อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน

เมื่อพูดถึง ประเพณีการบอกหมาก คนสมัยนี้อาจไม่รู้ว่าคือประเพณีเกี่ยวกับอะไร แต่ถ้าไปถามรุ่นปู่ย่า ตายาย ก็จะรู้จักเป็นอย่างดีเลยค่ะ วันนี้กระปุกเวดดิ้งเลยขอมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ "ประเพณีบอกหมาก" ประเพณีแบบไทยอีกหนึ่งอย่างที่เราควรอนุรักษ์


เนื่องจากในสมัยก่อนไม่มีการแจกการ์ดเชิญในงานแต่งงาน การบอกกล่าวเชื้อเชิญจะทำได้โดยวิธี "การบอกหมาก" โดยการจัดเตรียมพานจัดหมากพลู จะต้องทำการจัดหมากพลูจีบเป็นคำ ๆ ใส่ในพาน แล้วเดินทางไปเชิญแขกบอกญาติ และเมื่อเดินทางไปถึงบ้านที่จะเชิญไปร่วมงานแต่งงาน ก็จะทำการเชิญให้ไปร่วมพิธีในงานแต่งงาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่จะเดินทางไปบอกหมากจะเป็นพ่อแม่ หรือตัวแทนคู่สมรสเดินทางไปด้วยตัวเองก็ได้ โดยสมัยก่อนจะไม่เชิญแขกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงสามารถบอกได้เฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้ ๆ และจะบอกเฉพาะคนที่สนิท ญาติสนิท และบุคคลที่เคารพนับถือกัน

ส่วนอุปกรณ์สำหรับ "หมากจีบพลู" ที่จะจัดในพาน ประกอบด้วย หมาก พลู และปูน หรืออาจใส่ยาสูบหรือยาเส้นด้วยก็ได้ แล้วนำใบพลูมาทาปูนกินหมาก นำชิ้นหมากที่หั่นเป็นชินเล็ก ๆ มาใส่บนใบพลู พร้อมด้วยยาเส้น จีบหรือพันตามแนวยาวของใบ หรือห่อสามเหลี่ยมเล็ก ๆ

ซึ่งปัจจุบัน ประเพณีการบอกหมาก ในช่วงก่อนแต่งงานมักไม่มีทำกันแล้ว อาจจะมีหลงเหลือในชนบท ที่ยังนับถือประเพณีดังกล่าว ใช้บอกผ่านคนเฒ่า คนแก่ที่อ่านไม่ออกค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งความรู้เกี่ยวกับประเพณีการแต่งงานนะคะ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยเราให้ยังคงอยู่ต่อ ๆ ไป จนถึงลูกหลานด้วยค่ะ หรืออาจจะสืบทอดด้วยการนำประเพณีนี้ไปบอกเล่าที่บ้าน หรือญาติผู้ใหญ่ ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการ์ดไปอีกทาง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2557    
Last Update : 13 ธันวาคม 2557 12:16:45 น.
Counter : 957 Pageviews.  

ผัดพริกแกงโปรตีนเกษตร เมนูอาหารเพื่อสูขภาพ

ผัดพริกแกงโปรตีนเกษตร เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

สูตรอาหาร : เมื่อพูดถึงผัดพริกแกง เราก็อาจจะนึกถึงอาหารที่มีรสเผ็ดและอร่อยที่ปรุงรสด้วยเครื่องแกงไทยๆ ที่มีหลากหลายเมนูให้เลือกทาน ไม่ว่าจะเป็นผัดพริกแกงหมู ไก่ อาหารทะเล ยิ่งถ้าใส่เป็นเนื้อหมูติดมันลงไปด้วยแล้ว ยิ่งอร่อยนักเชียว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือคนรักสุขภาพเมนูนี้อาจไม่เหมาะกับคุณ วันนี้เราจึงได้นำสูตรผัดพริกแกงโปรตีนเกษตรอร่อยๆมาฝากครับ เป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะโปรตีนเกษตรทำจากถั่วซึ่งให้โปรตีนได้อย่างดี และปรุงรสให้อร่อยด้วยเครื่องแกงไทยๆ…รับรองว่ารสชาติอร่อยเลิศไม่แพ้ผัดพริกแกงเนื้อเลย ก็เป็นอีกเมนูที่ทำไม่ยากแต่ได้สุขภาพ รสชาติอร่อยถูกปากสไตล์คนชอบทานเผ็ด


