อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ความจํากับการเรืยนหนังสือ

ความจำกับการเรียนหนังสือ

Written by yrprincess on . Posted in ทั่วไป, วิทยาศาสตร์, วิทย์ทั่วไป


         สำหรับการเรียนหนังสือแล้ว "ความจำ"เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะจะทำให้เราเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า มีผลให้ความจำดีขึ้นและเรียนรู้ได้มากขึ้น

          จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความจำของมนุษย์กับสิ่งที่ได้รับฟัง สามารถวาดแผนภาพความจำได้เทียบกับเวลาที่ผ่านไปหลังจากการรับรู้ข้อมูลได้ดังภาพประกอบ

ความจำ

แผนภาพความจำได้เทียบกับเวลาที่ผ่านไปหลังจากการรับรู้ข้อมูล

          ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จากเวลาที่เราเริ่มรับข้อมูลด้วยการฟังอย่างเดียวนั้น ความจำได้จะลดลงตามเวลา แต่ถ้าหากเราฟังไปด้วย จดไปด้วย และคิดตามไปด้วย ความจำได้จะลดลงช้ากว่าการฟังอย่างเดียวมาก นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการที่ครูค่อยๆ เขียนกระดานและให้นักเรียนค่อยๆ จดตามไปนั้น ส่งผลดีต่อความจำมากกว่าการปิ้งแผ่นใสหรือฉายไฟล์เพาว์เวอร์พ้อยท์ นอกจากนี้ การคุยไปด้วย ตั้งคำถามให้นักเรียนได้มีโอกาสคิดตามไปด้วย ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อความจำ วิธีตรวจสอบว่านักเรียนคิดตามหรือไม่ ก็คือการขอให้นักเรียนตอบออกมาดังๆ

          เทคนิคการเพิ่มความจำอีกอย่างคือการให้การบ้านและขอให้นักเรียนทบทวน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นความทรงจำ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางสมองแนะนำเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการทบทวน ดังนี้

          1. ควรให้การบ้านในปริมาณที่เหมาะสม เช่น การบ้านที่ใช้เวลาทำไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน

          2. ควรทิ้งช่วงเวลาในการทบทวนให้เหมาะสม นักจิตวิทยาแนะนำว่า การทบทวนถี่ๆ เกินไปจะส่งผลเสีย เพราะจิตใต้สำนึกจะคอยบอกว่า ตรงนี้รู้แล้ว ตรงนี้จำได้ ผลก็คือเราจะอ่านทบทวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

          3. ขณะทบทวนให้ตั้งคำถามให้ตัวเองตอบ ตั้งคำถามเยอะๆ ตอบเยอะๆ ใช้เครื่องช่วยอย่างเช่น flashcards

          4. พยายามเชื่อมโยงข้อมูลใหม่ๆ เข้ากับความรู้ที่มีอยู่เดิมจะทำให้จำได้ดีขึ้น วิธีที่จะเชื่อมโยงข้อมูลได้ดีวิธีหนึ่งคือการวาดแผนภาพหรือการทำ mind map การสอนของครูก็ควรมีส่วนที่เชื่อมโยงความรู้เก่าที่สอนไปแล้วเข้ากับความรู้ใหม่ๆ ที่กำลังจะสอนด้วย

          5. การหลับหลังจากการทบทวนอย่างเต็มที่จะทำให้เซลล์สมองเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเชื่อมต่อกัน เพิ่มพลังให้แก่ความจำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

         สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หากครูมีวิธีที่ทำให้นักเรียนชอบหรือว่ารักหรือว่าหลงใหลในเนื้อหาวิชาแล้ว ครูจะพบว่านักเรียนจะเฝ้าครุ่นคิดถึงมันและจะจำได้จนไม่มีวันลืม แต่ถ้าหากครูทำให้นักเรียนรู้สึกหดหู่ เจ็บปวด หรือว่าทรมานกับเนื้อหาวิชาแล้ว ผลที่ได้จะกลับเป็นตรงกันข้ามเลยทีเดียว

          สุดท้ายที่จะขอฝากไว้ตรงนี้คือทัศนคติต่อการเรียนรู้ นักเรียนโดยทั่วไปจะมีทัศนคติว่าตนเองมีความสามารถในการเรียนรู้ที่จำกัด จะไม่สามารถเรียนรู้ของที่ยากเกินว่าขีดจำกัดหนึ่งซึ่งพวกเขาสร้างมันขึ้นมาในจิตใจ ข้อจำกัดนี้เป็นทั้งข้ออ้างและตัวขัดขวางการเรียนรู้ของนักเรียนคนนั้นๆ ดังนั้นครูจำต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนรู้ของนักเรียนให้เป็นลักษณะของการเจริญงอกงาม โดยใช้แนวคิดที่ว่า ภายใต้กลยุทธ์การเรียนรู้ที่เหมาะสม ให้เวลากับการเรียนรู้อย่างเพียงพอ และใช้กระบวนการเรียนรู้ที่ดี จะทำให้ความสามารถของนักเรียนค่อยๆ เติบโต และเจริญงอกงาม จนกระทั่งสามารถเรียนรู้อะไรก็ได้ แม้แต่สิ่งที่ยากที่สุด แล้วจะไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับการเรียนรู้อีกต่อไป

อ่านเพิ่มเติม

เทคนิคการเพิ่มความจำ

//www.vox.com/2014/6/24/5824192/study-smarter-learn-better-8-tips-from-memory-researchers

ผลเสียของการทำการบ้านนานเกิน 2 ชั่วโมง

//phys.org/news/2014-03-hours-homework-night-counterproductive.html

การหลับหลังการเรียนรู้เพิ่มพลังสมอง

//medicalxpress.com/news/2014-06-brain-cells-memory.html#inlRlv

unnamed

บทความโดย

รองศาสตราจารย์ ดร.อุดมศิลป์ ปิ่นสุข

อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์

คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2557    
Last Update : 28 สิงหาคม 2557 2:51:01 น.
Counter : 2222 Pageviews.  

บ้านอยุ่แล้วไม่ดี อยุ่แล้วไม่รวย มีลักษณะเป็นอย่างไร

บ้านแบบไหนอยู่แล้วดี หรือห้ามสร้างหรือมีสิ่งของเหล่านี้อยู่ในบ้าน ถ้ามีจะทำให้ บ้านอยู่แล้วไม่ดี อยู่แล้วไม่รวย เพื่อนๆ ควรนำข้อห้ามเหล่านี้ไปพิจารณา หรือข้อควรระวัง ตามหลักของฮวงจุ้ย มีด้วยกันมากมายหลายประการ ซึ่งเพื่อนๆ เองก็ไม่ควรที่จะมองข้ามนะคะ

