อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ภารกิจมาร์สเอกซ์พลอเรชั่นโรเวอร์ (สํารวจดาวอังคาร์)

===> ภารกิจมาร์สเอกซ์พลอเรชั่นโรเวอร์ <===



บริเวณลงจอดของยานสปิริต ภาพซ้ายถ่ายจากยานสปิริต ภาพขวาถ่ายจากยานมาร์สโอดิสซีย์ - ภาพ NASA


ภาพ 3 มิติที่ได้จากยานสปิริต - ภาพ NASA

นำข้อมูลมาจาก //thaiastro.nectec.or.th ครับ

         หลังจากที่องค์การอวกาศยุโรปส่งยานอวกาศที่มีชื่อว่ามาร์สเอกซ์เพรสพร้อมกับยานลูก "บีเกิล 2" ขึ้นสู่อวกาศ องค์การนาซาของสหรัฐฯ ก็ส่งยานอวกาศ 2 ลำ ในภารกิจมาร์สเอกซ์พลอเรชันโรเวอร์ เดินทางออกจากโลกในวันที่ 10 มิถุนายน และ 7 กรกฎาคม ตามลำดับ ยานอวกาศทั้ง 2 ลำของนาซานี้ถูกออกแบบให้ทำหน้าที่- เสมือนนักธรณีวิทยาที่จะสำรวจดินและหินบนดาวอังคาร เพื่อนำไปสู่การศึกษาสภาวะอากาศในอดีตของดาวอังคาร เพื่อตอบคำถามขั้นพื้นฐานว่าดาวอังคารเคยมีสภา ะอากาศที่อบอุ่นเพียงพอที่น้ำจะสามารถคงอยู่ได้บนพื้นผิวนานพอที่สิ่งมีชีวิตแบบง่ายๆ จะถือกำเนิดขึ้นได้หรือไม่

         ยานมาร์สเอกซ์พลอเรชันโรเวอร์เอ (MER-A) หรือ "สปิริต (Spirit)" มีกำหนดลงแตะพื้นผิวดาวอังคารในวันที่ 4 มกราคม เวลา 11.35 น. ตามเวลาในไทย ขณะที่ยานมาร์สเอกซ์พลอเรชันโรเวอร์บี (MER-B) หรือ "ออปพอร์ทูนิตี (Opportunity)" มีกำหนดลงแตะพื้นผิวดาวอังคารในวันที่ 25 มกราคม เวลา 12.25 น.

         บริเวณที่ยานสปิริตลงจอดเป็นหลุมอุกกาบาตขนาด 150 กิโลเมตรชื่อว่า "หลุมกูซอฟ (Gusev)" ที่อาจเคยเป็นทะเลสาบมาก่อน ก่อตัวขึ้นจากการพุ่งชนของอุกกาบ- ตเมื่อประมาณ 3,000-4,000 ล้านปีที่แล้ว มีช่องเปิดด้านหนึ่งของหลุมที่เชื่อว่าเป็นช่องทางพากระแสน้ำและน้ำแข็งเข้าสู่หลุม ส่วนบริเวณที่ยานออปพอร์ทู นิตีลงจอดมีชื่อว่า "เมอริดิอานีพลานัม (Meridiani Planum)" ที่ราบที่คาดว่าอาจเป็นบริเวณทับถมของแร่ธาตุที่ก่อตัวขึ้นในสภาวะที่เต็มไปด้วยน้ำในอดีต

         นาซาส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารมานับตั้งแต่โครงการมาริเนอร์ในกลางทศวรรษ 1960 และโครงการไวกิงในกลางทศวรรษ 1970 จากนั้นยานมาร์สพาทไฟน์เดอร์ของสหรัฐฯ ก็ลงแต่พื้นผิวดาวอังคารในปี พ.ศ. 2540 ตามด้วยยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์ และยาน 2001 มาร์สโอดิสซีย์ไปถึงดาวอังคารในปี พ.ศ. 2542 และ 2544


ขั้นตอนนำยานลงสู่พื้นผิวดาวอังคาร (ภาพ NASA)

