เมตาบอลิคซินโดรม ภัยเงียบที่แฝงมากับความอ้วน
รู้กันหรือไม่ว่า ยิ่งรอบเอวเรายิ่งขยาย ร่างกายของเราจะยิ่งแย่ ในโลกสมัยใหม่ทุกวันนี้ 1 ใน 4 ของประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งในประเทศไทย กำลังเผชิญกับภาวะเมตาบอลิคซินโดรม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมะเร็งบางชนิด โดยพบว่าเมตาบอลิคซินโดรมมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับคนที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน หรือคนที่มีปัญหาอ้วนลงพุง ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่ามีโรคแทรกซ้อนเหล่านี้เกิดขึ้น ก็มักกลายเป็นโรคเรื้อรังที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตแล้ว



Metabolic Syndrome เรื่องเดียว เกี่ยวพันไปหลายโรค
เคยได้ยินคำว่าเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า? เมตาบอลิคซินโดรมก็เข้าข่ายนั้นเช่นกัน เพราะเมตาบอลิคซินโดรม (Metabolic Syndrome) คืออาการผิดปกติที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายไม่สมบูรณ์ โดยปกติอาหารที่เรารับประทานเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด รออินซูลินพาเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน คนที่มีปัญหาลงพุงจะมีเซลล์ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้กรดไขมันหลั่งเข้ามาสู่กระเลือดมากขึ้น มีผลทำให้การเผาผลาญน้ำตาลกูลโคสลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถดึงน้ำตาลในเลือดมาใช้ เกิดการคั่งในกระแสเลือด จนทำลายระบบหลอดเลือด และระบบปลายประสาท ขณะที่ฮอร์โมน adiponectin ในกระแสเลือดกลับลดลง ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น

เมตาบอลิค ซินโดรม เรื่องเดียวจึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดแทบทุกส่วนอวัยวะ เช่น มีผลต่อหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย มีผลต่อไต ทำให้ไตขับเกลือน้อยลง ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง ไตวาย มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงเป็นผลให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน เลือดมีภาวะแข็งตัวง่ายทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดสมองหรือหัวใจ มีผลต่อตับทำให้ไขมันคั่งในตับ ขณะที่ภาวะดื้อต่ออินซูลินมีผลต่อการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งโรคเหล่านี้อาจต้องกินยาประคับประคองและพบแพทย์ตลอดชีวิต
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงอ้วน ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome: PCOS) ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ การมีบุตรยาก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และยังอาจก่อปัญหาอื่นๆที่เป็นผลกระทบตามมา เช่น โรคปวดหลัง โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น

รอบรู้โรคร้ายได้ แค่รู้รอบเอว
ไม่ต้องอายที่จะหยิบสายวัดวัดรอบเอวคุณ วิธีที่ถูกต้องคือ วัดผ่านสะดือ ขณะหายใจออกเต็มที่ (อย่าเข้าข้างตัวเอง โดยรัดสายแน่นเกินไป) แล้วลองดูซิว่าค่าที่ได้เข้าข่ายความเสี่ยงหรือไม่ เกณฑ์การวินิจฉัยโดยสหพันธ์เบาหวานโลก (International Diabetes Federation) สำหรับคนไทย ผู้ชายใช้เกณฑ์เส้นรอบเอวไม่เกิน 90 ซม. และผู้หญิงไม่เกิน 80 ซม. หากเกินจากนี้ และมีภาวะ 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ร่วมด้วย ให้ถือว่าเป็นเมตาบอลิคซินโดรม
- ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด มากกว่า 150 มก./ดล.
- ระดับ เอช ดี แอล โคเลสเตอรอล (ไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย) น้อยกว่า 40 มก./ดล.ในผู้ชาย หรือ น้อยกว่า 50 มก./ดล.ในผู้หญิง
- ความดันโลหิต มากกว่า 130/85 มม.ปรอท หรือรับประทานยาลดความดันโลหิตอยู่
- ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร มากกว่า 100 มก./ดล.

สุขภาพดีวัดได้ ด้วยตัวของเราเอง
ถ้าผลออกมาคุณมีเส้นรอบเอวเกินกว่ามาตรฐาน ก็แปลว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องพบแพทย์ เพื่อเช็คสุขภาพและค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของภาวะอ้วนลงพุง ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การมีโรคแอบแฝง เช่น ความผิดปกติของต่อมไธรอยด์ หรือต่อมไร้ท่อต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาตั้งแต่สาเหตุ ไปพร้อมๆกับการคุมน้ำหนักอย่างมีแบบแผน ซึ่งแพทย์จะมีวิธีดูแลไม่ให้เกิดปฏิกิริยา Yo-Yo Effect อาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย การใช้ยา หรือการผ่าตัด โดยให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด เพื่อให้สุขภาพโดยรวมของคุณดีขึ้น

เพราะความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ เราจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บได้ ก็ต้องหมั่นคอยดูแลและสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอแม้เรื่องเล็กๆอย่างรอบเอว ถ้ามีอะไรที่ไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดในอนาคต

ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลสมิติเวชค่ะ
//www.samitivejhospitals.com/healtharticle_detail/เมตาบอลิคซินโดรม_ภัยเงียบที่แฝงมากับความอ้วน_571/th



Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 21 กรกฎาคม 2554 10:46:31 น.
Counter : 2875 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Samitivejhospitals.BlogGang.com

samitivej
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด