อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ไทม์ไลน์ช็อควงการตํารวจ จากเด้งฟ้าผ่า บึ๊กตร-คดีอาญาร้ายแรง

ไทม์ไลน์ช็อควงการตำรวจ จากเด้งฟ้าผ่า บิ๊กตร.-คดีอาญาร้ายแรง

วันนี้(23 พ.ย.) แฟนเพจ Thailand Police Story ได้โพสต์สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการจับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.และบิ๊กตำรวจกองปราบอีกหลายคน โดยเผยว่าวงการตำรวจยังช็อค อยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดดังนี้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานใหญ่ ซึ่งควบคุมดูแลตำรวจกองปราบ, ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจทางหลวง ทั่วประเทศ เหตุการณ์ช็อควงการเริ่มต้นขึ้น

1510548_678868285544758_4840029052722770055_n

– วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ตอนตี 4 อยู่ๆก็มีคำสั่งฟ้าฝ่าจาก ผบ.ตร. ให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์(ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง), พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ (รองผู้บัญชาการฯ) และผู้บังคับบัญชากองปราบปราม อีก 2 คนถูกย้ายยกทีม ทั้งๆที่กุมตำแหน่งมา 4 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลไหนย้ายออกได้ เนื่องจากเป็นคนตรงฉิน แม้แต่กำนันเป๊าะยังโดน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ สั่งจับ ทั้ง 4 คนที่ถูกย้ายหายตัวไป ไม่ทราบว่าที่ใด

– 21 พฤศจิกายน 2557 พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิมรัตน์ 1 ใน 4 คนที่ถูกย้าย ตกจากที่สูงเสียชีวิตแล้ว โดยญาติรีบนำร่างไปวัด เวลา 13:30 น. แล้วเผาทันทีเวลา 14:00 น. กระทำโดยเงียบ

– 23 พฤศจิกายน 2557 ผบ.ตร. ให้ศาลอนุมัติออกหมายจับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ข้อหาดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) และข้อหาเรียกรับสินบนพร้อมตำรวจอีก 5 คน ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้แล้ว

ทั้งนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เป็นตำรวจรุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง (ผบ.ตร.) ในวงการตำรวจไม่มีใครทราบเรื่องนี้มาก่อน ซึ่งทุกคนหวังว่าผู้บังคับบัญชาจะออกมาอธิบายให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเหตุใดจึงมีการหมิ่นมาตรา 112 หมิ่นเมื่อใด หมิ่นลักษณะใด และข้อหารับสินบนเป็นอย่างไร และจดหมายลาตายที่ไม่มีใครกล้าแชร์ต่อของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิมรัตน์ มีอะไรแฝงอยู่ต้องตรวจสอบหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ทำให้วงการตำรวจสั่นสะเทือนและทุกคนต้องการความกระจ่างเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตำรวจได้แถลงยืนยันว่า จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานว่า มีการกระทำอันทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ซึ่งรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำผิดจะมีการแถลงเปิดเผยหลักฐานต่อสื่อมวลชน อย่างละเอียดอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา

MThai News

: , , , , , , , ,
อ่านแล้ว : 67907 ครั้ง
ติดต่อทีมข่าว : news@mthai.com




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2557 10:56:45 น.
Counter : 2655 Pageviews.  

VPN คืออะไร

VPN หรือ Virtual Private Network หมายถึง เครือข่ายเสมือนส่วนตัว ที่ทำงานโดยใช้ โครงสร้างของ เครือข่ายสาธารณะ หรืออาจจะวิ่งบน เครือข่ายไอพีก็ได้ แต่ยังสามารถ คงความเป็นเครือข่ายเฉพาะ ขององค์กรได้ ด้วยการ เข้ารหัสแพ็กเก็ตก่อนส่ง เพื่อให้ข้อมูล มีความปลอดภัยมากขึ้น

อย่างไรก็ดี คำว่า VPN จะครอบคลุมทั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ (เช่น Gateway และ Router), ซอฟต์แวร์ และส่วนที่เป็นไฟร์วอลล์
การเข้ารหัสแพ็กเก็ต เพื่อทำให้ข้อมูล มีความปลอดภัยนั้น ก็มีอยู่หลายกลไกด้วยกัน ซึ่งวิธีเข้ารหัสข้อมูล (encryption) จะทำกันที่เลเยอร์ 2 คือ Data Link Layer แต่ปัจจุบัน มีการเข้ารหัสใน IP Layer โดยมักใช้เทคโนโลยี IPSec (IP Security)