สำหรับมาร์สเอกซ์พลอเรชันโรเวอร์ นาซาใช้ระบบการลงจอดแบบเดียวกับที่ใช้ในยานมาร์สพาทไฟน์เดอร์ คือใช้ร่มชูชีพและถุงลมเพื่อชะลอความเร็วของยานขณะลงสู่พื้นผิวดาวอังคารเพื่อหลีกเลี่ยงการพุ่งชน รถหกล้อทั้งสองคันจะลงในตำแหน่งที่ห่างไกลจากกัน และใช้เวลาราว 3 เดือนเพื่อเก็บตัวอย่างดิน โดยเดินทางไปบนดาวอังคารด้วยพลังขับเคลื่อนจากแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีกล้องถ่ายภาพที่สามารถถ่ายภาพสี และอุปกรณ์สำหรับขุดดินบนดาวอังคาร

        ข้อมูลจากรถสำรวจทั้งสองจะถูกส่งขึ้นไปในรูปของสัญญาณวิทยุไปยังยานมาร์สโกลบัลเซอร์เวเยอร์และยานมาร์สโอดิสซีย์ที่ทำหน้าที่เป็นดาวเทียมโคจรอยู่รอบดาวอังคารในขณะนี้ และส่งต่อมายังโลกเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์กำหนดเส้นทางเดินของรถสำรวจทั้งสองในวันต่อๆ ไป คาดว่ารถ 2 คันนี้จะสำรวจพื้นที่รอบๆ จุดลงจอดและออกเดินทางเป็นระยะทางราว 500 เมตรบนพื้นผิวดาวอังคารตลอดภารกิจ

        ก่อนหน้านี้ เราได้ข้อมูลดาวอังคารเป็นจำนวนมากจากยานอวกาศสองลำที่โคจรอยู่รอบดาวอังคาร ซึ่งได้เผยให้เห็นสภาพภูมิประเทศและองค์ประกอบบนพื้นผิวด้วยความละเอียดสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งแสดงให้เห็นหุบเขา ที่ราบสูงชัน ร่องธาร และร่องรอยต่างๆ ที่ดูคล้ายภูมิประเทศบนโลก ภาพถ่ายความละเอียดสูงจากยานอวกาศสองลำที่โคจรรอบดาวอังคารในขณะนี้ยังแสดงให้นักวิทยาศาสตร์เห็นว่าหินบนดาวอังคารแบ่งเป็นชั้นๆ ซึ่งดูเหมือนเป็นชั้นของตะกอนที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำ หลายคนเชื่อว่าในอดีตดาวอังคารมีบรรยากาศที่หนาแน่นพอที่จะกักความร้อนไว้และทำให้เกิดน้ำบนพื้นดิน หุบเขาขนาดใหญ่หลายแห่งและบริเวณที่ดูเหมือนถูกกัดเซาะนี้น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว นักดาราศาสตร์หวังว่ายานที่ส่งไปยังดาวอังคารทั้งหมดจะช่วยให้เรามีข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าใจสภาพทางภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา การมีอยู่ของน้ำ และวิวัฒนาการบนดาวอังคารได้ดียิ่งขึ้น




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 8:19:21 น.
Counter : 1129 Pageviews.  

"ข้าวหลามดง" ไม่ใช่อาหาร แต่มันคืออะไร?

ข้าวหลามดงเป็นพรรณไม้ดอกหอมในสกุลปาหนัน เป็นไม้ต้นดอกหอม ที่ปรับตัวได้ดี ทนทานต่อความแห้งแล้ง ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและใช้เป็นต้นตอสำหรับการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเสียบยอด หรือทาบกิ่งกับข้าวหลามดงสายพันธุ์ตามที่ต้องการ เจริญเติบโตค่อนข้างช้า


มีการศึกษาพบว่า สารในข้าวหลามดงมีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อมาลาเรีย เชื้อวัณโรค และเซลล์มะเร็ง ปัจจุบันนักวิจัยสนใจข้าวหลามดงในการพัฒนาเพื่อใช้เป็นยารักษามะเร็งเป็นพืชเฉพาะถิ่นของไทย ลาว เวียด นาม มีประวัติการใช้เป็นยามาอย่างยาวนาน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้ ปัจจุบันนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากดอกสวยงาม

จึงเป็นที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการไม้ดอกไม้ประดับ ที่เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ปลูกประดับโชว์ทรงพุ่มที่กลางแจ้ง หรือต้องการโชว์ดอกดก ๆ ตามลำต้นและกิ่งเพื่อความสวยงาม และดอกยังมีกลิ่นหอมแรง โชยกลิ่นหอมฟุ้งในยามเย็นช่วงใกล้ค่ำได้ อีกด้วย

ขอบคุณที่มาจาก เดลินิวส์




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 8:15:00 น.
Counter : 927 Pageviews.  

