อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

การฝังเข็มรักษาอาการ ปวดประจําเดือน

ความรู้เบื้องต้นของอาการ ปวดประจำเดือน

อาการปวดท้องประจำเดือนเริ่มพบตั้งแต่วันที่มีประจำเดือนครั้งแรกในชีวิต คือ อายุประมาณ 12 ปีขึ้นไป โดยร้อยละ 50 ของเด็กหญิงจะมีอาการปวดท้องเล็กน้อย และร้อยละ 40 มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ขณะที่ร้อยละ 10 เป็นอาการปวดที่เกิดจากภาวะผิดปกติในช่องท้อง อาทิ เนื้องอก ผังผืดในมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ และมะเร็ง
เป็นต้น

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง แต่ก็เป็นที่น่ารำคาญ และทรมานไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับผู้ป่วยบางคน สาเหตุของอาการ ปวดประจำเดือน นั้น เข้าใจว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศในช่วงมีประจำเดือน ทำให้มีการคั่งของเลือดภายในมดลูก รังไข่ และผนังอุ้งเชิงกราน

ปวดประจำเดือน

ปวดประจำเดือน

อาการปวดท้องประจำเดือน

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเริ่มต้นบริเวณท้องน้อย ปวดร้าวไปยังบริเวณบั้นเอว ส่วนใหญ่มักปวดในช่วงก่อนประจำเดือนจะมาสัก 1-2 วัน และปวดอยู่ตลอดในช่วงที่ยังมีประจำเดือนอยู่ จนกระทั่งประจำเดือนหยุด อาการปวดจึงค่อยทุเลาหายไป อาการปวดจะกำเริบทุกเดือนคล้าย ๆ กัน ความรุนแรงของอาการปวดในผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกันไป บางรายปวดแค่หน่วง ๆ พอทนได้ บางคนต้องกินยาแก้ปวดร่วมด้วย และบางรายปวดรุนแรงมากจนไม่สามารถไปทำงานได้ หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

การรักษาอาการ ปวดประจำเดือน โดยทั่วไป

อาศัยการประคบอุ่นบริเวณท้องน้อย รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการเป็นครั้งคราว ในรายที่รุนแรง อาจต้องใช้ยาฮอร์โมนเพศรักษา ซึ่งก็ยังได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร

ทำไมถึงแนะนำการฝังเข็มมากกว่าการทานยา

เพราะการใช้ยาที่ออกฤทธิ์กดสมองส่วนกลางไม่ให้รู้สึกถึงความปวดที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้การไหลเวียนของเลือดสะดวกขึ้น ดังนั้น เมื่อหมดฤทธิ์ยาก็จะกลับมาปวดอีก ทำให้ต้องทานยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากยาแก้ปวด ขณะที่การฝังเข็มจะช่วยกระตุ้นการทำงานของจุดต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก มดลูกคลายตัวจากการบีบรัดโดยไม่ต้องใช้ยา

การฝังเข็มช่วยลดอาการ ปวดประจำเดือน ได้อย่างไร

ในด้านการแพทย์ทางเลือกนั้นเราสามารถใช้การฝังเข็มมารักษาอาการ ปวดประจำเดือน ได้ เนื่องจากการฝังเข็มมีฤทธิ์ปรับการทำงานของฮอร์โมนเพศภายในร่างกายให้กลับสู่สภาพสมดุล ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งมีมดลูกและรังไข่อยู่ภายในให้ไหลเวียน ดีขึ้น ลดการคั่งของเลือด และทำให้กล้ามเนื้อผนังมดลูกและรังไข่คลายตัว จึงช่วยลดอาการ ปวดประจำเดือน ได้ กระทั่งทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งสามารถหายเป็นปกติได้

AcupuncturePain-1

บริเวณจุดสำคัญและขั้นตอนหลัก ที่ใช้ในการฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการ ปวดประจำเดือน

ในการรักษานั้น แพทย์จะใช้เข็มเล็กๆ ปักกระตุ้นจุดรับสัญญาณประสาท บริเวณแขนขาและท้องน้อย กระตุ้นประมาณ 30 นาที โดยทั่วไปจะทำการรักษาในช่วงก่อนประจำเดือนจะมาประมาณ 2 สัปดาห์ กระตุ้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อยับยั้งมิให้เกิดอาการ ปวดประจำเดือน ขึ้นมาหรือบรรเทาอาการไม่ให้รุนแรง  อย่างไรก็ตาม จำนวนเข็มและจำนวนครั้งในการฝังเข็มรักษานั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากอาการปวดเพียงเล็กน้อยใช้วิธีฝังเข็ม 1-2 ครั้ง อาการก็จะดีขึ้น แต่หากเป็นอาการปวดจากโรคร้ายจะต้องรักษาด้วยวิธีการให้ยาปรับฮอร์โมน หรือผ่าตัดส่องกล้อง จึงจะเป็นการดีที่สุด

“ ผลการรักษาอาการ ปวดประจำเดือน ด้วยการฝังเข็มนั้น ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหา ปวดประจำเดือน จึงสามารถพิจารณาทางเลือกใหม่โดยการฝังเข็มรักษาได้”

การเตรียมตัวของผู้ป่วยก่อนและหลังรับการรักษาด้วยการฝังเข็ม

  • การเตรียมตัวก่อนการรักษา
  • นอนหลับให้เต็มที่ในคืนก่อนมารับการฝังเข็ม
  • ควรรับประทานอาหารก่อนมารับการรักษา แต่อย่าให้อิ่มเกินไป
  • สวมเสื้อผ้าหลวมๆ สบายๆ เพื่อความสะดวกในการฝังเข็ม