ปกติแล้ว VPN ถูกนำมาใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีสาขาอยู่ตามที่ต่างๆ และต้องการ ต่อเชื่อมเข้าหากัน โดยยังคงสามารถ รักษาเครือข่ายให้ใช้ได้เฉพาะ คนภายในองค์กร หรือคนที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ลูกค้า, ซัพพลายเออร์ เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว กลไกในการสร้างโครงข่าย VPN อีกประเภทหนึ่ง คือ MPLS (Multiprotocal Label Switch) เป็นวิธีในการส่งแพ็กเก็ต โดยการใส่ label ที่ส่วนหัว ของข้อความ และค่อยเข้ารหัสข้อมูล จากนั้น จึงส่งไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงปลายทาง ก็จะถอดรหัสที่ส่วนหัวออก วิธีการนี้ ช่วยให้ผู้วางระบบเครือข่าย สามารถแบ่ง Virtual LAN เป็นวงย่อย ให้เป็น เครือข่ายเดียวกันได้

ตัวอย่างเช่น บริษัท A ก็จะได้ VPN label A ที่หัวข้อความ ของทุกแพ็กเก็ต บริษัท B ได้รหัสที่หัวข้อความเป็น B เพื่อส่งข้อมูล ข้อมูลที่ส่งออกไป ก็จะวิ่งไปหาปลายทางตาม Label ของตน ซึ่งผู้วางระบบ สามารถเพิ่มกลุ่มในวง VLAN ได้อย่างไม่จำกัด

รูปแบบบริการ VPN
บริการ VPN แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ

1. Access VPN: เป็นรูปแบบในการเข้าถึงเครือข่าย VPN จากอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ซึ่งสามารถเข้าถึงเครือข่ายได้ใน 2 ลักษณะ โดยลักษณะแรก เป็นการเข้าถึงจากไคลเอ็นต์ใดๆ ก็ได้ โดยอาศัย ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เป็นตัวกลาง ในการติดต่อ ซึ่งจะมีการเข้ารหัสในการ ส่งสัญญาณ จากเครื่องไคลเอ็นต์ ไปยังไอเอสพี และลักษณะที่สอง เป็นการเข้าถึง จากเครื่องแอ็กเซสเซิร์ฟเวอร์ (Network Access Server-NAS) โดยเริ่มต้นจาก ผู้ใช้หมุนโมเด็ม ติดต่อมายังไอเอสพี และจากนั้น จะมีการเข้ารหัสข้อมูล และส่งต่อไปยังปลายทาง

2. Intranet VPN: เป็นรูปแบบในการเข้าถึงเครือข่าย VPN ที่ใช้เฉพาะภายในองค์กรเท่านั้น อาทิ การต่อเชื่อมเครือข่าย ระหว่างสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และสาขาย่อย ในต่างจังหวัด เสมือนกับ การทดแทน การเช่าวงจรลีสไลน์ ระหว่าง กรุงเทพกับต่างจังหวัด โดยที่แต่ละสาขา สามารถ ต่อเชื่อมเข้ากับ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ในท้องถิ่นของตน เพื่อเชื่อมเข้า โครงข่าย VPN ขององค์กรอีกทีหนึ่ง

3. Extranet VPN: เป็นรูปแบบในการเข้าถึงเครือข่าย ที่คล้ายกับ Intranet VPN แต่มีการขยายวงออกไป ยังกลุ่มลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพาร์ตเนอร์ เพื่อให้ใช้เครือข่ายได้ จุดสำคัญอย่างหนึ่ง ในการเลือกติดตั้ง VPN คือการเลือก ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่วางระบบรักษาความปลอดภัย เป็นอย่างดี มีส่วนอย่างมาก ในการส่งข้อมูลบน VPN ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะถ้า ไอเอสพี มีระบบรักษาความปลอดภัย ที่รัดกุม ก็จะช่วยให้ ข้อมูลที่ส่งมา มีความปลอดภัยมากขึ้น