วิธีลดนํ้าหนัก 20 กิโลกรัม หุ่นนางแป๊ะเวอร์

คนส่วนใหญ่คิดว่า วิธีลดน้ำหนัก คือ การควบคุมอาหารและจำกัดแคลอรี่ในแต่ละวันให้น้อยลง แต่เธอคนนี้จะทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดใหม่กับการกินแบบไร้ขีดจำกัด สาวชาวออสเตเลีย วัย 34 ปี หรือที่รู้จักในชื่อ“Freelee the Banana Girl” เป็นเวลากว่า 7 ปี ที่เธอเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตัวเอง วิธีลดน้ำหนัก ของเธอคือการกินผลไม้เพียงชนิดเดียวตลอดทั้งวัน ทำให้น้ำหนักของเธอลดลงไปกว่า 40 ปอนด์หรือเกือบ 20 กิโลกรัม ซึ่ง 90% ของการกินในแต่ละวันจะได้รับแคลอรี่จากผลไม้เท่านั้น และที่สำคัญเธอยังออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะควบคู่ไปด้วย ผลที่ออกมาก็คุ้มค่าเกินคำบรรยาย

วิธีลดน้ำหนัก

จากน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ตอนนี้ลดเหลือ 50 กิโลกรัม

วิธีลดน้ำหนัก

          เธอคนนี้เชื่อว่าการทานอาหารชนิดเดียวตลอดทั้งวัน หรือที่เรียกว่า Mono Meal เป็นุกญแจสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานโดยไม่ถูกกักเก็บเป็นไขมัน อาหารที่เธอมักจะทานเป็นประจำคือ มันฝรั่งต้ม เคยทานสูงสุดได้ถึง 2 กิโลกรัม และ บางวันทานกล้วยได้ถึง 51 ลูก อาหารหลักของเธอก็คือกล้วย เพราะเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดตสูงแต่ไขมันต่ำ

        จุดสำคัญของ วิธีลดน้ำหนัก ในแบบฉบับของเธอ ก็คือ ทานได้โดยไม่ต้องจำกัดแคลอรี่ เธอสามารถทานอาหารในปริมาณ 2,500 ถึง 5,000 แคลอรี่ต่อวัน เพราะผลไม้ที่ทานไม่ได้ถูกปรุงแต่งและไม่ผ่านความร้อนเลย จึงไม่สูญเสียคุณค่าทางอาหารแต่อย่างใด กลับทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นกว่าเดิมซะอีก

วิธีลดน้ำหนัก

       เธอจะทานอาหารชนิดเดียวตลอดทั้งวันโดยสามารถทานได้ในปริมาณมากๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วนกันเลยทีเดียวบางวันก็ทาน สัปปะรด 2 ลูก, มะม่วง 5 ลูก, กล้วย 20 ลูก หรือ ดื่มน้ำส้มวันละ 2 ลิตรก็ทำได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวัลเรื่องแคลอรี่

      การรับประทานผักหรือผลไม้ชนิดเดียวในแต่ละมื้อยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึมอาหารง่ายขึ้น ระบบขับถ่ายดี  แถมยังช่วยล้างพิษจากภายในทำให้ใบหน้าใสไร้สิวเสี้ยนอีกด้วย เมื่อเราทานอาหารที่หลากหลายจนเกินไปจะทำให้ระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนักขึ้น จึงเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูกในที่สุด

วิธีลดน้ำหนัก

        เหตุผลที่ทำให้เธอสามารถทานอาหารในปริมาณเยอะๆแบบไม่จำกัดได้ก็เพราะผักผลไม้มีเส้นใยสูงและมีน้ำในปริมาณมาก จึงทำให้อิ่มง่ายแต่ให้แคลอรี่ต่ำ มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอที่จะทานผลไม้ในแต่ละมื้อด้วย มะม่วง 8-10 ลูก หรือ กล้วย 10-15 ลูก ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงที่อ้วนกว่านี้ก็ต้องทานมากขึ้นไปอีก

วิธีลดน้ำหนัก ด้วยการทานอาหารเพียงชนิดตลอดวันไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักโภชนาการ เพราะว่าการทานอาหารชนิดเดียวจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น อย่างโปรตีนและธาตุเหล็ก สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานอาหารของคุณเอง ถ้าทานแต่ของทีประโยชน์แล้วจะอ้วนได้อย่างไรล่ะค่ะ You are what you eat…

วิธีลดน้ำหนัก

วิธีลดน้ำหนัก ด้วยการทานแต่ผักผลไม้ ทำให้เธอหน้าใสไร้สิวเนียนกิ๊ง!

วิธีลดน้ำหนัก

หุ่นนางแซ่บมาก…….อายุ 34 จริงหรอเนี่ย!

เรียบเรียงโดย women mthai team




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 9:17:57 น.
Counter : 2414 Pageviews.  

นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐค้นพบไวรัสที่จะทําให้เราฉลาดน้อยลง

นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐค้นพบไวรัสที่จะทำให้เราฉลาดน้อยลง

วันนี้(11พ.ย.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐค้นพบไวรัส ที่มีผลกระทบต่อสมองของมนุษย์ทำให้สติปัญญาลดน้อยลง โดยรายงานระบุว่า ไวรัสที่ถูกค้นพบคือ ไวรัสสาหร่าย “Chlorovirus ATCV-1″ มันจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางความคิดของมนุษย์ เช่น การประมวลผลด้านการมองเห็นหรือวัดระยะ

tnews_1415694947_4900

สำหรับผู้ที่ค้นพบไวรัสดังกล่าวคือ ทีมนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันแพทย์ Johns Hopkins และมหาวิทยาลัย Nebraska มันถูกค้นพบจากการดำเนินการศึกษาแยกสารจุลินทรีย์ในลำคอของมนุษย์ จากการสำรวจจุลินทรีย์ในลำคอผู้เข้าร่วม 90 คน พบว่ามี 40 คน ซึ่งหมายความว่าไวรัสดังกล่าวอยู่ในร่างกายและจากการทดสอบบุคคลที่มีผลเป็นบวกพบว่ามีทักษะด้านการมองเห็นและสมาธิแย่กว่าคนทั่วไป

อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ร่างกายคนเรามีแบคทีเรียและเชื้อโรคหลายชนิดอยู่ในร่างกายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไวร้สที่ค้นพบนี้เป็นเชื้อที่มีผลกระทบต่อระบบการรับรู้ แต่ไวรัสชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพียงแค่อาศัยอยู่ในร่างกาย มีผลทำให้นิสัยและการรับรู้ของเราเปลี่ยนไปเท่านั้น

MThai News




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 9:13:40 น.
Counter : 1104 Pageviews.  

อยากได้งาน ตกงานต้องอ่าน?เทคนิดหางานแบบเซืยนตัดเซืยน

ขอบคุณที่มาจาก ไทยรัฐออนไลน์

ถ้าคุณคือคนที่ตกงาน และอยากได้งานกันอยู่..."ไทยรัฐออนไลน์" ขอแนะนำการสมัครงาน แบบมีกึ๋น มีชั้นเชิง และตรงตามที่ผู้ประกอบการต้องการ โดยเฉพาะกับ "นักศึกษาจบใหม่" ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นโน่น เป็นนี่ ทำงานอย่างนั้น ทำงานอย่างนี้ แล้วอะไรล่ะ...จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความสำเร็จในการหางาน คำตอบก็คือ "งานที่ได้ทำ" นั่นแหละ!! (อ่านเพ่ิม : อู้ฮู! เปิด 5 อาชีพ รายได้สูงสุด-ต่ำสุดในไทย)

บางคนหางานแค่ไม่กี่วัน ได้ทำงานสมใจ บางคนกินฝุ่นที่ตัวเองเดินเตะเป็นปีๆ ยังไม่มีหนทาง เอาล่ะ...ลองอ่านเทคนิคจากเอชอาร์ผู้มากประสบการณ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และผู้บริหารบริษัทจัดหางานชื่อดังในประเทศไทย ที่ให้สัมภาษณ์กับเราตามข้างล่าง รับรอง...ทางออกนักศึกษาจบใหม่ หรือผู้ที่กำลังหางานอยู่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน

เริ่มที่ "พนักงานฝ่ายบุคคล" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "เอชอาร์" ของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อนามสกุล) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับสมัครพนักงานมือหนึ่ง เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกคนให้องค์กรใหญ่ๆ กับ "ไทยรัฐออนไลน์" ฟังอย่างละเอียดในหลายๆ เรื่อง

เอกสารบอกชื่อ-ส่วนสูง-น้ำหนัก

"เรซูเม่" เป็นเรื่องแรกที่สาวเอชอาร์เอื้อนเอ่ยขึ้น โดยเธอระบุว่า เรื่องนี้สำคัญ เพราะเรซูเม่ มันไม่ใช่แค่เอกสารที่บ่งบอกชื่อ ส่วนสูง น้ำหนัก จบมาจากที่ไหน หรือมีเพื่อน คนรู้จักในบริษัทนี้ชื่ออะไร แต่สิ่งที่เราอยากได้ คือ คุณได้อะไรมาจากการเรียน 4 ปีในมหาวิทยาลัย คุณได้อะไรมาบ้าง และอะไรที่คุณมีเหนือกว่าคนอื่น ในบรรดานักศึกษาจบใหม่ด้วยกัน ในระหว่างที่เรียน คุณได้พัฒนาตัวเองอย่างไร ได้ไปฝึกงานมาหรือไม่ หาความรู้เพิ่มเติมในด้านที่คุณสนใจมากไหม แล้วฝึกงานมา คุณได้อะไรมาจากที่นั่นบ้าง แล้วองค์กรของเราจะได้อะไรจากการที่คุณไปฝึกงานมา

เรื่องนี้ปัจจุบันไม่ฮิตแล้ว

เธอบอกว่า ยุคสมัยนี้องค์กรใหญ่ๆ ไม่เคยต้องการเด็กที่ทำ "กิจกรรม" มาเยอะแยะแล้ว เพราะว่ากิจกรรมไม่ได้เป็นตัวบอกอะไรได้มากนัก เราต้องยอมรับว่า วิธีคิดของเด็กสมัยนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว กิจกรรม ไม่ได้การันตีว่า คุณจะสามารถทำงานเป็นทีมได้เสมอไป

บอกลาเรซูเม่เดิมๆ

การใช้ภาษาหรือแบบฟอร์มแบบเดิม มันไม่น่าสนใจ เอชอาร์คนสวยพูดอย่างซีเรียส และระบุอีกว่า การเขียนเรซูเม่ ที่ใช้ภาษาบ่งบอกความมุ่งมั่น มันโบราณ มันไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับตัวตนคุณเลย และมันก็ไม่ได้แสดงให้เรารับรู้เลยว่า คุณมีของอะไร

งานสอนได้ แต่ทัศนคติสอนไม่ได้

สมัยนี้สิ่งเรายึดเป็นหลัก ในการเลือกคน คือ เราเชื่อว่างานสอนได้ แต่วิธีคิด ทัศนคติ สอนยาก บางทีอาจจะสอนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณมีทัศนคติหรือวิธีคิดที่ดี มันได้เปรียบเห็นๆ เพราะถ้าองค์กรมีองค์ความรู้ และมีแนวทางในการพัฒนาคน หรือมีเครื่องมือที่ดีในการพัฒนาคนได้ องค์กรจะไม่กลัวคนที่ไม่เก่ง ไม่เชี่ยวชาญในอาชีพนั้นๆ

เฮ้ยนี่แหละ...มันโดนใจเอชอาร์

เราอ่านเรซูเม่เดิมๆ เราจะไม่ค่อยสนใจ แต่มีบางคนนะ ที่เขียนเรซูเม่ มาน่าสนใจมาก บางทีองค์กรไม่ได้รับตำแหน่งนั้น แต่เราก็เรียกเขามาคุย เธอบอกเหตุผลว่า สิ่งที่เขาเขียนมา มันน่าสนใจ มันดึงดูดว่า เฮ้ย…มันน่าคุยอ่ะ เชื่อไหมในเรซูเม่เขา เขาไม่เขียนประวัติตัวเองมาเลย บอกเพียงแค่ชื่อ ชื่อเล่น และเบอร์ติดต่อ จากนั้นเป็นการเล่าเรื่องในสิ่งที่ไปทำมา แถมมีพอร์ทรูปมาให้ดูด้วย ซึ่งตำแหน่งนั้นไม่เกี่ยวกับงานภาพ หรืองานกราฟิกอะไรเลย แต่สิ่งที่เขาเล่านั่นแหล่ะ บ่งบอกว่าเขาได้อะไรจากการไปลงมือทำสิ่งๆ นั้นมา