บ้านอยู่แล้วไม่ดี อยู่แล้วไม่รวย มีลักษณะเป็นอย่างไร

บ้านอยู่แล้วไม่ดี

  • รั้วบ้าน : รั้วทำหน้าที่ช่วยกักเก็บพลังมิให้รั่วไหล และยังช่วยคุ้มครองป้องกันภัยมิให้ถูกบุคคลภายนอกรุกล้ำ การไม่มีรั้วบ้าน หรือรั้วบ้านโปร่ง เตี้ย มีความสูงต่ำไม่เท่ากัน หรือสูงมากเกินไป จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีฐานะตกต่ำยากจน ความสูงของประตูรั้ว ประตูรั้วจะต้องมีความสูงเสมอกับขอบกำแพง จะสูงกว่ากำแพงไม่ได้ เพราะมิฉะนั้นจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีการทำมาหากินที่ฝืดเคือง เงินทองร่อยหรอ
  • รั้วบ้านมีช่องเปิด : ช่องเปิดที่ผนังรั้วจะทำให้พลังในพื้นที่บ้านรั่วไหล มีผลให้ทุกด้านของชีวิตอ่อนแอลงไป และถ้าฮวงจุ้ยอื่นๆ ของบ้านไม่ค่อยจะดีด้วยแล้วก็จะมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินทำให้จนเร็วขึ้น
  • สีของกำแพงบ้าน : รั้วที่ดีต้องทาสีให้ดูสวยงามจึงจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้กับผู้อยู่อาศัย การไม่ทาสีให้กำแพงรั้ว หรือปล่อยให้สีที่ทาหลุดร่อน หรือเก่าทรุดโทรม จะทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่มีโชคลาภ และการทำมาหากินตกต่ำเสื่อมถอย สีเข้มโดยเฉพาะสีดำ สีน้ำเงิน หรือสีฟ้า เป็นสีต้องห้ามที่ไม่ให้ใช้เป็นสีกำแพง เพราะเป็นอัปมงคลที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความเสียหาย การเงินมีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ และเงินทองรั่วไหล
  • กำแพงรั้วมีความขรุขระ มีส่วนแหลมคมเป็นปุ่มปมตะปุ่มตะปั่ม : จะทำลายพลังที่ผ่านเข้าบ้านเกิดความเสียหาย ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคในการทำมาหากิน มีรายได้น้อย มีรายจ่ายมากและยากจน
  • บนกำแพงรั้วมีเหล็กดัดปลายแหลมหันแทงเข้าในบ้าน : จะทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดเรื่องเดือดร้อนและเสียเงินเสียทองอยู่บ่อยๆ หรือรั้วมีลวดลายที่เป็นอัปมงคล เช่น เป็นลวดลายแหลมคมหรือเป็นลายเครื่องหมายคูณ จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีปัญหาทางการเงินและยากจน
  • พื้นที่บ้านมีความสูงกว่าถนนนอกบ้านมากเกินไป : จะทำให้พลังจากถนนนอกบ้านเคลื่อนตัวเข้าสู่ในเขตบ้านได้ลำบาก เป็นเหตุให้บ้านขาดพลัง ผู้อาศัยในบ้านลักษณะเช่นนี้จะพบกับความสำเร็จในชีวิตและการงานได้ยาก และขัดสนเรื่องเงินทอง
  • ถนนในบ้านที่ต่อจากประตูมีความขรุขระตะปุ่มตะปั่มไม่ราบเรียบ หรือมีลวดลาย :  โดยเฉพาะเป็นลายที่มีความแหลมคมหรือเป็นรูปกากบาท จะทำให้พลังเคลื่อนผ่านเข้าบ้านได้ยาก พลังเสียหายและติดขัด ผู้อยู่อาศัยจะพบกับปัญหาและอุปสรรคนานาประการในชีวิต การทำมาหากินฝืดเคือง ธุรกิจการงานตกต่ำเสียหาย และสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง
  • ศาลพระภูมิตั้งอยู่ชิดประตูรั้ว : ตามปกติการตั้งศาลพระภูมิที่ถูกต้อง ควรตั้งอยู่ทางด้านฝั่งขวามือของพื้นที่บ้าน (เมื่อยืนหันออกไปหน้าบ้าน) แต่มีข้อห้ามในการตั้งคือ ห้ามตั้งศาลพระภูมิใกล้ชิดติดกับประตูรั้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ติดชิดกับขอบถนนที่ต่อจากประตูรั้วเข้าบ้าน เพราะในวิชาฮวงจุ้ยถือว่าศาลพระภูมิเป็นธาตุไฟ ที่จะทำให้พลังที่ผ่านเข้ามา ทางประตูรั้วถูกทำลาย เป็นเหตุให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านขาดพลังทำให้ชีวิตตกต่ำ มีอุปสรรคและปัญหา เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย และการเงินเสียหาย
  • ข้างประตูรั้ว ข้างประตูหน้า หรือริมขอบถนนที่จะเดินเข้าประตูบ้าน :  ไม่ควรปลูกต้นจั๋ง พืชตระกูลปาล์ม ต้นหมาก หรือต้นไม้ที่มีหนามแหลมคม เพราะต้นไม้เหล่านี้เป็นพิฆาตต่อพลังที่ผ่านเข้ามาในบ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีฐานะไม่ดี การเงินรั่วไหล
  • ประตูรั้วบ้านตั้งตรงและประจันกับประตูรั้วของเพื่อนบ้าน : จะทำให้การทำมาหากินมีรายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และถ้าประตูรั้วของเพื่อนบ้านมีขนาดที่ใหญ่กว่าประตูรั้วของเรา หรือประตูรั้วทั้งสองตั้งตรงกัน แต่ขอบประตูหรือเสาประตูตั้งขบกัน จะยิ่งส่งผลให้เกิดปัญหา มีรายได้น้อยมากยิ่งขึ้น รวมถึงคนในบ้านจะเจ็บป่วย และประสบอุบัติเหตุบ่อย

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : thaihomeonline.com




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2557    
Last Update : 27 สิงหาคม 2557 5:02:09 น.
Counter : 2342 Pageviews.  

5 อาหาร ดีๆ ที่กินเยอะไปไม่ดี

จากประโยคที่บอกต่อๆกันมาว่า กินผักเยอะๆ จะได้มีสุขภาพดี กินผลไม้เยอะๆ แล้วจะได้ผิวสวยๆนั้น บางทีก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปแล้ว เพราะบอกเลยว่าไม่ว่า อาหาร ผัก ผลไม้นั้นจะมีประโยชน์มากมายสักแค่ไหน แต่ถ้ากินมากไป ก็มีผลเสียด้วยกันทั้งนั้น

124816317

1. มะละกอ

มะละกอ ผลไม้ดี มีประโยชน์มากมายไขมันและคอเรสเตอรอลน้อย และยังดีต่อระบบขับถ่าย จึงมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเมื่อระบบขับถ่ายดีขึ้นนั้น โรคต่างๆที่เกี่ยวกับระบบย่อย อาหาร นั้นก็พลอยจะบรรเทาลงไปด้วย การจะกินมะละกอเป็นผลไม้ลดน้ำหนักนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด แต่ก็ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป เพราะถ้ากินมากเกินไปมะละกออาจทำให้คุณมีผิวที่เหลืองขึ้นได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ และนอกจากนี้มะละกอยังมีวิตามินเอ สูง ถ้ากินมากไป มีความเสี่ยงต่อกระดูกและข้อต่อ อาจมีอาการเบื่อ อาหาร เซื่องซึม นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ผมร่วง ปวดศีรษะ ท้องผูก

2. ส้ม

ใครๆ ก็รู้ว่ากินส้มเยอะๆ แล้วจะช่วยให้ผิวดี ระบบขับถ่ายดี เพราะส้มจัดเป็นผลไม้ประเภทหนึ่งที่มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งวิตามินซี (Vitamin C) มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย, ป้องกันอนุมูลอิสระ, ต่อต้านโรคหัวใจ, ช่วยให้สุขภาพเหงือกแข็งแรง ทั้งยังโด่งดังเรื่องบรรเทาอาการหวัด แต่การได้รับปริมาณวิตามินซีมากเกินไป..มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดนิ่วในไตได้ รวมถึงหากรับประทานวิตามินซีมากเกิน 1,000 มิลลิกรัม ยังอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย และหากทานตอนท้องว่างก็อาจเกิดการระคายเคืองในทางเดิน อาหาร เนื่องจากความเป็นกรดของวิตามินซี ทั้งยังอาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือถึงขั้น คลื่นไส้ อาเจียน ได้ด้วย

159153159

3. ทูน่า

ทูน่า ปลาทะเลน้ำลึก หนึ่งใน อาหาร ทะเลมีไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำ มี DHA (DOCOSAHEXAENOIC ACID) ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงกับสมอง ช่วยบำรุงเซลล์สมอง และเสริมสร้างความจำ แต่แม้ปลาทูน่าจะมีคุณประโยชน์สูง แต่สำหรับสำหรับสตรีมีครรภ์ เด็กเล็ก และหญิงที่เพิ่งคลอดควรหลีกเลี่ยง หรือรับประทานแต่น้อย ประมาณ 3 ก้อนสำหรับไลท์ทูน่า หรือ 1 กระป๋องสำหรับทูน่าขาว เพื่อป้องกันอันตรายจากสารปรอท เพราะทูน่ามีสารปรอทอยู่ในเนื้อปลาเอง ถ้ากินมาก อาจทำให้มีปรอทสะสมมากเกินไปในร่างกาย อาจทำให้เกิดผลเสีย ต่อระบบประสาท เช่นการตายของเนื้อสมองบางส่วน

4. กะหล่ำปลี

กะหล่ำปลี ผักยอดฮิต ของ อาหาร สุดแซ่บอย่างส้มตำ ที่ดับเผ็ดได้ดี ซึ่งอันที่จริงกะหล่ำปลีนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่ทว่า การกินกะหล่ำปลีดิบมากๆ อาจเป็นปัญหากับสุขภาพในระยะยาว พืชตระกูลกะหล่ำทุกตัว จะมีคุณสมบัติในการป้องกันและยับยั้งการเกิดมะเร็งได้ในหลาย ๆ ส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ กระเพาะ อาหาร เต้านม มดลูก รังไข่ และยังมีฤทธิ์ในการขับสารพิษออกจากร่างกายได้ แต่ถ้าคุณรับประทานกะหล่ำปลีเป็นประจำ ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพของตับให้ทำงานดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ในกะหล่ำปลี ก็มีสาร Goitrogen อยู่มาก ซึ่งสารGoitrogen oนี้จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีนไปสร้างเป็น Thyroscine ส่งผลจะทำให้เกิดโรคคอหอยพอกได้ หากชอบกินกะหล่ำปลีประจำ ควรกินกะหล่ำปลีสุกจะดีกว่ากินกะหล่ำปลีดิบ เพราะสารGoitrogenนี้จะถูกทำลายได้โดยการทำให้สุก ดังนั้นควรทำให้สุก และกินแต่พอดี

5. น้ำ

แม้แต่น้ำ ก็ไม่พ้นจากข้อครหานี้ไปได้… จริงอยู่ที่ น้ำเป็นสิ่งที่ร่างกายคนเราขาดไม่ได้ แต่การดื่มน้ำมากเกินวันละ 6-7 ลิตร เพราะเสี่ยงเกิดอาการไฮโปแนทรีเมีย สมองบวมจนเสียชีวิตได้ การดื่มน้ำมากไป จะทำให้ร่างกายได้รับน้ำปริมาณมากเกินไปในเวลารวดเร็ว ทำให้เกิดภาวะน้ำเกิน หรือน้ำเป็นพิษ และน้ำจะมีผลให้ธาตุโซเดียมในเลือดลดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายจะรักษาสมดุลน้ำระหว่างนอกเซลล์และภายในเซลล์ ไม่ได้ ทำให้เซลล์บวมและทำให้ช็อค อาจกระตุกหรือชัก สมองบวม ปอดบวม หมดสติ และเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นดื่มในปริมาณที่เหมาะสมตามปกติที่ วันละ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร ดื่มอย่างพอเหมาะพอควร ก็เพียงพอสำหรับร่างกายแล้ว

ขอบคุณที่มาจาก : //www.emaginfo.com




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2557    
Last Update : 27 สิงหาคม 2557 4:56:57 น.
Counter : 1117 Pageviews.  

ยาเลื่อนประจําเดือน....ที่นี่มีคําตอบ

ยาเลื่อนประจำเดือน .. ที่นี่มีคำตอบ

Written by yrprincess on . Posted in ทั่วไป, วิทยาศาสตร์, วิทย์ทั่วไป, สุขภาพ, อื่น, เคมี, โรคภัยไข้เจ็บ

4301

          การมีประจำเดือนในช่วงเวลาที่ไม่ต้องการให้มี คงเป็นเรื่องกวนใจสาวๆ หลายคน เช่น บางคนกำลังจะไปเที่ยวทะเลและดำน้ำกับเพื่อนๆ หรือ บางคนวางแผนว่าจะไปเล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์ แต่นึกขึ้นได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่มีประจำเดือนพอดี ประกอบกับปัจจุบัน มีการกล่าวถึงยาเลื่อนประจำเดือนกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น หรือจากคำแนะนำของเพื่อน จึงมีแนวโน้มทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะพึ่งยาเลื่อนประจำเดือนมากขึ้น ดังนั้น ลองมาทำความรู้จักกับยาเลื่อนประจำเดือนกันดูว่าจริงๆ แล้วทุกคนจะสามารถใช้ยาเลื่อนประจำเดือนนี้ได้ตามความต้องการหรือไม่ และใช้อย่างไร

