กว่าจะรู้(หัว)ใจก็สายเสียแล้ว ในสหรัฐอเมริกา โรคหัวใจ คือโรคอันดับหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้หญิง แม้ว่าในระยะ 50 ปีแรกก่อนวัยทอง ผู้หญิงแทบไม่มีความเสี่ยงของโรคหัวใจเลย วารสารของสมาคมแพทย์โรคหัวใจ Circulation ชี้ให้เห็นว่าอาการโรคหัวใจในผู้หญิงมีความแตกต่างจากผู้ชาย และไม่แสดงออกอย่างเด่นชัด ผู้หญิงจึงมักไม่รู้ตัวและมาพบแพทย์ช้าเกินไป โดยพบว่าอาจมีอาการที่แปลกและเตือนว่า จะมีอาการของโรคหัวใจเฉียบพลันหลายวันหรือเป็นเดือน ก่อนจะเกิดอาการหัวใจขาดเลือดจริงๆ ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยคือ เหนื่อยเพลียกว่าปกติ นอนไม่หลับ หายใจไม่สะดวก ปวดต้นคอ ปวดบ่าและไหล่ จุกเสียดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ที่น่าสนใจคือ พบว่าเกือบ 50% ของผู้เป็นโรคหัวใจ ไม่มีอาการเจ็บหน้าอก ในช่วงที่มีอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ ส่วนที่มีอาการเจ็บหน้าอกจริงๆ กลับมีไม่ถึง 30%
สมองสิ้น ชีวิตสั้นสถิติการเสียชีวิตของผู้หญิงอเมริกันระบุว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุที่สำคัญอันดับสาม เกิดจากการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้มีผลต่อไขมัน LDL ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาการเตือนที่สำคัญได้แก่ มีอาการชา หรืออ่อนแรงครึ่งซีก อาจจะอ่อนแรงหน้า แขน ขา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้วหายเป็นปกติ มีอาการสับสนหรือพูดลำบากทันที มีปัญหาเรื่องการมองเห็น เดินเซ ปวดศีรษะอย่างมาก ทรงตัวไม่ได้ หากมาพบแพทย์ช้าอาจทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือสมองวาย
วัยทองครองความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนเป็นปัญหาใหญ่ของผู้หญิงวัยทองที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตในช่วงบั้นปลายแต่ละปีมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ต้องทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด และทุพพลภาพอันเนื่องจากกระดูกสะโพกหัก แขนหัก ขาหัก เพราะความเปราะบางของกระดูกที่ค่อยๆบางลงอย่างไม่น่าเชื่อ อันมีเหตุมาจากการพร่องลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนนั่นเอง มีรายงานว่าหญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงถึงร้อยละ 1 – 5 ต่อปี ก่อให้เกิดภาวะโรคกระดูกพรุน จนถึงอายุ 70 ปี พบว่าสตรีจะเป็นโรคกระดูกพรุนได้ถึงร้อยละ 50
เมื่อรู้แล้ว ก็ต้องพึงตระหนักและหันมาดูแลตนเอง ด้วยการหมั่นใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เหมาะสมกับวัย และแน่นอนควรต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพทุกปี เพื่อให้รู้ทันโรคร้ายก่อนที่จะกล้ำกรายคุณโดยไม่รู้ตัว
ด้วยความปรารถนาดีจาก โรงพยาบาลสมิติเวช //www.samitivejhospitals.com/allhealth_article_detail.aspx?id=558&lid=th