วิธีคิด อันดับหนึ่งในการพิจารณา

เราให้ความสำคัญกับวิธีคิดมาก เนื่องจากงานสอนกันได้ องค์กรไม่เคยกลัวคนไม่เก่ง แต่เรื่องนี้มันยาก มันถูกหล่อหลอมออกมา บางคนไม่เคยแสดงพฤติกรรมในด้านไม่ดี แต่ถ้าวันหนึ่งไปเจอสถานการณ์ที่รับไม่ได้ ก็อาจทำให้เปลี่ยนไปเลย และไม่อาจไม่สามารถอยู่ในองค์กรได้อีกต่อไป คนที่คิดอย่างระบบ คิดดี จึงจำเป็นมาก ที่เอชอาร์ต้องมองให้ออก

และอีกหนึ่งคน ที่จะมาแชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับหางานให้ได้อาชีพ กับ "ไทยรัฐออนไลน์" คือ "นพวรรณ จุลกนิษฐ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวไว้อย่างละเอียด ซึ่งไม่แตกต่างกับแนวคิดของเอชอาร์บริษัทดังก่อนหน้าว่า

เทรนด์การสมัครงาน

เทรนด์การสมัครงาน ณ วันนี้ จะมุ่งเน้นที่การสมัครงานออนไลน์ เนื่องจากเป็นไปตามเทคโนโลยี ที่ทำให้วันนี้ทุกอย่างง่ายลง และทำให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มากขึ้น หลังจากที่เราทำการสำรวจ พบว่า 1. กลุ่มคนตั้งใจหางาน 2. กลุ่มที่รอโอกาส ซึ่งตรงกับกลุ่มเอเชียบ้านเรา นั่นหมายรวมถึงนักศึกษาจบใหม่

เทคนิคหางาน

สำหรับเทคนิคการหางานให้ได้ทำงาน สำหรับนักศึกษาจบใหม่ นางนพวรรณ ระบุว่าไว้หลายข้อ 1. หาให้ถูกที่ คือเราต้องไปหางานให้ถูกที่ อาจต้องใช้ช่องทางทางมีเดียที่ถูกต้อง ตรงจุด เพราะหากไปผิดที่ ไปในมีเดียที่ไม่มีงานให้เห็น มันจะทำให้การหางานยากยิ่งขึ้น 2. เข้าใจตัวเอง เราต้องรู้ตัวเอง ว่ามีดีอะไร ตรงไหน อะไรคือจุดเด่นของตัวเอง และอะไรคืองานที่เราชอบ ถ้าเราเข้าใจข้อนี้ คือเราเข้าใจตัวเอง ว่ามีทักษะอะไรเด่น มีความรู้ที่ดีในด้านใด เราถึงจะไปในสเต็ปที่ 3 ต่อได้ และ 3. หางานที่เราเหมาะสม มันจะตอบโจทย์เรามากที่สุด คือเราจะมีโอกาสได้งาน ที่เหมาะสมกับเรา ได้ทำอาชีพที่เราถนัด และเราจะหลงรักในอาชีพนั้น

ว่าด้วยเรื่องของ "เรซูเม่"

เรื่อง "เรซูเม่" นางนพวรรณ บอกเราว่า มีความสำคัญเป็นอย่างมาก คือ เรซูเม่ที่ดี จะต้องเขียนให้ตรงใจ เพราะในบริษัทใหญ่ๆ จะมีเรซูเม่ เข้ามาเยอะมาก บางครั้งเอชอาร์ มีเวลาในการดูเรซูเม่เพียงไม่กี่วินาที เพราะสิ่งที่เอชอาร์ต้องการและหา คือคำเฉพาะ เช่น บริษัทแห่งหนึ่งต้องการรับสมัครพนักงานโซเชียลมีเดีย ในเวลาที่จำกัดในการดูเรซูเม่ของเอชอาร์ จำเป็นจะต้องหาคำว่า "โซเชียลมีเดีย" ถ้าเรซูเม่ของคุณ มีคำนี้ นั่นคือโอกาส