ระหว่างการปักเข็มผู้ป่วยอาจเกิดความรู้สึกได้ 2 แบบ ดังนี้

  • รู้สึกหนักๆ หน่วง ๆ ตื้อๆ ในจุดฝังเข็มในระหว่างที่เข็มปักคาอยู่
  • มีความรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นแปลบๆ   ไปตามเส้นลมปราณ เนื่องจากแพทย์จะปักเข็มไว้ข้างๆเส้นประสาทบางเส้น    เพื่อผลการรักษาที่ดีแพทย์จะปักเข็มไว้ประมาณ 20-30 นาที    โดยอาจกระตุ้นด้วยมือหรือกระแสไฟฟ้า (ไฟฟ้าที่ใช้มีต่างศักย์ต่ำ จึงไม่มีโอกาสเกิดไฟซ๊อตจนเกิดอันตราย)    จากนั้นจะถอนเข็มออก   ในระหว่างการคาเข็ม   ผู้ป่วยต้องพยายามอย่าขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฝังเข็มเพราะเข็มจะบิดในกล้ามเนื้อ   แม้ไม่เกิดอันตรายแต่อาจทำให้เจ็บมากขึ้นและมีเลือดออกตอนถอนเข็ม  ผู้ป่วยสามารถขยับตัวได้บ้างเล็กน้อย   พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อจะสบายที่สุด   แต่ถ้าหากมีอาการผิดปกติใดๆ   เช่นรู้สึกหวิวๆ    หน้ามืดจะเป็นลม แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก   ให้แจ้งแพทย์ที่รักษาทราบทันที

การดูแลตนเองหลังจากการฝังเข็ม

  • ควรดื่มน้ำอุ่นหลังการฝังเข็ม
  • สำรวจร่างกายตนเองบริเวณฝังเข็ม ถ้ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เช่น  มีเลือดออก มีรอยบวม รู้สึกเจ็บปวด ต้องแจ้งให้แพทย์ที่รักษาทราบทันทีเพื่อแก้ไขให้เป็นปกติก่อนกลับบ้าน
  • งดการอาบน้ำเป็นเวลา 2 ชั่วโมงหลังการฝังเข็ม
  • พักผ่อนให้เต็มที่อีก 1 วัน
  • ถ้ามีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ตามปกติ อาการจะหายไปเองภายใน 24-48 ชั่วโมงโดยไม่มีอันตรายใดๆ

ข้อควรระวังในการฝังเข็ม

  • ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ต้องให้การรักษาอย่างระมัดระวัง
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง (ที่ยังไม่ได้รับการตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน)
  • ผู้ป่วยโรคเลือดที่มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ป่วยที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
  • โรคที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างแน่นอน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการ ปวดประจำเดือน

1. เมื่อไหร่ถึงจะรู้ว่าผิดปกติ

ตอบ  อาการปวดเป็นมากขึ้นกว่าเดิม จากเดิมปวดพอทำงานได้ ต่อมาอาจจะปวดจนทำงานไม่ไหวจนต้องไปฉีดยา
และต่อมาก็ต้องฉีดยาในปริมาณมากขึ้น หรือจากการรับประทานยาแก้ปวดธรรมดา ก็ต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้น
หรือต้องพึ่งยาแรงขึ้น ครับ

2. การฝังเข็มช่วยอาการ ปวดประจำเดือน ได้และสามารถหายขาดได้หรือเปล่า

ตอบ  ฝังเข็มมีฤทธิ์ปรับการทำงานของฮอร์โมนเพศภายในร่างกายให้กลับสู่สภาพสมดุล ช่วยกระตุ้นการไหลเวียน
ของเลือดในบริเวณอุ้งเชิงกราน ซึ่งมีมดลูกและรังไข่อยู่ภายในให้ไหลเวียน ดีขึ้น ลดการคั่งของเลือด และทำ
ให้กล้ามเนื้อผนังมดลูกและรังไข่คลายตัว จึงช่วยลดอาการ ปวดประจำเดือน ได้ กระทั่งทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่ง
สามารถหายเป็นปกติได้

3. การรักษาด้วยการฝังเข็มบ่อยๆ จะเป็นอันตรายหรือเปล่าคะ

ตอบ  ไม่เป็นอันตรายครับ

4. การรักษาแต่ละครั้งใช้เวลานานหรือเปล่าคะ

ตอบ   ใช้เวลาต่อครั้งประมาณ 20-30 นาทีครับ แต่บาง case อาจจะต้องดูอาการของคนไข้ว่าเป็นมากน้อยเพียงใด
ประกอบด้วยครับ

5. ในระหว่างมีประจำเดือนสามารถรักษาด้วยวิธีฝังเข็มได้หรือเปล่าคะ

ตอบ   สามารถฝังเข็มก่อนช่วงประจำเดือนมาสัก 2-3 วันก่อน และมาฝังอีกครั้งในช่วงระหว่างมีประจำเดือนครับ
เพราะจะเป็นการบรรเทาอาการปวดให้ลดน้อยลงได้ครับ

บทความโดย พจ. ธีรวัฒน์ ตั้งอร่ามวงศ์
แพทย์แผนจีนและการฝังเข็ม ศูนย์ไลฟ์เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
ขอบคุณที่มาจาก : โรงพยาบาลสมิติเวช

c b Sushada.ch Z วิธีรักษาสุขภาพ




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2557    
Last Update : 16 ธันวาคม 2557 8:30:42 น.
Counter : 1300 Pageviews.  

