ชม ชิม แชะ ที่สุราษฎร์ธานี

อิ่มอร่อยกับอาหารท้องถิ่นที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ของ นครสุราษฎร์กันไปพอประมาณเมื่อฉบับที่แล้วนะครับ ฉบับนี้เราไปชม กับ แชะ ภาพประทับใจของสุราษฎร์กันบ้างครับ

ท่านรองหนุ่ม (คุณเอกพจน์ ยอดพินิจ รองนายกเทศมนตรีของนครสุราษฎร์) บอกว่าไหนๆ เข้าเมืองมาแล้วก็ควรไปสักการะบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกันสักหน่อย เราเลยไปที่พระธาตุศรีสุราษฎร์กันก่อนเลยครับ บ่ายๆ แดดล่มลมตก หลังอาหารกลางวันนี่ กำลังชิลๆ กันดีล่ะครับ

พระธาตุศรีสุราษฎร์อยู่บนยอดเขาท่าเพชร ทำเลสวยงามเดินทางสะดวกครับ นับเป็นปูชนียสถานองค์แรกของชาวอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีเลยทีเดียวล่ะครับ อยู่ยั้งยืนยงมาขวบปีที่ 55 แล้ว เพราะสร้างเสร็จตั้งแต่ปีพ.ศ. 2500 และต่อมาในปี 2502 เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสภาคใต้โดยทางรถไฟ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถนั้น ทั้งสองพระองค์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้บนแผ่นศิลา และทรงปลูกต้นพะยอมไว้ที่ลานพระเจดีย์ พระองค์ละ 1 ต้น ปัจจุบันต้นพะยอมนี้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มเย็นสบายมากเลยครับ

แรกเริ่มเลยพระธาตุศรีสุราษฎร์นี้เป็นเจดีย์ครับ ซึ่งในปี พ.ศ. 2508 คณะกรรมการที่ดูแลพระธาตุศรีสุราษฎร์ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระธาตุศรีสุราษฎร์ได้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นเงินหนึ่งหมื่นบาท สมทบทุนการก่อสร้างให้ด้วยครับ ที่นี่นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นจุดชมวิวชั้นหนึ่งของนครสุราษฎร์เลยครับ เห็นแบบ bird’s-eyes view จริงๆ ครับ แถมต้นไม้เยอะ ลมเย็นสบายน่างีบมากครับ

พอคุณหนุ่มเห็นเราท่าจะเข้าตรีฑูตกันแล้ว เลยพาเรากลับมาในเมืองเพื่อมาสักการะบูชาศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุราษฎร์ ผมน่ะผ่านบ่อยๆ ก็อยู่ถนนสายหลักซะขนาดนั้น แต่ไม่ได้สังเกตสังกาว่าตอนกลางคืนนี่ เขาเล่นไฟเปลี่ยนสีตามวันเลยล่ะครับ ได้สักการะบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้วรู้สึกสบายใจโล่งใจดีจริงๆ เลยนะครับ

และแล้วเราก็ต้องมารับประทานอาหารกันอีกรอบ แหม…อาหารคํ่านี่ครับ แชะภาพวิวสวยๆ หมดพลังไปเยอะ เลยต้องเติมเชื้อเพลิงกันหน่อย คืนนี้เรามาที่ถนนคนเดิน แถวริมนํ้าตาปีครับ ไม่บรรยายล่ะครับ อร่อยเต็มที่ พวกร้านเพิงๆ นี่แจ่มทุกราย อาหารก็ผัดๆ ทอดๆ ต้มๆ แบบบ้านๆ ล่ะครับ แต่เพราะความสดของอาหารนี่ล่ะครับที่ทำให้ผมเผลอตัวตักข้าวเป็นจานที่สาม เฮ้อ…นานๆ ทีครับ นานๆ ที ขอสักหน่อย รับประทานเสร็จเราก็ไป “ถนนคนเดิน” กันครับ ของเขาก็มาตรฐานของถนนคนเดินทั่วไป แต่เดินเย็นสบายเพราะอยู่เลียบนํ้าตาปีนั่นแหละครับ เพลินครับ เพลิน ผมเลยรู้สึกดีขึ้นไม่ค่อย guilty เรื่องข้าวสามจานแล้วเพราะเดินไปเดินมาเกือบสองชั่วโมงครับ พอกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม ผมอาบนํ้าอาบท่าแล้วหลับผลอยไปไม่รู้เรื่องเลยครับ ตื่นเช้ามาทราบว่าคุณหนุ่มวาง โปรแกรมพิเศษ surprise ส่งเราไป “ลอยแพ”!

