อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

7 อาหารยอดแย่ ตัวการที่ทําให้แก่เร็ว

มาทำความรู้จักกับ 7 อาหารยอดแย่ ตัวการแก่เร็วกันดีกว่า เคล็ดลับสำคัญของการชะลอวัยด้วยตัวเองอย่างหนึ่งคือ เรื่องของอาหาร ซึ่งนอกจากต้องกินอาหารที่ช่วยชะลอความแก่ ยังต้องเลี่ยง “อาหารที่ทำให้แก่” ด้วยนะคะ ซึ่งมีดังนี้

อาหารยอดแย่

1. สารพ้นอาหารทอด ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หมูทอด ปลาทอด และอื่นๆ อีกมากมายและยิ่งถ้าใช้น้ำมันหรือวิธีการทอดด้วยความร้อนสูง ก็ทำให้เกิดกระบวนการออกซิเดชั่น ทำลายเซลล์ ก่อโรคสารพัน แก่เร็ว แม่ค้าบางคนใช้น้ำมันซ้ำแล้วซ้ำอีกประเภทไม่ดำไม่เปลี่ยน จนเกิดสารที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของน้ำมันที่ทอด ซึ่งเป็นสารก่อนมะเร็งและหากป่วย ความแก่ชราก็จะมาเยือนอย่างรวดเร็ว

2. อาหารผ่านการปรุงแต่งมักมีสารพวกฟอสเฟตที่ใส่เพื่อเพิ่มรสชาติ ยืดอายุของอาหาร แต่เป็นตัวทำลายสุขภาพ เร่งให้เกิดความชราทำลายระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งไตและกระดูก นอกจากนี้ยังก่อสารพันปัญหาให้ร่างกาย ได้แก่เกิดการอักเสบ ระบบทางเดินอาหารเสียความสมดุลทำลายแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ สมองมึนงง รวบรวบ ความคิดยากทำให้ความแก่มาเยือนเร็วขึ้นค่ะ อาหารตัวการคือ ไส้กรอก อาหารรมควัน เนื้อสัตว์ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง แหนม ของหมักดอง รวมทั้งพวกแป้งขัดขาว ข้าวขาวเส้นหมี่ขาว สปาเกตตีสีขาว เป็นต้น

3. สารสังเคราะห์ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นสารกันบูดสารให้ความหวานแทนน้ำตาลต่าง โมโนโซเดียมกลูตาเมต (ผงชูรส) โพแทสเซียมโบรเมต โซเดียม ไตเตรตหรือไตไตรต์ รวมทั้งสารสังเคราะห์ต่างๆที่ช่วยถนอมอาหารหรือทำให้รสชาติดีขึ้น
สารเหล่านี้สัมพันธ์กับโรคต่าง รวมถึงมะเร็ง ดังนั้น ถ้าต้องการให้อ่อนเยาว์และสุขภาพแข็งแรง พยายามกินอาหารที่มาจากธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงสารสังเคราะห์ โดยสังเกตจากลากบนบรรจุภัณฑ์ก็ได้นะคะ 

ทรานส์แฟต (trans fat)

ทรานส์แฟต (trans fat) เป็นไขมันชนิดไม่ดี ผลิตด้วยต้นทุนต่ำ เก็บได้ทนโดยเติมไฮโดรเจนในไขมันไม่อิ่มตัวพวกน้ำมันพืช เพื่อให้เสถียร บางครั้งอาจเรียกว่า “ไฮโดรจีเนตแฟตส์” (hydrogenated fats) หรือ “พาร์เชียลไฮโดรจีเนตแฟตส์” (partial hydrogenated fats) โดยใช้เป็นส่วนผสมในอาหารหลายชนิดเช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว ของทอด เบเกอรี่ต่างๆ เค้ก คุกกี้ บิสกิต ถ้าเติมไฮโดรมาก จะทำให้น้ำมันเป็นก้อนแข็ง กลายเป็นมาร์การีหรือเนยเทียม

ทรานส์แฟตทำให้ไขมันดีในร่างกายลดลง (HDL) และไขมันไม่ดี (LDL) เพิ่มขึ้น

มีการศึกษาพบอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ ซึ่งมีทรานส์แฟตเป็นสาเหตุ ประมาณ 20,000 รายต่อปีในประเทศสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ทรานส์แฟตยังสัมพันธ์กับโรคต่างๆ อีกมาก เช่น หลอดเลือดในสมอง อัลไซเมอร์ มะเร็ง เบาหวาน อ้วน ตับ ทำงานผิดปกติ ภาวะมีบุตรยากในสตรีซึมเศร้า