ยาเลื่อนประจำเดือนที่ใช้กันมากในปัจจุบัน เป็นยาเม็ดที่มีตัวยาสำคัญ คือ นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน (Norethisterone) ในขนาด 5 มิลลิกรัม ซึ่งชื่อการค้าที่คุ้นเคย คือ ปรี-โม-ลุท-เอ็น (Primolut® N) ยานี้มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน และมีข้อบ่งใช้ในการรักษาความผิดปกติของรอบเดือนหลายชนิด เช่น กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน หรือเรียกย่อๆ ว่า พี-เอ็ม-เอส (premenstrual syndromes: PMS) ซึ่งมักมีอาการปวดศีรษะหรืออารมณ์หงุดหงิดก่อนมีประจำเดือน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังใช้รักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) และเนื่องจากยามีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน (จนกว่าจะหยุดยา) จึงมีข้อบ่งใช้ในการเลื่อนประจำเดือนด้วย อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาชนิดนี้ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งขออธิบายโดยการตอบข้อสงสัยที่รวบรวมจากคำถามตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ดังนี้

1024px-Norethisterone.svg

โครงสร้างทางเคมีของ Norethisterone

1. ผู้หญิงทุกคน สามารถรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนได้หรือไม่?

ยา นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน โดยห้ามใช้ยานี้ในคน 5 กลุ่ม ต่อไปนี้

► กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากยาอาจทำให้ทารกในครรภ์ที่เป็นเพศหญิงมีการพัฒนาอวัยวะเพศภายนอกคล้ายกับเพศชายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุครรภ์เดือนครึ่งเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์กำลังมีการพัฒนาของอวัยวะเพศ

► กำลังให้นมลูกด้วยน้ำนมตัวเอง เนื่องจากยาสามารถปนออกมากับน้ำนมของแม่ จึงอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อลูกได้

► มีปัจจัยเสี่ยงหรือมีประวัติการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน เนื่องจากการใช้ยาในกลุ่มคนเหล่านี้ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตัน (ตัวอย่างผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สูบบุหรี่ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น)

เคยเป็นหรือกำลังเป็นโรคตับขั้นรุนแรง เนื่องจากยาถูกกำจัดที่ตับ หากตับทำงานไม่ดีอาจทำให้ยาสะสมในร่างกายได้ นอกจากนี้ มีรายงานการเกิดตับอักเสบจากการใช้ยานี้

เคยเป็นหรือกำลังเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งที่อวัยวะเพศ ชนิดที่ไวต่อฮอร์โมน เนื่องจากยาอาจส่งเสริมการโตของเนื้อร้ายเหล่านี้

2. เริ่มรับประทานยาเลื่อนประจำเดือน ก่อนประจำเดือนมาแค่ 1 วัน หรือตอนที่กำลังมีประจำเดือนได้หรือไม่?

          คำแนะนำในการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน คือ ควรเริ่มรับประทานอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น) หรือวันละ 3 ครั้ง (เช้า กลางวัน และเย็น) ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ยานานเกิน 2 สัปดาห์ และจะมีประจำเดือนภายใน 2-3 วันหลังจากหยุดยา ดังนั้น การรับประทานยาก่อนประจำเดือนมาแค่ 1 วัน หรือตอนที่กำลังมีประจำเดือน ซึ่งเยื่อบุโพรงมดลูกได้หลุดลอกออกมาแล้ว ยาจึงอาจมีผลเพียงช่วยลดปริมาณและจำนวนวันของการมีประจำเดือนให้น้อยลง แต่หลังจากหยุดยา จะทำให้มีประจำเดือนซ้ำอีกในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน

3. การรับประทานยาเลื่อนประจำเดือน จะส่งผลต่อการมาของประจำเดือนในรอบถัดไปหรือไม่?

          แน่นอนว่าการเลื่อนประจำเดือนออกไป เปรียบเสมือนเป็นการตั้งรอบเดือนใหม่ นั่นคือ หากมีประจำเดือนหลังจากหยุดยานี้ในวันไหน ประจำเดือนรอบถัดไปก็จะมาประมาณช่วงนั้น ถ้าไม่มีความผิดปกติอื่นใด

pic_d-23 (1)

ภาพการนับรอบประจำเดือน //www.vcharkarn.com/varticle/44262

4. หยุดรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนหลายวันแล้ว แต่ประจำเดือนยังไม่มา ควรทำอย่างไร?

          อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจพบได้จากยา นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน คือ อาจทำให้ประจำเดือนไม่มาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากหยุดใช้ยาเกิน 1 สัปดาห์แล้วประจำเดือนยังไม่มา ควรตรวจการตั้งครรภ์ (ซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนใช้ยานี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดในเดือนนั้นๆ) อีกทั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม

5. ระหว่างที่รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนอยู่ แล้วมีเพศสัมพันธ์ จะตั้งครรภ์หรือไม่?