ส่วนผสม
  1. โปรตีนเกษตรชิ้นเล็ก 2 ถ้วย
  2. พริกแกงแดง ½ ถ้วยตวง
  3. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะน้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
  5. ใบมะกรูดหั่นฝอย 1-2 ใบ
  6. พริกชี้ฟ้า เขียว แดง อย่างละ 1 เม็ด
  7. (หั่นฝอยสำหรับโรยหน้า)
  8. น้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. แช่โปรตีนเกษตรในน้ำเย็นจนนิ่ม ลวกน้ำร้อนแล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนให้กรอบเหลือง ตักขึ้น พักไว้
2. ผัดพริกแกงกกับน้ำมันให้หอม ค่อยๆเติมน้ำสะอาดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล แล้วจึงใส่โปรตีนเกษตรลงผัดให้เข้ากัน ตักขึ้น โรยใบมะกรูด พริกหั่นฝอย


ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Cuisinier@Foodtravel.th




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557    
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 10:54:38 น.
Counter : 3123 Pageviews.  

คลีนฟุ้ด เทรนด์ฮิตของคนรักสูขภาพ

ช่วงนี้กระแสนิยมของ “คนรักสุขภาพ” กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบ 25 นาที หรือแม้กระทั่งการกินอาหารแบบคลีนๆ (Clean Food) ที่หลายคนรู้จักและเรียกกันจนติดปาก

อ.สง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และผู้จัดการโครงการโภชนาการสมวัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายว่า “ คลีนฟู้ด ” (Clean Food) เป็นคำเรียกที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนได้เกิดความตระหนักว่า “การกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ มีความปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน และกินอย่างเพียงพอ ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกาย คือ การนำมาซึ่งสุขภาพที่ดี เพราะการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงอาหารการกินนั้นไม่เป็นผล”

photo1

“อย่างที่บอกย้ำเสมอว่า การกินอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย บวกกับการควบคุมอารมณ์ ไม่หมกมุ่น ไม่เกิดความกังวล หาทางสลัดความเครียดออกจากตัวเองให้เร็ว เลี่ยงเหล้าและบุหรี่ตามหลัก 3 อ 2 ส (อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่) คือสิ่งที่ทุกคนที่รักสุขภาพจะต้องยึดเหนี่ยว”

สำหรับ คลีนฟู้ด อ.สง่าบอกว่า มีความหมายอยู่ 2 นัยยะ คือ “อาหารที่ไม่ปนเปื้อน” หมายถึง กินเข้าไปแล้ว มีประโยชน์และไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งการปนปื้อนก็มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน คือ “ปนเปื้อนเชื้อโรค” มีเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปปะปนในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ไม่สุก อาหารที่ค้างคืน มีแมลงวันตอม ปรุงไม่สะอาด ก็นำมาซึ่งอาการท้องเดินได้ ต่อมา “ปนเปื้อนจากพยาธิ” เช่น การกินอาหารที่สุกๆ ดิบๆ การกินอาหารที่ไม่ระมัดระวังเรื่องความสะอาดก็มีการปนเปื้อนพยาธิได้ และสุดท้าย “ปนเปื้อนสารเคมี” เช่น กินผักที่ไม่ได้ล้างหรือล้างไม่สะอาด มียาฆ่าแมลงปะปนอยู่ อาหารที่ใส่สีแต่ไม่ใช่สีผสมอาหาร อาหารที่มีพิษ เช่น เห็ดพิษ น้ำมันทอดซ้ำ ถั่วลิสงที่มีอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) เป็นต้น

“ส่วนนัยยะที่สอง คือ “อาหารที่ถูกหลักโภชนาการ” อาจารย์จึงอยากจะยกตัวอย่างง่ายๆ ว่า การตั้งคำถามว่าเราจะกินอาหารอย่างไรให้ครบ 5 หมู่ และต้องกินให้ได้สัดส่วน ปริมาณที่เพียงพอไม่มากน้อยจนเกินไป รวมถึงมีความหลากหลาย เลี่ยงอาหารหวานจัด เค็มจัด มันจัด สุดท้ายกินผักผลไม้ให้มาก ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงคือ การกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการในแบบที่ตรงกับคำว่า คลีนฟู้ด เพราะฉะนั้นคำว่า คลีนฟู้ด ก็คือ คำว่า อาหารปลอดภัยไม่ปนเปื้อน อาหารถูกหลักโภชนาการนั่นเอง”

ทำความเข้าใจเรื่อง “อาหารถูกหลักโภชนาการ”

อาจารย์สง่าบอกเพิ่มเติมว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจคำว่าอาหาร 5 หมู่ เพียงแค่พูดกันจนติดปาก ซึ่งหากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือการคำนึงถึงสิ่งที่เราจะกินในแต่ละมื้อ หมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ มีโปรตีน หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง คาร์โบไฮเดรต หมู่ที่ 3 เกลือแร่และแร่ธาตุ หมู่ที่ 4 ผักผลไม้ที่มีวิตามิน และหมู่ที่ 5 ไขมัน คนมักจะท่องแล้วก็จบไม่ได้สังเกตว่าเรากินแต่ละมื้อครบหรือเปล่า…

“มีวิธีสังเกตง่ายนิดเดียว ยกตัวอย่างเช่น เรากินก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม แล้วก็กินส้มเขียวหวาน 1 ลูก  เราได้คาร์โบไฮเดรตจากเส้นก๋วยเตี๋ยว โปรตีนจากลูกชิ้นหรือหมูสับ วิตามินแร่ธาตุจากผัก เช่น ถั่วงอกหรือผักอื่นๆ และไขมันจากกระเทียมเจียว สุดท้ายก็กินผลไม้ แต่ในทางตรงกันข้าม เวลาที่เร่งรีบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลวกน้ำร้อนก็ได้แค่คาร์โบไฮเดรต หรือกาแฟกับปาท๋องโก๋ ก็ได้แค่ 2 หมู่ แป้งกับน้ำมัน เพราะฉะนั้นการกินอาหารหลัก 5 หมู่ ต้องกินครบให้ได้ทุกมื้อ ส่วนมากเราจะขาดผลไม้ ซึ่งถ้าเราขาดผลไม้ในอาหารมื้อหลัก เราก็อาจจะทดแทนในช่วงอาหารว่างบ้างก็ได้”

photo9

หลักในการจัดอาหารคลีน มีดังนี้

  • ขัดสีให้น้อยที่สุด เช่น ข้าวก็ไม่เลือกที่ขัดจนเป็นข้าวสวยขาว ส่วนขนมปังก็ไม่เลือกแบบเนื้อนุ่มขาวจั๊วน่าอร่อย  หรือขนมแป้งขัดขาวก็ให้เลี่ยงอย่างโดนัท, คุกกี้และเบเกอรี่อื่นๆ
  • ปรุง แต่งเท่าที่จำเป็น เช่น เลี่ยงการใช้น้ำมันทอดหรือผัดจนท่วม แต่อาจเติมน้ำสลัดจากน้ำมันธรรมชาติได้  ไม่ปรุงน้ำตาล, น้ำปลา, เกลือหรือเติมรสจัดจนทำให้รสผิดไปจากธรรมชาติมากไป

เทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญท่านแนะเอาไว้โดยละเอียด 7 ประการ มีดังนี้

  • อาหารเช้าขาดไม่ได้ (ภายใน 1 ชั่วโมงหลังลืมตาตื่น)
  • แบ่งมื้ออาหารรับประทานเป็นมื้อย่อย เช่น 4 หรือ 6 มื้อต่อวัน
  • เลือกบริโภคโปรตีนแบบ “ไม่ติดมัน” และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (เช่น ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีต) ทุกมื้อ
  • รับประทานไขมันดีทุกวัน เช่น น้ำมันปลา, ปลาทู, น้ำมันมะกอก, น้ำมันสุขภาพอื่นๆ
  • คุมส่วนของอาหาร (portion) ให้ดี ไม่ควรเลือกไซส์ใหญ่หรือรับประทานอเมริกันไซส์
  • รับประทานไฟเบอร์, วิตามิน, สารอาหารและเอ็นไซม์จากผักสดและผลไม้
  • สำคัญที่ดื่ม “น้ำเปล่า” ให้ได้วันละ 2-3 ลิตร