ประโยชน์ที่ได้รับจาก VPN

ประโยชน์ของ การติดตั้งเครือข่ายแบบ VPN จะช่วยองค์กร ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่ว่าผู้ใช้องค์กร จะอยู่ที่ใดในโลก ก็สามารถเข้าถึง เครือข่าย VPN ของตนได้ โดยการต่อเชื่อม เข้ากับ ผู้ให้บริการท้องถิ่นนั้นๆ ทำให้ช่วยลด ค่าใช้จ่าย ในการติดต่อสื่อสาร และสามารถ ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของ การดูแลรักษาระบบอีกด้วย นอกจากนี้ ระบบเครือข่าย VPN ยังสามารถ ให้ความคล่องตัว ในการเปลี่ยนแปลง เช่น การขยายเครือข่าย ในอนาคต

นอกจากนี้แล้ว ในแง่ของ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต การออกบริการ VPN ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้ ลูกค้าของไอเอสพี ประหยัดค่าใช้จ่าย และสะดวกสบายมากขึ้น



แหล่งอ้างอิง : //www.cisco.com




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2557 10:51:43 น.
Counter : 1038 Pageviews.  

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารรสเลิศ

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารรสเลิศ

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรอาหารไทยอีกเมนูอาหารรสเลิศที่มีรสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป ที่ใครได้ลองชิมแล้วต้องถูกปากถูกใจ ต้องหามาทานกันใหม่ จนเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์จานนี้…จริงๆแล้ว เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ ใช้เวลาทำน้อย แถมเครื่องปรุงวัตถุดิบก็ยังหาง่ายอีกต่างหาก แต่ถ้าลองเราไปสั่งทานตามร้านอาหารนอกบ้าน ก็มีราคาแพงพอสมควรเลยล่ะ วันนี้เราจึงนำสูตรไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์มาฝากครับ ทั้งอร่อยรสเด็ดและทำง่ายจะต้องไปเสียเงินทานนอกบ้านทำไม หิวตอนไหนก็ลุกขึ้นเข้าครัว เสิร์ฟทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ…อร่อยจุงเบย


ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรใส่น้ำพริกเผา
ส่วนผสม
สันในไก่หรืออกไก่ 1 ½ ถ้วย
แป้งสาลี 3/4 ถ้วย (หรือแป้งทอดกรอบก็ได้…แต่อาจจะกรอบไป)
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ถ้วยพูน (ปริมาณเพิ่มลด ตามชอบ)
กระเทียม 5 กลีบ
พริกแห้งหั่น 3/4 ถ้วย
ต้นหอมหั่น (เป็นชิ้นยาวๆประมาณ 1 นิ้ว) 3/4 ถ้วย
เห็ดฟาง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)
แห้วต้มสุกหรือแห้วกระป๋อง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)


เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปริมาณเพิ่มรสได้ ตามชอบ)
น้ำพริกเผา 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำเนื้อไก่ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาหั่นแฉลบให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้
2. เตรียมส่วนผสมต่างๆให้พร้อม ดังนี้
  • กระเทียบปอกปลือก ทุบ และสับหยาบ
  • นำเห็ดฟางหรือแห้วมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วถ้าเป็นเห็ดฟางก็ให้ผ่าครึ่งเตรียมไว้ ส่วนถ้าใช้แห้วก็ให้ผ่าเป็น 2 หรือ 4 ส่วน แล้วแต่ขนาด
  • ต้นหอม ตัดรากทิ้ง นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 1 นิ้ว
  • หอมหัวใหญ่ นำมาปอกเปลือก นำไปล้าง แล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดกลาง
  • ให้ต้มแห้วจนสุก (ใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ) คือให้ต้มน้ำจนเดือดแล้วนำแห้วลงไปต้มจนสุก (ประมาณ 5 นาที) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้
  • พริกแห้ง ถ้ามีขั้วเด็ดทิ้งไป แล้วหั่นพริกแห้งเป็น 2 ส่วน (เป็นท่อนสั้น ๆ เพื่อให้เม็ดแตก ถ้าชอบเผ็ดพริกมากหักให้ละเอียดหน่อย)
  • เอาเครื่องปรุงรสทั้งหมดผสมรวมกันในชามหรือถ้วย เพื่อง่ายต่อการหยิบจับไม่ต้องเสียเวลาผัดไปปรุงไป (หรือบางท่านอาจจะรอปรุงขณะผัดทีเดียวก็ได้) เครื่องปรุงรสได้แก่ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำพริกเผา น้ำตาลทราย ใส่ในถ้วยแล้วคนๆผสมให้มันเข้ากันไว้ก่อน