ประกาศปิดเพจ "พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายา"

ประกาศปิดเพจ “พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา”

วันนี้(15ธ.ค.) แฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า “พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา“ ซึ่งมีผู้ติดตาม 313,476 คน ได้ประกาศปิดตัวลงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยแอดมินผู้ดูแลเพจนี้ได้โพสต์ข้อความว่า ประกาศปิดแฟนเพจ เรียนสมาชิกแฟนเพจทุกท่านครับ ก่อนอื่นต้องขออภัยทุกท่านด้วยครับที่แฟนเพจนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในช่วงที่ผ่านมา

ปิดเพจ พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์

ปิดเพจ พระเจ้าวรวงค์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์

ทั้งนี้เพราะทีมงานแอดมินเราอยู่ในช่วงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยเข้าไปหารือกับทางผู้ใหญ่ จึงทำให้ล่าช้า และตอนนี้เป็นมติที่สรุปกันแล้วว่า แฟนเพจนี้มีความจำเป็นที่จะต้องปิดตัวลง โดยแจ้งกับทาง //www.facebook.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะมีผลภายใน 14 วันตามขั้นตอนของเว็บไซต์ดังกล่าว และทีมงานแอดมินทุกคนต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการติดตามข่าวสารที่ผ่านมาด้วยครับ

และในช่วงนี้มีอีกหลายแฟนเพจที่จัดทำขึ้นมาโดยนำเสนอข่าวสารต่างๆมากมายไม่ต่ำกว่า10 แฟนเพจ ทำให้สมาชิกที่ติดตามอยู่เกิดความสับสนว่าควรจะติดตามที่ไหนดี เพราะบางแฟนเพจนำข่าวสารต่าง ๆ มาลงโดยไม่มีการกลั่นกรองให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงเป็นที่น่ากังวลมาก เพื่อให้เป็นไปในทิศทาง แอดมินจะะขออนุญาตปิดแฟนเพจนี้ และถ้าหากท่านต้องการติดตามข่าวสารต่อไป ให้ติดตามได้ทางแฟนเพจ เรารัก “พลตรีหญิง ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี”

 ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี

ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี

MThai News

: , , , , , , , ,




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2557    
Last Update : 16 ธันวาคม 2557 8:28:13 น.
Counter : 2222 Pageviews.  

ขั้นตอนวิธีการจุดธูปไหว้สี่งศักคิ์สิทธิ์

ตามความเชื่อกล่าวว่า

- การจุดธูป หมายถึง ไหว้พระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์

- เทียน หมายถึง แสงสว่างชีวิต

- ดอกไม้หอม หมายถึง ความดีงาม ความเจริญ

- การสักการะ ถือเป็นการทำอมิสบูชาให้เกิดมงคลแก่ชีวิตโดยการบูชาสิ่งที่ดี ทำให้ตัวเรา มีบารมี มากขึ้น จึงใจสงบขึ้น

จุดธูปเสริมดวง

การสักการะใช้ธูปกี่ดอก

1.พระพุทธรูป - ใช้ 3 ดอก แทนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

2.พระสงฆ์ - ใช้ 3 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ

3.หลวงปู่โต - ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ

หลวงปู่ทวด - ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ

หลวงปู่ปาน - ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ

เกจิอาจารย์บรรลุธรรม - ใช้ 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ

4.พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 - ขอพรธูป 9 ดอก

5.พระโพธิสัตว์กวนอิม - ขอพรธูป 9 ดอก

6.พระแม่อุมาเทวี - ขอพรธูป 9 ดอก
(องค์เทพองค์พรหม) - บน 39 ดอก

- บวงสรวง 16 ดอก

7.ปู่ฤาษี - ขอพร 9 ดอก

8.พระภูมิเจ้าที่

-เทพใช้ธูป 9 ดอก

- เทวดาธรรมดา 5 ดอก

- ผี 1 ดอก

9.กุมารทอง

-จากวัด ใช้ธูป 5 ดอก
- วิญญาณลูก 1 ดอก

10.ไหว้บรรพบุรุษ - ใช้ธูป 1 ดอก

11.ว่านมงคลกาหลง - ใช้ธูป 5 ดอก

12.พระแม่นางกวัก - ใช้ธูป 9 ดอก

เมื่อเราจุดธูปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ควรหมั่นทำความดี ละทิ้งความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ก็ยิ่งเสริมให้ตัวคุณเจิรญรุ่งเรื่องยิ่งขึ้นไปอีกด้วยนะคะ



ขอบคุณข้อมูลจาก apichokeonline.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2557    
Last Update : 16 ธันวาคม 2557 8:22:49 น.
Counter : 1389 Pageviews.  

สูตรซุปหน่อไม้ อาหารพื้นบ้านภาคอีสาน

สูตรซุปหน่อไม้ อาหารพื้นบ้านภาคอีสาน

ซุปหน่อไม้นั้นเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคอีสานที่เราค่อนข้างจะคุ้นเคย หากพูดถึงส้มตำก็ต้องมีซุปหน่อไม้ ซึ่งผู้นิยมอาหารอีสานมักจะสั่งมาควบคู่กับส้มตำด้วยเสมอ เพราะอร่อยแซ่บหลายอย่าบอกใคร แม้แต่ฝรั่งตาน้ำข้าวก็โปรดปรานชื่นชอบเมนูอาหารไทยนี้เป็นจำนวนมาก สำหรับวิธีการทำซุปหน่อไม้นั้นคุณสามารถทำรับประทานเองได้แสนง่าย คือการนำหน่อไม้รวก มาต้มกับใบย่านางจนสุก แล้วตักเอาเฉพาะเนื้อหน่อไม้ที่เตรียมไว้และน้ำใบย่านางอีกเล็กน้อย เอามาปรุงแต่งรสชาติด้วยข้าวคั่ว ต้นหอม ผักชีฝรั่ง พริกป่น คลุกเคล้ากับน้ำมะนาว น้ำปลา เพียงเท่านี้ก็ได้รสชาติอร่อยแบบแซ่บสุดๆแล้วล่ะ ที่มีสูตรขั้นตอนการทำซุปหน่อไม้ดังนี้