ส่วนของกินที่ควร “เลี่ยง” นั้นมีในกลุ่มต่อไปนี้

  • แป้ง ขัดขาว อย่าง แป้งข้าวสาลี, ขนมปังขาว, ปาท่องโก๋, เค้ก, คุกกี้, เบเกอรี่และอาหารที่ทำจากแป้งหรือน้ำตาล น้ำหวาน รวมถึงน้ำตาลเทียม เครื่องดื่มหวานทุกชนิดควรเลี่ยง อย่าง กาแฟชงสำเร็จ, กาแฟทรีอินวัน, ชาเขียวรสหวาน, น้ำอัดลม, น้ำหวานหรือแม้แต่น้ำผลไม้
  • แอลกอฮอล์ทุกประเภท ไม่ว่าจะไวน์, เหล้า, เบียร์, ยาดอง,กระแช่, สาโท หรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ อย่างค็อกเทล
  • ไส้กรอก รวมถึงแฮม, เบค่อน, กุนเชียง, หมูสวรรค์, หมูแผ่น เพราะอาหารแปรรูปเหล่านี้ มักใส่ “ไนไตรต์” ซึ่งเป็นกลุ่มดินประสิวให้เนื้อแดงน่ากิน
  • ผงชูรสและซุปก้อน ควรเลี่ยงถ้าเป็นไปได้ ทางเลี่ยงง่ายๆ คือระวัง “น้ำซุป” ทั้งหลายเพราะมักใส่ผงชูรสและซุปปรุงรส เช่น ในก๋วยเตี๋ยวน้ำ, แกงจืด, ต้มยำ, อาหารจีนโดยเฉพาะที่รับประทานนอกบ้าน
  • อาหารสังเคราะห์ เช่น อาหารไมโครเวฟ, บะหมี่สำเร็จรูป, อาหารกระป๋องบางชนิด, ไอศกรีมปรุงแต่งรส, ครีมเทียมใส่กาแฟ, เนยเทียม, เยลลี่หลากสี หรือโพรเซสชีส
  • ของทอดของมัน เพราะไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ซึ่งเป็น “ไขมันผู้ร้าย” จะมีอยู่มากในอาหารกลุ่มนี้ เช่น ไก่ทอดน้ำมันท่วม, เฟรนช์ฟราย, อาหารชุบแป้งและเกล็ดขนมปังทอด

ทั้งหมดนี้คืออาหารที่ “ไม่คลีน” ในแง่ของการปรุงแต่งรส ผ่านกระบวนการขัดสีและเป็นอาหารหมักดอง ซึ่งถ้ารับประทานนานเข้าจะส่งผลให้ “อ้วน” และ “แก่เร็ว” จากสารเคมีสังเคราะห์ทั้งหลาย  การรับประทานอาหารคลีนคือการรับประทานที่ใกล้ธรรมชาติที่สุด จะช่วยหยุดโรคอ้วนและสุขภาพเสื่อมแบบเร่งด่วนได้

ID-100202043

แล้วจะกินอาหารก่อนหรือหลังออกกำลังกาย?

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพิ่มเติมว่า ตามหลักแล้วถ้าเราจะออกกำลังกาย เราจะต้องไม่กินอาหารมื้อหนักล่วงหน้าประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แต่ถ้ากินอาหารมื้อหนักไปแล้ว ห่างมาสัก 2- 3 ชั่วโมง ก็สามารถออกกำลังกายเบาๆ ได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าเราออกกำลังกายเสร็จแล้วเราไปกินมื้อหนักเป็นโอกาสที่เราจะอ้วนสูงมาก เพราะฉะนั้นการออกกำลังกายในช่วงเช้าคือช่วงเวลาทีดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ยังไม่ได้รับประทานอาหาร เมื่อเราไปออกกำลังกายใช้พลังงานจะทำให้การเผาผลาญดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าออกกำลังกายช่วงเย็นไม่ดี คือสรุปแล้วให้เดินทางสายกลาง ถ้าสะดวกช่วงเช้าก็ออกกำลังกายช่วงเช้าตลอด หรือถ้าสะดวกช่วงเย็นก็ออกกำลังกายช่วงเย็น

“ถ้าออกกำลังกายแล้วรู้สึกเพลียๆ แล้วโหย สำคัญที่สุดคือ การดื่มน้ำเปล่าสะอาด ไม่ใช่น้ำอัดลมหรือน้ำหวาน เพราะอุตส่าห์เบิร์นออกแล้วยังไปเอาพลังงานส่วนเกินเข้าไปอีกจะน่าเสียดายมาก หรือถ้าเป็นเครื่องดื่มจะดื่มนมพร่องมันเนยรสจืดหรือนมรสธรรมชาติก็ได้ แต่ถ้าจะเป็นอาหารที่หนักขึ้นมาหน่อยแนะนำเป็นผลไม้ที่ไม่หวาน แต่ไม่แนะนำอาหารมื้อหนัก เพราะหลังออกกำลังกายมากินอาหารแล้วเข้านอน การเผาผลาญจะลดลงนั่นเอง” ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการกล่าว

ไม่ว่ากระแสการออกกำลังกายหรือการกินอาหารแบบคลีนๆ ที่แพร่หลายในขณะนี้จะเป็นเพียงเรื่องฮิตที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เป็นเรื่องน่ายินดีว่า “คนไทย” หันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลเรื่องอาหารการกินเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

ขอบคุณที่มาจาก : //www.thaihealth.or.th /
เว็บไซต์ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
และขอขอบคุณข้อมูลจาก คนสู้โรค ไทยพีบีเอส




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557    
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 10:51:00 น.
Counter : 4977 Pageviews.  