          เนื่องจากการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน จะเริ่มใช้อย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงปลายของรอบเดือน (ผ่านช่วงไข่ตกมาแล้ว) โอกาสการตั้งครรภ์จึงอาจพบน้อย อย่างไรก็ตาม มีโอกาสน้อยไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาส ดังนั้น ควรใช้ถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิดร่วมด้วย

6. ไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แต่รับประทานยาเลื่อนประจำเดือน จะมีผลเสียอย่างไรหรือไม่?

          ตามที่ระบุในข้อ 1 ว่ายาอาจมีผลต่อการพัฒนาอวัยวะเพศภายนอกของทารกในครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้พบเหตุการณ์ดังกล่าวในทุกกรณี อีกทั้งยังไม่มีรายงานว่ายาทำให้ทารกพิการด้านอื่นๆ ดังนั้น หากพบว่าตั้งครรภ์ อย่าเพิ่งตกใจ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามพัฒนาการพร้อมทั้งวางแผนการดูแลทารกในครรภ์อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เช่น ไม่ใช้ยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัย เป็นต้น ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนที่จะใช้ยาเลื่อนประจำเดือน

7. รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ แล้วจะใช้ยาเลื่อนประจำเดือนได้หรือไม่?

          ในผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ หากจำเป็นต้องเลื่อนประจำเดือน สามารถใช้ยาคุมกำเนิดในการเลื่อนประจำเดือนได้ (มีผลทั้งคุมกำเนิดและเลื่อนประจำเดือน) ทั้งนี้ ใช้หลักการเดียวกับยา นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน คือ ให้รับประทานเฉพาะเม็ดที่ประกอบด้วยตัวยาต่อไป (ไม่ใช่เม็ดยาหลอกที่บางคนเรียกว่าเม็ดแป้ง) เพื่อไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมา ซึ่งวิธีการใช้ยาขึ้นกับตำรับยาคุมกำเนิดแต่ละชนิด ดังตัวอย่างที่แสดงในตารางด้านล่าง นอกจากนี้ ยังมีตำรับแบบอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งหากมีข้อสงสัยว่ายาคุมกำเนิดที่ท่านรับประทานอยู่จะสามารถใช้เลื่อนประจำเดือนได้อย่างไร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้

0212-1 0212-2

8. รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินในช่วงเวลาใกล้ๆกับยาเลื่อนประจำเดือนได้หรือไม่?

          เนื่องจากทั้งยาคุมกำเนิดฉุกเฉินและยาเลื่อนประจำเดือน มีตัวยาอยู่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ซึ่งเมื่อหยุดยาจะทำให้มีเลือดออกมาเหมือนกัน ดังนั้นการใช้ยาทั้งสองชนิดในเวลาใกล้เคียงกัน เช่น ในเดือนเดียวกัน เป็นต้น นอกจากจะทำให้เสียเลือดบ่อยกว่าคนอื่น ยังมีผลให้รอบเดือนผิดปกติได้ ทั้งนี้ หากมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งและไม่พร้อมตั้งครรภ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง หรือเปลี่ยนมาใช้ยาคุมกำเนิดแบบปกติจะเหมาะสมกว่า (และหากจำเป็นต้องเลื่อนประจำเดือน สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในข้อ 7)

9. รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยๆ จะมีผลเสียหรือไม่?

          อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยจากการใช้ยา นอร์-เอ-ทีส-เตอ-โรน คือ ประจำเดือนผิดปกติ เช่น รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาถี่แต่มาแบบกะปริบกะปรอย หรือบางรายอาจประจำเดือนไม่มาเลย ดังนั้น จึงไม่ควรใช้ยาเพื่อเลื่อนประจำเดือนบ่อยๆ นอกจากนี้ อาการอื่นที่อาจพบ ได้แก่ ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม คลื่นไส้และเวียนศีรษะ เป็นต้น ส่วนอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงต่างๆ ตามที่ระบุเป็นข้อห้ามใช้ในข้อ 1. อาจพบได้น้อย

โดยสรุปแล้ว การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ (ไม่ใช่เพียงตามความต้องการ) และต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียจากการใช้ยานี้

preimgresize

ขอขอบคุณบทความจาก

บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ยาเลื่อนประจำเดือน .. ที่นี่มีคำตอบ

     บทความโดย: เภสัชกร สุรศักดิ์ วิชัยโย  ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

//www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/212




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2557    
Last Update : 27 สิงหาคม 2557 4:47:48 น.
Counter : 2039 Pageviews.  

