อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

เกาหลีทําไมต้องโกง?

เกาหลีทำไมต้องโกง?


เกาหลีทำไมต้องโกง?

เกาหลีใต้ เป็นประเทศทื่มีอัตราการคอร์รัปชั่นต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากการสำรวจโดย Global Corruption Barometer อยู่ในอันดับที่ 6 ของประเทศที่ค่อนจัดการปัญหาดังกล่าวได้ดี ดูแล้วไม่น่าจะเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องฉ้อฉลกลโกง

แต่แล้วทำไมเล่นกีฬาทีไรเกาหลีใต้ต้องโกงแล้วโกงอีก โกงจนชาวโลกเอือมระอา

นั่นเป็นเพราะคนเกาหลีใต้ถูกปลูกฝังให้โกงในเรื่องกีฬาอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่โกงก็ไม่สามารถเป็นเลิศได้ และเมื่อไม่ได้เป็นที่หนึ่ง คุณก็หมดโอกาสในชีวิตแล้ว

เรื่องนี้หนังสือพิมพ์โคเรียไทม์ส (Korea Times) เคยรายงานไว้ในรายงานเรื่อง "Korean sports fail to shake off culture of cheating" เมื่อปี 2555 คราวที่เกิดกรณีอื้อฉาวในวงการกีฬาไปทั่วประเทศว่า เยาวชนของชาติที่เป็นนักกีฬาถูกโคชและครูบาอาจารย์กำชับให้โกงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยบอกว่า "เรายังไม่โกง ก็เท่ากับยังไม่พยายามมากพอ"

ด้วยเหตุนี้นักกีฬาเกาหลีใต้จึงถูกปลูกฝังนิสัยเล่นไม่ซื่อมาตั้งแต่แรก ให้สนใจกับการเล็งผลเลิศเอาไว้ก่อน ส่วนน้ำใจนักกีฬาเอาไว้ทีหลัง หรืออาจจะไม่แยแสกันเลยทีเดียว

แล้วผลของการโกงมีอะไรบ้าง?

เขาเปรียบเทียบว่า วงการกีฬาก็เป็นขาหนึ่งของสังคมที่นั่น เหมือนกับงานภาคอุตสาหกรรมและบริการ และก็เช่นเดียวกับวงการการศึกษา ที่มีทั้งสายเรียนกับสายเล่น หรือสายบุ๋นสายบู๊ สายบุ๋นต้องมุมานะสอบเอนทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยชั้นต้นๆ จะเป็นใบเบิกทางให้คุณมีเส้นสายรุ่นพี่ เส้นสายในการเข้าบริษัทใหญ่ๆ เมื่อเข้าได้แล้วก็จะสบายไปทั้งชาติ เพราะบริษัทจะเลี้ยงดูปูเสื่อไปตลอดชีวิต การแข่งขันในยุทธจักรนักบุ๋นจึงสูงมาก นักเรียนฆ่าตัวตายกันปีหนึ่งๆ ก็มากมาย เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว

ส่วนสายบู๊ก็หนักหนาไม่แพ้กัน เพราะนักเรียนที่มีแววกีฬาจะต้องแย่งกันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่มีทีมเจ๋งๆ หรือไม่ก็สโมสรกีฬาชั้นเลิศ (โดยเฉพาะฟุตบอลกับเบสบอล) เพื่อที่จะมีอนาคตรุ่งเรืองเช่นเดียวกับสายบุ๋น ทำให้ทั้งโคชท้ังโรงเรียนเคี่ยวเข็ญนักกีฬาทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กเป็นที่หนึ่งให้ได้ แต่บางครั้งเด็กเข็นไม่ขึ้น การล้มผลการแข่งขันจึงเกิดขึ้นทั่วไป แม้แต่กีฬาในระดับประถมศึกษาทำให้นักกีฬาขงอประเทศนี้มีแต่จิตใจที่มุ่งเอาชนะไม่มีนำใจนักกีฬา เป็นแค่หุ่นกระหายเหรียญ แม้แต่คนเกาหลีเองก็เออออห่อหมกโดยเฉพาะการแข่งระดับนานาชาติ และโดยเฉพาะหากต้องมาพบกับคู่แข่งที่ใหญ่กว่า เพราะเกาหลีถูกข่มขี่มานานนับร้อยปีทั้งจากญี่ปุ่น จากจีน และชาติตะวันตก

ทัศนะมุ่งจะเอาชนะอย่างเดียวนี่เอง ที่ทำให้พวกเขาพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นที่หนึ่ง แม้จะถูกหาว่าก็อปเขามา โกงเขามา ขอให้เป็นที่หนึ่งเท่านั้น ก็ตายตาหลับแล้ว

นี่มิใช่การกล่าวหา มิไม่ได้สรุปเอาเอง แต่เป็นสื่อเกาหลีสรุปให้!