3. เอาไก่คลุกแป้ง เริ่มจากใส่ซีอิ๊วขาวผสมลงไปบนไก่นิดหน่อย (ประมาณ 1-2 ช้อนชา) คลุกคล้าให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำเนื้อไก่ไปคลุกกับแป้งทอดกรอบ (บางๆไม่ต้องหนา) จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ พอเหลือง (ทอดให้ผิวตึงๆ ก็พอ ไม่ต้องสุกมาก เพราะเดี๋ยวเราจะเอาไปผัดอีก) เสร็จแล้วตักขึ้น พักไว้บนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน



4. ทอดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วยไฟอ่อนถึงไฟกลาง ทอดเล็กน้อยพอเหลือง (ระวังไหม้) จึงตักขึ้นพักไว้บนกระดาษเพื่อซับมัน (ถ้าใช้ไฟแรง จะทำให้เม็ดมะม่วงฯ ไหม้ได้ และข้างในจะไม่สุก)
  • จากนั้นก็นำพริกแห้งลงไปทอดต่อด้วยไฟอ่อน จนพริกแห้งหอม เม็ดจะพองๆ (ระวังไหม้) แล้วช้อนขึ้นพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมัน
5. เทน้ำมันที่ทอดของเก็บไว้ แล้วใส่น้ำมันพืชสำหรับผัดลงไปนิดหน่อยประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง พอน้ำมันอุ่นแล้วให้ใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอมเหลือง ตามด้วยหอมหัวใหญ่ลงไปผัด…จนเริ่มใส แล้วเอาเครื่องปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเคี่ยวในกระทะให้งวดหน่อยๆคลุกเคล้าใหข้ากัน
6. จากนั้นใส่เนื้อไก่และพริกแห้งทอดลงไปคลุกเลย…กลิ้งไปกลิ้งมาผัด ๆ เร็ว ๆ ให้เข้ากัน ตามด้วยใส่เม็ดมะม่วง ต้นหอม หรือผักอื่นๆ ตามลำดับ (ซอสจะเหือดแห้งลงและเดือด) ชิมรสชาติแล้วปรุงรสเพิ่มได้ถ้าไม่ถูกใจ รสชาติที่ปรุงได้ควรจะออกรสเค็มหวานครับ…ไม่ใช่หวานเค็ม (ถ้าน้ำเหือดแห้งมากเติมน้ำสะอาดได้ 1-3 ช้อนโต๊ะครับ) ผัดต่อให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที คลุกกเคล้าให้เข้ากัน จึงปิดไฟ ตักใส่จานพร้อมเสริฟได้แล้ว

ไก่ผัดเผ็ดมะม่วงหิมพานต์ สูตรไม่ใส่น้ำพริกเผา 
ส่วนผสม (สูตรครัวบ้านพิมพ์)
อกไก่ 300 กรัม
พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
เกลือป่นธรรมดา ¼ ช้อนชา
***เอาอกไก่ พริกไทยป่น และเกลือป่น มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 10 นาที***

แป้งสาลี 1/2 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1/2 ถ้วย (จะใส่มากน้อยนี้…แล้วแต่ชอบเลย)
ต้นหอม 2 ต้น
พริกขี้หนูแห้ง 5-10 เม็ด (ตามชอบ ชอบเผ็ดมากใส่มาก)
เห็ดฟางดอกตูมๆ 7 ดอกกลาง
พริกชี้ฟ้าสีแดง 2 เม็ด
กระเทียมไทย 1 หัว

เครื่องปรุงรส (ซอสผัด)
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ¼ ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
***เอามาผสมลงไว้ไนถ้วยจะได้ง่ายต่อการหยิบจับ***

วิธีทำ : ก็ไม่ยากเลย ทำเช่นเดียวกับขั้นตอนวิธีทำสูตรที่ 1 ได้อธิบายไว้ละเอียดพอสมควรแล้ว…ลองทำตามดูนะครับ


แนะนำเพิ่มเติม
  • ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์มีหลายสูตร มีทั้งแบบที่นำไก่ไปทอดก่อนพอข้างนอกตึง…หรือไม่ทอดผัดเลย แบบใส่น้ำพริกเผาหรือไม่ใส่…แล้วแต่จะชอบ ถ้าใส่น้ำพริกเผาก็อย่ามากไปเดี๋ยวจะกลายเป็นไก่ผัดน้ำพริกเผาแทนไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 
  • แนะนำวิธีเลือกเนื้อไก่ เลือกตามแบบที่ชอบเลยครับ ดังนี้
ถ้าชอบเนื้อแบบร่วนๆ แข็งๆ ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนหน้าอก เลาะหนังออก
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ มีมันน้อย ให้ใช้เนื้อไก่ส่วนสันใน
ถ้าชอบเนื้อแบบนิ่มๆ แบบมีมันแทรก ให้ใช้เนื้อน่องหรือสะโพก เลาะหนังออก
  • มะม่วงหิมพานต์เป็นถั่วชนิดหนึ่ง ซื้อมาแล้วถ้าอยากเก็บให้ได้นานโดยไม่หืนควรแช่ตู้เย็น




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 9:17:50 น.
Counter : 2439 Pageviews.  

สุดยอด! ชายหาดบางแสนหลังจัดระเบืยบ ตามนโยบายคสช

สุดยอด! นายกฯเมืองแสนสุข นำทีมจัดระเบียบชายหาดบางแสน ไร้เตียงผ้าใบ จัดโซนนิ่งสวยงาม 

วันนี้(20 พ.ย.) มีรายงานข่าวว่า นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชบุรี ได้นำทีมผู้บริหาร หน่วยราชการในจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ตรวจเยี่ยมการทำความสะอาดชายหาดบางแสน หลังการจัดระเบียบชายหาดใหม่ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเผยว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี พ่อค้าแม่ค้าเริ่มปรับตัวได้ หลายๆคนเริ่มเข้าใจในการจัดระเบียบมากขึ้น

หาดบางแสน

หาดบางแสน

ซึ่งตนมั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้บางแสนจะยิ่งมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น และทางเทศบาลจะประชาสัมพันธ์และปรับปรุงการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น ทั้งนี้แผนการจัดระเบียบชายหาดบางแสนของทางเทศบาลแสนสุขมีการขอคืนพื้นที่ชายหาดให้เป็นเขตปลอดร่มปลอดเตียงผ้าใบใน 3 บริเวณคือ

1) จุดหลังวงเวียนบางแสน55เมตร
2)บริเวณหลังศาลเจ้าพ่อแสนและทางลงเรือด้านซ้ายและขวาประมาณ153เมตร
3)จุดปลายหาดบริเวณหน้าร้านอาหารดวงดี จนสุดหาดหน้า รร. เอสทู(เอสเอส)
2.ลดขนาดความกว้างของล็อคเตียงผ้าใบให้เหลือ19เมตรจากเดิม 21และ23เมตร
3.ช่วงต่อแต่ละล็อคเตียงให้เว้น1เมตรเพื่อไม่ให้เตียงติดกันระหว่างล็อคและเป็นทางเดินของนักท่องเที่ยวในล็อคนั้นๆ
4.ทุกๆ2ล็อคเตียง ให้เว้นทางเดินลงหาด4เมตร
5.ทุกๆ10ล๊อคเตียงให้เว้น18เมตร