ส่วนผิวพรรณ ทรานส์แฟตทำให้การไหลเวียนเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังไม่ดี การสร้างคอลลาเจนและอีสาลตินเสียไปด้วย ทำให้เกิดปัญหามากมายขนาดนี้ ความแก่ความเร็วก็มาเยี่ยมเยือนแน่นอน ระยะหลังผู้ผลิตบางรายเริ่มตระหนักเห็นโทษ จึงเปลี่ยนหรืองดใช้เจ้าทรานส์แฟตอันตรายนี่ ท่านผู้อ่านสามารถสังเกตที่ฉลากดู จะเห็นคำว่า trans fat 0 เป็นการบอกให้รู้ว่าฉันไม่ได้ใส่นะ

แต่ผู้ผลิตอีกมากมายยังใช้อยู่ เราจึงต้องเลือกให้ดี ดูชนิดอาหาร ดูฉลากว่ามีเจ้าตัวอันตรายนี่อยู่หรือเปล่า ซึ่งบางครั้งผู้ลิตก็ไม่ได้เขียนตรงๆ ว่าทรานส์แฟตนะคะ แต่อาจเป็นเนยขาว (shortening). Hydrogenated vegetable oil, vegetable oil shortening, hydrogenated margarine เป็นต้น

อาหารยอดแย่ ตัวการแก่เร็วชนิดอื่นๆ

5.อาหารปนเปื้อนสารเคมีอย่างยาฆ่าแมลง รวมถึงเนื้อสัตว์ที่ผ่านการเร่งการเจริญเติมโตแบบไม่เป็นธรรมชาติ โดยใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตหรือยาปฏิชีวนะ ให้ลองคิดถึงการที่เราต้องกินอาหารพวกนี้เข้าไปสิคะ เราก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้เข้าไปด้วย ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุล เกิดการอักเสบ แก่เร็ว และเกิดโรคต่างๆ ได้

6.อาหารเค็มจัด โดยปกติร่างกายต้องการเกลือโซเดียมเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าอาหารีเกลือโซเดียมมากไป จะส่งผลทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวพรรณเหี่ยว เกิดปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด หัวใจ และไต

7.น้ำที่ไม่ใช่น้ำเปล่า พวก น้ำหวาน กาแฟ น้ำอัดลม สุรา เบียร์ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งต้องห้ามในการชะลอวัย (รายละเอียดอยู่ใน ชีวจิต เล่มก่อนๆ นะคะ)

ต่อไปเวลาไปจ่ายตลาดหรือซื้อของทีซูเปอร์มาร์เก็ต อย่าเผลอหย่อนอาหารยอดแย่ที่ทำให้แก่เร็วเหล่านี้ลงไปในตะกร้าซื้อของของเรานะคะ

ขอบคุณที่มาจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับมิถุนายน 2556




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2557    
Last Update : 20 ตุลาคม 2557 8:20:31 น.
Counter : 1259 Pageviews.  

ปชช . แน่นวัดอาลัย' อภิวันท์-ยี่งลักษณ์เป็นประธาน'

อดีตนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์” เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ “พ.อ.อภิวันท์” แกนำ นปช. สมาชิกพรรคเพื่อไทย ประชาชนร่วมไว้อาลัยแน่นวัด

บรรยากาศพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่วัดบางไผ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานในพิธี

10527901_873

โดยมีบุคคลทางการเมือง แกนนำกลุ่ม นปช. อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย  อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายเเพทย์เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย รวมถึงประชาชนเดินทางเข้าร่วมในพิธี เพื่อไว้อาลัยจำนวนมาก

ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด  มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบสถานที่การจัดงาน พร้อมด้วยเครื่องสแกน คอยสแกนอาวุธ ก่อนเข้างาน

S__4530183

1926748_87358827

1910446_873588

S__4530186

S__4530182

MThai News




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2557    
Last Update : 20 ตุลาคม 2557 8:18:05 น.
Counter : 1023 Pageviews.  