ไทม์เชิดชูนักสุ้อีโบล่า เป็นบุคคลแห่งปี

นิตยสารไทม์ เลือก เหล่าแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสอีโบลา เป็นบุคคลแห่งปี 2014 ชื่นชมความกล้าหาญและเสียสละ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นิตยสารไทม์ ซึ่งเป็นนิตยสารข่าวของสหรัฐฯ ได้มอบตำแหน่ง บุคคลแห่งปี 2014 ให้แก่ ผู้ที่ต่อสู้กับการระบาดเชื้อไวรัสอีโบลาในแนวหน้า โดยชื่นชมในความกล้าหาญและความเมตตาของพวกเขา ที่เสี่ยงชีวิตตัวเอง ต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 6,300 ราย

ไทม์, นิตยสารไทม์, อีโบลา, บุคคลแห่งปี2014, ข่าววันนี้

โดย แนนซี กิบส์ บรรณาธิการของนิตยสารไทม์ เผยว่า “พื้นที่อื่นๆในโลกสามารถหลับได้อย่างสงบในยามค่ำคืน ก็เพราะกลุ่มชายหญิงที่ตั้งใจยืนหยัดและต่อสู้ สำหรับความกล้าหารและเมตตาอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย สำหรับการเสียสละและการช่วยเหลือ ผู้ที่ต่อสู้กับอีโบลา คือบุคคลแห่งปี 2014 ของไทม์”

นอกจากนี้ กิบส์ ยังกล่าวชื่นชมผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ ซึ่งถูกมาโดยองค์กรต่างๆเช่น องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอ) รวมทั้ง แพทย์และพยาบาลท้องถิ่น, เจ้าหน้าที่ขับรถพยาบาลและทีมเจ้าหน้าที่ฝังศพผู้เสียชีวิตด้วย

สำหรับตำแหน่ง บุคคลแห่งปี จะมอบให้แก่ บุคคลหรือกลุ่มคนที่มีผลกระทบที่สุดต่อเหตุการณ์สำคัญในปีนั้น ไม่ว่าจะในด้านดีหรือร้าย




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557    
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 10:48:39 น.
Counter : 893 Pageviews.  

"ตังกุย" คืออะไร มีสรรพคุณอย่างไร

ตังกุยหรือในตำรับยาไทยเรียกโกฐเชียง ในตำรับยาสมุนไพรจีนตังกุยเป็นสมุนไพรที่รู้จักกันดีและนิยมใช้กันอย่างมากเช่นเดียวกับโสม ถั่งเฉ้า และเห็ดหลินจือ

ตังกุยหรือในตำรับยาไทยเรียกโกฐเชียง ในตำรับยาสมุนไพรจีนตังกุยเป็นสมุนไพรที่รู้จักกันดีและนิยมใช้กันอย่างมากเช่นเดียวกับโสม ถั่งเฉ้า และเห็ดหลินจือ โดยทั่วไปแล้ว ตังกุยก็เช่นเดียวกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ คือ ถ้าใช้ในปริมาณที่ปกติก็ไม่พบอันตรายอะไรแม้ในบางคนที่ได้รับตังกุยแล้วเกิดอาการผิดปกติ เมื่อหยุดยาอาการดังกล่าวก็มักจะหายไปแต่ก็ไม่ได้หมาย ความว่าจะปลอดภัยเสียเลยทีเดียว ถ้าร่างกาย ได้รับสารในปริมาณมาก ส่วนจะมากเท่าใดนั้นคงจะยากที่จะตอบ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่พบว่ามีผู้ใดได้รับอันตรายร้ายแรงจากการรับประทานตังกุยเลย  

ถ้าดูจากสรรพคุณดั้งเดิมที่ว่า ตังกุยเป็นยาที่ใช้สำหรับบำรุงร่างกายทั่ว ๆ ไปและบรรเทาอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ก็น่าจะใช้ได้ดีทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะการมุ่งหวังเพื่อเป็นยาบำรุงร่าง กาย เพราะในรากตังกุย นอกจากจะมีวิตามิน    บี 12 ในปริมาณมาก ยังมีสารโฟลิคและไบโอ    ติน ซึ่งมีผลต่อการสร้างปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกาย จึงนิยมใช้เป็นยาบำรุงโลหิต นอกจากนี้ พบว่าตังกุยจะเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของโลหิตในหลอดเลือดหัวใจ และกระแสโลหิตในร่างกายได้โดยการทำให้หลอดเลือดขยายตัวมีผลต่อการเต้นของหัวใจ ทำให้ความดันสูงขึ้น เป็นต้น

(ข้อมูลจาก สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา).

ขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557    
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 10:45:14 น.
Counter : 953 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.