สาริตา เทวี นักชกอินเดียไม่รับเหรียญ พร้อมปล่อยโฮหลังถูกเกาหลีโกง ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2014 
(อินซอนเกมส์)


รอย โจนส์ โดนปล้นเหรียญทองจากเกาหลี ในโอลิมปิค ปี 1988 ทั้งที่ไล่ถลุงต่อยนักมวยชาวเกาหลีใต้อยู่ฝ่ายเดียว





 

Create Date : 03 ตุลาคม 2557    
Last Update : 3 ตุลาคม 2557 11:04:51 น.
Counter : 1606 Pageviews.  

7 สี่งมหัศจรรย์ ที่เทื่ยวยอดฮิตของไทยที่ไม่ควรพลาด !

7 สิ่งมหัศจรรย์ ที่เที่ยวยอดฮิตของไทยที่ไม่ควรพลาด!

1. สวรรค์ใต้ทะเล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา  




พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ที่นี่คือสวรรค์ใต้ทะเลขนานแท้ “หมู่เกาะสิมิลัน” จังหวัดพังงา  ที่นี่คือสรวงสวรรค์ใต้สมุทรที่อุดมไปด้วยชีวิตน้อยใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปะการัง และหมู่ฝูงปลา หลากหลายสีสัน และหายาก เช่น กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอนเร่ ปลาการ์ตูน 

แถมยังมีน้ำใสราวแผ่นกระจก และมีหาดทรายที่ขาวสะอาดงดงาม ทำให้สิมิลันมีชื่อเสียงทางด้านมีแหล่งน้ำลึกที่สวยงาม ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกทีเดียว

หมู่เกาะสิมิลันเปิดให้นักท่องเที่ยวมาชิลล์กันได้ในเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี และจะประกาศปิดเกาะในเดือนพฤษภาคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทุกปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-7645-3272


2. ขุนเขารูปหัวใจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย






อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย มีลักษณะเป็นรูปหัวใจเบี้ยวๆ หากมองในมุมเบิร์ดอายวิว ถ้ามองในแนวราบจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้อยู่ใจกลางหัวใจของธรรมชาติแล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม 

ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน และด้วยระยะทางที่ต้องเดินเท้ากว่า 9 กิโลเมตร คือขึ้นเขา 5 กิโลเมตร บวกทางราบอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่ที่คู่รักไปสัมผัสพิสูจน์รักแท้กันเลยทีเดียวนอกจากนี้ภูกระดึงมักจะได้รับความนิยมในการไปแบบกลุ่มเพื่อนๆ อีกด้วย และทุกคนที่ได้ไปสัมผัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนเดินเหนื่อยมากๆ แต่พอได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติข้างบน ภูกระดึง แล้วคุ้มค่าสุดๆ 

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดช่วงเดือนตุลาคม - พฤษภาคมของทุกปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-4287-1333, 0-4287-1458


3. สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว จ.ชัยภูมิ





มอหินขาว เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่า มีความงดงามทางธรรมชาติ แท่งหินทรายสีขาวกลางทุ่งหญ้าในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคานี้ หลายคนต่างพากันไปเปรียบกับสโตนเฮนจ์ของประเทศอังกฤษ มอหินขาวนั้นเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาว และโดดเด่นจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “มอหินขาว” และในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตรอีกด้วย และไม่น่าเชื่อว่าต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน 

มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ  เที่ยวได้ทั้งปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-4481-09023


4. พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่อโต จ.พระนครศรีอยุธยา




หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก นี้ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ค่ะหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปนั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร และสูงถึง 19.13 เมตรค่ะ ตามพระศาวดารกล่าวว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1867 ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีถึง 26 ปี ทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน

งานนมัสการหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง งานประจำปี จะมีอยู่ 4 งานใหญ่ๆ คือ งานสงกรานต์ 13 เมษายน เป็นงานใหญ่มีการนมัสการและเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระติดต่อกันถึง 5 วัน งานสรงน้ำและห่มผ้าถวาย วันแรม 8 ค่ำ เดือนเมษายน มีการสรงน้ำและเปลี่ยนผ้าห่มผืนใหม่ ส่วนผืนเก่าที่ใช้มาตลอด 1 ปี จะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ แจกจ่ายให้ผู้คนนำไปบูชา

งานทิ้งกระจาด หรือ งานงิ้ว เดือน 9 จะมีงิ้วและมหรสพอื่นๆ เล่นประชันกันอย่างครึกโครม จะมีผู้คนนับหมื่น หลั่งไหลกันมานมัสการนับเป็นงานทิ้งกระจาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทีเดียว งานตรุษจีนเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่ง จะมีการเปิดประตูพระวิหารหลวงไว้ทั้งวันทั้งคืนตลอด 5 วันที่จัดงาน วัดพนัญเชิง เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น


5. ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเออีซี ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต จ.ปทุมธานี 




จะมีใคร ได้เอื้อมมือไปใกล้ดาวได้เท่าที่ “ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต” ในบ้านเรา แม้ภายนอกจะดูไม่ทันสมัย และนิทรรศการถาวรด้านในยังขัดข้องบางจุด แต่ท้องฟ้าจำลองนั้นต่างออกไป เพราะทั้งใหม่และทันสมัยกว่าใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว ที่นี่ตั้งอยู่ในเนื้อที่ 62 ไร่ ตำบลรังสิต ถนนรังสิต-นครนายก อำเภอธัญบุรี ระหว่างคลอง 5 และคลอง 6 ก่อตั้งเมื่อปี 2537 เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียน นักศึกษา เยาวชนและประชาชนทั่วไป 

ท้องฟ้าจำลอง รังสิต เป็นห้องฉายดาวแบบโดมเอียง สามารถฉายภาพยนตร์แบบไอแม็กซ์ได้ มีที่นั่งทั้งหมด 160 ที่นั่ง โดยจะเปิดการแสดงวันละ 6 รอบ วันเสาร์วันอาทิตย์เพิ่มรอบพิเศษ 1 รอบ เรื่องที่นำเสนอมีทั้งเรื่องดวงดาว เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ติดต่อศูนย์ฯ โทร.0-2577-5456-9 ต่อ 305 และ rscience.go.th


6. สูงสุดในประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่





อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ถึง 482.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อในจังหวัดเชียงใหม่ แต่เดิมดอยนี้มีชื่อว่า "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา" ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งสูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน เมียนม่าร์ อยู่ที่ระดับ 2,565.3341 เมตร จากระดับน้ำทะเล 

ด้วยความสูงทำให้บนยอดมีอากาศเย็นตลอดปี และหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคม และมกราคม นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมป่าดิบชื้น และกลุ่มหมอกยามเช้าได้ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมรมีจุดสำคัญ คือสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่พระองค์สุดท้าย อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เที่ยวได้ทั้งปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-5335-5728, 0-5331-1608


7. ท่องป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี






“หุบป่าตาด” ที่นี่นับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen in Thailand เลยก็ว่าได้ ด้วยความดึกดำบรรพ์ของป่า ที่ทำให้รู้สึกเหมือนจะมีไดโนเสาร์โผล่ออกมาได้ตลอดเวลา หุบป่าตาดตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งนางาม ในจังหวัดอุทัยธานีค่ะ ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 พระครูได้ปีนลงไปในหุบเขานี้ แล้วพบว่ามีต้นตาดเต็มไปหมด (ต้นตาดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) จึงเจาะปากถ้ำเพื่อเป็นทางเข้า 

ถ้ำที่เป็นทางเดินเข้าหุบป่าตาดนั้นมืดสนิท เดินไม่นานจะถึงบริเวณปล่องขนาดใหญ่ที่แสงส่องลงมาได้ และจะพบป่าตาด ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้มาอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากต้นตาดแล้วที่นี่ยังพบไม้หายากพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย ในบริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบและยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวันเพราะมีเขาหินปูนสูงชันล้อมรอบ ขอบอกไว้ก่อนว่าใครที่จะไปท่องป่าโบราณแห่งนี้ต้องเตรียมไฟฉาย และยากันยุงติดตัวไปด้วย เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. โทร.0-5698-9128


ขอบคุณข้อมูลจาก 7WondersThailand.com, //www.posttoday.com, wikipedia - See more at: //travel.truelife.com/detail/3178659#sthash.WcbO6n98.dpuf





 

Create Date : 03 ตุลาคม 2557    
Last Update : 3 ตุลาคม 2557 11:02:36 น.
Counter : 2769 Pageviews.  