จะตกใจไหมถ้าบอกว่า "นํ้าตาล คือสารเสพติด"

น้ำตาล คือสารเสพติด

"หวานเป็นลม ขมเป็นยา" เป็นคำที่คนไทยตั้งแต่ในอดีตได้เตือนว่า อาหารส่วนใหญ่ที่มีรสหวานมาก็จะเป็นโรคได้
  ส่วนยาไทยที่เอาไว้รักษาโรคนั้นต่างก็มีรสขมทั้งสิ้น



        คนทั่วไปส่วนใหญ่ชอบรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน โดยที่อาจไม่เคยรู้เลยว่าความหวานนี่แหละที่ก่อให้เกิดโรคมากมาย
    และถ้าเราลดเรื่องอาหารที่มีรสหวานได้ เราก็จะหยุดได้หลายโรค



        นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ คุณหมอที่จบแพทย์แผนปัจจุบันแต่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการ โดยปัจจุบันได้ให้คำแนะนำ
    เรื่องโภชนาการเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยแทนการใช้ยา นพ.เปี่ยมโชค ด้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "ทำไมคุณถึงป่วย?
    อีกมุมหนึ่งของความรู้สุขภาพที่หมอของคุณอาจไม่เคยบอกคุณมาก่อน" ข้อมูลที่เขียนนี้ถือได้ว่ามีประโยชน์ต่อผู้อ่าน
    เพราะได้รวบรวมงานเขียนและงานวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศ โดยมีความบางตอนที่น่าสนใจและผู้อ่านหลายคน
    อาจไม่เคยรู้มาก่อนมาเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะดังนี้



        จากหนังสือ "Lick the sugar habit" ที่เขียนโดย Nancy Appleton ตีพิมพ์ ปี 1992 เธอเป็นปริญญาเอกทาง Clinical nutrition
    ในหนังสือเล่มนี้ได้สรุปไว้ว่า มีโรคและอาการกินหวานอยู่ถึง 110 ชนิด จะเรียกได้ว่าโรคที่เรานิยมเป็นอยู่ในยุคนี้มีสาเหตุ
    มาจากน้ำตาลมาเกี่ยวข้องด้วย เช่น ทำให้ฟันผุ, ให้กระดูกผุ, ทำให้แก่เร็ว, ทำให้อ้วน, ทำให้หลั่งอดรีนาลีนอย่างรวดเร็วในเด็ก,
    ทำให้เกิดหอบหืด, ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้, ทำให้เด็กเป็นโรคผิวหนัง เอ็กซีม่า, ทำให้ปวดศีรษะไมเกรน, ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบ,
    ทำให้เกิดริดสีดวงทวาร, ทำให้เป็นต้อกระจก, ทำให้สายตาสั้น, ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า, ทำให้ไขมันในตับเพิ่มขึ้น, ทำลายตับอ่อน,
    ทำให้เป็นโรคเบาหวาน, ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง, ทำให้เกิดนิ่วในไต, เพิ่มโอกาสที่จะเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร,
    เพิ่มโอกาสมะเร็งลำไส้ใหญ่, เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งถุงน้ำดี ฯลฯ



        ที่น่าสนใจคือ น้ำตาลทำให้เกิดสมาธิสั้น ความวิตกกังวล อารมณ์แปลกประหลาดในเด็ก โดยมีตัวอย่างจากหนังสือ alternative medicine
    ฉบับเดือนกันยายน 2004 หน้า 24 ชื่อ the real reason sweets make kids jumpy บทความนี้เป็นงานวิจัยที่ทำในอังกฤษ พบว่า:

        ความหวานและสีผสมอาหารที่มีอยู่ขนมหวาน ลูกอม และน้ำอัดลม มีส่วนในการทำให้เด็กที่กินของเหล่านี้เข้าไปเกิดอาการสมาธิสั้น
    เป็นการศึกษาในเด็กอายุ 3 ขวบ จำนวน 277 คน โดยการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเด็กเหล่านี้ในช่วงเวลาที่เด็กกินอาหารที่มีความหวาน
    มีสีผสมอาหาร และอาหารที่ไม่มีความหวาน ไม่มีสีผสมอาหาร


        ซึ่งพบว่า ในช่วงที่เด็กกินอาหารที่มีความหวาน มีสีผสมอาหารและอาหารที่ไม่มีความหวาน ไม่มีสี พฤติกรรมของสมาธิสั้นลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง กลุ่มที่ทำงานวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะว่าการลดปัญหาของอาการสมาธิสั้นคือ ให้เด็กกินอาหารที่มีความหวาน มีสีผสมอาหารลดลง
    โดยเน้นที่อาหารและขนมสำเร็จรูปทั้งหลาย ขนมหวาน ลูกอม และน้ำอัดลม ขนมถุงจำพวกขบเคี้ยวทั้งหลายด้วย