หน้าตา "เรซูเม่ที่ดี"

เมื่อถามว่า "เรซูเม่ที่ดี" จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? ทางผู้บริหาร จ๊อบส์ ดีบีฯ ระบุว่า เรารู้ว่าเอชอาร์อยากได้คำเฉพาะจากการดูเรซูเม่ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคำเฉพาะคำนั้นคือคำว่าอะไร เราจะต้องไปดูประกาศโฆษณาของบริษัทนั้นๆ ว่าเขาหาใคร แค่นั้นเองเราก็จะเจอคำเฉพาะแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะเขียนในสิ่งที่ไม่ตรงกับความจริงลงไป หรือไปบิดเบือน เพื่อให้ตัวเองได้งาน อย่างนั้นคงไม่ได้ เพราะหากเข้าไปทำงาน เราเองก็ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งนั้นๆ ได้อยู่ดี

ย้ำว่าอย่า "เลือกงาน"

บางคนอาจคิดว่า การหางานจะต้องได้งานที่มีเงินเดือนเยอะๆ ซึ่งในความเป็นจริง เราเพิ่งเรียนจบมา ไม่มีประสบการณ์ มันก็คงเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราทำงานได้ดี เริ่มมีประสบการณ์ ความสามารถเริ่มเด่นชัด เงินเดือนมันจะตามมาอย่างแน่นอน เวลาเงินเดือนขึ้น มันก็ขึ้นถึงกว่า 40% หลังจากที่เราได้ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว ขอย้ำกับน้องๆ นักศึกษาจบใหม่ว่า อย่ามองแค่เรื่องเงิน มากกว่า "โอกาส" โอกาสนั่นแหล่ะที่ทำให้เราได้ทำงานในที่นั้นๆ

ติดดาบให้ตัวเอง

"ภาษา" โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เราต้องยอมรับว่า มันกลายเป็นทักษะพื้นฐานไปแล้ว ถ้าเราไม่ได้ภาษาอังกฤษ นั่นคือเราจะเสียโอกาสเป็นอย่างมาก แต่ถ้ายิ่งมีความสามารถในภาษาที่ 3 อย่าง จีน ญี่ปุ่น ด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะดีมากขึ้น"ไอที" สมัยนี้สำคัญมาก ส่งเมล์ โซเชียล "การฝึกงาน" หรือผ่านงานมา มันก็มีความสำคัญอย่างมาก ทุกอย่างนั่นคือ "ดาบ" ในตัวคุณ

สำคัญที่สุดในการคัดเลือกคนงาน

"ทัศนคติ" เมื่อเราผ่านงานมา มันบอกได้ว่า เราผ่านการทำงานร่วมกับผู้อื่นมาแล้ว เพราะบริษัทในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะใช้การทำงานเป็นทีมเป็นหลัก เรื่องทัศนคติและการทำงานร่วมกับผู้อื่นจึงมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากองค์กร ไม่ได้มองหาแต่คนเก่ง "เก่งอย่างเดียวไม่พอ" ความคิด นิสัย จริยธรรม นั่นแหละคือ ตัวตนของคุณ!

รู้ลึก รู้จริง

สุดท้ายคือนักศึกษาจบใหม่ อาจจะไม่ค่อยเข้าใจในงาน หรืออาชีพนั้นๆ เราจึงควรหาโอกาสไปศึกษา "ตลาดงาน"ก่อน เพื่อให้เราได้รู้จักตำแหน่งนั้นๆ อย่างดีเสียก่อน ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปสมัครงาน

ร่ายมาจนจบ ทุกอย่างอยู่ที่ลองทำ "ไทยรัฐออนไลน์" ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังหางาน และนักศึกษาจบใหม่ด้วย

"ประสบการณ์" ไม่ได้มาง่ายๆ มันต้องใช้เวลานานโข เฉกเช่นกับคำว่า "โอกาส" ถ้าเรามัวแต่ปิดหูปิดตา เมื่อไหร่เราจะเจอคำว่า "โชคดี".

ขอบคุณที่มาจาก ไทยรัฐออนไลน์ 11 พ.ย. 2557




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 9:08:12 น.
Counter : 1077 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.