล้หรือผลักออกไปไกลได้ การปรับนี้มีข้อดี ที่เมื่อปรับระยะใกล้ ไกล และปรับพนักพิงแล้ว อาจทำให้แขนต้องเอื้อมจับหรือแขนอยู่ชิดพวงมาลัยมากเกินไป การปรับนี้จะช่วยให้เราสามารถจับพวงมาลัยได้ถนัดขึ้น

7. ปรับกระจกส่องข้างและหลัง

จะเป็นการปรับหลังสุด หลังจากปรับส่วนอื่นๆ เสร็จแล้ว โดยยึดหลักการที่ว่า เมื่อนั่งโดยไม่ต้องขยับศีรษะหรือโยกตัวเราสามารถมองเห็นในจุดที่เราต้องการ ได้ หากการมองยังมีจุดบอดแสดงว่าอาจต้องใช่อุปกรณ์ เสริม เช่น ติดกระจกส่องหลังบานใหญ่ขึ้น หรือกระจกโค้ง เพื่อให้เห็นได้ครอบคลุมขึ้น แต่อาจมีผลเรื่องการกะระยะบ้างเพราะภาพจากประจกโค้งจะหลอกตา

เทคนิคที่กล่าวมานั้นควรอยู่ภายใต้ความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย หากปรับให้สบายตัว แต่ไม่ปลอดภัยก็ไม่ถือว่าเป็นการปรับที่ดี ที่สำคัญในการปรับนั้น ควรปรับเมื่อรถอยู่นิ่ง ไม่ควรปรับเมื่อรถวิ่งอยู่ โดยเฉพาะการเลื่อนเบาะและปรับมุมพนักพิง ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่ได้ค่ะ
www.nederlandsegokken.nl

ขอบคุณที่มาจาก : //www.womanplusmagazine.com




 

Create Date : 05 มกราคม 2558    
Last Update : 5 มกราคม 2558 9:03:31 น.
Counter : 923 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.