โรควูบ (Fainting ) และหมดสติ (`Syncope ) ภัยใกล้ตัวเรา หมวดหมู่ : วิทยาศาสตร์ โรควูบ (Fainting) และหมดสติ (Syncope) ภัยใกล้ตัวเรา เสาร์ ที่ 3 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2557 [อ่านสาระการเรียนรู้ทั้งหมด] รควูบ คือ อาการลมเกือบหมดสติ หรือบางรายหมดสติไป (Syncope) เป็น ภาวะที่พบได้บ่อย สาเหตุของการเป็นลมเกือบหมดสติหรือหมดสติ มีได้หลายสาเหต ุมากมาย หนึ่งในสาเหตุเหล่านั้น อาจเกิดจากความผิดปกติทางหัวใจได้ โรควูบ (Fainting) และหมดสติ (Syncope) ภัยใกล้ตัวเรา โรควูบ คือ อาการลมเกือบหมดสติ หรือบางรายหมดสติไป (Syncope) เป็น ภาวะที่พบได้บ่อย สาเหตุของการเป็นลมเกือบหมดสติหรือหมดสติ มีได้หลายสาเหต ุมากมาย หนึ่งในสาเหตุเหล่านั้น อาจเกิดจากความผิดปกติทางหัวใจได้ ผู้ป่วยที่มี ประสบการณ์กับตนเอง รวมถึงคนใกล้ชิดผู้ป่วยจะเกิดความวิตกกังวล สูญเสียความมั่น ใจ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดจะเป็นลมหมดสติอีกเมื่อไหร่ ถ้าเกิดขณะ ขับรถ ข้ามถนน หรือขณะเล่นกีฬา จะทำอย่างไร จะฟื้นหรือไม่ จะดูแลในเบื้องต้นอย่าง ไร เรามาทำความรู้จักอาการวูบ หรือหมดสติกันดีกว่าการเป็นลมหมดสติ เกิดขึ้นเมื่อสมองขาดเลือดไปเลี้ยงในระดับรุนแรง ทำให้ศูนย์ควบคุมความรู้สึกตัวเสียการทำงาน ไปสาเหตุที่สำคัญ คือ 1. ภาวะตกใจหรือเสียใจรุนแรง 2. ไอหรือจามแรงมากเกินไป 3. ขณะยืนถ่ายปัสสาวะ หรือหลังถ่ายปัสสาวะ หลังจากที่กลั้นมานาน 4. ออกกำลังกายมากเกินไป 5. หลังอาหารมื้อหนัก 6. เส้นประสาทสมองที่ 5,9 อักเสบ 7. เป็นโรคสมองเสื่อมหรือสมองฝ่อ 8. โรคพาร์คินสันบางราย ที่มีระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติร่วมอยู่ด้วย 9. โรคเบาหวาน ในรายที่เส้นประสาทโดนทำลายจากเบาหวาน 10. จากยาบางชนิดเช่น รับประทานยาลดความดันมากเกินไป 11. ดื่มสุรามากเกินไป 12. จุดกำเนิดไฟฟ้าของหัวใจเสื่อมสภาพ 13. เสียเลือดมาก หรือเสียน้ำออกจากร่ายกายมากเกินไป เช่น ท้องร่วงรุนแรง อาเจียนรุนแรง 14. มีการกระตุ้นในระบบทางเดินอาหาร เช่น ล้วงคอ อาเจียน เบ่งถ่ายอุจจาระ ปวดท้องรุนแรง 15. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง 16. ระบบทางเดินไฟฟ้าในหัวใจเสื่อมสภาพหรือผิดปกติ 17. สาเหตุจากการเสียสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจและหลอดเลือด 18. ภาวะเสียเลือดจากหัวใจอุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง 19. โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ 20. เนื้องอกในห้องหัวใจ 21. ลิ้นหัวใจตีบรุนแรง 22. ภาวะที่มีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจมากและมีการกดการทำงานของหัวใจ 23. ภาวะเสียเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจแตก หรือมีการฉีกขาดรุนแรง 24. มีลิ่มเลือดใหญ่ไปอุดตันเส้นเลือดในปอด 25. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงมากเกินไปควรปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อกำลังจะเป็นลมหมดสติ บางคนก่อนจะเป็นลมหมดสติ จะมีอาการเตือนนำมาก่อน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มวนท้อง อยากถ่าย เหงื่อแตก ตัวเย็น ถ้าเป็นจากโรคหัวใจ อาจมีใจสั่นนำมาก่อน หรืออาจไม่มีอาการเตือนเลยก็ได้ ขณะหมดสติอาจมีอาการเกร็ง กระตุกได้ ให้รีบล้มตัวลงนอนทันที เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น และลดการเกิดการบาดเจ็บ ถ้าขับรถอยู่ ควรจอดทันที แล้วปรับที่นั่งให้อยู่ในท่านอนราบถ้าอยู่ในรถโดยสารควรหาที่นั่ง/นอนในรถ แจ้งคนรอบข้างว่ากำลังจะเป็นลม ไม่ควรรีบลงจากรถ เพราะอาจหมดสติตรงทางลงทำให้เกิดอันตรายได้//www.phuketbulletin.co.th/Lifestyle/view.php?id=176 เข้าชม : 7279 นำเสนอโดย : นางมุกดาภรณ์ พนาสรรค์ โรงเรียนเมืองนครราชสีมา   Create Date : 31 สิงหาคม 2557     Last Update : 31 สิงหาคม 2557 6:33:46 น. Counter : 2522 Pageviews.   2 comment Share Tweet

15 เครื่องมือทรมานโหดในอดีต Torture 15 เครื่องมือทรมานโหดในอดีต Torture 15 เครื่องมือทรมานโหดในอดีต Torture 1. Iron Maiden สาวพรหมจรรย์เหล็ก? เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?รูปร่างของมันเป็นโลงเหล็กแนวตั้งขนาดพอดีกับร่างมนุษย์ มีประตูเปิดปิดด้านหน้า ภายในเป็นเหล็กแหลมยาวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เมื่อต้องการใช้ ก็นำร่างของผู้ถูกลงโทษ มายัดใส่ โลงสาวพรหมจรรย์เหล็ก ปิดฝาโลง เหล็กแหลมจะเสียบ ทะลุร่าง และที่ฐานด้านล่างจะมีช่องสำหรับให้เลือดไหลออก ทำให้เป็นที่มาของชื่อสาวพรหมจรรย์ เหล็ก 2. Judas Cradle?เปลของจูดัส เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?มีรูปร่างเป็นม้านั่งรูปทรางปิระมิดหัวแหลม เมื่อต้องการใช้ก็จะนำนักโทษไปมัดตรึงไว้กับ ผนังให้ตัวลอยอยู่กลางอากาศ แล้วนำเปลของจูดัส มาวางไว้ตรงรูทวาร เพื่อบังคับให้ผู้ถูกลงโทษต้องคอย เกร็งตัวตลอดเวลา เมื่อไม่สามารถเกร็งตัวอยู่กลางอากาศ ก็จะถูกเปลของจูดัส แทงทะลุเข้าทวาร 3.?Torture Chair?เก้าอี้ทรมาน เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?มีรูปร่างเป็นก้าอี้ มีเหล็กแหลม โผล่ขึ้นมาทั้งด้านพนักพิง บริเวณที่นั่ง ที่วางแขน วิธีใช้งาน ก็นำผู้ถูกลงโทษมามัดติดกับเก้าอี้ของจูดัส เพื่อเป็นการทรมาน?( ทางขวามือ จะเป็นเก้าอี้ทรมานของจีน?จะไม่ใใช้คมมีดแทนเหล็กแหลม ) 4.?Heretics Fork ส้อมคนนอกรีต เครื่องมือทรมานโหดในอดีต??มีลักษณะเป็นส้อมปลายแหลม สองด้าน มีสายรัดไว้ผูกบริเวณลำคอ โดยผู้ถูกลงโทษ จะถูกนำส้มอคนนอกรีตไปผูกไว้รอบลำคอ โดยมือจะถูกมัดไพร่หลัง ติดกับผนังให้อยู่ในท่ายืน แล้วให้ส่วนที่เป็นส้อมแหลม ค้ำอยู่ที่บริเวณใต้คาง และลำคอ ทำให้ไม่สามารถก้มหน้า หรือนอนหลับได้เนื่องจากถ้าหลับ ส้อมก็จะเสียบทะลุลำคอเมื่อเกิดการสัปหงก 5.?Thumb Screws?เครื่องบดนิ้วหัวแม่มือ เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?