กําจัดแก๊สในร่างกายด้วยท่าง่าย ๆ ( คุ่หูเดินทาง)

กำจัดแก๊สในร่างกายด้วยท่าง่าย ๆ (คู่หูเดินทาง)


หลาย ๆ คนมีลมอัดแน่นอยู่ในช่องท้องจนอยากเรอ อยากผายลมอยู่บ่อย ๆ บางคนทั้งเรอและผายลมแล้วก็ยังรู้สึกว่ามีลมหลงเหลืออยู่ ส่งผลให้ท้องอืดเกิดอาการไม่สบายท้อง

มีอีกวิธีที่สามารถช่วงขับลมที่ไม่ต้องการออกจากช่องท้องได้ นั่นคือ การยืดเส้นยืดสายในท่า "นอนกอดเข่า" ซึ่งท่านี้ทำได้ง่าย ๆ เพียงนอนราบ จากนั้นงอเข่าทั้งสองข้างขึ้นมาถึงยอดอก พร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างกอดเข่าเอาไว้ แล้วหายใจเข้าและออก ก่อนยกศีรษะโน้มเข้าหาเข่า จากนั้นตะแคงตัวไปด้านข้างขณะที่ยังนอนกอดเข่าอยู่ โดยตะแคงค้างนาน 10 วินาทีแล้วเบี่ยงตัวกลับท่าเดิม และตะแคงตัวไปอีกข้าง

ท่านอนกอดเข่าแบบนี้ นอกจากจะช่วยขับลมแล้ว ยังสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัวของคอและหลังได้อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2557    
Last Update : 3 ตุลาคม 2557 10:58:35 น.
Counter : 1228 Pageviews.  

หูสั้นอายุสั้นหูยาวอายุยืน.....จริงหรือ?

เชื่อกันมานานเหลือเกินว่าความมีอายุยืนยาวของคนเกี่ยวข้องกับขนาดของใบหู ถ้าหูเล็กหรือหูสั้น อายุก็จะสั้น ถ้าหูยาวหรือยานคล้ายพระพุทธเจ้า อายุก็จะยืนยาว สิ่งที่ได้ยินได้ฟังกันมาบ่อยครั้งนี้มีความจริงอยู่บ้างหรือไม่ในทางวิทยาศาสตร์

สังคมไทยมีความเชื่อเรื่องการอ่านนิสัยและสุขภาพจากใบหน้ามานานแล้ว ปู่ย่า ตายาย ได้ถ่ายทอดความเชื่อเรื่องหูสั้นอายุสั้นหูยาวอายุยืน มาจนเกิดความฝังใจกัน แม้ความเชื้อนี้จะค่อยๆ จางไปแล้วในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีคนอีกไม่น้อยที่เชื่อเช่นนี้อยู่ ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างความเชื่อดั้งเดิม ประกอบกับภาพในจินตนาการของศิลปินที่มักวาดภาพพระพุทธองค์ หรือผู้มีบุญให้มีพระกรรณหรือหูที่ยาวและยาน หรืออาจพบคนบางคนที่หูยาวและตายช้าหลายคนเข้าจนกลายเป็นสถิติในใจ ความเชื่อที่ว่านั้นก็เลยปักหลักปักฐานอย่างมั่นคงและถ่ายทอดต่อเนื่องกันมา

อันที่จริงแล้วคนไทยโบราณใช้เรื่องหูเป็นกระบวนการสั่งสอนขัดเกลาทางสังคมมานาน สอนกันว่าคนดีควรจะมีหูหนัก คือมีความหนักแน่น เยือกเย็น ไม่หูเบาเชื่อคนง่าย ความเชื่อเรื่องอายุยืนก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง คนอายุยืนตามหลักพระพุทธศาสนา คือคนที่มีความเมตตาปรานีจนเป็นนิสัย มีความเผื่อแผ่ต่อสรรพชีวิตอย่างไม่หวังผลตอบแทน หัวใจก็เต้นดี สภาพร่างกายเป็นปกติไม่วูบวาบ จะทำให้อายุยืนไปเอง ส่วนคนที่ใจคอโหดเหี้ยม หรือเต็มไปด้วย รังสีแห่งความอำมหิต ชอบเห็นความวินาศเจ็บปวดของคนอื่นหรือชิวิตอื่น ผลกระทบก็จะเกิดขึ้นกับตนเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ คนเหล่านี้จะมีอายุไม่ยืนยาว ยังไม่มีเหตุผลใดในทางวิทยาศาสตร์เลยครับ ที่บ่งชี้ได้ว่าใบหูเกี่ยวข้องกับการมีอายุสั้นหริออายุยืนยาว นอกจากหลักจิตวิทยาและศาสนาอย่างที่เล่ามา


ที่มาข้อมูลและภาพ arunsawat.com




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2557    
Last Update : 3 ตุลาคม 2557 10:54:53 น.
Counter : 1367 Pageviews.  