“…ในฐานะนายกเทศมนตรีผมได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วเพื่อให้ทุกฝ่ายเสียประโยชน์น้อยที่สุดและได้ประโยชน์ร่วมกันให้มากที่สุดระหว่างแม่ค้าพ่อค้า, นักท่องเที่ยวและประชาชน ในการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน. โดยได้เข้าพบท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีเพื่อรับทราบแนวนโยบายจาก คสช. และต่อมาได้เข้าพบคณะตัวแทน คสช.โดย มทบ.14และนายอำเภอเมืองเพื่อหารือหาแนวทางการจัดระเบียบอย่างรอบคอบ
ผู้ประกอบการต่างๆบนชายหาดยังคงได้สิทธิในการประกอบอาชีพดังเดิม เพียงแต่ต้องลดขนาดพื้นที่ลงบ้างในส่วนของความกว้างล็อคเตียงผ้าใบ ส่วน ผู้ประกอบการอื่นๆให้ขยับร้านออกถัดไปจากเขตประกาศจุดปลอดร่มปลอดเตียงครับ…” (นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศบาลเมืองแสนสุข )

MThai News

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ค ณรงค์ชัย (ตุ้ย) คุณปลื้ม

จัดระเบียบชายหาดบางแสน

จัดระเบียบชายหาดบางแสน

ชายหาดบางแสนหลังจัดระเบียบ

ชายหาดบางแสนหลังจัดระเบียบ

10437014_641734239276685_4584251259561675944_n 10450379_641734165943359_6713986629037463869_n

ข่าวที่เกี่ยวข้อง




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 9:11:09 น.
Counter : 1348 Pageviews.  

ตาบอดสี

ตาบอดสี ตาบอดสี หรือ ที่เรียกว่า colour blindness เป็นอาการที่ตาของผู้ป่วยแปรผลแปรภาพสีผิดไปจากผู้อื่นที่เป็นตาปกติ ตาเป็นอวัยวะจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขในสังคม หากเกิดความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่มีผลกระทบต่อการมองเห็น บุคคลนั้นๆ ย่อมได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ภาวะตาบอดสีเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคมมากพอสมควร


การมองเห็นสีของตามนุษย์

โดยปกติแล้วตาคนเราจะมีเซลรับแสงอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่ม แรก เรียกว่า rods เป็นเซลรับแสงที่รับรู้ถึงความมืด หรือสว่าง ไม่สามารถแยกสีออกได้และจะมีความไวต่อการกระตุ้น แม้ในที่ที่มีแสงเพียงเล็กน้อย เช่น เวลากลางคืน เซลกลุ่มที่สองเป็นเซลทีทำหน้าที่มองเห็นสีต่างๆ เรียกว่า cones โดยจะแยกได้เป็นเซลอีก 3 ชนิด ตามระดับคลื่นแสงหรือสีที่กระตุ้น คือ เซลรับแสงสีแดง เซลรับแสงสีน้ำเงิน และเซลรับแสงสีเขียว

ตาบอดสี

สำหรับแสงสีอื่นๆ เกิด จากการกระตุ้นเซลดังกล่าวนี้มากกว่าหนึ่งชนิด แล้วให้สมองเราแปลภาพออกมาเป็นสีที่ต้องการ เช่น สีม่วง เกิดจากแสงที่กระตุ้นทั้งเซลรับแสงสีแดง และเซลรับแสงสีน้ำเงิน ในระดับที่พอๆ กัน การเกิดสีต่าง ๆ ที่มองเห็นเหล่านี้ ก็เช่นเดียวกับหลอดภาพของเครื่องรับโทรทัศน์นั่นเอง ซึ่งเซลกลุ่มที่สองนี้จะทำงานได้ดีต้องมีแสงสว่างเพียงพอ

ดังนั้นในที่สลัวๆ เรา จึงไม่สามารถแยกสีของวัตถุได้แต่ยังพอบอกรูปร่างได้ เนื่องจากมีการทำงานของเซลในกลุ่มแรกอยู่ ต่อเมื่อเพิ่มแสงสว่างขึ้น เราจึงมองเห็นสีต่างๆ ขึ้นมา

ปัจจัยทางพันธุกรรม

สาเหตุของตาบอดสีที่เป็นมาแต่กำเนิด มี เรื่องของกรรมพันธุ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยโครโมโซม X ทำให้เพศชายถ้ามีหน่วยพันธุกรรม X ที่ทำให้เกิดตาบอดสี ก็จะแสดงอาการของตาบอดสีออกมา ในขณะที่เพศหญิงถ้าหน่วย X นี้ผิดปกติเพียงหนึ่งหน่วย ก็ยังสามารถมองเห็นได้ปกติเห็นปกติได้ ถ้าหน่วย X อีกตัวหนึ่งไม่ทำให้เกิดตาบอดสี

