อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ภาษาไทยเขืยนอย่างไร...?ให้ถูกต้อง

| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |

| | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | | |

  หมวด  ก

ภาษาไทยเขียนให้ถูกปลูกสำนึก  หมั่นตรองตรึกทุกวลีมีความหมาย

มหัศจรรย์มนต์ขลังสุดบรรยาย มีหลากหลายรายละเอียดละเมียดละไม 

 เขียนให้งามตามแบบฉบับด้วย  ลายมือสวยอ่านคล่องน่าผ่องใส

 ฝึกอ่านเขียนเพียรสะกดให้ขึ้นใจ อนุรักษ์ภาษาไว้ ไทยยืนยง 

ลำดับ คำที่ถูก คำที่ผิด
1 กงสุลประจำประเทศ... กงศุล
2 กฎหมาย กฏหมาย
3 กนก กหนก
4 กบฏ กบฎ
5 กรมศุลกากร กรมสุลกากร
6 กรรไกร กันไกร
7 กรรเชียง กันเชียง
8 กรรโชก กันโชก
9 กรรไตร กันไตร
10 กรรมบถ กรรมบท
11 กรรมพันธุ์ กรรมพันธ์
12 กรรมมาธิการ กรรมาธิการ
13 กรรมสิทธิ์ กรรมสิทธิ
14 กรวดน้ำ ตรวดน้ำ
15 กร่อน กล่อน
16 กระจิริด กะจิริด
17 กระเชอ  (ภาชนะสาน) กระเฌอ , กะเฌอ
18 กระตือรือร้น กระตือรือล้น , กะตือรือร้น
19 กระทะ กะทะ
20 กระเทือน กะเทือน
21 กระบวนการยุติธรรม ขบวนการยุติธรรม
22 กระเบียดกระเสียร กระเบียดกะเสียน
23 กระเพาะ กะเพาะ
24 กระสัน กระสันต์
25 กระแสน้ำ กระแสร์น้ำ
26 กระหนก  (ลายไทย) กนก (ทอง)
27 กริยา กิริยา
28 กริยา (คำแสดงอาการ) กิริยา (มารยาท)
29 กรีฑา กรีทา
30 กรีฑาทัพ กรีธาทัพ
31 กลไก กลไกล
32 กลมกล่อม กมก่อม
33 กลยุทธ์ กลยุทธ
34 กล้วยบวชชี กล้วยบวดชี
35 กล้ำกลืน กล้ำกืน
36 ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ก๋วยเตี๋ยวลาดหน้า
37 กอปร กอป , กอบร
38 ก้อร่อก้อติก ก้อล่อก้อติก , ก้อล่อก้อติด
39 กะทัดรัด กระทัดรัด
40 กะทันหัน กระทันหัน
41 กะทิ กระทิ
42 กะเทาะ กระเทาะ
43 กะพง กระพง
44 กะเพรา กระเพรา
45 กะลา กระลา
46 กะโหลก กระโหลก
47 กังวาน กังวาล
48 กันดาร (อัตคัด) กันดาล (กลาง)
49 กับตาลปัตร กลับตาลปัด
50 กัป กัปป์
51 กัปตัน กับตัน
52 กัลป์ กัล
53 กากบาท กากะบาท , กากบาด
54 กามารมณ์ กามารมย์
55 การบูร การะบูร , การะบูน , การบูน
56 การละเล่น การระเล่น
57 การันต์ การัน
58 กาลเทศะ กาละเทศะ
59 ก้าวร้าว กร้าวร้าว
60 กำเนิด กำเหนิด
61 กิจจะลักษณะ กิจลักษณะ
62 กิตติกรรมประกาศ กิติกรรมประกาศ
63 กิตติมศักดิ์ กิติมศักดิ์
64 กุฏฐัง กุดฐัง
65 เกร็ดความรู้ เกล็ดความรู้
66 เกร็ดพงศาวดาร เกล็ดพงศาวดาร
67 เกล็ดปลา เกร็ดปลา
68 เกศวดี เกศะวดี
69 เกศา เกษา
70 เกษียณอายุ เกษียนอายุ , เกษียรอายุ
71 เกษียรสมุทร เกษียณสมุทร , เกษียนสมุทร
72 เกสร เกษร
73 เกินดุล เกินดุลย์
74 เกียจคร้าน เกลียจคล้าน
75 เกียรติ เกยีรติ
76 โกฏิ  ( 10 ล้าน) โกฏ
77 โกศ  (ที่ใส่ศพ) โกฐ (เครื่องยาสมุนไพร)
78 กบฏ กบฎ

หมวด ข.