เครื่องปรุง
  1. หน่อไม้เผา ต้มให้สุก ½ ถ้วยตวง
  2. น้ำใบย่านาง 1 ถ้วยตวง
  3. พริกป่น 2 ช้อนชา
  4. ข้าวคั่ว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  5. งาขาวคั่ว โขลกพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ 
  6. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
  9. หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  10. ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  11. ผักชีฝรั่งหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
  12. ใบสะระแหน่ 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ในขั้นตอนแรกควรเตรียมหน่อไม้ให้พร้อมปรุงเสียก่อน
  • ถ้าเป็นหน่อไม้สดจะเอามาทำซุปหน่อไม้ ต้องนำไปเผาไฟให้สุก จากนั้นให้เอากาบออกให้เหลือแต่เนื้อหน่อไม้ แล้วเอาไปล้างให้สะอาด จากนั้นเอาไปต้มให้สุก (หน่อไม้จะเหลือง) เมื่อต้มหน่อไม้สุกแล้ว นำมาเลาะเปลือกออก แล้วนำเนื้อไปทำการขูดเป็นเส้น (คือเอาช้อนส้อมหรือเหล็กแหลมอันใหม่มาขูดจากโคนของเนื้อหน่อไม้ไปทางยอดจะได้หน่อไม้เป็นเส้นๆตามยาว) จากนั้นต้องพยายามบีบนวดขยำเนื้อหน่อไม้หรือการคั้นน้ำจากหน่อไม้ให้น้ำหมดไปจากเนื้อหน่อไม้ด้วย (เพื่อให้น้ำขมในเนื้อหน่อไม้หมดไป) แล้วควรนำไปล้างทำความสะอาดอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง คือหน่อไม้ที่เตรียมเสร็จแล้วนั้นควรมีรสจืด
  • แต่ถ้าเป็นหน่อไม้รวก หน่อไม้ดองขูดเป็นเส้นเล็กฝอย หรือหน่อไม้แบบกระป๋อง (ที่หาซื้อได้จากตลาด …แบบนี้ก็จะสะดวกดี) เตรียมโดยให้นำหน่อไม้ไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก ให้หายขม หายเฝื่อน...ก็นำมาปรุงซุปฯได้แล้ว
2. ให้คั้นน้ำใบย่านาง (หรือจะซื้อที่ตลาดเลยก็ได้…ก็ให้ไปทำที่ข้อ3 ได้เลย)
วิธีทำน้ำใบย่านาง คือให้นำส่วนใบย่านาง 3-4 ใบนำไปล้างทำความสะอาด แล้วนำไปใส่ครกโขลกให้ละเอียดหรือด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แล้วเติมน้ำ 1 ถ้วยตวงลงไป เราก็จะได้น้ำใบย่านาง 1 ถ้วยตวงออกมาแล้ว
3. ต้มหน่อไม้กับน้ำใบหญ้านาง ดังนี้คือ ใส่หน่อไม้ลงในหม้อ ตามด้วยน้ำใบย่านางและเกลือเล็กน้อย แล้วพยายามกดหน่อไม้ให้จมลงในน้ำใบย่านางทั้งหมด จากนั้นเปิดไฟต้มจนหน่อไม้สุก ลักษณะคือจะมีน้ำขลุกขลิกเหลืออยู่ในหน่อไม้ต้มน้ำใบย่านาง
4. เมื่อเราต้มจนหน่อไม้สุกแล้ว ให้ปิดไฟ แล้วพักให้ส่วนของหน่อไม้นั้นเย็นซะก่อน ก่อนที่เราจะนำมาทำซุปหน่อไม้
5. นำหน่อไม้ที่เตรียมไว้และน้ำใบย่าเพียงเล็กน้อยใส่ลงในครก แล้วตำเบาๆคลุกเคล้าพอให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป ได้แก่ งา ข้าวคั่ว พริกป่น (ปริมาณตามชอบ) น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำเบาๆ (ลักษณะแบบคลุกเคล้าและย้ำเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน)
6. จากนั้นให้ใส่หอมแดงซอยลงไป ตามด้วยต้นหอมซอย แล้วตำเบาๆคลุกเคล้าให้เข้ากัน
7. จากนั้นให้ใส่ผักชีฝรั่งหั่นและใบสะระแหน่ลงไป แล้วเพียงใช้ช้อนหรือทัพพีคลุกเคล้าให้เข้ากันโดยไม่ต้องใช้ลูกครกย้ำแล้ว
8. จากนั้นก็ตักเสิร์ฟใส่จาน ตกแต่งบนอาหารด้วยต้นหอมซอย ผักชีใบยาว และใบสะระแหน่ เพื่อให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น
(สำหรับเสิร์ฟรับประทาน 1 ที่)