ตาบอดสี

ความผิดปกติของเม็ดสีและเซลล์รับแสงสีเขียวหรือแดง ถูก ควบคุมด้วยยีนบนโครโมโซม x และมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ x-linked recessive จากแม่ไปสู่บุตรชาย เพราะเหตุนี้ตาบอดสีส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็กผู้ชาย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากมารดา ในเพศหญิงพบน้อยกว่าเพศชายประมาณ 16 เท่า หรือคืดเป็นประมาณร้อยละ 0.4 ของประชากร ขณะที่ตาบอดสีทั้งหมด จะพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของประชากร และเป็นการมองเห็นสีเขียวบกพร่องเสียประมาณร้อยละ 5 ของประชากร

กลุ่มที่มีความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด ตา ทั้ง 2 ข้างจะมีอาการมองเห็นสีผิดปกติเหมือนกัน คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ผู้ที่สามารถเห็นสีได้ปกติ จะต้องมีเซลล์รับแสงสีที่จอประสาทตาครบทั้ง 3 สี คือ แดง เขียว และน้ำเงิน และมีปริมาณเม็ดสีในเซลล์ที่ปกติ รวมทั้งระบบประสาทตาและการแปลผลที่เป็นปกติด้วย

ส่วนความผิดปกติของเม็ดสี และเซลล์รับแสงสีน้ำเงินนั้น ถูกควบคุมด้วยยีนบนโครโมโซม 7 จึงมีการถ่ายทอดแบบ autosomal dominant ซึ่งจะพบผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้น้อย

ตาบอดสีอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ตาบอดสีที่เป็นภายหลัง มักเกิดจากโรคทางจอประสาทตาหรือโรคของเส้นประสาทตาอักเสบ มักจะเสียสีแดงมากกว่าสีอื่น และอาจเสียเพียงเล็กน้อย คือดูสีที่ควรจะเป็นนั้นดูมืดกว่าปกติ หรืออาจจะแยกสีนั้นไม่ได้เลยก็ได้

อาการ

ตาบอดสีมีหลายชนิด ชนิด ที่พบบ่อยที่สุด เรียกว่า red/green colour blindness โดยจะแยกสีแดงและสีเขียวค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่แสงไม่สว่างนัก ส่วนน้อยลงมาของคนที่มีตาบอดสี คือพวกที่ไม่สามารถแยกสีน้ำเงินกับสีเหลือง จะมีบ้างเหมือนกันที่เป็นโรคตาบอดสีทุกสีเลย แต่เป็นส่วนน้อยมาก คนที่บอดสี แดง-เขียวมักจะบอดสี น้ำเงิน-เหลืองด้วย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นตาบอดสีชนิดใด ล้วนจะมีสายตาหรือการมองเห็น (vision) ที่เป็นปกติ เพียงแต่ความสามารถในการแยกสีไม่ปกติเท่านั้นเอง

ตาบอดสี

กลุ่มที่มีความผิดปกติที่เกิดขึ้นมาภายหลัง มัก เกิดจากการถูกทำลายของจอประสาทตา เส้นประสาทตา หรือส่วนรับรู้ในสมอง จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การอักเสบ ภาวะขาดเลือด อุบัติเหตุ เนื้องอก การเสื่อมลงของจอประสาทตา หรือผลข้างเคียงจากยาหรือสารเคมี

ผู้ป่วยมักจะมีอาการเรียกชื่อสีหรือเห็นสีผิดไปจากเดิม โดย มากพบความผิดปกติของการมองสีน้ำเงินเหลืองมากกว่าแดงเขียว ความผิดปกติของตาทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน อาจเป็นตาเดียวหรือทั้ง 2 ตา มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหรือลดลงได้ รวมทั้งมีความผิดปกติของสายตาด้านอื่น ๆ เช่น การมองเห็นและลานสายตาลดลงได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค

การวินิจฉัยโรค

สำหรับการตรวจและวินิจฉัย จักษุ แพทย์จะทำการซักประวัติอาการผู้ป่วย ร่วมกับการตรวจการรับรู้ของสี และตรวจตาโดยละเอียด เพื่อหาสาเหตุแผนการรักษา การตรวจอาจใช้เครื่องมือช่วยการตรวจหลายอย่าง เช่น ให้อ่านสมุดภาพ Ishihara, ให้ทดสอบเรียงเม็ดสีตามแบบที่กำหนดไว้