ลักษณะเป็นเหล็ก 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งมีเดือยเป็นสกรูยาว อีกชิ้นมีรู สำหรับ ไว้ร้อยสกรูผ่าน การลงโทษ ก็นำนิ้วหัวแม่มือของผู้ถูกลงโทษสอดอยู่ระหว่างกลางของ เครื่องบดนิ้วหัวแม่มือ แล้วค่อยๆ ขันให้เครื่องมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะยอมรับผิด 6.?Torture Wheel ล้อทรมาน เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เป็นล้อที่มีเหล็กแหลม โผล่มาตามล้อ และมีเหล็กแหลมอีกหนึ่งอันอยู่ด้านล่าง เพื่อเมื่อเวลาหมุนแล้วผ่านเหล็กแหลม อันนี้อันจะฉีกร่างเหยื่อทีเรื่อยๆ หากยังไม่สารภาพ ก็จะลดระดับล้อลง เหล็กแหลมก็จะฉีกร่างเหยื่อลึกขึ้น ลึกขึ้น อีกอย่างจะเป็นล้อในแนวนอน จะอาศัยการทุบตีแล้วไปนำไปตากแดดตากลม ให้ถูกนกกาจิกกินแผล ดวงตา หรือไม่ก็อดอาหารจนตาก 7. Hanging Cage คุกแขวน เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เป็นเครื่องมือทรามานในยุคศตวรรษที่ 14 เป็นกรงขนาดพอดีตัว ผู้ถูกลงโทษจะถูกขังอยู่ในกรงในท่ายืน แล้วนำไปแขวนไว้ ให้ตากแดดตากลม อดอาหาร น้ำ และจะค่อยๆตายอย่างทรามาน 8.?Water Torture?ทรมานด้วยน้ำ เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เหยื่อจะถูกมัดมือ มัดเท้าตรึงไว้ ปากจะมีกรวยสำหรับกรอกน้ำ ยัดอยู่ แล้วเทน้ำใส่ลงไปเรื่อยๆ ได้รับกความทุกข์ทรมานเหมือนจมน้ำ และท้องก็จะเจ็บปวดจากการกินน้ำมากเิกินขาด เมื่อทรมานไปเรื่อยๆ ร่างกายจะเกิดอาการน้ำเป็นพิษ คือส่งผลให้น้ำในเลือดสูงเกินไป โดยจะเกิดการขับแร่ธาตุโปแตสเซียมออกจากเซลล์ เพื่อปรับสมดุลย์ และจะเกิด เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง อ่อนหมดแรง ถ้าเกิดการเกร็งในสมอง ปอด หัวใจ ทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด 9.?The Mask of Infamy?หน้ากากแห่งความอับอาย เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?โดยมากจะเป็นการลงโทษสถานเบา โดยมุ่งเน้นให้เกิดความอับอาย ไม่กล้าออกไปพบผู้คน โดยมากจะเป็นสามีที่ลงโทษ ภรรยาที่กระทำตัวไม่เหมาะสม โดยหน้ากากนี้มีมากมาย หลายแบบแล้วแต่การออกแบบของแต่ละคน โดยมุ่งเน้นให้แปลก ประหลาด เป็นที่สะดุดตา เป็นที่ตลกขบขันของผู้พบเห็น 10.?The Street Sweeper?s Daughter ลูกสาวคนเก็บขยะ เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เป็นเครื่องมือทรมานที่ออกแบบมาอย่างง่าย แต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการ สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัญ คือ หัวจะถูกกดให้ต่ำลง และเกิดแรงกดที่หัวเข่าเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากการคุกเข่า ขนเลือดไม่สามารถลงไปเลี้ยงช่วงขาได้ ทำให้ความดันเลือดเพิ่มมากขึ้นที่ร่างกายส่วนบน ทำให้เกิดเลือดไหลออก ทางจมูก ปาก ตา 11.?The Head Crusher เครื่องบดกระโหลก เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เป็นเครื่องมือง่ายแต่ คือใช้การขันให้ส่วนบนบดลงมาอัดหัวที่ที่ตรึงไว้กับเครื่องบดกระโหลก โดยช่วงแรกจะได้ยินเสียงอื้อในหู เมื่อเพิ่มแรงบีบเ้ข้าไปอีก จะเจ็บปวดจนต้องขบฟันแน่นจนฟันแตก ต่อมาเมื่อแรงดันในหัวเพิ่มมากขึ้นตาจะโถหนออกจากเบ้า ต่อมาเลือดจะออกจากทางทวาร และสุดท้ายคือสมองไหลออกจากหู อย่าง?