12 ฮวงจุ้ยต้องห้าม ที่ไม่ควรนํามาสร้างบ้าน

นอกจากฮวงจุ้ยที่เหมาะสำหรับสร้างบ้านแล้ว เจ้าของบ้านควรทราบด้วยว่า ฮวงจุ้ยลักษณะไหนที่ไม่เหมาะกับการสร้างบ้านในบริเวณนั้น วันนี้ Decor.Mthai จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ยต้องห้าม ที่ไม่ควรนำมาสร้างบ้าน ค่ะ

12 ฮวงจุ้ยต้องห้าม ที่ไม่ควรนำมาสร้างบ้าน

ฮวงจุ้ยไม่ดีขอบคุณภาพประกอบ : www.kenlauher.com

1. มีกระแสลมแรงพัดผ่านตลอดเวลา : พลังของลมจะพัดพาเงินทองทรัพย์สินไม่ให้เหลือเก็บ แต่ถ้าไม่มีลมพัดเลย พลังงานที่ดีก็จะไม่หมุนเวียน ฮวงจุ้ยที่ดีคือมีลมพัดผ่าน อากาศถ่ายเทดี แต่ไม่ใช่พัดแรงตลอดเวลา

2. มืดและเย็น : แสดงว่ามีพลังหยินมากเกินไป ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย รวมทั้งเป็นที่อยู่ของวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานที่ไม่ดี ไม่ควรอยู่อาศัยร่วมกับมนุษย์

3. ทางชันพุ่งเข้าหาประตู : เหมือนสร้างบ้านบนปลายอาวุธ มีแต่อันตราย ไม่ใช่เรื่องดี

4. ถนนพุ่งเข้าบ้าน : เป็นลักษณะของทางสามแพร่ง หรือทางผีผ่าน ยิ่งถนนยาว มีรถมาก ยิ่งอันตราย

5. ใกล้ทางโค้ง : คล้ายรูปเคียวโดยเฉพาะสะพาน หรือวงเวียน มองเห็นรถหรือสิ่งที่จะเข้ามาในบ้านได้ยาก อาจอันตรายทั้งจากโจรขโมยและเป็นจุดดักพลังงานที่ไม่ดี

6. ขนาบด้วยตึกสูง ทั้งซ้ายขวา หรือ หน้าหลัง ในลักษณะเหมือนหนีบบ้านที่อยู่ตรงกลาง ไม่ดี เพราะเป็นลักษณะของโลงศพ บ้านที่อยู่ตรงกลางเป็นศพ ตาย ไม่มีทางฟื้น เท่ากับทำมาหากินไม่ขึ้น

ฮวงจุ้ยต้องห้าม

7. มุมแหลมของบ้านด้านข้างพุ่งเข้าหาตัวบ้าน : ลักษณะนี้เป็นลักษณะของศรพิฆาต พลังของความมุ่งร้ายต่างๆ จะพุ่งเข้ามาที่บ้าน

8. ด้านหน้าบ้าน : เป็นโรงพัก ศาลเจ้า เรือนจำ สถานดับเพลิง สถานที่เหล่านี้คือแหล่งรวมของเรื่องทุกข์ร้อนและความเดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งจะส่งผลมาถึงคนในบ้านด้วย

9. ที่ดินปากทางน้ำ ถือว่าไม่เป็นมงคล เพราะน้ำไหลตลอดเวลา เก็บทรัพย์ไม่ได้ ทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกกัดเซาะและน้ำท่วมอีกด้วย

10. มีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟ หรือเสาหลัก ขวางตรงประตูหน้าบ้าน สิ่งของเหล่านี้ถือเป็นสิ่งอัปมงคล ไม่ควรให้ตั้งอยู่หน้าบ้าน

11. มีคลอง ร่องน้ำ ไหลผ่านตัวบ้าน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย

12. มีแอ่งตรงกลางบ้าน หรือกลางตัวบ้านเป็นหลุมบ่อ กลางบ้านคือหัวใจของพลังงานในบ้าน หากยุบหรือเป็นหลุมลงไปย่อมไม่เป็นมงคล

ขอบคุณข้อมูล : //terrabkk.com




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2557    
Last Update : 2 ตุลาคม 2557 13:47:38 น.
Counter : 1445 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.