ตาบอดสี

การทดสอบสมุดภาพ

โดยการให้อ่านกระดาษ ซึ่ง อาจจะเป็นตัวเลขหรือหนังสือ คนตาปกติจะบอกเลขได้ แบบทดสอบดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า Ishihara test ส่วนใหญ่พื้นหลังจะเป็นจุดสีเขียว ส่วนเส้นสร้างจากจุดสีแดงหรือส้ม ปัจจุบันมีแบบทดสอบที่ดัดแปลงไปแล้วบ้าง แต่ก็ยังคงลักษณะเดิมไว้ทุกประการ

การรักษา

ในรายที่เป็นไม่รุนแรง ผู้ ป่วยจะไม่มีอาการแต่อย่างใด ส่วนในรายที่เป็นรุนแรง ผู้ปกครองอาจจะสังเกตพบตอนเป็นเด็ก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะ ถ้าเป็นแล้ว จะเป็นตลอดชีวิต โดยเฉพาะแบบที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ยังไม่พบวิธีรักษาที่ได้ผล

ส่วนประเภทที่เกิดจากโรคต่างๆ ที่มีผลต่อจอประสาทและเส้นประสาทตา เมื่อเกิดอาการมองเห็นสีผิดปกติไปให้รีบมารับการตรวจรักษา อาจป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติถาวรได้

คำแนะนำบางประการ

  1. ใน ผู้ป่วยที่มีภาวะตาบอด สีแต่กำเนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำถึงโอกาสการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และโอกาสหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะตาบอดสีในหมู่ญาติ
  2. ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีภายหลัง ควรรับการตรวจวินิจฉัยถึงสาเหตุ เพื่อแพทย์จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
  3. การ ที่คนใดคนหนึ่งเกิด ตาบอดสีขึ้น คนๆ นี้ก็ยังสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนปกติทั่วๆ ไปได้ เพียงแต่การแปรผลผิดไปจากความจริงเท่านั้น ถ้าตาบอดสีไม่มากนักสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้แว่นตา ทั้งนี้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ ซึ่งจะตรวจเช็คสายตาและให้คำแนะนำในการปรับตัว ตลอดจนแนวทางในการรักษาต่อไป
  4. บาง ครั้งคนตาบอดสี อาจถูกกีดกันจากสถาบัน หรืออาชีพบางประเภท ซึ่งจริงๆ แล้ว คนที่ตาบอดสีเพียงแต่เห็นสีผิดไปจากสีที่เป็นจริง ไม่ใช่มองไม่เห็นสีเลย
  5. คน ที่ตาบอดสีส่วนใหญ่ เรียกสีถูก บอกความแตกต่างของไฟจราจรได้ และก็ทำงานส่วนใหญ่ได้เหมือนคนปกติ เว้นเสียแต่จะมีสีในบางแถบสีที่ทำให้เขาสับสน
  6. ในแบบทดสอบอาจจะมีการออกแบบสีในช่วงของแถบสีที่ทำให้คนตาบอดสีดูสับสน ซึ่งโดยโดยปกติในชีวิตประจำวันคนตาบอดสีจะพบสีดังกล่าวน้อยมาก
  7. อาชีพ ที่คนตาบอดสีไม่ควร ทำ ได้แก่ นักเคมีที่ต้องทำงานกับสี จิตรกร อาชีพที่ต้องมีการใช้สีเป็นตัวแสดงถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น ในอุปกรณ์อิเลคโทรนิค ห้องนักบิน เป็นต้น
  8. พบ ว่าคนตาบอดสีมีความ สามารถในการแยกสีเฉดเดียวกันที่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยได้ดีกว่าคน ปกติ เช่น คนตาบอดสีเขียวจะแยกสีที่คล้ายกัน เช่น เขียวอ่อน เขียวอมเหลือง

ที่มาข้อมูลและภาพประกอบจาก www.super-optical.com




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2557 9:05:29 น.
Counter : 1239 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.