เรื่องจริงครับ ก็เราได้ไปค้างคืนที่ “แพคีรีวาริน” ในเขื่อนรัชชประภากันนี่ครับ!

เขื่อนรัชชประภา เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือกุ้ยหลินเมืองไทย ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาสกครับ ที่บ้านเชี่ยวหลาน อำเภอบ้านตาขุนถึงมีชื่อเล่นว่าเขื่อนเชี่ยวหลานไงครับ และที่ได้สมญานามว่าเป็น “กุ้ยหลิน” ของเมืองไทยนี่ก็เพราะว่าภูเขาแถบนี้เหมือนรูปวาดของจีนจริงๆ ครับ แนวเขาหินปูนต่างระดับซ้อนๆ กัน สวยไปอีกแบบจริงๆ แล้วเมื่อก่อนนี้บ้านเชี่ยวหลานนี่เป็นหมู่บ้านเราดีๆ นี่ล่ะครับ พอมาทำเป็นเขื่อนสามารถจุนํ้าได้ถึง 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีพื้นที่อ่างเก็บนํ้า 185 ตารางกิโลเมตร ว่ากันว่าเป็นเขื่อนใหญ่อันดับ 5 ของประเทศ รองจาก เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ นะครับ

การเดินทางนั้นเราต้องไปขึ้นเรือหางยาวที่เขื่อนเพื่อไปที่พักซึ่งมีหลายที่มากครับ แต่ของเราคือ แพคีรีวาริน สบายๆ แพหลังนึงนอนได้หลายคนครับ ตอนนั่งเรือมา คุณพลชาวบ้านเชี่ยวหลานที่ผันตัวมาเป็นชาวเรือบอกว่าตอนที่สร้างเขื่อนเสร็จแล้วและเริ่มปล่อยนํ้าเมื่อ 20 ปีกว่ามาแล้วนั้น ชาวบ้านตกระกำลำบากกันพอควร อาจเป็นเพราะการสื่อสารและการบริหารจัดการไม่ครบถ้วนหรือไงนี้ล่ะครับ คุณพลเล่าให้ฟังคร่าวๆ แต่บอกว่าเรื่องมันนานมาแล้วไม่อยากรื้อฟื้น เอาเป็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานความช่วยเหลือชาวบ้านเป็นระยะๆ จึงทำให้ชีวิตกลับมาปกติสุขได้อีก สาธุ!

ชื่อ “รัชชประภา” นี่แปลว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร” เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ เพราะและความหมายดีจริงๆ เลยนะครับ กว่าเราจะลงเรือมาขึ้นแพก็บ่ายแล้วล่ะครับ เพราะไปเถลไถลที่นั่นนี่โน่นมา แถมไม่อยากร้อนด้วย สำหรับคนไทยนะครับผมขอแนะนำ คือถ้าจะมาเช้าก็รีบมาก่อนแดดแรง ไม่งั้นก็มาบ่ายตอนแดดร่มดีกว่าครับ แต่ชาวต่างชาติที่มานั้นเขาไม่แคร์เขาชอบแดดกันเลยหมุนเวียนเข้าออกทั้งวัน เรือที่นี่เขาก็เก๋นะครับมีประทุนให้ด้วย แต่แดดนี่คุณหมอหลายท่านก็แนะนำแล้วว่าก่อน 10 โมงเช้าล่ะก็ best เลย second best ก็ หลัง 4-5 โมงไปแล้วนั่นล่ะครับ ใช้ได้เลย

