น้ำท่วมใหญ่คราวนี้คนไทยต่างต้องพบเจอกับความทุกข์ทั้งทางกายและใจกันโดยถ้วนทั่ว ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าความเครียดของคนไทยยามนี้ ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความกลัวซึ่งไม่ได้กลัวน้ำ เพราะน้ำนั้นไม่น่ากลัว แต่กลัวว่าข้าวของทรัพย์สินบ้านเรือนจะเสียหายจากน้ำท่วม ยิ่งได้รับข่าวสารกรอกหูอยู่ทุกวัน ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความกลัวเป็นอาการตื่นตระหนก กลายเป็นโรคเครียด และนำพาตัวเองสู่ภาวะจิตตกเป็นโรคซึมเศร้าไปตามๆกัน รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ มีข้อคิดในการดูแลจิตใจและร่างกายด้วยวิธีง่ายๆ มาฝากค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสภาวะความเครียด อาจจะมาจากหลายๆ ปัจจัย ก่อนอื่นก็ต้องสังเกตตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร เป็นคนวิตกกังวลง่ายอยู่แล้วหรือเปล่า ก็อาจจะทำให้เกิดความเครียดได้ง่ายกว่าคนอื่น เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็ควรปรับตัวต่อสถานการณ์
ในที่สุดแล้วในภาวะวิกฤต ที่คาดคิดว่ามันเลวร้ายที่สุด ถ้าเตรียมรับมือกับมันอย่างมีสติ มีการปรับความคิด ทำจิตใจให้สงบไม่ว่าน้ำจะท่วมบ้าน หรือยังไม่ท่วม ก็สามารถอยู่กับมันได้
เมื่อผ่านพ้นช่วงเหตุการณ์นํ้าท่วมมาแล้ว เราควรตั้งสติและก้าวต่อไปข้างหน้า และวางแผนชีวิตว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
วิธีการวางแผนชีวิตอย่างง่าย ๆ คือเริ่มจากทำจิตใจให้สงบและคิดว่าเรายังโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีความสามารถ มีสมอง และสองมือ ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ยังมีคนอื่นที่ลำบากมากกว่าเราสำหรับสิ่งของที่สูญเสียไปแล้วสามารถซ่อมแซมและสร้างขึ้นใหม่ได้ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่
สิ่งสำคัญอย่าลงโทษหรือตำหนิตนเอง เพราะเหตุการณ์นํ้าท่วมไม่มีใครอยากให้เกิดและไม่สามารถควบคุมได้
หลังจากนั้นทบทวนว่าสิ่งที่จะต้องลงมือทำมีอะไรบ้าง หรือร่วมกันคิดกับคนภายในครอบครัวว่าจะทำอย่างไรต่อไป จดบันทึกลงในกระดาษแล้วจัดกลุ่มรายการที่ต้องทำเป็นหมวดหมู่ เช่น เรื่องการกินอยู่ เรื่องสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว เรื่องการซ่อมแซมหรือสร้างที่อยู่อาศัย โดยจัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของสิ่งที่ต้องทำ
สุดท้าย เลือกทำในสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายก่อน และสามารถทำได้ด้วยตัวเองหรือคนในครอบครัว เช่น ซ่อมแซมที่พักอาศัย ทำความสะอาดบ้าน จัดเก็บทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ยังพอใช้ได้ แล้วค่อยหาความช่วยเหลือจากคนอื่น หรือหน่วยงานอื่น
การฟื้นฟูจิตใจหลังภัยนํ้าท่วม ขั้นตอนการดูแลสุขภาพจิตตนเองที่สำคัญคือ
1. สำรวจอารมณ์ตนเอง สร้างความพร้อมทางจิตใจ 2. ยอมรับและเผชิญความจริงเพื่อแก้ปัญหา 3. มีเครือข่ายร่วมแก้ปัญหา 4. ผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น
ดูแลสุขภาพและพักผ่อนให้เพียงพอ
หยุดพักการรับรู้ข่าวสารที่ไม่จำเป็นหรือสิ่งที่เป็นต้นเหตุความเครียด
พบปะพูดคุยกับเพื่อนที่ไว้วางใจ
ทำกิจกรรมผ่อนคลายที่ถนัดและชื่นชอบ
เล่นกีฬาหรือบริหารร่างกาย
การร่วมกันปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในที่อยู่อาศัยหรือศูนย์อพยพ
สิ่งสำคัญที่ควรระลึกถึง คือ การหลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การดื่มสุรา สูบบุหรี่ เล่นการพนัน การทะเละเบาะแว้ง ใช้ความรุนแรง กินของจุกจิก หรือใช้ยาเสพติด เพราะนอกจากจะทำลายสุขภาพแล้ว ยังอาจทำให้มีปัญหาอื่น ๆ ตามมามากมาย เช่น เสียทรัพย์สินเงินทอง เกิดความขัดแย้ง ไม่เข้าใจกับคนในครอบครัว
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล
จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์