สุดสยอง 12. The Rack เครื่องฉีกร่าง เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เป็นเครื่องมือที่ได้รับการกล่าวขวัญ และน่าหวั่นเกรงมากที่สุดชนิดหนึ่ง ถึงความเจ็บปวด มันประกอบไปด้วยแท่นสำหรับนอนราบไปกับพื้น ด้านล่างมีอุปกรณ์สำหรับยึดตรึงขาไว้กับที่ ส่วนด้านบนมีกว้าน ติดไว้กับเชือกสำหรับมัดมือเหยือ เมื่อต้องการลงโทษ จะหมุนกว้านให้ตึงขึ้นเรื่อยๆ มันจะเพิ่มแรงดึงที่แขนและขา จนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ถึงความเจ็บปวด กระดูกและข้อต่อต่างๆจะค่อยๆผิดรูป และได้ยินเสียงกระดูก และกล้ามเนื้อฉีกขาดดัง ก่อนที่แขนขาจะฉีกขาดออกจากร่าง แต่มาหลังจากยุกกลางได้มีการ เพิ่ม หนามแหลมที่บริเวณด้านหลัง เพื่อเพิ่มความทุกทรมาน?บริเวณส่วนกลางของร่างกายเพิ่มเข้าไปอีก ? 13. Cat’s Paw กรงเล็บแมว เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?เป็นเหล็กแหลมคม โค้งเป็นเล็บแมว ใช้สำหรับกรีด ฉีกผ่านเนื้อ หนัง กล้ามเนื้อ จนถึงกระดูก เหยือ 14.?Vaginal Pear เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?ที่มาของชื่อมาจากรูปร่างของเครื่องมือ และตำแหน่งที่นำไปใช้งาน เป็นเครื่องทรมานที่ไว้สอดใส่เข้าไปใน ปาก หรือทวาร หรือช่องคลอด เมื่อทำการขันก็จะบานออกจากภายใน เป็นสองแฉก หรือสามาแฉกแล้วแต่จะสร้างมา?การทำโทษ?พวกรักร่วมเพศ หรือหญิงที่มีชู้ หรือพวกที่มีความสัมพันธุ์กับพวกลัทธิซาตาน 15. The Saw เป็นการลงโทษขั้นร้ายแรง เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?ใช้ทำโทษหลายได้หลายอย่าง ในยุโรป เช่นการ ก่อกบฏ เป็นแม่มดหมอผี ใช้ทำโทษผิดวินัยทหาร เป็นพวกนอกรีต การทำโทษ ก็จะนำนักโทษไปแขวนกลับหัว เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากๆ เพื่อจะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด สองเพื่อป้องกันการเสียเลือดมาก ป้องกันการช็อกจากการเสียเลือด แล้วจะค่อยๆ เลือยตัดร่างของเหยื่อ ไปเรื่อยๆให้ตายอย่างช้าๆ เรียบเรียง teen.mhai อ้างอิง wowboom 15?เครื่องมือทรมานโหดในอดีต?Torture   Create Date : 30 สิงหาคม 2557     Last Update : 30 สิงหาคม 2557 5:08:10 น. Counter : 2121 Pageviews.   3 comment Share Tweet

เจ็บคอ ทุกเช้า รุ้สาเหตุป้องกันได้ หลังจากนอนหลับพักผ่อนมา ในช่วงกลางคืนเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น คนจำนวนไม่น้อยตื่นนอนมาพร้อมกับอาการ เจ็บคอ เป็นประจำทุกวัน ทั้งๆ ที่ก่อนเข้านอนทุกคืนก็มิได้มีอาการระคายคอหรือถูกหวัดเล่นงานแต่ประการใด สำหรับ อาการของคนที่ เจ็บคอ ทุกเช้า ยังจะมีเสมหะข้นเหนียวทำรำคาญคอเพิ่มมาด้วย แต่พอล่วงเข้าตอนสาย อาการผิดปกติเหล่านี้ก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง แล้ววนเวียนมาแผลงฤทธิ์ใหม่ในเช้าหลังตื่นนอนวันถัดไป ในกรณีที่ไม่เกี่ยวกับคออักเสบติดเชื้อหรือทอนซิลอักเสบ แสดงว่ามีสาเหตุมาจากภูมิแพ้หรือแพ้อากาศ ส่งผลให้ในช่วงกลางคืนซึ่งอากาศเย็นลง เยื่อบุโพรงจมูกจะพองขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการอุ่นอากาศที่จะเข้าปอดให้ให้มีความอบอุ่นชุ่มชื้นไม่ เป็นปัญหากับปอด กลไก ของเยื่อบุโพรงจมูกที่พองขึ้นนั้น หากพองมากๆ อาจทำให้รูจมูกตัน ทว่ายิ่งมีน้ำมูกออกมาปนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รูจมูกตันไปกันใหญ่ อีกนัยหนึ่งคือทำให้หายใจทางจมูกไม่ได้หรือไม่สะดวก ซึ่งตามธรรมชาติเมื่อเกิดคัดจมูก ร่างกายจะถูกสั่งให้อ้าปากหายใจ เมื่ออากาศผ่านเข้าออกทางลำคอก็จะทำให้คอแห้ง และจะยิ่งแห้งมากหากอยู่ในสภาพอากาศเย็น ถึงแม้จะมีเมือกที่ลื่นๆ คอยเคลือบเยื่อบุในช่องคอไม่ให้แห้ง เจอสภาพเช่นนี้ก็ต้านทานไม่อยู่ และยังจะแปรสภาพเป็นเสมหะที่ติดหนึบในลำคอด้วย วิธีแก้ไม่ยาก อย่างที่รู้กันดีว่า อาการเช่นนี้พอตอนสายก็หายไป แต่ระหว่างที่ยังรู้สึก เจ็บคอ หลังจากตื่นนอน ให้จิบหรือดื่มน้ำอุ่น น้ำอุณหภูมิห้อง หรือไม่ก็ไปบ้วนปากแปรงฟันตามกิจวัตร น้ำที่เปียกคอ จะทำให้คอชุ่มชื้น เสมหะจะละลายลงคอไป อาการ เจ็บคอ ก็ทุเลาลง แต่กรณีที่ เจ็บคอ มาก ให้จิบน้ำร้อน เนื่องจากความร้อนจะช่วยให้เส้นเลือดเล็กๆ ในลำคอขยายตัว และกระตุ้นให้เยื่อบุช่องคอปล่อยเมือกออกมาหล่อลื่นลำคอมากขึ้น ส่วนการป้องกันไม่ให้ เจ็บคอ ตอนเช้าหลังตื่นนอนมีหลายอย่างที่ควรปฏิบัติ อาทิ ไม่นอนในห้องนอนหรืออยู่ในห้องที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25องศาเซลเซียส อย่าเป่าลมจี้ใส่ตัวไม่ว่าส่วนใดก็ตาม อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ โดยสังเกตได้จากปัสสาวะ ถ้ามีสีแสดงว่า ร่างกายขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำอย่างต่ำ 8 แก้วต่อวัน โดยแนะนำให้ดื่มที่ละนิดแบบค่อยๆ จิบ ขอบคุณที่มาจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพราชสีมา   Create Date : 30 สิงหาคม 2557     Last Update : 30 สิงหาคม 2557 5:04:34 น. Counter : 1040 Pageviews.   1 comment Share Tweet

แมงมุมในเมืองมีขนาดใหญ่กว่าแมงมุมที่อยุ่นอกเมือง แมงมุมในเมืองมีขนาดใหญ่กว่าแมงมุมที่อยู่นอกเมือง Written by Teecj on August 26, 2014. Posted in ชีววิทยา, วิทยาศาสตร์ ถ้าคุณคิดว่าแมงมุมที่อยู่ใต้สวนของคุณนั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก คุณคิดถูกต้องแล้ว การศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่า แมงมุม golden orb หรือ Nephila plumipes ที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นจะมีขนาดใหญ่ อ้วน และมีการขยายพันธ์ที่ดีกว่ากลุ่มที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ งานวิจัยนี้รายงานไว้ในวารสารทางวิชาการระดับนานาชาติ PLOS ONE ซึ่งช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า ทำไมสัตว์บางชนิดถึงประพฤติตัวได้ดีเมื่ออยู่ในที่อยู่อาศัยของมนุษย์มากกว่าของพวกมันเอง  “แมงมุมนั้นมีความสำคัญมากเพราะพวกมันกินแมลงที่เป็นศัตรูพืชเป็นจำนวนมาก และยังเป็นอาหารให้นกอีกด้วย ทำให้พวกมันเป็นกุญแจสำคัญของห่วงโซ่อาหาร” ผู้เขียนได้กล่าวไว้ ซึ่งก็คือ Elizabeth Lowe จาก University of Sydney  “แมงมุม golden orb นั้นเป็นอะไรที่มีอยู่มากในซิดนีย์ และรักที่จะมีชีวิตอยู่ในพื้นที่เมืองจริงๆ ฉันต้องการที่จะรู้ว่าอะไรที่เป็นสิ่งดึงดูดสัตว์เหล่านี้และอะไรของเมืองใหญ่ที่ส่งผลกระทบกับพวกมันจริงๆ” Lowe และทีมวิจัยของเขาค้นพบว่า แมงมุมในพื้นที่เมืองนั้นจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 3 กรัม ในขณะที่กลุ่มแมงมุมที่อยู่นอกเมืองนั้นมีน้ำหนักแค่เพียง 1 หรือ 2 กรัมเท่านั้น  “พวกเราคิดว่ามันอาจจะเป็นผลมาจากการเพิ่มของอุณหภูมิ จากอุณหภูมิที่เกิดขึ้นในเมือง และในเมืองมีเหยื่อให้พวกมันกินได้โดยง่าย” Lowe กล่าว ผลกระทบของความร้อนในพื้นที่เมืองนั้นเกิดขึ้นมาจากพระอาทิตย์ที่ฉายแสงลงไปบนพื้นผิวแข็งเช่นถนน หรือตึกอาคารซึ่งทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นและยังเก็บอุณหภูมิให้อุ่นอยู่ได้ตลอดทั้งคืน  “เพราะว่าแมงมุมนั้นเป็นสัตว์เลือดเย็น ยิ่งอากาศอุ่นมากเท่าไหร่ ก็ต้องการพลังงานในการเติบโต และทำให้ตัวใหญ่ขึ้นด้วย” Lowe กล่าว  “ยังมีขยะจำนวนมากในเมืองที่ดึงดูดเหล่าแมลงวัน ซึ่งเป็นอาหารของพวกมันด้วย การเพิ่มแสงสว่างในตอนกลางคืนก็เป็นการดึงดูดเหล่าแมลงได้อีกด้วยเช่นกัน” Lowe และทีมวิจัยของเขาได้มองเห็นความแตกต่างระหว่าง แมงมุม golden orb ที่อาศัยอยู่ในเมืองเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ แมงมุมนั้นสามารถสร้างใยของมันบนต้นไม้ได้หลายเมตรห่างจากพื้น ผู้เขียนได้ตรวจสอบระดับของความเป็นเมืองในย่านต่างๆจาก สวนพฤกษาหลวง (Royal Botanic Gardens) ในกลางเมืองซิดนีย์ ไปจนถึงสวนขนาดเล็ก และสวนในที่ห่างไกล และพื้นที่ที่ห่างไกลมาก นักวิจัยยังตรวจสอบไปถึงความแตกต่างของพื้นที่ รวมไปถึงอัตราการเจริญเติบโตของต้นไม้ต่อพื้นที่ ระยะห่างระหว่างตัวเมือง และปัจจัยทางด้านสังคมเช่น ความหนาแน่นของประชาการ และเงินเดือนเฉลี่ย  “พื้นที่ที่เจริญมีแนวโน้มที่จะมีการจัดการที่ดีทั้งในเรื่องของต้นไม้และในเรื่องของสวน” Lowe กล่าว พวกเขาทำการวัด แมงมุม golden orb จากแต่ละพื้นที่ และวัดขนาดของร่างกายมัน ความอ้วน และน้ำหนักของรังไข่  “ฉันวัดในพื้นที่ที่หลากหลายและผลที่ได้ที่ดูโดดเด่นมากที่สุดคือกลุ่มที่อาศัยอยู่กับพวกพื้นที่ผิวแข็งเช่น ถนนและพื้นคอนกรีต และอาศัยอยู่ในพื้นที่มี่มีต้นไม้เป็นจำนวนน้อย” Lowe กล่าว  “การมีต้นไม้จำนวนน้อย คือการมีพื้นที่ผิวแข็งจำนวนมาก และทำให้แมงมุมมีขนาดใหญ่ขึ้น” Lowe อธิบายว่า แมงมุม golden orb เป็นนักสำรวจเมืองที่ดีจากการอยู่อาศัยร่วมกับมนุษย์  “มันดูเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากถ้าคิดว่าพวกเราเปลี่ยนแปลงพื้นที่เหล่านั้นไปมากเท่าใด แต่นั่นเป็นผลบวกที่ทำให้สัตว์บางประเภทอยู่ได้เป็นอย่างดีในสังคมเมือง” Lowe กล่าว  “นั่นหมายความว่าพวกเราได้ให้โอกาสที่จะสร้างพื้นที่ภายในเมืองให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ” ที่มา: //www.abc.net.au/science/articles/2014/08/21/4068061.htm   Create Date : 30 สิงหาคม 2557     Last Update : 30 สิงหาคม 2557 4:57:50 น. Counter : 947 Pageviews.   2 comment Share Tweet

ประโยชน์ของนํ้ามะนาวดื่มอุ่นๆ ยามเช้า ดีแค่ไหนต้องพิสูจน์ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม           ประโยชน์ของน้ำมะนาวเปรี้ยวจี๊ด ชงดื่มอุ่น ๆ สักแก้วยามเช้าก็ทำให้ร่างกายสดชื่น สดใสไปตลอดทั้งวัน แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกเพียบ ดูซิมีอะไรบ้าง              อย่างที่เรารู้กันดีกว่าน้ำมะนาวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะใช้ในการลดน้ำหนัก แต่รู้หรือไม่ว่าการดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ ตอนเช้าก่อนการทานอาหารก็จะช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดีได้ด้วย เหมือนที่เว็บไซต์ tasty-yummies.com ได้บอกเล่าเอาไว้ถึงประโยชน์ของการดื่มน้ำมะนาวในตอนเช้า ลองตามไปดูกันจ้า ช่วยย่อยอาหาร           น้ำมะนาวจะช่วยล้างสารพิษและสิ่งที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย เพราะในน้ำมะนาวนั้นมีองค์ประกอบคล้ายคลึงกับน้ำลายและกรดไฮโดรคลอริกที่อยู่ในน้ำย่อย ส่งผลให้ตับผลิตน้ำดีซึ่งเป็นกรดที่จำเป็นในการย่อยอาหาร นอกจากนี้มะนาวยังมีแร่ธาตุและวิตามินสูง ช่วยขับสารพิษที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ฤทธิ์ในการย่อยของกรดที่มีอยู่ในน้ำมะนาวนั้นจะช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย อย่างเช่น กรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ นอกจากนี้สมาคมมะเร็งในอเมริกายังแนะนำว่าควรจะดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ไม่มีสารตกค้างซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งในลำไส้ได้ ช่วยดีท็อกซ์และเป็นยาขับปัสสาวะ            น้ำมะนาวจะช่วยขจัดสิ่งต่าง ๆ ในร่างกายออกผ่านออกทางปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบทางเดินปัสสาวะทำงานดีขึ้น นอกจากนี้กรดซิตริกในน้ำมะนาวยังจะช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยกระตุ้นตับและช่วยในการล้างสารพิษอีกด้วย ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน             มะนาวมีวิตามินซีสูงช่วยต่อสู้โรคหวัด และยังมีโพแทสเซียมสูงซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและเส้นประสาท ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิตด้วย วิตามินซีที่พบในมะนาวนั้นยังช่วยต่อต้านการอักเสบ และช่วยรักษาโรคหอบหืด และโรคอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย ซึ่งธาตุเหล็กนี้มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างมาก แถมมะนาวเปรี้ยวจี๊ดยังมีซาโปนินซึ่งช่วยต่อต้านเชื้อไข้หวัดและลดเสมหะในร่างกายได้ ปรับสมดุลของค่า pH ในร่างกาย            แม้ว่ามะนาวมีทั้งกรดซิตริกและแอสคอร์บิก ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด แต่เมื่อผสมกับน้ำดื่มแล้วน้ำมะนาวจะมีฤทธิ์เป็นด่าง หรือที่เราเรียกว่า Alkaline Water ซึ่งจะช่วยในการลดความเป็นกรดในเลือด อีกทัั้งแร่ธาตุที่อยู่ในมะนาวยังช่วยปรับสมดุลความเป็นด่างให้แก่เลือด การดื่มน้ำมะนาวเป็นประจำจะช่วยลดความเป็นกรดในร่างกายโดยเฉพาะกรดยูริคซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการปวดและการอักเสบ ทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง            วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ สามารถช่วยลดริ้วรอย สิว แก้ปัญหาผิวมัน ทำให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และช่วยฆ่าแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว แถมยังช่วยทำให้สุขภาพผิวดีจากภายในสู่ภายนอก เราสามารถนำมะนาวมาใช้กับแผลเป็นโดยตรงเพื่อทำให้แผลเป็นจางลงได้อีกด้วย ได้ยินแบบนี้แล้วสาว ๆ จะไม่ดื่มน้ำมะนาวได้ไงล่ะเนอะ ช่วยเพิ่มพลังและทำให้อารมณ์ดีขึ้น           พลังงานของมนุษย์ส่วนใหญ่มาจากอะตอมและโมเลกุลในอาหารซึ่งประกอบด้วยโมเลกุลประจุบวก ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะทำให้ร่างกายทำงานช้าลง แต่มะนาวก็เป็นหนึ่งในอาหารไม่กี่ชนิดที่มีโมเลกุลประจุลบในปริมาณสูง จึงช่วยทำให้ร่างกายมีพลังมากขึ้น นอกจากนี้กลิ่นของน้ำมะนาวยังช่วยปรับอารมณ์ที่ขุ่นมัวให้ดีขึ้น ช่วยชำระล้างจิตใจยังช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วยล่ะ ช่วยรักษาแผลและลดการอักเสบ           วิตามินซีที่อยู่ในน้ำมะนาวมีคุณสมบัติในการรักษาแผลและเป็นสารอาหารที่จำเป็นในการบำรุงรักษากระดูกเนื้อเยื่อและกระดูกอ่อน นอกจากนี้วิตามินซียังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ลดความเครียด ลดอาการบาดเจ็บและช่วยทำให้สุขภาพดีอีกด้วย ลมหายใจสดชื่นขึ้น           นอกจากทำให้ลมหายใจสดชื่นแล้ว น้ำมะนาวยังช่วยบรรเทาอาการปวดฟันและโรคเหงือกอักเสบได้ แต่กรดซิตริกที่อยู่ในน้ำมะนาวนั้นสามารถกัดกร่อนเคลือบฟันได้เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อให้การดื่มน้ำมะนาวได้ผลดีมากกว่าผลเสียเราก็ควรจะแปรงฟันก่อนที่จะดื่มน้ำมะนาว และควรจะบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลังจากที่ดื่มทุกครั้งค่ะ เติมความชุ่มชื่นให้ร่างกาย           น้ำมะนาวและน้ำอุ่นจะช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงโดยการให้ความชุ่มชื้นและเติมของเหลวในร่างกายที่หายไป เมื่อร่างกายของคุณขาดน้ำ จะทำให้เกิดผลกระทบมากมาย อาทิเช่น รู้สึกเหนื่อย ท้องผูก ภูมิคุ้มกันต่ำ ความดันโลหิตต่ำ หมดแรง นอนไม่หลับ อารมณ์ไม่ดีและรู้สึกเครียด ช่วยลดน้ำหนัก            มะนาวมีไฟเบอร์สูงซึ่งทำให้เรารู้สึกอิ่ม จึงช่วยควบคุมความอยากอาหารได้ มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะทำให้สามารถลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นการดื่มมะนาวในตอนเช้าจะช่วยทำให้ความอยากอาหารลดลงและสามารถลดน้ำหนักได้จริง ทราบอย่างนี้แล้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงหันมาให้ความสนใจในการดื่มน้้ำมะนาวอุ่น ๆ ในตอนเช้าเพิ่มขึ้นใช่ไหมล่ะคะ แล้วก็ใครที่ทดลองแล้วได้ผลดี ก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะ   Create Date : 29 สิงหาคม 2557     Last Update : 29 สิงหาคม 2557 4:38:22 น. Counter : 1542 Pageviews.   2 comment Share Tweet

• สารพันเรื่องราว
• สรรหามาอ่าน
• รวมมิตรเรื่องราว
• รวมมิตรการแชร์สาระทางออนไลน์
• รวมมิตรออนไลน์
• เรื่องราวสารพันรวมมิตรออนไลน์
• ข่าวรวมมิตรออนไลน์ทั่วโลกออนไลน์
• ร้อยเรื่องสาระทั่วไป
• หนีงหน่องชวนอ่านสาระ
• อ่านสาระ หลากหลายมิติ ของนานาสาระ
• ช่างหัวมัน นานาสาระ ตามสบาย

• หนี่งหน่อง
• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com