คำแนะนำ
  • ส่วนผักที่ใช้รับประทานกับซุปหน่อไม้นั้นส่วยใหญ่ก็จะเหมือนกันกับลาบและส้มตำ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งผักที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเราสามารถนำมารับประทานด้วยได้ทั้งสิ้น เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักกาดขาว หรือใบโหระพา
  • สามารถใช้ได้ทั้งพริกป่นและพริกสด สำหรับพริกป่นจะหอมกว่า พริกสดจะจัดจ้านกว่า หรือจะเอาพริกสดไปคั่วไฟก็ได้เหมือนกัน
  • บางสูตรนั้น ในขั้นตอนปรุงรสซุปหน่อไม้นั้น เขาอาจนำหอมแห้งปอกเปลือกและพริกสดไปคั่วไฟในกระทะรวมกันพอหอม แล้วนำไปใส่ครกโขลกตำให้ละเอียดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่หน่อไม้ที่เตรียมไว้ลงไป แล้วก็ตามด้วยเครื่องปรุงต่างๆทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน…แบบนี้ก็ได้ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่สูตรแล้วแต่ถนัดความชอบครับ ก็จะได้รสชาติหอมอร่อยอีกแบบ แต่ก็ไม่ต่างกันมากครับ




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2557    
Last Update : 15 ธันวาคม 2557 8:48:24 น.
Counter : 3197 Pageviews.  

ปีใหม่เทื่ยวไหนดี 2558 ใครที่หาที่เทื่ยวกันครับ


 ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย
ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

จะเข้าสู่ "ปีใหม่ 2558" ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองที่หลาย ๆ คนรอคอยแล้ว เพราะปีใหม่ 2558 มีวันหยุดพักผ่อนยาว ๆ หลายวัน ทำให้หลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนาบ้าง ไปเที่ยวต่างจังหวัดต่าง ๆ บ้าง แต่เอ...แล้วคนที่ยังไม่รู้ว่าปีใหม่เที่ยวไหนดีล่ะ...เอาอย่างไรดีกับวันหยุดปีใหม่ยาว ๆ แบบนี้ดีล่ะ แหม ! ไม่ต้องคิดเยอะไปคะ เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมได้หยิบเอาที่เที่ยวปีใหม่ 2558 หลากหลายสไตล์มาแนะนำกัน จะขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปทัวร์อีสาน หรือเที่ยวชิล ๆ ที่คนไม่เยอะเราก็มีมาบอกกัน โดยเริ่มที่...


ไหว้พระ 9 วัด

           ยังคงได้รับความนิยมเสมอ สำหรับการเดินทางไปไหว้พระขอพรในช่วงปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งวันนี้เราได้หยิบเอาสถานที่ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี และไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคล

ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี

 ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำชุมชนบางปลาม้า

1. วัดป่าพฤกษ์ เป็นวัดที่รัชกาลที่ 5 ทรงแวะทอดกฐินในช่วงประพาสต้น ร.ศ. 123 ตามคำบอกเล่าของคนโบราณ ที่วิหารจึงมีตราครุฑ และยังเป็นวัดต้นกำเนิดหลวงพ่อวัดเนียนน้อย เกจิชื่อดังของสุพรรณบุรี นอกจากนี้บริเวณรอบโบสถ์จะมีระฆังโบราณแขวนอยู่จำนวน 88 ใบ ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรจึงนิยมตีระฆังรอบโบสถ์เพื่อเสริมสิริมงคล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด คือ หลวงพ่อแสง ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปี ส่วนใครที่อยากร่วมประเพณีตักบาตรกลางน้ำก็มาได้เป็นประจำทุกปี

ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

2. วัดสวนหงส์ เป็นวัดเก่าแก่ในสุพรรณบุรี โดยมีอายุกว่า 200 ปี ไฮไลท์เด็ดอยู่ที่การสักการะหลวงพ่อปลื้ม พระประจำวัดสวนหงส์ที่มรณภาพไปกว่า 12 ปี แต่สังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยและได้บรรจุอยู่ในโลงแก้ว นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นของหลวงพ่อปลื้มตั้งอยู่หน้าโลงแก้ว ซึ่งต้องบอกว่ามีลักษณะเสมือนจริงมาก ด้านประเพณีที่น่าสนใจของวัดสวนหงส์ ได้แก่ ประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานเป็นประจำทุกปี ณ แม่น้ำท่าจีน บริเวณหน้าวัดสวนหงส์

3. วัดลานคา สักการะรอยพระพุทธบาทจำลองไม้ตะเคียนอายุกว่า 1,000 ปี พร้อมเดินข้ามสะพานแขวนข้ามแม่น้ำสุพรรณบุรีแวะเยี่ยมชมตลาดร้อยปีเก้าห้อง กินอาหารพื้นบ้าน เลือกซื้อของที่ระลึก และของฝากมากมาย

4. วัดบ้านสูตร วัดที่มีอุโบสถเป็นไม้สักทั้งหลัง และมีชาวบ้านคอยดูแล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา จึงเป็นอีกวัดริมน้ำที่ไม่ควรพลาดในการมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

5. วัดน้อย วัดในตำนานที่พลาดไม่ได้หากมาเยือนสุพรรณบุรี เพราะเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อเนียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของพระมหาเกจิอาจารย์ของเมืองสุพรรณ และมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่เนียมเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระและทรงวิทยาคม สำเร็จวาโยกสิณ มีอภิญญาแก่กล้า หยั่งรู้เหตุการณ์ทั้งในอดีตและอนาคต กระทั่งหลวงพ่อเหน่ง วัดคลองมะดัน ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง มาฝากตัวขอเป็นศิษย์

6. วัดบางยี่หน วัดในตำนานประพาสต้น ร.ศ. 123 ของรัชกาลที่ 5 ทรงแวะเสวยอาหารเย็นและทรงเรียกวัดนี้ว่า "วัดแป๊ะซะ" เนื่องจากชาวบ้านนิยมถวายปลาช่อนแป๊ะซะให้พระองค์เสวย

  ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำชุมชนบางปลาม้า

7. วัดตะค่า (วัดแก้วตะเคียนทอง) เป็นอีกวัดในตำนานประพาสต้น ร.ศ. 127 ของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมอบปัจจัยจำนวนเงิน 80 บาท เพื่อบูรณะวิหาร และทรงมอบบาตร, ปิ่นโต, เรือ, ตาลปัตร, ที่ย้อมจีวร พร้อมกันนี้เจ้าอาวาสยังยินดีที่จะเล่าขานประวัติความเป็นมาของวัดและการได้มาซึ่งสิ่งของต่าง ๆ นอกจากนี้ต้องมาสักการะหลวงพ่อแสง พระซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงให้ความนับถือและให้หลวงพ่อเป็นผู้อาบน้ำมนต์ให้พระองค์ด้วย

 ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำชุมชนบางปลาม้า

8. วัดเจ้าขาว สักการะวิหารอันเก่าแก่ซึ่งมีอายุกว่า 250 ปี และเจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในจังหวัดสุพรรณบุรีจากคำบอกเล่าของหลวงพ่อแผน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนั่งกระเช้าให้อาหารปลากลางแม่น้ำสุพรรณบุรี และคุณยังจะได้เห็นการสัญจรไป-มาของผู้คนที่ใช้กระเช้าเป็นเส้นทางเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ

  ไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สุพรรณบุรี สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำชุมชนบางปลาม้า

9. วัดสุขเกษม เป็นวัดปิดท้ายในโครงการไหว้พระทางน้ำ 9 วัด สักการะหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรหรือบนบานสานกล่าวให้ค้าขายร่ำรวย หรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานก้าวหน้า และหากสำเร็จก็จะจัดหนังกลางแปลงมาถวายหลวงพ่อเป็นประจำ


ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคล

  พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เป็นพระอารามหลวงและเป็นที่รู้จักของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงามทั้งพระอุโบสถภายนอกและภายใน อีกทั้งระเบียงรอบวัดยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์อีกด้วย และไฮไลท์เด็ดก็อยู่ที่ “พระแก้วมรกต” ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์ให้ได้สักการะกัน ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน

 พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ

วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดเก่าแก่หน้าบันของวิหารวัดป่าเลไลยก์มีเครื่องหมายพระมหามกุฎอยู่ระหว่างฉัตรคู่ บอกให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จธุดงค์มาพบสมัยยังทรงผนวชอยู่ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงมาปฏิสังขรณ์ ที่วัดแห่งนี้ประชาชนนิยมมานมัสการ "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ สูง 23.46 เมตร รอบองค์ 11.20 เมตร ภายในองค์พระพุทธรูปเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลายจำนวน 36 องค์ หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง

 พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ

วัดห้วยมงคล ใครที่อยากไปสักการะ “หลวงปู่ทวด” องค์ใหญ่ ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร ฐานสูง 3 ชั้น ก็สามารถเดินทางมาได้ที่วัดห้วยมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ยังมีรูปสลักหลวงพ่อทวดแกะจากไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ให้ประชาชนได้สักการะบริเวณรอบ ๆ องค์พระ และเมื่อขึ้นไปด้านบนยังสามารถมองเห็นทิวเขาล้อมรอบและเห็นเทือกเขาตะนาวศรีกั้นพรมแดนไทย-พม่าอีกด้วย

 พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ
ภาพจาก tiewpakklang

วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ เยียวยาอาการเจ็บป่วย ตามประวัติเล่าว่า เป็นพระพุทธรูปปาฏิหาริย์ลอยทวนน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่เดิมเป็นพระพุทธรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงว่าจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะดังที่เห็นในปัจจุบัน


วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ซึ่งมีผู้คนเคารพนับถือมากราบไหว้สักการะมากในปัจจุบัน ในช่วงหลังมีผู้นำรูปถ่ายเมื่อครั้งมีชีวิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ในท่านับลูกประคำไปจัดสร้างเป็นรูปหล่อและรูปเหมือนเพื่อสักการบูชาจนเป็นที่แพร่หลาย และเป็นเอกลักษณ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์จนถึงปัจจุบัน ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่โตมากมาย และความศักดิ์สิทธิ์ของท่านทำให้หลายวัดพร้อมใจกันหล่อรูปเหมือนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เช่น วิหารสมเด็จโต มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา, สมเด็จโตองค์ใหญ่ปางเทศนาธรรม วัดโบสถ์ จังหวัดปทุมธานี และสมเด็จโตองค์ใหญ่ วัดตาลเจ็ดยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ใครอยู่ใกล้ที่ไหนก็ไปสักการะหลวงพ่อโตได้ที่นั่นค่ะ (ข้อมูลจาก watrakang)

 พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ
ภาพจาก ททท.

วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร เป็นวัดที่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ละสังขาร ภายในอาคารจึงมีอัฐิธาตุของพระหลวงปู่มั่น และภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต สร้างด้วยกระเบื้องดินเผา และมีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่นในท่านั่งสมาธิ และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว ยกฐานสูงพื้นปูด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งตู้แสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ โดยหลวงปู่มั่นเป็นพระที่ยึดมั่นในปฏิมาธุดงค์กรรมฐานเป็นวัตร กระทั่งได้ย้ายจากการธุดงค์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส และมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492

 พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ
ภาพจาก ททท.

วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เดิมชื่อพระพุทธเจ้าพนัญเชิง (พระเจ้าพะแนงเชิง) แต่ในรัชกาลที่ 4 เมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปองค์นี้ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอู่ทองปางมารวิชัยลงรักปิดทอง มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตรและสูง 19.13 เมตร เบื้องหน้ามีตาลปัตรหรือพัดยศและพระอัครสาวกที่ทำด้วยปูนปั้นลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่เบื้องซ้ายและขวา อาจนับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปนั่งสมัยอยุธยาตอนต้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน

ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเชื่อกันว่าหากมาสักการะและอธิษฐานขอพรพระธาตุดอยสุเทพจะมีแต่ความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา แคล้วคลาด ผ่านอุปสรรคนานาไปได้ และสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพแล้ว ก็คือ การสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ที่ประดิษฐานอยู่ตรงเชิงดอยสุเทพเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

 พาพ่อทัวร์ไหว้พระวัดดัง เสริมสิริมงคลรับวันพ่อ
ภาพจาก ททท.

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุ เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้และประเทศไทย เปรียบเสมือนศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนชาวใต้ มีพระบรมธาตุเจดีย์อันยิ่งใหญ่ที่มีส่วนยอดเจดีย์เป็นทองคำเป็นภาพสะท้อนแห่งความศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อการสร้างพระบรมธาตุ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย) ทั้งนี้ผู้มาเยือนที่นี่นิยมนำผ้าขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วย

วัดบ้านแหลม หรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อบ้านแหลม มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านทั่วไป


เที่ยวตลาดน้ำ

           ใครที่อยากใช้วันหยุดยาวชิล ๆ แบบกินไปเที่ยวไปก็มากันได้ที่ตลาดน้ำ เรียกว่าใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่น นอกจากของกินอร่อย ๆ แล้ว คุณยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนกับสายน้ำอีกด้วย

1. ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา

ตลาดน้ำ

           ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาวไทยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งรวบรวมความหลากหลายทั้งทางด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทั้ง 4 ภาคไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่า ตลาดน้ำสี่ภาค พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

2. ตลาดน้ำอัมพวา

ตลาดน้ำ
ภาพจาก ททท
.

           ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในสมุทรสงคราม จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์หลัก คือ ที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ การล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน ทำให้ร้านที่จำหน่ายสินค้าในตลาดน้ำส่วนใหญ่จะมีบริการบ้านพักแบบโฮมสเตย์รวมอยู่ด้วย ส่วนสินค้าที่ขึ้นชื่อของที่แห่งนี่จะเป็นอาหาร ของฝาก ของที่ระลึกที่มีทั้งแบบพายเรือมาขายอยู่ในลำคลอง และแบบเปิดร้านอยู่บนฝั่งก็มี การได้ลองชม-ชิมอาหารพื้นบ้านที่หลากหลาย

3. ตลาดน้ำคลองลัดมะยม

 ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

           ใครที่ชอบกินไปเที่ยวไปก็มาได้ที่นี่เลยเพราะตลาดน้ำคลองลัดมะยมมีอาหารรสดีรสเด็ดให้ได้ลิ้มลองกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นของคาวของหวานหรืออาหารพื้นบ้านแบบโบราณที่นี่ก็มีหมด นอกจากนี้ยังมีบริการนั่งเรือล่องไปตามคลองลัดมะยมเพื่อสัมผัสชีวิตริมฝากฝั่งคลองกันด้วย

4. ตลาดน้ำขวัญเรียม


           เป็นหนึ่งในตลาดน้ำที่เกิดขึ้นเพื่อย้อนรอยวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนริมคลองแสนแสบ จำลองวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน ด้วยความสามัคคีของคนในชุมชน ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากคุณจะเพลิดเพลินไปกับของกินมากมายแล้ว ยังมีกิจกรรมและการแสดงให้ได้ชมกันอีกด้วย ได้แก่ การแสดงการละเล่นของไทย ที่เวทีริมน้ำ, การล่องเรือสัมผัสชีวิตชุมชน พร้อมไกด์ตัวน้อยที่จะมาเล่าความเป็นมาของตลาดน้ำขวัญเรียม, การจัดแสดงสัตว์บกและสัตว์น้ำ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับเมนูอร่อยที่หลากหลายอีกด้วย

5. ตลาดน้ำอโยธยา

           ใครที่ชอบช้อปปิ้ง ก็อย่าลืมแวะเวียนเลือกซื้อเลือกหาสินค้าดีไซน์แปลก ๆ ประเภทงาน Handmade ซึ่งที่นี่ทั้งพ่อค้าและแม่ขายต่างต้องแต่งกายแบบย้อนยุค คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง พร้อมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทย ๆ ที่เรียบง่าย นับเป็นจุดศูนย์รวมนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศ และทัศนียภาพอันงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยอีกด้วย


เที่ยวดอย

           หนาวทั้งที...ใครไม่ไปกางเต็นท์รับลมหนาวบนยอดดอยนี่ถือว่าเชยสุด ๆ ที่สำคัญประเทศไทยเรายังมีดอยสวย ๆ อยู่หลายแห่ง อีกทั้งธรรมชาติที่สมบูรณ์ รวมทั้งการเดินทางที่ต้องใช้พละกำลังไม่น้อย ถือเป็นการท่องเที่ยวรับปีใหม่แบบลุย ๆ

1. ดอยอินทนนท์

 ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

           คำว่าสูงสุดแดนสยามบนยอดดอยอินทนนท์คงเป็นสิ่งที่เชื้อเชิญให้ทุกคนใฝ่ฝันอยากมาเยือนที่นี่สักครั้ง ซึ่งก่อนที่คุณจะเดินทางมาถึงยอดดอยก็จะพบกับวิวอันสวยงาม อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวริมสองข้างทาง ได้แก่ พระมหาธาตุเจดีย์ธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุจดีย์นภพลภูมิสิริ, กิ่วแม่ปาน, สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์, น้ำตกน้ำตกวชิรธาร เรียกว่าน่าสนใจมากทีเดียว

2. ดอยอ่างขาง

ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

           ประมาณปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยเบ่งบานเป็นสีชมพูสองข้างทาง มันจึงถือเป็นเส้นทางสายโรแมนติกที่เหมาะแก่การมาสวีทของคู่รัก นอกจากนี้ยังมีสถานีเกษตรหลวงอ่างขางให้คุณได้เข้าไปเรียนรู้และชมความสวยงามของดอกไม้และพืชผักนานาชนิดด้วย

3. ดอยเชียงดาว

ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

           ดอยเชียงดาว เป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และดอยผ้าห่มปก จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบ ๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือ ทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบ นอกจากนี้ยังมีอากาศเย็นสบาย ลมแรง และมีธรรมชาติสมบูรณ์ด้วย

4. ดอยผ้าห่มปก

ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

           ดอยผ้าห่มปก อยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นดอยที่สูงอันดับ 2 ของประเทศไทย จากยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ทะเลหมอก และถนนบนสันเขา ขนานกับชายแดนไทย-พม่า ซึ่งถือเป็นถนนที่สร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงระหว่างประเทศ นอกจากนี้คุณยังจะได้พบกับสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ได้แก่ ผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล, ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก, นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง, นกเดินดงคอแดง ,นกเดินดงดำปีกเทา ฯลฯ

5. ดอยทูเล

           ดอยทูเล เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ในช่วงหน้าหนาวกลางเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี ทุ่งหญ้าเขียวขจีจะเปลี่ยนเป็นทุ่งสีทองท่ามกลางทะเลหมอกและมีอากาศหนาวเย็น เหมาะสำหรับการกางเต็นท์นอนชมดา แต่ขอเตือนกันไว้ก่อนว่าใครที่คิดจะมาพิชิตดอยทูเลก็ต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงเพราะเส้นทางนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ เลย แต่หากว่าคุณพิชิตยอดดอยแล้วก็จะรู้ว่ามันคุ้มค่าจริง ๆ


เที่ยวทะเล

           ฮิตตลอดกาลอยู่แล้วสำหรับทะเล ที่ไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าหนาว หรือหน้าฝน ใคร ๆ ก็มาเที่ยวทะเลกันทั้งนั้น และหากว่าปีใหม่นี้คุณยังมีไม่โปรแกรมเที่ยวไหนก็ลองมาสำรวจทะเลสวย ๆ ที่เราแนะนำกันดีกว่า

1. เกาะล้าน

เกาะล้าน

           เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนกรุงที่มีเวลาเที่ยวน้อย แต่ความสวยงามก็ไม่น้อยหน้าทะเลในที่อื่น ๆ เลย พื้นที่ของเกาะมีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ที่สำคัญน้ำทะเลยังใสและสะอาดมากด้วย มันจึงเป็นสถานที่ซึ่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว โดยคุณสามารถดำน้ำชมปะการังหรือเล่นกีฬาทางน้ำได้แบบไม่รู้เบื่อเลย

2. เกาะนางยวน

เกาะนางยวน

           เกาะนางยวน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ สันทรายสีขาวที่เชื่อมทั้งสามเกาะให้สามารถเดินไป-มาได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีทัศนียภาพโดยรอบที่งดงาม ชายหาดที่สวยงามและน้ำทะเลใสแจ๋วชวนแหวกว่ายเป็นที่สุด นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่หลากหลายและสวยงาม หากมาเที่ยวที่นี่แล้วไม่ดำน้ำชมปะการังเรียกว่าพลาดจริง ๆ

3. เกาะตาชัย

ปีใหม่เที่ยวไหนดี 2558 ใครหาที่เที่ยวปีใหม่คลิกเลย

           เกาะตาชัย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดพังงา และยังถือเป็นเกาะสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้ถึงฤดูกาลเปิดเกาะเนื่องจากจะมีการปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติถึง 6 เดือนด้วยกัน โดยคุณจะสัมผัสได้ถึงความขาวละเอียดและนุ่มเท้าของชายหาด อีกทั้งน้ำทะเลยังเป็นสีฟ้าใส เรียกว่าไม่เคยทำให้นักท่องเที่ยวต้องผิดหวังเลยจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์โลกน่ารักอย่างปูไก่ ซึ่งเป็นสัตว์หายากให้ได้ชมกันแบบใกล้ชิดด้วยค่ะ

4. เกาะกูด

เกาะกูด

           เกาะกูด เป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายทางทิศตะวันออกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลตราด ลักษณะโดยทั่วไปของเกาะยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร สายน้ำ ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง แต่ที่ขึ้นชื่อบนเกาะกูด คือ น้ำตกคลองเจ้า จะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ส่วนทางฝั่งตะวันตกของเกาะตั้งแต่อ่าวตาติ้น, หาดคลองยายกี๋, แหลมหินดำ, หาดคลองเจ้า, หาดง่ามโข่, แหลมบางเบ้า, หาดอ่าวพร้าว ไปจนสุดปลายแหลมเทียน

5. หลีเป๊ะ

เกาะหลีเป๊ะ

           สมฉายา "มัลดีฟส์เมืองไทย" จริง ๆ สำหรับหลีเป๊ะซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ของจังหวัดสตูล มีลักษณะแบน ๆ คล้ายบูมเมอแรง บริเวณโดยรอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด โดยมีชายหาดหลัก ๆ อยู่ 3 หาดคือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา (บันดาหยา) อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2557    
Last Update : 15 ธันวาคม 2557 8:43:50 น.
Counter : 2275 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.