 

ลำดับ คำที่ถูก คำที่ผิด
1 ข้น ค่น
2 ข้นแค้น ค่นแค้น
3 ขบถ ขบฏ
4 ขบวน ขะบวน
5 ข่มเหงคะเนงร้าย ข่มเหงเคนงร้าย , ข่มเหงคเนงร้าย
6 ขมิ้น ขะมิ้น
7 ขมีขมัน ขมีขะหมัน
8 ขโมย ขะโมย , โขมย
9 ขลุกขลิก ขรุกขริก
10 ขะมักเขม้น ขมักเขม้น , ขะมักขะเม่น , คะมักคะเม่น
11 ขะมุกขะมอม ขมุกขมอม
12 ขะเย้อแขย่ง เขย้อแขย่ง
13 ขัดสมาธิ ขัดสมาส
14 ขากรรไกร ขากันไกร
15 ขากรรไตร ขากันไตร
16 ขาดดุล ขาดดุลย์
17 ข้าวกบหม้อ ข้าวกลบหม้อ
18 ข้าวของ (สิ่งของต่างๆ) เข้าของ
19 ข้าวโพด ข้าวโภช , ข้าวโภชน์
20 ข้าวราดแกง ข้าวลาดแกง
21 ขีดคั่น (จำกัด) ขีดขั้น  (เกณฑ์กำหนด)
22 ขี้เถ้า ขี้เฒ่า , ขี้เท่า
23 ขี้ราดโทษล่อง ขี้ราดโทษร่อง, ขี้ลาดโทษร่อง
24 เข็ญใจ เข็นใจ
25 เข็มควัก เข็มฟัก
26 เขม็ดแขม่ ขเม็ดขแม่ , ขเม็ดแขม่
27 เขยก ขเยก , ขะเหยก
28 เขยิน ขะเหยิน
29 เข้าฌาน เข้าฌาณ
30 ไข่มุก ไข่มุกข์ , ไข่มุกด์ , ไข่มุข
31 ไข้สันนิบาต ไข้สันนิบาติ

 

หมวด ค.

 

ลำดับ คำที่ถูก คำที่ผิด
1 คณนา คณณา
2 คนโท คณโฑ
3 ครรลอง คันลอง , คัลลอง
4 ครองแครง คลองแคลง
5 ครองราชย์ ครองราช
6 ครอบคลุม ครอบคุม
7 คริสตกาล คริสต์กาล
8 คริสต์ศตวรรษ คริสตศตวรรษ
9 คริสต์ศาสนา คริสตศาสนา
10 คริสต์ศาสนิกชน คริสตศาสนิกชน
11 ครุฑ ครุธ
12 ครุภัณฑ์ คุรุภัณฑ์
13 คฤหัสถ์ คฤหัส
14 คลาคล่ำ คราคร่ำ , คลาคร่ำ
15 คลางแคลง ครางแครง
16 คลินิก คลีนิค , คลีนิก , คลินิค
17 คลื่นเหียน คลื่นเหียร
18 คลุมเครือ คลุมเคลือ , ครุมเคลือ
19 ควั่นจุก ขวั้นจุก , ฟั่นจุก
20 ควั่นอ้อย ขวั้นอ้อย , ฟั่นอ้อย
21 ควินิน ควินนิน
22 ค้อน (เครื่องมือสำหรับทุบ) ฆ้อน
23 ค่อนขอด ข้อนขอด
24 คอนแวนต์ คอนแวนท์
25 คอนเสิร์ต คอนเสิร์ท
26 คอมมิวนิสต์ คอมมูนิสต์
27 คะนอง คนอง
28 คะนึง คนึง
29 คะมำ คมำ
30 คะยั้นคะยอ ขยั้นขะยอ , ขะยั้นขะยอ
31 คันดาล คันดาน
32 คัมภีร์ คำภีร์
33 คำนวณ คำนวน
34 คุกกี้ คุ๊กกี้
35 คู่กรณี คู่กรณีย์
36 เค้ก เค็ก
37 เครื่องยนต์ เครื่องยนตร์
38 เครื่องราง เครื่องลาง
39 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชอิสสริยาภรณ์
40 เครื่องสำอาง เครื่องสำอางค์
41 เครื่องหมายอัศเจรีย์ เครื่องหมายอัษเจรีย์
42 เคหสงเคราะห์ เคหะสงเคราะห์
43 เคี่ยวเข็ญ เคี่ยวเข็น
44 โคตร โคต
45 โครงการ โครงการณ์
46 โควตา โควต้า
47 ทราย ซาย

 

                          ขอบคุณ แหล่งข้อมูลนำเสนอ  ...การศึกษาดอทคอม    




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2557    
Last Update : 2 ตุลาคม 2557 13:43:46 น.
Counter : 1157 Pageviews.  

ความหมายของตัวเลขบนตั๋วรถเมล์

การเดินทางที่ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุด ทั้งราคาและความสะดวก เป็นปัจจัยที่ทำให้คนไทยใช้บริการรถเมล์นั่นเอง ยิ่งเดี๋ยวนี้ ตั๋วรถเมล์เป็นมากกว่ากระดาษธรรมดาๆ ซะแล้ว โดยเฉพาะใครที่มักจะลืมของบนรถเมล์เป็นประจำ แล้วไม่รู้ว่าจะไปตามของที่หายได้จากที่ไหน ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เอาเป็นว่า เพียงแค่คุณเก็บตั๋วรถเมล์ไว้ คุณก็ได้ของคืนแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเลขรหัสม้วนตั๋ว, เลขหมวดตั๋ว, โลโก้ ที่ปรากฏอยู่บนตั๋วใบเล็กนี่แหละ สามารถสืบทราบถึงสายรถเมล์ กระเป๋ารถเมล์ที่เบิกม้วนตั๋วม้วนนั้น ช่วงเวลาที่คุณใช้บริการรถเมล์สายนั้นๆ ได้ รับประกันได้ว่าถ้าคุณลืมแม้แต่กระเป๋าเหรียญใบกระจิ๊ดก็ได้คืน




1. เลข 1-15 หมายถึง ตัวเลขแทนช่วงระยะทาง ตัวเลขเหล่านี้หมายถึงระยะทางที่กรมการขนส่งได้กำหนดไว้เป็นมาตรฐาน ซึ่งรถเมล์ทุกสายไม่ว่าจะเป็นเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หรือรถร่วมบริการต้องใช้ร่วมกัน อย่างเช่นเลขที่แทนช่วงระยะทางที่ 1 ก็จะมีระยะทางตั้งแต่ตลาดอตก.3 เลี้ยวถึงถนนประชาราษฎร์ ระยะทางที่ 2 ก็จะมีระยะทางตั้งแต่ถนนประชาราษฎร์ถึงสะพานพระราม 7 เป็นต้น ตัวเลขแทนช่วงระยะทางนี้จะมีมากกว่าหรือน้อยกว่า 15 ช่วงระยะก็ได้ ขึ้นอยู่กับองค์กรที่ให้บริการว่าจะให้บริการเส้นทางที่ใกล้ไกลมากน้อยขนาดไหน

นอกจากจะแทนช่วงระยะทางแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ยังสามารถบอกให้กับผู้โดยสารและนายตรวจตั๋วได้รู้อีกว่า ผู้โดยสารขึ้นจากรถเมล์ป้ายไหน และนับเป็นช่วงระยะทางที่เท่าไหร่ และถ้าเป็นรถเมล์ที่จ่ายเงินตามระยะทาง ก็จะบอกถึงราคาในแต่ละระยะทางอีกด้วย

2. โลโก้ของบริษัท บริษัทที่ให้บริการผู้โดยสารขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทว่าจะใช้โลโก้แบบไหน ถ้าหากเป็นรถของขสมก. ก็จะเป็นตราของขสมก. แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชน ก็จะมีตราบริษัทที่ต่างกันออกไป

3. เลขรหัสม้วนตั๋ว เป็นเลข 3-4 หลักแรก (ซึ่งในแต่ละองค์กรที่ให้บริการจะกำหนดไม่เท่ากัน) ใน 7 หลัก ซึ่งจะแทนเส้นทางการเดินรถที่ทางขสมก.กำหนดขึ้น รวมทั้งยังแทนสายรถเมล์สายนั้นๆ ด้วย

4. เลขจำนวนผู้โดยสาร เป็นเลข 3-4 หลักต่อท้ายจากเลขรหัสม้วนตั๋ว ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 000 ในทุกๆ ม้วนตั๋วและจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้โดยสารในแต่ละวัน รู้อย่างนี้แล้วใครที่อยากได้ตั๋วที่ลงท้ายด้วย 000 ไปรอกันที่ท่ารถตั้งแต่รถออกได้เลย

5. เลขหมวดตั๋ว เป็นเลขที่แทนรอบการผลิตตั๋วและแทนรถเมล์สายนั้นๆ ซึ่งจะมีตั้งแต่ 1-1000 เลยทีเดียว อย่างเช่นตั๋วรถเมล์ในรูปนี้ เลขหมวดตั๋วคือ 55

6. สีของตั๋ว สีของตั๋วนอกจากจะบอกถึงราคาแล้ว สำหรับรถเมล์ปรับอากาศคำนวณราคาตามระยะทางยังสามารถบอกถึงช่วงระยะในการเดิน ทางของผู้โดยสารอีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ลงจากรถเมล์เมื่อไหร่ก็อย่าลืมที่จะเก็บตั๋วมาไว้ด้วยล่ะ เพื่อว่าถ้าลืมของจะได้บอกได้ว่ารหัสม้วนตั๋วคือตรงไหน เลขหมวดตั๋วคือเลขอะไร โอเค้...

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก makemai.blogspot.com




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2557    
Last Update : 2 ตุลาคม 2557 13:39:59 น.
Counter : 911 Pageviews.  

อาการ ปวดตับ ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

ตับ ทำหน้าที่เสมือนเป็นโรงงานผลิตพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมทั้งยังเป็นอวัยวะสำคัญในการเผาผลาญของเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกายด้วย โดยทำการขับออกมาทางน้ำดีลงสู่ลำไส้ปนไปกับอุจจาระ และเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ยาหรือสารต่างๆ ที่ร่างกายรับประทานแล้วเหลือตกค้าง สิ่งเหล่านี้อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของตับ ทำให้เกิดโรคตับต่างๆ ได้  เช่น โรคตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมีการอักเสบบวมของเนื้อตับ ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดตับ จุกตึงใต้ชายโครงขวา ร่วมกับมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และเกิดดีซ่านขึ้นได้

450564747

นอกจากนี้ ปวดตับ ยังอาจเกิดจากเนื้อตับบางส่วนที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติกลายเป็นก้อนเนื้องอกดันผิวตับให้โป่งนูน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดจุกแน่นในบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือลิ้นปี่  มักพบในผู้ป่วยที่มีโรคตับอักเสบเรื้อรังแฝงอยู่โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ มาก่อน หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ได้แก่ อ่อนเพลียและหมดแรงง่าย  บางรายมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรืออาเจียนเป็นเลือดสด ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดขอดในหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหาร อันเป็นผลจากภาวะตับแข็งที่มักพบร่วมด้วยในผู้ป่วยที่เกิดมะเร็งตับ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า  เมื่อไรควรไปพบแพทย์ เรามีสัญญาณอันตรายที่เตือนว่า ตับของคุณเริ่มมีปัญหาแล้วคือ

1. อาการปวดจุก หรือแน่นชายโครงขวา ซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ อาจเพราะมีการอักเสบของเนื้อตับ หรือเกิดจากก้อนเนื้องอกภายในเนื้อตับ

2. ดีซ่าน คือ ภาวะที่มีการคั่งของเม็ดสีน้ำดี ซึ่งสร้างมาจากตับ สะสมในเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ผิวหนังและเยื่อตาขาวเปลี่ยน  มีสีเหลือง ซึ่งน้ำดีที่มากเกินในร่างกาย ส่วนหนึ่งจะถูกขับออกทางไต ทำให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม เป็นสัญญาณบ่งว่า สมรรถภาพการทำงานของตับเริ่มถดถอย

3. อ่อนเพลียเรื้อรัง หมดแรงง่าย อาจเกิดจากภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งควรได้รับการตรวจเลือดยืนยันและหาสาเหตุต่อไป โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ การดื่มสุราจนทำให้เกิดโรคตับเรื้อรัง โรคอ้วนจนมีไขมันคั่งในเนื้อตับปริมาณมาก และการรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรบางชนิด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีสารเหล่านี้ตกค้าง จนทำให้เกิดตับอักเสบ ผลิตพลังงาน และสารที่จำเป็นต่อร่างกายได้ลดลง

4. เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า สมรรถภาพการทำงานของตับเริ่มเสื่อมลง ทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานสำรองจากที่ต่างๆ มาเผาพลาญ  น้ำหนักตัวจึงลดลง

ดังนั้นถ้าเราสังเกตตัวเองว่ามีสัญญาณเตือนความผิดปกติดังกล่าว อาจบ่งว่าสุขภาพตับเริ่มจะไม่แข็งแรง  มีโรคภัยซ้อนเร้นอยู่ จึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติมว่า สมถรรภาพการทำงานของตับและสาเหตุของความผิดปกตินั้นเกิดจากอะไร

แต่สิ่งสำคัญที่สุดเพื่อให้ห่างไกลจากโรคที่ทำให้ “ ปวดตับ ” เราควรจะดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยรับประทานอาหารที่สะอาดและมีคุณค่าทางโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับออกกำลังกาย เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดพุง  ไม่รับประทานสารอาหาร ยา หรือสมุนไพรใดๆ เสริมโดยไม่จำเป็น

เท่านี้คุณก็จะไม่ “ ปวดตับ ”

ขอบคุณที่มาจาก : รศ.นพ.พูลชัย จรัสเจริญวิทยา
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2557    
Last Update : 1 ตุลาคม 2557 11:49:13 น.
Counter : 1190 Pageviews.  

กินปลาจะช่วยป้องกันรักษาชีวิต สกัดหลอดเลือดตืบตัน

นักวิทยาศาสตร์ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย พบสาเหตุใหม่ ที่คนเราควรจะกินปลาเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่ง


ดร.ริชาร์ด เจ. เดคเกลบอม ผู้อำนวยการของสถาบันโภชนาการมนุษย์โคลัมเบียแห่งอเมริกา ได้พบว่า การกินอาหารที่อุดมด้วยน้ำมันปลา จะช่วยป้องกันไขมันไปจับตามเส้นโลหิตแดงใหญ่ของร่างกาย ทั้งปลายังอุดมด้วยกรดไขมัน โอเมกา-3 ซึ่งเป็นคุณแก่ร่างกาย ซึ่งช่วยป้องกันโรคจิตและถ่วงความพิการอันเนื่องมาแต่ความชราภาพให้เนิ่นช้าออกไปได้


การกินปลาพวกปลาทูนา ซาร์ดีนส์ ซัลมอน และพวกปลาที่เรียกกันว่าปลาที่อยู่ ในน้ำเย็นชนิดต่างๆ ช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบตัน กรดไขมันโอเมกา-3 เป็นที่รู้กันอยู่ว่า มันช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ อันเป็นไขมันที่พบในกระแสโลหิตบ่อย.

ขอบคุณที่มาจาก ไทยรัฐ




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2557    
Last Update : 1 ตุลาคม 2557 11:44:34 น.
Counter : 1078 Pageviews.  

ความรุ้เรื่องวัฒนธรรม

ความรู้เรื่องวัฒนธรรม

พระยาอนุมานราชธน พระยาอนุมานราชธน (๒๔๓๑ - ๒๕๑๒)