        นอกจานี้บางคนอาจะไม่รู้ว่า น้ำตาลสามารถกดการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ (Sugar suppress lymphocyte)
    พูดง่ายๆก็คือกดการทำงานของภูมิต้านทานนั่นเอง จากหนังสือของนายแพทย์ James Braly ปี 1992 ชื่อ DR.BRALY'S FOOD ALLERTY
    & NUTRITION - REVOLUTION หน้า 242 เรื่อง "How to eat" มีข้อความแปลเป็นไทยว่า

        "ในบางคนน้ำตาลกดการทำงานของเม็ดเลือด โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นตัวหลักของภูมิต้านทาน
    (เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่สำคัญคือคอยทำลายเชื้อโรค และปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม) ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณกินน้ำอัดลม 1 กระป๋อง
    หรือกาแฟใส่น้ำตาล 1 ถ้วย แล้วตามด้วยขนมหวานอีก 1 ชิ้น เม็ดเลือดขาวของคุณจะทำงานลดลง 75 เปอร์เซนต์ และจะเป็นอย่างนี้อยู่นาน 6-8 ชั่วโมง
    กว่าจะกลับมาทำงานตามปกติ"



        จากหนังสือ Low Carb Energy ฉบับเดือน มีนาคม 2005 หน้า 87 ชื่อเรื่อง "SUGAR a Serious addiction you can break"
    รายงานนี้เขียนโดยแพทย์หญิง Christine Horner คุณหมอคริสติน บรรยายเรื่องหวานกดภูมิต้านทานแปลเป็นไทยได้ว่า

        "นักวิจัยพบว่าการกินหวานกดภูมิต้านทาน โดยไปกดการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า T lymphocyte ยกตัวอย่าง
    ถ้ากินขนมหวานชิ้นใหญ่ซัก 1 ชิ้น ความหวานจะกดการทำงานของเม็ดเลือดขาวประมาณ 50-94 เปอร์เซนต์ นาน 5 ชั่วโมง"

        นอกจากนี้ในหนังสือ Improving genetic expression in the prevention of the diseases of aging โดย Jeffery S. Bland, Ph.D.
    และ institute for functional medicine ปี 1998 หน้า 69 แสดงให้เห็นว่า เมื่อมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง น้ำตาลจะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ
    (Free Radicals) ได้ง่ายขึ้น และมากขึ้นภายในหลอดเลือด และอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็จะทำลายผนังหลอดเลือดทั่วไปหมด
    และทำลายทุกอย่างที่เลือดวิ่งไปถึงทุกเซลล์ของร่างกาย

        โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งก็ควรจะทราบด้วยว่า ในรายงานของ Gordon Research Institute USA มีข้อความว่า "เซลล์มะเร็งมี Glucose receptor หรือ
    จุดสำหรับดูดซึมน้ำตาลเข้าเซลล์มากกว่าเซลล์ปกติถึง 24 เท่า แสดงให้เห็นว่าเซลล์มะเร็งมีความสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วมากและจำนวนมาก เพราะฉะนั้นคนไข้มะเร็งที่กินหวานก็เท่ากับส่งเสบียงให้เซลล์มะเร็งโดยตรง

        แม้ความหวานและน้ำตาลจะอันตรายและก่อให้เกิดโรคและปัญหามากมาย แต่บางคนต่อให้รู้ก็อาจจะเลิกยากเพราะมีงานวิจัย
    ระบุว่าน้ำตาลอาจเป็นสารเสพติดอีกชนิดหนึ่ง !?

        จากหนังสือของนายแพทย์ James Braly ปี 1992 ชื่อ Dr. Braly's Food Allergy & Nutrition-Revolution หน้า 455 เรื่อง
    "Corn Syrup" ซึ่งน้ำตาลจากข้าวโพดนี้เป็นสารให้ความหวานที่ผสมอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป เกือบทุกชนิด
    ตั้งแต่ขนมถุง ลูกอม ยันน้ำอัดลม "เป็นสารเสพติดและก่อให้เกิดภูมิแพ้อย่างแรง"

        จากหนังสือ Low Carb Energy ฉบับเดือน มีนาคม 2005 หน้า 86 ชื่อเรื่อง "SUGAR A Serious addiction you can break"
    รายงานนี้เขียนโดยแพทย์หญิง Christine Horner ได้บรรยายเอาไว้ว่า คนอเมริกันกินน้ำตาลเฉลี่ย 60 กิโลกรัม/คน/ปี
    และตัวเลขที่น่ากลัว คือ โดยเฉลี่ย เด็กกินเป็น 2 เท่าของผู้ใหญ่ และในหนังสือเล่มนี้ก็เขียนไว้ทำนองเดียวกับหนังสือ LICK THE SUGAR HABIT
    ก็คือ ความหวานเพิ่มโอกาสการเป็นโรคร้ายหลายชนิด เช่น ลำไส้ใหญ่เป็นแผลอักเสบเรื้อรัง หอบหืด ข้ออักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ ไมเกรน ซึมเศร้า
    โรคเหงือก ฟันผุ เบาหวาน อ้วน กระดูกผุ โรคหัวใจ และหลอดเลือด ฯลฯ

        ในหนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องการเสพติดไว้ดังนี้ ความหวานกระตุ้นสมองที่ตำแหน่งเดียวกับ มอร์ฟีน เฮโรอีน และ โคเคน
    และยังอ้างถึงวารสาร NEURO IMAGE ฉบับเดือนเมษายน 2004 ที่รายงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย เสตท
    ว่า เวลาเราอยากกินหวานๆ สมองจะมีปฏิกิริยาเหมือนเราอยากเสพมอร์ฟีน เฮโรอีน และโคเคน และเวลาเราได้กินหวานๆ
    สมองจะมีปฏิกิริยาเหมือนเรา ได้เสพมอร์ฟีน เฮโรอีน และโคเคน

        ทั้งนี้มีการทดลองในหนู โดยให้หนูกินอาหารและน้ำหวาน เมื่อเวลาผ่านไปหนูกินน้ำหวานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกินอาหารลดลง
    และเมื่อหยุดน้ำหวาน หนูจะเกิดอาการลงแดงทันที คือ ปากสั่น ตัวสั่น และเมื่อให้กินน้ำหวานอาการเหล่านี้ก็จะหายไป

        คราวนี้แบ่งหนูออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้น้ำหวาน กลุ่มที่สองให้มอร์ฟีน โดยเริ่มจากกลุ่มแรกให้หนูกินน้ำหวาน
    พอหยุดน้ำหวานหนูจะเกิดอาการลงแดงทันที คือ ปากสั่น ตัวสั่นอีก แต่คราวนี้ให้ยาชื่อ naloxone พบว่า
    หนูหายจากอาการปากสั่น ตัวสั่น (ยา naloxone เป็นยาที่ใช้ช่วยในการเลิกยาเสพติดพวกมอร์ฟีนและเฮโรอีน)

        หลังจากนั้นเริ่มให้มอร์ฟีนหนูอีกกลุ่มหนึ่ง จนหนูติดมอร์ฟีนแล้วหยุดให้มอร์ฟีน หนูเกิดอาการลงแดงทันที ปากสั่น
    ตัวสั่น เค้าก็ให้ยา naloxone หนูก็หายลงแดงทันที ซึ่งเป็นลักษณะแบบเดียวกัน

        ดังนั้นเมื่อได้ทราบข้อมูลข้างต้นแล้ว ต่อไปใครอยากจะอร่อยปากด้วยความหวาน
    ให้ใคร่ครวญให้ดีว่าเราอยากจะหายจะโรคที่เราเป็นด้วยการหยุดกินหวานได้แล้วหรือยัง?




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2557    
Last Update : 20 ตุลาคม 2557 8:10:58 น.
Counter : 2043 Pageviews.  

10 ไอเดีย กิ๊บติดผม แบบแปลกๆ ที่คุณอาจไม่รุ้

กิ๊บติดผม

     ต่อไปนี้ กิ๊บติดผม อาจจะเป็นไอเท็มหนึ่งที่คุณสาวๆ women Mthai ต้องมีติดกระเป๋าไว้แน่นอน เพราะมันสารพัดประโยชน์มากๆ จนคุณคิดไม่ถึงแน่ๆ 

hair1

คุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้กิ๊บผิดวิธีหรือเปล่า ?

วิธีติดกิ๊บที่ถูกต้อง ด้านที่เป็นคลื่นต้องอยู่ด้านล่างนะจ๊ะ แล้วอย่าใช้ผิดอีกล่ะ!

กิ๊บติดผม

ทำผมง่ายๆ แค่มีกิ๊บก็ได้ทรงผมเริ่ดๆแล้ว เริ่มจากบิดผมด้านข้างศีรษะเป็นช่อเล็กๆ

แล้วใช้กิ๊บติดผมย้อนขึ้นไปเพื่อซ่อนไม่ให้เห็นนั่นเอง

กิ๊บติดผม

 ถ้าอยากเก็บผมด้านหน้า ลองใช้กิ๊บติดผมเป็นรูปสามเหลี่ยมดูสิ รับรองเริ่ด!