รวมแบบบ้าน บ้านน่ารัก สีหวานๆ หลากสไตล์

บ้านที่อยู่จริง กับ บ้านในฝัน อาจจะมีความเหมือนหรือแตกต่างกันคนละโยด… ด้วยสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ สถานะทางการเงิน หรือความพร้อมในด้านอื่นๆ ฯลฯ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเก็บมาฝาก ..เพราะแบบบ้านน่ารักที่เรานำมาฝากนี้ ใครๆ ก็สามารถมีและครอบครองไว้ในฝันได้ทั้งนั้น ดูไว้เป็นไอเดียนะคะ เผื่อวันหนึ่งจะมีฝันที่เป็นจริงกันบ้าง

รวมแบบบ้านสวยๆ น่ารักๆ ที่สาวๆ ต้องแอบกรี๊ดเบาๆ ^^

รวมแบบบ้าน บ้านน่ารัก สีหวานๆ หลากสไตล์

cute-pink-purple-house

บ้านสไตล์ตุ๊กตา สีม่วงชมพูแสนหวาน อยู่ที่ Orlando, Florida.

ภาพจาก //www.pandashouse.com

บ้านน่ารัก

ภาพจาก //www.christajae.com

บ้านน่ารัก2

ภาพจาก Tumblr.com

บ้านน่ารัก5

คิดถึงวันคริสต์มาส กับไฟอบอุ่นในบ้าน … บ้านหลังนี้น่ารักจริงๆ

บ้านน่ารัก7

เหมือนบ้านมนุษย์หิน

บ้านน่ารัก1

บ้านหลังน้อยในสวน ที่ทำไว้เหมือนกับพักผ่อนสบายๆ แต่หากบ้านสไตล์นี้มีผ้าม่านปิดมิดชิด มีห้องน้ำสักห้อง ก็จะเหมือนห้องที่อยู่ในคอนโดสักที่ เพียงแต่อยู่ติดกับพื้นดินเท่านั้นเอง

บ้านน่ารัก3

บ้านน่ารัก เหมือนปราสาทเจ้าหญิงหลักน้อย

บ้านน่ารัก6

ภาพจาก flickr.com/photos/jeffclow

คำว่า แบบบ้านน่ารัก มักจะอยู่ในรูปแบบบ้านหลังเล็กๆ บ้านการ์ตูนในสถานที่ท่องเที่ยว หรือเป็นสไตล์กระท่อม รวมถึงการตกแต่งของร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก ดังนั้นภาพของบ้านที่เรารวมมาฝากนี้ อาจจะเป็นได้ในหลายแบบ ดังที่ได้กล่าวข้างต้นนะคะ

บ้านน่ารัก8

บ้านน่ารัก มักคู่กับสวนดอกไม้

บ้านน่ารัก2

บ้านหลังเล็กสีน้ำเงินนี้ อยู่ที่ออสเตรีย สวย น่ารักท่ามกลางหิมะ

บ้านน่ารัก9

บ้านน่ารัก10

บ้านน่ารัก11

รวมแบบบ้าน บ้านน่ารัก สีหวานๆ หลากสไตล์

คิดว่าน่าจะเต็มอิ่มกันพอสมควรนะคะ กับบ้านหลังเล็กแต่น่ารัก ที่เรานำมาฝาก ใครมีพื้นที่แล้วอยากมีบ้านหลังน้อยแบบนี้บ้าง ก็ต้องหาแปลนหาทางทำตามฝัน ส่วนใครที่ยังไม่มีโอกาส ก็เก็บความฝันนั้นไว้ก่อน สักวันความฝันเราต้องเป็นจริง แน่นอน…




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2557    
Last Update : 26 สิงหาคม 2557 4:48:15 น.
Counter : 2619 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.