..........นักปราชญ์สำคัญของชาติ บุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลก ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ ขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ให้ความหมาย เนื้อหา ประเภท ลักษณะความเจริญแห่งวัฒนธรรม ความเป็นไปแห่งวัฒนธรรม ระยะแห่งวัฒนธรรม สรุปได้ดังนี้
ความหมาย
..........พระยาอนุมานราชธน (๒๕๓๒: ๔๕ - ๔๘) ได้ให้บทนิยาม คำ "วัฒนธรรม"ว่า
.......... วัฒนธรรม คือ "สิ่งที่มนุษย์เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือผลิตสร้างขึ้น เพื่อความเจริญงอกงามในวิถีแห่งชีวิตของส่วนรวม ถ่ายทอดกันได้ เอาอย่างกันได้
..........คือผลิตผลของส่วน รวมที่มนุษย์ได้เรียนรู้มาจากคนแต่ก่อนสืบต่อเป็นประเพณีกันมา
..........คือความรู้สึก ความคิดเห็น ความประพฤติ และกิริยาอาการ หรือการกระทำใดๆ ของมนุษย์ใน ส่วนรวมลง รูปเป็นพิมพ์เดียวกัน และสำแดงออกมาให้ปรากฏเป็นภาษา. ศิลปะ ความเชื่อถือ ระเบียบประเพณี เป็นต้น
..........คือมรดกแห่งสังคม ซึ่งสังคมรับและรักษาไว้ให้เจริญงอกงาม เป็นผลิตผลของส่วนรวมที่มนุษย์ได้เรียนรู้มาจากคนแต่ก่อนสืบต่อเป็นประเพณีกันมา

ประเภทของวัฒนธรรม

..........พระยาอนุ มานราชธน (๒๕๓๒ : น.๕๐ )ได้จำแนกประเภทของวัฒนธรรมออกเป็น
..........๑. วัฒนธรรมทางวัตถุ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขกายเพื่อให้ได้อยู่ดีกินดีมีความสะดวกสบายในการ ครองชีพ ได้แก่สิ่งความจำเป็นเบื้องต้นในชีวิต ๔ อย่างและสิ่งอื่นๆ เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้ ยานพาหนะ ตลอดจนเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เครื่องป้องกันตัว
..........๒. วัฒนธรรม ทางจิตใจ เป็นสิ่งที่ทำให้ปัญญาและจิตใจมีความเจริญงอกงาม ได้แก่ การศึกษา วิชาความรู้อันบำรุงความคิดทางปัญญา ศาสนา จรรยา ศิลปะ และวรรณคดี กฎหมายและระเบียบประเพณี ซึ่งส่งเสริมความรู้สึกทางจิตใจให้งอก งามหรือสบายใจ

ลักษณะความเจริญแห่งวัฒนธรรม

..........พระยาอนุมานราชธน (๒๕๓๒ : น.๕๓ ) ได้อธิบายลักษณะความเจริญ งอกงามของวัฒนธรรมดังนี้คือ
..........๑. ต้องมีการสั่งสม และการสืบต่อ ตกทอดกันไปไม่ขาดตอนมีมรดกแห่งสังคมอันเกิดจากผลิตผลของสังคมที่สร้างสมไว้
..........๒. ต้องมีแปลกมีใหม่มาเพิ่มเติมของเดิมให้เข้ากันได้
..........๓. ต้องส่งเสริมเพื่อให้แพร่หลายไปในหมู่ของตนและตลอดไปถึงชนหมู่ อื่นด้วย
..........๔. ต้องปรับปรุงและแก้ไขให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และสภาพของเหตุการณ์

ลักษณะความเป็นไปแห่ง วัฒนธรรม ๓ ประการ

..........พระยาอนุมานราชธน (๒๕๓๒ : น.๕๗ ) กล่าวถึงลักษณะความเป็นไปของวัฒนธรรม เมื่อเกิดการขยายอำนาจ หรือการรุกรานดังนี้คือ
..........๑. วัฒนธรรมของฝ่ายแพ้จะต้องสูญไป ถ้าฝ่ายแพ้ไม่มีวัฒนธรรมอันเป็นบุคลิกลักษณะของตนอยู่ในระดับสูง หรือเท่ากับฝ่ายชนะ เช่นให้เลิกศึกษาภาษาของตน แต่ให้มาศึกษาของฝ่ายชนะ หรือไม่ ฝ่ายชนะพยายามทำลายวัฒนธรรมของฝ่ายแพ้ให้หมดไปทันที
..........๒. ถ้าทั้งสองฝ่าย คือทั้งแพ้และชนะมีวัฒนธรรมอยู่ในระดับทัดเทียมกัน วัฒนธรรมของฝ่ายแพ้ก็ จะต้านทานฝ่ายชนะไว้ได้ วัฒนธรรมของทั้งสองฝ่ายจะเข้าระคนปนกันทีละน้อยๆ เมื่อเป็นเวลานานจะเกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่มีอำนาจดีกว่าเดิม เพราะได้กำลังทั้งสองฝ่ายมารวมกัน
..........๓. ถ้าฝ่ายแพ้มีวัฒนธรรมอยู่ในระดับสูงกว่าฝ่ายชนะ ก็จะสามารถดึงดูดเอาวัฒนธรรมของฝ่ายชนะเข้าประสานและอยู่ในครอบงำของฝ่ายแพ้ ถ้าฝ่ายชนะมีจำนวนคนน้อยกว่าฝ่ายแพ้ การพ่ายแพ้ในทาง วัฒนธรรมของฝ่ายชนะจะเร็วขึ้น

..........ชาติใดไม่กระตือรือร้นในการบำรุงและส่งเสริมวัฒนธรรมของตนให้มีความเจริญงอกงาม และแพร่หลายได้ทันท่วงที ชาตินั้นอาจเป็นผู้ถูก ชาติอื่นรุกรานในทางวัฒนธรรม ดังนั้นเพื่อไม่ให้ถูกรุกรานหรือรุกรานก็ต้านอยู่ ก็จะต้องรู้จักปรับปรุงวัฒนธรรมของตนให้เจริญ สิ่งแปลกใหม่ไม่ใช่ว่าจะเป็นของดีมีประโยชน์แก่ตนเสมอไป ถ้าสิ่งแปลกใหม่นั้นไม่เข้ากันได้ดีกับราก ฐานแห่งวัฒนธรรมของตน

ระยะแห่งวัฒนธรรม
..........๑. สมัยนรปศุธรรม ( Stone Age Culture ) ได้แก่สมัยแรกเริ่มป่า เถื่อนตั้งแต่ยุคหิน จึงใช้คำว่า นร - ปศุธรรม ครึ่งคนครึ่งสัตว์
..........๒. สมัยอนารยธรรม (Barbarian Culture) ค่อยเจริญขึ้นแล้วแต่ยังป่าเถื่อนอยู่
..........๓. สมัยอารยธรรม (Civilization) มนุษย์มีความเจริญแล้ว อารยธรรมคือ วัฒนธรรมที่พ้นจากความป่าเถื่อนแล้วหรือพยายามให้พ้น และใช้คำว่า Culture ปนกันไปก็มี

การที่วัฒนธรรมจะเปลี่ยนแปลงไปได้นั้นมี ๔ ระยะ คือ

..........๑. เปลี่ยนไปเล็กน้อย
..........๒. เกิดจากค้นพบสิ่งใหม่ๆ ( discovery) หรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ขึ้น (invention) สภาพภาวะเปลี่ยนแปลงไป วัฒนธรรมจึงเปลี่ยนไป
..........๓. มีคู่แข่งขึ้น เช่น เกวียนไปไม่ได้ รถไปได้
..........๔. การยืมวัฒนธรรมอื่นเขามา (Cultural borrowing)

เหตุแห่งความเจริญทางวัฒนธรรม

..........๑. การสะสม ต้องรับมรดกที่บรรพบุรุษมอบไว้ให้
..........๒. การปรับปรุง ถ้าหมดสมัยแล้วก็ต้องเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ สิ่งที่เป็นมาในอดีต (ทั้งฝ่ายนามธรรมด้วย) ที่ใช้ได้ก็ปรับปรุงให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน
..........๓. การถ่ายทอด ต้องสืบต่อให้คนรุ่นหลัง ต้องเผยแพร่สั่งสอนกัน การจะทำให้วัฒนธรรมเจริญยั่งยืนนั้น เราต้องรักษาวัฒนธรรมมรดกตกทอดและปรับปรุงอดีตให้เหมาะสมกับปัจจุบัน

*คณะอนุกรรมการจัดพิมพ์เอกสารเนื่องในวาระครบ ๑๐๐ ปีพระยาอนุมานราชธน.

รวมเรื่องเกี่ยวกับ..............วัฒนธรรม. กรุงเทพฯ, ๒๕๓๑. ๓๐๖ หน้า

 


ข้อมูล จาก //www.culture.go.th/knowledge/mean/01.htm




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2557    
Last Update : 1 ตุลาคม 2557 11:40:27 น.
Counter : 925 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.