  แถมกิ๊บสีสันสดใสจะช่วยให้คุณดูเปรี้ยวขึ้นด้วยนะ

กิ๊บติดผม

ทรงผมถักเปีย เรียบๆ อาจจะดูธรรมดาเกินไป

ลองใช้กิ๊บติดผมสีเจ็บๆ มาประดับผมก็ช่วยทำให้ดูดีสุดๆเลย

กิ๊บติดผม

กิ๊บติดผม

 กิ๊บติดผมรูปกากบาท ไอเดียนี้ก็เริ่ดไม่เบานะจ๊ะ ทำผมง่ายๆสวยได้ในเพียงไม่กี่นาที

แบบนี้ต้องลอง

ทรงผม

กิ๊บดำหลบไป ลองหากิ๊บติดผมสีสันสวยงาม ขอแบบไล่เฉดสีด้วยนะ

ทรงนี้แจ่มกว่าเยอะ

hair4

ทำไมต้องติดกิ๊บแบบเดิมๆล่ะ! ลองทำตามไอเดียนี้ดูสิ

hair

 มัดผมหางม้า ลุคนางแบบ

มัดหางม้าทรงสูง เคล็ดลับง่ายนิดเดียว แค่ติดกิ๊บเป็นแนวตั้ง ไว้ด้านล่างของผมเพื่อดันให้สูงขึ้น

แค่นี้ก็เดินเฉิดฉายได้อย่างมั่นใจแล้ว

เพ้นท์ลายเล็บ

กิ๊บติดผม ยังเป็นตัวช่วยเพ้นท์ลายเล็บให้สวย ราวกับเข้าร้านทำเล็บมาเลยทีเดียว

แค่แต้มเป็นจุดเล็กๆ ก็ได้ลาย Poker dots น่ารักแล้ว

ขนตาปลอม

กาวติดขนตาปลอม อาจทำให้ขนตาปลอมเละเทะไปด้วยกาว

ลองใช้กิ๊บติดผมค่อยๆแต้มที่ขนตาปลอม ง่ายกว่าเยอะเลย เชื่อสิ!

เรื่องโดย Women Mthai Team

ภาพจาก //www.cosmopolitan.com




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2557    
Last Update : 18 ตุลาคม 2557 10:56:28 น.
Counter : 1730 Pageviews.  

นักวิจัยยืนยัน นํ้าแข็ง ลดความอ้วน ได้จริงๆ

นักวิจัยยืนยัน น้ำแข็ง ลดความอ้วน ได้จริงๆ

ลดความอ้วน

      ปกติน้ำแข็งจะถูกนำมาใช้เพื่อลดอาการบวมหรือลดการอักเสบ ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์โรงเรียน​แพทย์ แห่งมหาวิทยาลัย​เ​คน​ตัก​กี พบว่า น้ำแข็งสามารถช่วย ลดน้ำหนัก ได้จริง เพียงแค่ใช้น้ำแข็งนาบบริเวณที่มีการสะสมของไขมันมากๆ อย่าง ต้นขา สะโพก หน้าท้อง เพียงแค่ 30 นาที ก็สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้แล้ว

       คนเรามีเนื้อเยื่อ​ไข​มันอยู่ 2 ประภท คือ ไขมันขาว ที่ทำให้หน้าท้องและสะโพกอวบอั๋นจนกลายเป็นความอ้วน ส่วน ไขมันน้ำตาล จะถูก​ร่างกาย​เผา​ผลาญ​ให้​กลาย​เป็น​พลังงาน​ น้ำแข็งจึงไปช่วยกระตุ้นร่างกายให้เปลี่ยนไขมันขาวให้กลายเป็นไขมันน้ำตาลนั่นเอง

     นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าไขมันสีขาวเมื่อได้รับความเย็นจัดๆ จะสามารถเปลี่ยนชนิดเป็นไขมันสีน้ำตาลได้นักวิจัยจึงเรียกมันว่า สีเบจ ซึ่งก่อนหน้านี้คลินิคเสริมความงามต่างๆ ก็ได้มีการใช้ความเย็นมานาบบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินเพื่อ ลดความอ้วน ด้วยเช่นกัน

เรียบเรียงโดย women mthai team

ที่มาจาก //www.telegraph.co.uk




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2557    
Last Update : 18 ตุลาคม 2557 10:53:19 น.
Counter : 1373 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.