เรามาถึงแดดกำลังดีไม่ร้อน เลยไปพายเรือ kayak ชมวิวแถวๆ นั้นกันพอหอมปากหอมคอ นํ้าในเขื่อนใสแจ๋ว แต่ลึกแบบเป็น 100 เมตรเลยล่ะครับ ผมได้รับคำอธิบายจากคนท้องถิ่นว่าด้วยความลึกของระดับนํ้า กอปรกับ สีของตะไคร่นํ้าที่อยู่เบื้องล่างทำให้นํ้าในเขื่อนมีสีเข้มเหมือนสีมรกต จนนักท่องเที่ยวหลายคนคิดว่าเป็นนํ้าทะเล เพราะฉะนั้นต่อให้ว่ายนํ้าแข็งยังไงก็ใส่เสื้อชูชีพไว้ตลอดดีกว่านะครับ ในเขื่อนรัชชประภานี้มี tourist spots มากมายครับ แค่นั่งเรืออย่างเดียวก็ แชะภาพไม่รู้จบแล้ว เพราะวิวที่นี่เป็นรูป postcard ได้อย่างดีเลยครับ ภูเขาที่อยู่ในเขื่อนสูงตระหง่านน่าเกรงขามมากครับ ทำให้นึกถึงเวลาดูหนังอย่าง Clash of the Titans แล้วมีรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ สูงใหญ่บนหน้าผา แต่ที่นี่ตัวภูเขาสูงใหญ่แบบไม่ต้องมีรูปปั้นก็ให้ feeling ของความยิ่งใหญ่ได้เลยครับ แต่ถ้าใครนั่งเรืออย่างเดียวเบื่อๆ แล้วล่ะก็พื้นที่รายรอบเขื่อนยังมีแหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจอีก เช่น ถํ้านํ้าทะลุ เป็นถํ้าที่มีลำธารไหลผ่านและต้องเดินป่าเข้าไปชม เส้นทางเดินบรรยากาศร่มรื่นระยะทางเดินไม่ไกลเส้นทางไม่ลำบากมาก ถํ้าปะการังก็น่าสนใจและเข้าถึงได้สะดวกไม่ต้องเดินไกลเหมือนถํ้านํ้าทะลุ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวอยู่บนเขาสูงซึ่งจะต้องเดินป่าไต่ความสูงขึ้นไป มองลงมาจะเห็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ที่รายรอบอยู่บริเวณอ่างเก็บนํ้าแห่งนี้ล่ะครับ

เที่ยวแค่นี้หมดวันพอดี แถมได้ออกกำลังดีทีเดียวเลยครับ แหม…โปรแกรมผมหมดที่เขื่อนรัชชประภานี่แล้วล่ะครับ มา 2 วัน แทบจะไม่พอเอา คราวหน้าต้องมาสัก 4-5 วัน น่าจะกำลังดีและได้ชิลๆ มากกว่านี้ ทริปนี้นึกว่านํ้าหนักจะขึ้น นี่ถ้าไม่ได้ไปถํ้าโน้นถํ้านี้คงเป็นเรื่องแน่ๆ ดีที่ได้ไปยืดแข้งยืดขา ออกกำลังภายใน ปีนป่ายบ้าง เลยรักษานํ้าหนักได้คงที่ ท่านผู้อ่านที่สนใจทริปสุราษฎร์ plan ดีๆ จะได้รับประทานไม่อั้น แล้วไม่ต้องกลัวอ้วนนะครับ พบกันใหม่ฉบับหน้า ไปเที่ยวไหนดีครับ




Create Date : 25 กรกฎาคม 2555
Last Update : 25 กรกฎาคม 2555 21:35:14 น.
Counter : 1301 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Samitivejhospitals.BlogGang.com

samitivej
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด